E2123732 #### พม่า 2 วัน...ทริปแสนสั้นอันยาวนานของผม #### [บันทึกนักเดินทาง]

ความคิดเห็นที่ 1

พอถึงถนน 37 เห็นทหารกั้นถนนและเดินตรวจตราเต็มไปหมด ก็กลัวอยู่ว่ามีปัญหาอะไรมั้ย แต่คุณกวางรับรองว่าไม่มีอะไรเลยเดินตรงไปยังร้านหนังสือชื่อดังนี่ ปรากฏว่าเป็นห้องแถวโบราณขนาดเล็ก แต่อัดแน่นไปด้วยหนังสือเก่าเจ๋งๆเพียบ เจ้าของร้านเป็นคุณปู่อายุมากแล้ว แต่พูดอังกฤษได้ดีมาก ผมเลือกดูหนังสือเก่าอย่างเพลินจนกำลังจะเข้าไปถึงห้องด้านใน เขาก็ร้องบอกว่ายังเข้าไม่ได้ เพราะเขาเก็บไว้รอสมเด็จพระเทพรัตนฯมาทอดพระเนตรในวันมะรืนนี้ (เชื่อรึยังครับ ว่าร้านนี้ดังจริงๆ) ผมเองอุดหนุนเขาไป 2-3 เล่มที่เป็นเล่มถ่ายสำเนาจากหนังสือหายากตั้งแต่สมัยอังกฤษโน้น คุณปู่เลยยอมหยิบบางเล่มที่เก็บไว้ห้องในมาโชว์ผมเป็นบุญตา แต่ไม่มีปัญญาซื้อน่ะครับ

พอได้ของที่ต้องการแล้วก็ลาคุณปู่เจ้าของร้านออกมา เห็นทหารพม่ากำลังล้างกำลังกวาดถนนอย่างขะมักเขม้น เพื่อเตรียมรับเสด็จฯ ดีใจครับที่เขาดูแลระเบียบเรียบร้อยก่อนการเสด็จฯดีจริง และผมเองคิดไม่ผิดที่ได้มาซื้อหนังสือร้านเจ๋งๆแห่งนี้

เข็มนาฬิกาเพิ่งจะ 11 โมง (เวลาพม่าช้ากว่าไทยครึ่งชั่วโมง) ผมเลยบอกคุณกวางว่าจะไปชม “พระพุทธรูปทรงเครื่ององค์ใหญ่ที่สุดในโลก” คุณกวางเลยพามายัง “วัดงาทัตจี” ( Ngahtatkyi Pagoda ) ตั้งอยู่บนเนินเล็กๆด้านทิศตะวันออกของเมือง ถอดรองเท้าตามธรรมเนียมพม่าปุ๊บ ก็ขึ้นไปไหว้เลย พระพุทธรูปงาทัตจีนี่ใหญ่มาก สูงเท่าตึก 5 ชั้น ทรงเครื่องกษัตริย์อย่างสง่างาม คุณกวางเล่าว่าไม่ใช่ของโบราณนะ เพิ่งสร้างเมื่อไม่กี่สิบปีนี้เอง แต่เอาแบบมาจากพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยยะตะนะโบง (สมัยมัณฑเลย์) เฉพาะมงกุฎขององค์พระคงใหญ่พอที่จะครอบรถเก๋งได้ทั้งคันทีเดียว ไหนจะสร้อยสังวาลเส้นมหึมาอีก ยิ่งใหญ่จริงๆ ข้างหลังองค์พระก็เป็นไม้สักแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆมากมาย อันบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้เมืองพม่า ที่มีไม้สักมหาศาลขนาดนี้ ถ้ามาเที่ยวย่างกุ้งควรมาไหว้ “หลวงพ่อโต” องค์นี้ให้ได้นะครับ ห้ามพลาด

พอมาไหว้พระที่วัดนี่ ก็ลองสังเกตดูท่าทางการไหว้พระของคนพม่า เขาไม่คุกเข่าอย่างคนไทยนะครับ แต่พม่าเขาจะนั่งยองๆพนมมือ อธิษฐานเสร็จแล้วค่อยคุกเข่าลงกราบพระ แปลกดีเหมือนกัน นอกจากหลวงพ่อโตทรงเครื่องแล้ว ในวัดงาทัตจียังมี “จาวน์” หรือวิหารทรงปราสาทแบบพม่าด้วย คล้ายวัดที่เมืองแม่ฮ่องสอนเลย ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นอีกวัดนึงชื่อว่า “เชาทัตจี” วัดนี้มีพระนอนองค์ใหญ่มหึมาเป็นที่สักการบูชาของชาวย่างกุ้งมาก แต่ผมเคยไปไหว้แล้ว เลยไม่ได้แวะเข้าไปอีก ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าแล้ว...กินข้าวดีกว่า

มื้อเที่ยงเป็นอาหารพม่าครับ รสชาติเอียงไปทางแขกเยอะเชียว เพราะเน้นเครื่องเทศมาก อร่อยแบบจัดจ้านดี ได้ความรู้อีกอย่างว่า คนพม่าไม่นิยมทานเนื้อวัว เขาบอกว่าเป็นเพราะวัวทำงานหนักให้มนุษย์มีข้าวกิน ควรรู้บุญคุณจึงไม่กินกัน (เอ...แต่ผมว่าอาจเกี่ยวกับ ความเชื่อของชาวฮินดูมั้งครับ เพราะในพม่ามีแขกฮินดูเยอะพอควร)

เสร็จจากมื้อเที่ยง ก็ไปชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ที่อยู่ใกล้ๆกันกับร้านอาหารที่ทานมื้อเที่ยง ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีคนบอกก่อนมานี้ว่าจัดแสดงได้ค่อนข้างแย่ ยังกะนิทรรศการโรงเรียน แต่ผมจำได้ว่าเมื่อครั้งสมเด็จพระเทพฯเสด็จพม่าครั้งแรก ท่านยังมาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้ง 2 รอบ แสดงว่าต้องมีอะไรดีๆที่นี่แน่เลย

จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง - [ 14 มี.ค. 46 23:05:56 A:202.57.184.203 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2

อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินี่ใหญ่โตทีเดียว ใหญ่กว่าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครเสียอีก ข้างหน้ามีรูปกษัตริย์สำคัญๆที่ถือว่าเป็นมหาราชของเขา เช่น พระเจ้าอโนรธา พระเจ้าบุเรงนอง (พม่าเขาเรียกว่า บายินเนาว์) เราต้องเสียค่าเข้าชมถึง 5 USD แพงพอสมควร (แต่รวมในค่าเดินทางของผมแล้ว) ถ้าเป็นคนพม่าก็ไม่กี่สิบจั๊ดเอง

ห้องแรก เป็นนิทรรศการพิเศษเรื่องจารึกโบราณในพม่า เขามีตัวสำเนาจารึกหลายยุคหลายสมัยมาให้ชม ตั้งยุคที่ยังเป็นอักษรอินเดีย จนกลายมาเป็นอักษรพม่า
ห้องต่อมาเป็นไฮไลท์ครับ คือห้องท้องพระโรงจำลอง เอาแบบมาจากพระราชวังกรุงมัณฑเลย์ เขาทำได้โอ่อ่าอลังการทีเดียว กลางห้องก็คือ “พระแท่นกาญจนสิงหาสน์” ที่เคยใช้เป็นบัลลังก์ของกษัตริย์พม่าจริงๆเวลาออกว่าราชการ พระแท่นนี้อังกฤษเคยย้ายออกจากพม่าไปทีหนึ่ง ตอนหลังรัฐบาลพม่าขอคืนมาได้ เป็นพระแท่นไม้แกะสลักปิดทองสวยงามดีนะครับ (แหะๆ แต่ผมว่า พระราชบัลลังก์ประดับมุกที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทสวยกว่านี้ตั้งเยอะ)
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติยังมีห้องอื่นๆอีกเพียบ ทั้งห้องเครื่องทรงกษัตริย์ ห้องภาพวาด ห้องฟอสซิลดึกดำบรรพ์ ห้องก่อนประวัติศาสตร์ ห้องโบราณคดีเมืองพุกาม ห้องเครื่องคนตรี ห้องชนเผ่าต่างๆ ฯลฯ ขนาดเดินผ่านๆยังใช้เวลาตั้ง 3 ชั่วโมงจนเขาต้องปิดไฟไล่หน่ะครับ (เพลินมากไปหน่อย) แต่มีข้อสังเกตนิดนึงว่าโบราณวัตถุที่เขาโชว์ มีน้อยไปหน่อย ตึกอาคารห้องหับที่ใหญ่โตก็เลยดูโล่งๆไปมาก ผมเจอบางตู้มีแค่แหวนทองวงเดียวเอง (พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาบ้านเรา ยังมีเครื่องทองแทบล้นตู้เลย) แต่ยังไงก็ไม่ผิดหวังที่มาที่นี่ ได้ความรู้เรื่องอารยธรรมพม่าโบราณเพียบเลยจริงๆ

สี่โมงเย็นแล้ว ผมให้คุณกวางพาไปดู “กู่บรรจุอัฐิพระนางศุภยาลัต” อยู่ที่ทางทิศใต้ของเจดีย์ชเวดากอง ปรากฏว่าน่าอาภัพจริงๆครับ เพราะบริเวณที่ตั้งรกร้างมากแทบไม่มีใครเหลียวแล เออนะ...ชะตาชีวิตคนเรา พระนางศุภยาลัตเป็นราชินีพม่าองค์สุดท้าย ว่ากันว่ามีอำนาจเหนือกษัตริย์และร้ายมาก คนทั้งแผ่นดินกลัวเธอมากเพราะเธอสั่งประหารได้ง่ายๆ แต่พอเสียเมืองแก่อังกฤษชีวิตก็พลิกผัน ท้ายที่สุดก็มาสิ้นพระชมน์ที่ย่างกุ้งนี่อย่างเงียบๆ ไร้บรรดาศักดิ์ทั้งสิ้น ความจริงตรงจุดนี้ไม่มีป้ายบอกนะครับทั้งที่อยู่ริมถนน เผอิญผมไปเปิดเจอในหนังสือ “เที่ยวเมืองพม่า” (ฉบับภาษาอังกฤษ) ของสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ถึงรู้ว่าอยู่ที่นี่ ลักษณะเป็นกู่ทรงปราสาทขนาดย่อมๆ ยังคงดูสวยแต่โทรมจริงๆ ข้างๆกู่นี้เป็นที่ฝังศพมารดาของอองซานซูจี ส่วนอีกข้างก็เป็นที่ฝังศพอูถั่น อดีตเลขาธิการ UN ซึ่งต่างก็รกร้างไร้คนเหลียวแลพอๆกัน เฮ้อ...

หลังจากปลงกับชะตาชีวิตของคนเราอยู่สักพัก ก็เปลี่ยนบรรยากาศมาอิ่มอกอิ่มใจกันบ้าง เพราะได้เวลาขึ้นนมัสการ “พระมหาเจดีย์ชเวดากอง” ( Shwedagon Pagoda ) แล้ว (ถ้าขึ้นแต่กลางวันจะร้อนมาก เลยมาขึ้นตอนเย็นดีกว่า) ทางขึ้นสำหรับนักท่องเที่ยวมักจะใช้ลิฟท์แก้วด้านทิศใต้ ค่าเข้าชมสำหรับชาวต่างประเทศ 5 USD ในพม่านี่ถ้าอยากขึ้นลิฟท์อย่าไปเดินห้างนะครับ ต้องไปขึ้นลิฟท์ที่พระเจดีย์ชเวดากอง แถมยังมีบันไดเลื่อนอยู่อีกด้านหนึ่งด้วย (รู้สึกพม่าเขาจะศรัทธาพุทธศาสนามากนะครับ อำนวยความสะดวกเรื่องเข้าวัดอย่างเต็มที่เลย) พอขึ้นมาแล้วก็ยืนตะลึงครับ...

สวยจริงๆ สวยทุกมุมมองเลยครับ เจดีย์ชเวดากองนี่เป็นสถาปัตยกรรมที่งามสุดยอดจริง ทรวดทรงได้สัดส่วนงดงามดีเยี่ยมตั้งแต่ฐานถึงยอด ประดับด้วยทองคำอร่ามเรืองรองทั้งองค์ (ทองคำนี้มีมาตั้งแต่โบร่ำโบราณแล้ว เพราะกษัตริย์มอญจะถวายไว้เสมอ ส่วนเรื่องทองคำจากอยุธยานี่ เป็นตอนที่กษัตริย์พม่ายึดครองเมืองมอญได้แล้ว อยากทำบุญถวายทองคำอย่างมอญบ้าง แต่ดันไปทำบาปเสียนี่...เฮ้อ) ยังไงก็ตาม เราก็คิดเสียว่า อยุธยามีส่วนช่วยทำนุบำรุงพระบรมธาตุแห่งนี้ ก็น่าจะเป็นบุญกุศลแก่เมืองไทยของเราไม่น้อยไปกว่าพม่าหรอกครับ จะได้มีแต่กุศลจิตเวลากราบนมัสการไงล่ะครับ

จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง - [ 14 มี.ค. 46 23:06:53 A:202.57.184.203 X: ]