ความคิดเห็นที่ 5
1. วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร คติ "ไหว้พระวัดสุทัศน์ฯ วิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป" กิจกรรม สักการะพระองค์ประธาน (พระศรีศากยมุนี) ที่เก่าแก่ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ที่ใหญ่ที่สุดนกรุงเทพฯ อดีตเคยประดิษฐานอยู่ที่วิหารหลวงวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัย (สักการะด้วยด้วยดอกไม้คู่ ธูป 3 ดอก เทียน 2 เล่ม) ประวัติ/ ความเป็นมา ชื่อเดิมแต่เริ่มสร้างวัดในปี พ.ศ. 2350 ปลายสมัยรัชกาลที่ 1 คือ "วัดมหาสุทธาวาส" โดยมีพระราชประสงค์ที่จะทรงสร้างให้เป็นวัดกลางเมืองเขตพระนคร มีวิหารสูงใหญ่เท่าวัดพนัญเชิงของกรุงศรีอยุธยา มีพระศรีศากยมุนีที่อัญเชิญมา จากวิหารหลวงของวัดมหาธาตุของกรุงสุโขทัยประดิษฐานอยู่ การสร้างวัดสุทธาวาส เสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2390 และได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดสุทัศน์เทพวราราม" ภายในวัด บริลานตรงมุมพระระเบียงด้านขวา ประดิษฐานประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 8 (ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ปั้นพระพักตร์ นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ปั้นพระวรกาย) พระวิหารศรีศากยมุนี ่ถ่ายทอดแบบมาจากพระวิหารมงคลบพิตร กรุงศรีอยุธยา บานประตูใหญ่ พระวิหารสลักไม้สวยงามยิ่งนัก มีจดหมายเหตุว่ารัชกาลที่ 2 ทรงสลักบานประตูใหญ่คู่กลางที่ถูกไฟไหม้เมื่อ พ.ศ. 2502 ได้นำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ นำบานประตูใหญ่ด้านหลังพระวิหารมาใส่ไว้แทนพระอุโบสถ สร้างเมื่อปีพ.ศ. 2377-2386 ในสมัยรัชกาลที่ 3 ประดิษฐาน พระพุทธตรีโลกเชฎฐ์ เป็นพระประธานปรางมารวิชัย ใหญ่กว่าพระที่หล่อในกรุงรัตนโกสินทร์องค์อื่นๆ หน้าตักกว้าง 10 ศอก 8 นิ้ว ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็นฝีมือช่างชั้นครู ในสมัยรัชกาลที่ 3 มีความงดงามมาก พระอุโบสถนี้นับว่ายาวที่สุดในประเทศไทย สถานที่ตั้ง อยู่บริเวณเสาชิงช้า ตรงข้ามศาลาว่าการกรุงเทพฯ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10 12 19 35 42 56 96 รถปรับอากาศ สาย ปอ.42
2. ศาลเจ้าพ่อเสือ คติ "เสริมอำนาจบารมี" กิจกรรม สักการะศาลเจ้าเก่าแก่ของลัทธิเต๋า หนึ่งในสามมหาสถานของพระนคร ที่ชาวจีนต้องสักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล "เสริมอำนาจบารมี" (สักการะด้วยธูป 15 ดอก เทียนแดงคู่-เทียนจีน) ประวัติ/ ความเป็นมา ตั้งอยู่ที่ถนนตะนาว แขวงเจ้าพ่อเสือ เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ เขตพระนคร บนเนื้อที่ 2 ไร่เศษ เดิมตั้งอยู่ริมถนนบำรุงเมือง เป็นศาลขนาดใหญ่ ภายในเคยมีเทพเจ้าจีน ทำด้วยทองคำหนัก 120 บาท แต่ถูกโจรปล้นในสมัยรัชกาลที่ 2 ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 5 ขยายถนน ได้โปรดให้พระยาโชฎีราชเศรษฐีย้ายศาล มาไว้ที่ถนนตะนาว ตอนแรกชาวจีนไม่ยอมให้ย้าย อ้างว่าเจ้าไม่พอใจ บอกผ่านคนทรงว่าจะเกิดเหตุร้าย ในบ้านเมือง รัชกาลที่ 5 ต้องประกาศว่า ถ้าเจ้ายังทำนายดังนั้นจะเอาผิดกับคนทรง ชาวจีนจึงได้ยอมย้ายมาอยู่ในที่ปัจจุบัน อ้างว่าเจ้าพอใจสถานที่ใหม่แล้ว ภายในศาลเจ้าเป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม ฯลฯ เป็นที่เคารพนับถือของชาวจีน ชาวไทยเป็นอย่างมาก สถานที่ตั้ง ถนนตะนาว เยื้องกับวัดมหรรณพาราม แขวงเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร การเดินทาง - เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 10, 12, 19, 35, 42, 56, 96 - รถปรับอากาศ สาย ปอ.42
3. วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร คติ "มีชัยชนะต่ออุปสรรคทั้งปวง" กิจกรรม ไหว้พระประธานในโบสถ์และรูปเคารพสมเด็จพระกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา) ผู้นับถือความซื่อสัตย์ เพื่อความเป็นสิริมงคล "ไหว้พระวัดชนะฯ อุปสรรคและศัตรูร้ายพ่ายแพ้" (สักการะด้วยธูป 3 ดอก เทียนคู่) ประวัติ/ ความเป็นมา ตั้งอยู่เหนือคลองโรงไหม ริมถนนจักรพงษ์ (สะพานเสี้ยว) แต่เดิมอยู่กลางทุ่งนา จึงเรียกว่า วัดกลางนา เป็นวัดสมัยก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ทรงสถาปนาวัดนี้ขึ้นมาใหม่ และรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นวัดพระสงฆ์ฝ่ายรามัญ เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ทหารรามัญในกองทัพของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า "วัดตองปู" ตามแบบวัดตองปูในสมัยอยุธยา ต่อมาเมื่อมีชัยชนะ ต่อกองทหารข้าศึก จึงพระราชทานนามใหม่ว่า "วัดชนะสงคราม" ต่อมารัชกาลที่ 5 สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ทรงอัญเชิญพระอัฐิของเจ้านาย ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งสิ้นมาประดิษฐานไว้ในโบสถ์ เพื่อให้เหมาะสม แก่พระเกียรติยศ ที่วัดนี้ มีงานของช่างฝีมือชั้นเยี่ยมสมัยรัชกาลที่ 1 อยู่ในกุฏิเจ้าอาวาส เป็นบานประตูลายรดน้ำ สถานที่ตั้ง ถนนจักรพงษ์ แขวงบางลำพู เขตพระนคร การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 3, 6, 9, 15, 30, 32, 33, 43, 53, 64, 65, 82, 123 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 6, 9, 38 (สาย 15 เดิม) 4. ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร คติ "ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนา บารมี" กิจกรรม สักการะ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ไหว้พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระกาฬไชยศรี เจ้าพ่อหอกลอง ประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ตามธรรมเนียม "ไหว้เจ้าพ่อหลักเมือง ตัดเคราะห์ ต่อชะตา เสริมวาสนา บารมี" (บูชาพระด้วย ดอกบัวกับธูป 3 ดอก ไหว้องค์เสาหลักเมืองจำลองด้วยผ้าแพร 3 สี พวงมาลัย แล้วนำพวงมาลัยไปไหว้เสาหลักเมืององค์จริง เสร็จแล้วไหว้เทพเทพารักษ์ ทั้ง 5) ประวัติ/ ความเป็นมา การสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทำพิธียกเสาหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2326 เวลา 6.45 น. ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะซ่อมแซมใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2395 เสาหลักเมืองสร้างด้วยไม้ชัยพฤกษ์ สูงพ้นดิน 108 นิ้ว ส่วนที่ฝังอยู่ในดินยาว 79 นิ้ว มียอดสวมลงบนเสา ลงรักปิดทองสำหรับบรรจุชะตาเมือง ต่อมาในปี 2523 ได้มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ ในบริเวณนี้ยังมีศาลเทพารักษ์ ประดิษฐานเจ้าพ่อหอกลอง เจ้าพ่อเจตคุปต์ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง และพระกาฬไชยศรี และมีการจัดละครรำ ละครชาตรี ไว้สำหรับให้ผู้ต้องการแสดงคารวะได้ว่าจ้างด้วยการรำบูชาศาลหลักเมือง อยู่ตรงด้านข้างด้วย สถานที่ตั้ง บริเวณมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสนามหลวง ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนมหาไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร การเดินทาง เดินทางโดยรถประจำทาง สาย 1, 3, 6, 9, 15, 19, 25, 30, 32, 33, 39, 43, 44, 47, 53, 59, 60, 64, 65, 70, 80, 82, 91, 123, 201, 203 รถปรับอากาศ สาย ปอ. 1, 6, 7, 8, 12, 25, 38, 39, 44
5. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) คติ "แก้วแหวน เงินทองไหลมา เทมา" กิจกรรม ไหว้ พระแก้วมรกต พระพุทธรูปสำคัญในภูมมิภาคเอเชียเป็นศูนย์กลางความศรัทธา ไทย-ลาว "ไหว้พระแก้วมรกต แก้วแหวน เงินทองไหลมา เทมา ตลอดปี" (สักการะด้วยดอกบัวคู่ และธูปเทียน) ประวัติ/ ความเป็นมา เป็นพระอารามที่ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในบริเวณพระบรมมหาราชวัง ตามประเพณีที่มีมาแต่สมัยโบราณ เพื่อความสะดวกเวลาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลตามราชประเพณี และเพื่อเป็นที่บรรจุพระอัฐิอายุ ของพระเจ้าแผ่นดิน และเจ้านายในราชสกุลพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สร้างขึ้นแต่ครั้งรัชกาลที่ 1 เพื่อเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระแก้วมรกต ซึ่งอันเชิญมาจากกรุงธนบุรี เมื่อพ.ศ.2427 ต่อมาในรัชกาลที่ 3 ได้ซ่อมแซมประดับประดา ด้วยฝีมือช่างอันวิจิตร ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และสำหรับเป็นที่ประชุมข้าทูลละอองพระบาท ถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา ปราสาทพระเทพบิดรสร้างสมัยรัชกาลที่ 4, 5 ในพ.ศ.2439 ต่อมาเกิดไฟไหม้ บูรณะเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้อันเชิญพระบรมรูปรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 5 จากพระที่นั่งศิวาลัยมาประดิษฐาน ไว้และต่อมาได้อันเชิญพระบรมรูปรัชกาลที่ 6, 7, 8 มาประดิษฐาน เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการบูชา ในวันจักรี 6 เมษายน และวันฉัตรมงคล พระศรีรัตนเจดีย์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 4 พ.ศ.2398 มีเจดีย์องค์เล็กอยู่ภายในประดิษฐาน พระบรมธาตุ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ประดับกระเบื้องสีทองทั้งองค์พระเจดีย์พระมณฑป สร้างในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นที่ประดิษฐานพระไตรปิฎกฉบับทองตู้พระไตรปิฎก ประดับมุก ฝีมือวิจิตรสวยงามยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีสถาปัตยกรรมทรงไทยและการประดับตกแต่ง บริเวณสถานที่อย่างวิจิตรพิสดาร โดยเฉพาะภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ บนผนังพระระเบียงที่โอบล้อมบริเวณวัดทั้ง 4 ด้าน สถานที่ตั้ง บริเวณสนามหลวง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร
จากคุณ :
เอี๊ยมสีน้ำเงิน
- [
28 ธ.ค. 46 11:17:19
]
|
|
|