* * * * * s e v e n .. n i g h t .. i n .. b a l a * * * * *

    หลังจากจดๆ จ้องๆ อยู่เกือบอาทิตย์
    หลังจากโดนต่อว่า หาว่าแอบหนีไปเที่ยวไม่ชวน
    หลังจากโดนต่อว่า หาว่าไม่ยอมเอารูปมาให้ดู
    หลังจาก .... ฯลฯ

    กระทู้นี้ก็เลยต้องเกิดขึ้น เอิ้กๆ

    ๒๘ สิงหาคม ๒๕๔๖ เวลา ๒๒.๐๐ น.
    หนู ( หมายถึง .."สาวน้อยร้อยชั่ง" คนสวยสุดเซ็กซี่ ) พร้อมทั้งสัมภาระและอุปกรณ์เต็มพิกัดสำหรับระยะเวลา ๑๕ วัน ที่อัดแน่นในเจ้าไทเกอร์คันเก่า ( แต่ยังแรง อิอิ..) ก็เริ่มออกเดินทางจาก กทม. โดยมีความฝันลมๆ แล้งๆ ที่หวังจะได้เจอเจ้า Garnet และ Banded Pitta โดยมีเส้นทางมุ่งหน้าสู่ปลายสุดของด้ามขวานทอง เอิ้กๆ

    ระยะทางกับน้ำมันในถังเริ่มผกผันกันไปเรื่อยๆ เวลาเริ่มผ่านไป ๆ ๆ ร่างกายเริ่มล้า สายตาเริ่มเฉา เริ่มมองเห็นท้ายรถสิบล้อเป็น Garnet Pitta เอิ้กๆ จุดแรกที่แวะเติมน้ำมัน เช็คกระจก ก็อยู่แถวๆ ประจวบนี่เอง ... แฮ่

    หลังจากได้ยืดเส้นยืดสาย กระปรี้กระเปร่าดีแล้ว หนูก็รีบเดินทางต่อทันทีเพราะยังมีระยะทางอีกร่วม ๑๐๐๐ กม.

    ..... Five Hours Later .....
    หกโมงเช้าแล้วเหรอนี่ .. ขณะนั้นหนูอยู่บนเส้นทางสาย ๔๑ กำลังแยกเข้า อ.ลำทับ มุ่งเข้าสู่ อ.คลองท่อม .... อ่อ..ลืมบอกไปเจ้าค่ะ ทริปนี้ของหนูได้มีการนัดหมายกับเจ้าพ่อแห่งวงการแต้วแล้วท้องดำเมืองไทยเอาไว้ ว่าจะไปตะลุยปลายสุดด้ามขวานทองกัน อิอิ..

    ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกา Casio Forester บอกเวลา๗ โมงเช้า หนูก็มายืนยิ้มเผล่อยู่หน้าบ้านแก หลังจากทักทายกันอยู่ครู่นึง เราสองคนก็เริ่มออกเดินทางต่อกันที คราวนี้มุ่งหน้าออกทางสาย ๔ เข้าจังหวัดตรัง แล้วมาบรรจบกับสาย ๔๑ อีกครั้ง แสงแดดยามสายเริ่มสาดส่องคลอไปด้วยเสียงเพลง Hotel California ของ Eagle ดังกระหึ่มแต่หนูกับเหี่ยวลงเรื่อยๆ อิอิ...คราวนี้คงต้องให้พี่เค้าช่วยแล้วล่ะค่ะ แบบว่ายังไม่อยากเอาหัวไปถูกับพื้นถนนอย่างอีตา Headbanger อิอิ..

    มารู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากเลยหาดใหญ่มาแล้ว แวะล้างหน้าล้างตาตามด้วย Brand อีก 1 ขวด กลิ่นจากซุบไก่รสดั้งเดิมทำให้ประสาทหนูฟื้นกลับคืนชึ้นมาทันที เอิ้กๆ..

    จากนั้นเราก็ออกเดินทางกันต่อ...ผ่าน อ.จะนะ ก็ยังอดที่จะคิดถึงชาวบ้านที่ลานหอยเสียบ แต่คราวนี้เราไม่มีเวลาที่จะแวะเข้าไปทักทายกันเลย

    เป็นเวลากว่า ๓ ปีมาแล้ว ที่หนูก็ไม่ได้ลงไปปัตตานีเลย ฉะนั้นคราวนี้ถนนหนทางที่เคยเคบๆ ก็กว้างขวางสะดวกสบายขึ้นมาก การเดินทางก็ทำเวลาได้ดีพอควร จนกระทั่งเลยเวลาอาหารกลางวันไปประมาณ ๓ ชั่วโมงพวกเราก็พาตัวเองมายืนอยู่ที่ ศูนย์วิจัยสัตว์ป่าฯ ฮาลา-บาลา ( ชื่อเต็มๆ จำไม่ได้แล้วค่ะ อิอิ )

    ช่วงนี้ที่นั่นเงียบสงบดีมาก ไม่มีกลุ่มดูนกเลย หนูกับเจ้าพ่อแต้วแล้วท้องดำก็เลยรีบเข้าไปหา พี่ศิริพร เพื่อฝากเนื้อฝากตัว และที่สำคัญฝากท้องกับแกก่อน เอิ้กๆ แต่น้องๆที่นั่นบอกว่าพี่เค้าไปราชการที่ปัตตานีจะกลับมาตอนเย็น ... ฮือม์ เราก็เลยคิดที่จะหาที่เย็นๆ นอนพักเอาแรงซักงีบหนูก็เลยเสนอที่น้ำตก สิรินทร ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ศูนย์วิจัยฯ

    เดินทางมาเหนื่อยๆ หวังที่จะเอาหัวแช่น้ำให้สดชื่นซักหน่อยก็ได้ยินเสียงเด็กๆ วัยรุ่นเค้าดำน้ำยิงปลากัน ก็เลยเดินเลี่ยงไปอีกด้านนึง พอก้มหน้าลงวักน้ำขึ้นลูบหน้าหูก็ได้ยินเสียง วิ๊ดด ๆๆ พอเงยหน้าขึ้นมองก็เจอเข้ากับเจ้าถิ่นหลังแดงทันที นับว่าโชคดีไม่เลวทีเดียวสำหรับนกเปิดทริป แต่...เอ๊ะ อีกซัก ๕ นาทีก็ วิ๊ดๆๆ อีกแล้ว เอ...ไปทางเดิมซ่ะด้วย เราหันมองหน้ากัน พร้อมทั้งพูดขึ้นว่า "ตามมมม" อิอิ..

    ใช่แล้วค่ะ..ไม่ไกลจากที่นั่นเลยเราก็ได้เห็น นกกางเขนน้ำหลังแดง Chestnut-naped Forktail กำลังเลี้ยงลูกอยู่ ไอ้ความตั้งใจที่จะลงมานั่งพักเหนื่อยของหนูก็โดนทำลายไปจนหมดสิ้น เดินย้อนกลับขึ้นไปลากเอากล้องที่รถ แล้วลงลุยลำธารไปทำตัวเป็นอีแอบอยู่หลังหินก้อนใหญ่พร้อมทั้งผ้าคลุมอีกนึง ... เมื่อยก็เมื่อย แต่เย็นดีจัง อิอิ ..โดยใช้เวลาไม่เกิน ๑๕ นาทีหนูก็ได้ภาพดีๆ พร้อมทั้งอาการตะคริวกินขา เอิ้กๆ

     
     

    จากคุณ : สาวน้อยร้อยชั่ง - [ 14 ก.ย. 46 22:40:54 ]