หมีแพนดา VS ชะตากรรมสัตว์ป่าเมืองไทยที่ต้องรอคอยต่อไป

    โด่งดังเป็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ หลังจากที่ประเทศจีนส่งมอบแพนด้าซึ่งเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์จำนวนสองตัวให้กับประเทศไทยและได้นำไปไว้ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ โดยประเทศไทยทุ่มงบประมาณกว่า 45 ล้านบาท ลงไปสำหรับการจัดสร้างพื้นที่รองรับแพนด้ารวมทั้งส่วนที่จะใช้บริการนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นรัฐบาลไทยจะรณรงค์หาเงินปีละประมาณ 10 ล้านบาทเพื่อช่วยสนับสนุนการอนุรักษ์แพนด้าในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง….

    ในรายการถึงลูกถึงคน จะเห็นว่าหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างภาคภูมิใจกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น และบอกว่านี่คือการแสดงออกถึงสัมพันธไมตรีของประเทศไทยและประเทศจีนอันมีคุณค่า นอกจากนั้นผลการศึกษาวิจัยจากแพนด้าสองตัวนี้จะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่จะช่วยรักษาสัตว์ป่าที่กำลังใกล้จะสูญพันธุ์ของโลกอย่างแพนด้าในประเทศจีนเอาไว้ ที่สำคัญหมีแพนด้าสองตัวนี้จะช่วยสร้างรายได้จำนวนมหาศาลถึงปีละ 1,000 ล้านบาทจากการส่งเสริมการท่องเที่ยว

    ….นึกถึงสัตว์ป่าเมืองไทย…พวกมันคงได้แต่น้อยใจและอดบ่นไม่ได้ว่า “พวกเราสัตว์ป่าเมืองไทยเมื่อไรหนอจะโชคดีอย่างแพนด้าสองตัวนั้นบ้าง????”

    ท่านเชื่อหรือไม่ว่าปัจจุบันในประเทศไทย เฉพาะสัตว์ป่าประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมมีจำนวนถึง 85 ชนิดที่กำลังถูกคุกคามและกำลังใกล้จะสูญพันธุ์ (บางชนิดสูญพันธุ์ไปแล้ว)

    นี่ยังไม่รวมสัตว์ประเภทนก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก และปลาอีกกว่า 500 ชนิดที่มีชะตากรรมไม่ได้แตกต่างไปจากแพนด้าสักเท่าไร บางชนิดมีสถานภาพแล้วร้ายกว่าแพนด้าด้วยซ้ำ

    เช่น *[ํ๋^_^]*ป่าซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 60 ตัวและพบแห่งเดียวในโลก นกแต้วแล้วท้องดำ ซึ่งคาดว่ามีจำนวน 15 คู่ในประเทศไทยและในอดีตเชื่อว่ามีแต่เพียงในประเทศไทย (ปัจจุบันมีรายงานในพม่าแต่ไม่ทราบสถานภาพ) ช้างป่าซึ่งมีการประเมินกันว่า ทั่วประเทศมีประมาณ 2500 ตัว พะยูน แมวลายหินอ่อน เสือโคร่ง เก้งหม้อ ฯลฯ

    ท่านเชื่อหรือไม่ว่างบประมาณจริงๆ ในการดูแลพื้นที่ป่าอนุรักษ์อันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าและเป็นแหล่งต้นน้ำไหลหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนไร่ละไม่เกิน 5 บาท

    ในด้านงานวิจัยก็เช่นกัน แม้จะดูเหมือนมีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับสัตว์ป่า แต่ส่วนใหญ่ก็ขึ้นหิ้งเกือบหมด งานวิจัยที่เป็นเนื้องานและนำไปสู่การอนุรักษ์และจัดการเผ่าพันธุ์ของสัตว์ป่าที่กำลังใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยเราให้พวกมันดำรงเผ่าพันธุ์ไว้ได้….มีน้อยมาก

    ณ วันนี้มีใครรู้แล้วบ้างว่าเราจะทำอย่างไรถึงจะเพิ่มจำนวน*[ํ๋^_^]*ป่าที่เหลืออยู่ 60 ตัวของโลกเพิ่มจำนวนขึ้นมาให้ได้ ในขณะที่ตอนนี้ก็ยังมีการล่าสัตว์ป่าพวกนี้อยู่
    ณ วันนี้ใครรู้บ้างว่าเราจะขยายพันธุ์พะยูนอย่างไร ก่อนที่พวกมันจะหมดไปจากน่านน้ำไทย

    ณ วันนี้เราจะแก้ปัญหาช้างป่าที่ลงมากินไร่สวนชาวบ้าน และโดนยิงบ้าง วางยาพิษบ้างอย่างไรกันดี
    ฯลฯ

    นี่คือคำถามที่ต้องการคำตอบจากกระบวนการวิจัยเพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์….

    นี่คือชะตากรรมของสัตว์ป่าเมืองไทยที่ยังต้องการความช่วยเหลือและยังต้องรอคอยกันต่อไป.

    เงิน 45 ล้านบาทอาจไม่มากมายอะไรในสายตาของคนมีเงิน แต่อย่างน้อยผมเชื่อว่ามันก็สามารถชุบชีวิตสัตว์ป่าสัก 1-2 ชนิดของเมืองไทยให้ดำรงเผ่าพันธุ์เอาไว้ได้ อย่างน้อยก็ นกแต้วแล้วท้องดำ 1 ชนิด

    แม้นัยหนึ่งอาจมองว่านี่คือการสร้างสัมพันธไมตรีอันดีระหว่าง 2 ประเทศ แต่ก็อดตั้งคำถามขึ้นไม่ได้ว่ามันเป็นวิถีทางเดียวหรือครับ? มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ หรือ? เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นประเทศจีนให้แพนด้าแก่สหรัฐไปตั้งหลายตัว เหตุใดสัมพันธไมตรีระหว่างทั้งสองประเทศจึงไม่ค่อยจะดีดังสมมุติฐาน

    ที่สำคัญผมไม่เห็นด้วยกับการใช้สัตว์เป็นเครื่องมือ และยิ่งไม่เห็นด้วยหากประเทศไทยจะส่งช้างเมืองไทยไปให้ประเทศจีนเป็นการแลกเปลี่ยน…

    ในเรื่องการอนุรักษ์ก็เช่นกัน…ผมไม่เชื่อว่าการที่มีคนไปดูสัตว์ในสวนสัตว์แล้วจะทำให้เค้าจิตใจอนุรักษ์ขึ้นมาได้ ในทางตรงกันข้ามอาจเป็นการสนับสนุนค่านิยมผิดๆ ให้กับเยาวชนตั้งแต่แรกเริ่ม เขาอาจมองสัตว์ป่าที่อยู่ในกรงเป็นเรื่องธรรมดา และเริ่มซื้อสัตว์เล็กๆ มาเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นกระรอก กระแต นก ฯลฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขาดความเข้าใจ ไม่ได้มองไปถึงขั้นว่าการอนุรักษ์สัตว์ป่านั้นเป้าหมายหลักก็คือรักษากระบวนการภายในระบบนิเวศน์ให้มันดำรงอยู่…สัตว์ป่าจะไม่มีค่าในเชิงนิเวศน์เลยหากมันไม่ได้ทำหน้าหน้าที่ของมันในธรรมชาติ

    ที่สำคัญคนในวงในก็ทราบกันดีว่า สวนสัตว์บางแห่งเป็นแหล่งลักลอบจับสัตว์ป่าในธรรมชาติมาเลี้ยงเพื่อวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวคือ “เงิน” ที่ได้จากคนที่เข้ามาเที่ยวชม บางแห่งก็เป็นเส้นทางฟอกสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ไม่ได้มีจิตใจอนุรักษ์อย่างแท้จริง สัตว์ป่าตัวไหนอยากตายก็ปล่อยให้ตายไป บ้างก็ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในสภาพกรงเลี้ยงที่ถูกจำกัดจากเดิมที่เคยกระโดดโลดแล่นอย่างอิสระเสรี บางก็อยู่ในสภาพที่เหม็นอับชื้น สิ่งเหล่านี้คือการแสวงหาผลประโยชน์ทั้งสิ้นโดยมีชีวิตสัตว์ป่าที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวเป็นเครื่องมือ….

    ทั้งหมดนี้คือความคิดเห็นส่วนตัวที่ยังมีความกังขาต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้แค่ขอวิงวอนท่านผู้มีอำนาจทั้งหลายขอให้คิดถึงบรรดาสัตว์ป่าในประเทศไทยมั้งเถอะครับ ก่อนที่จะไปให้ความสำคัญกับสัตว์ป่านอกประเทศ เพราะประเทศจีนเองก็ถือว่าดูแลการอนุรักษ์แพนด้าเป็นอย่างดีอยู่แล้ว….แต่ไหนๆ ไทยก็ได้มาแล้วทั้งยังลงทุนไปมากมายก็ขอให้ดูแลให้ดีแล้วกัน


    หมายเหตุ : หมีแพนด้า  ไม่ใช่สัตว์ที่อยู่ในตระกูลหมีนะครับ  แต่อยู่ในกลุ่มพวกแรคคูน

    แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 46 20:01:31

    จากคุณ : พญาไฟสีเทา - [ 15 ต.ค. 46 17:08:39 ]