ความคิดเห็นที่ 1 มายกมือ สนันสนุน ค่ะ จากคุณ : nu-an - [ 5 ม.ค. 47 13:28:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อันนี้นับเป็นความสามารถส่วนบุคคลค่ะที่จะก่อไฟโดยไม่รบกวนชาวบ้าน ไอ้เรามันคนทำกับข้าวไม่เป็น เลยเอาพ่อครัวมือถือไปด้วย ติดเตาแป้บเดียว ไม่มีควันด้วย ใช้ถ่านความร้อนสูง ยังชวนพี่เตนท์ข้างๆมาผิงไฟคุยกันเลย เราว่าผิงไฟมันได้บรรยากาศแคมป์ปิ้งดีออก เอาเป็นว่า ถ้ารู้ตัวว่าก่อไม่เป็น ก็พกปิคนิคไปละกัน เราเอ าไปมัน 2 อย่างเลย ขอให้ทุกท่านสนุกกับการพักแรมนะคะ จากคุณ : มันมากับความมืด - [ 5 ม.ค. 47 14:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมอยากเล่าเรื่องอะไรให้ฟังสักเรื่อง เป็นเรื่องไม่สนุก เป็นเรื่องที่จะให้เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ก็ได้ อยากให้ลองมองในมุมมองของความจำเป็น เป็นมุมมองของการใช้ชีวิต ไม่ใช่มุมมองของคนกรุงที่ดิ้นรนแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ บอกตัวเองว่า"เข้าถึง"ธรรมชาติ ลืมนึกถึงความจริงของชีวิตไป ผมมีเพื่อนเป็นผอ.โรงพยาบาลชุมชนเล็กๆแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือจังหวัดหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย เขาเล่าให้ผมฟังว่าชาวบ้านในพื้นที่ป่วยด้วยโรคปอดกันมาก เนื่องจากหน้าหนาวอากาศที่นั่นหนาวมาก บ้านไม้แบบชาวบ้านกันลมได้แต่ไม่ได้เป็นฉนวนที่ดีพอ ชาวบ้านจะทำเตาไว้ในบ้านเลยเพื่อผิงไฟเพื่อความอบอุ่น "เป็นความจำเป็น" เพื่อให้ชีวิตของเขายืนยาวออกไปได้ ไม่ได้ทำเท่ใส่เสื้อผ้าบางๆมานั่งผิงไฟ ไม่มีเงินทองจะซื้อเตาแก๊สปิกนิกมาใช้ สุดท้ายต้องมาป่วยด้วยโรคปอดเนื่องจากฝุ่นเถ้าที่ลอยคลุ้งอยู่ในตัวบ้าน จนทุกวันนี้ยังแก้ไขไม่ได้ ความจนเป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ ถ้าทุกคนมีเงินซื้อแก๊สปิกนิกมาใช้ก็คงดี ถ้าทุกคนมีรถ สามารถหิ้วเตาแก๊สไปด้วยถึงไหนถึงกัน หรือถ้ามีแรงมหาศาลบวกกับความรับผิดชอบต่อเพื่อนผู้โดยสารบนรถประจำทางที่ต่ำผิดปกติคงหอบหิ้วเตาแก๊สนี้ไปด้วยได้ทุกที่ ที่บ่นบ้ามาทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยนะ แต่อยากจะให้แยกแยะมองโลกตามความจริงบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีข้อจำกัดของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ถ้อยที่ถ้อยอาศัยกัน เคารพในสิทธิของเพื่อนร่วมทาง น่าจะดีกว่ามิใช่หรือ ผมอยากเสนอแนวทางที่ปรับแก้แล้วสักหน่อย - "หลีกเลี่ยง"การใช้ไม้สด เนื่องจากเป็นการรบกวนธรรมชาติ และยังทำให้มี"ควันมาก"เนื่องจากเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ - "ถ้าเป็นไปได้" น่าจะใช้ถ่านไม้ที่เตรียมไปเอง หรือถ้าขับรถไปเองจะใช้เตาแก๊สปิกนิกก็ไม่ผิดกติกา เพราะเกิดควันน้อยกว่ามาก - ก่อไฟในที่ๆจัดเตรียมไว้เพื่อการนี้เท่านั้น - สุดท้ายนี้หลังจากทำตามกติกาทุกข้อแล้ว หากพบว่ามีผลรบกวนผู้อื่น พึงใช้สามัญสำนึกเพื่อแก้ไขด้วยครับ น้ำใจนั้นมีความหมายมากกว่ากฎเกณฑ์มากนัก ปล. การก่อไฟในที่เปิดไม่ได้ส่งผลเรื่องออกซิเจนในการหายใจหรอกครับ เพราะอากาศมันหมุนเวียนกันได้อยู่แล้ว จากคุณ : พี่ว่านะ - [ 5 ม.ค. 47 14:15:48 A:203.144.143.250 X:203.118.84.189 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดอยอินทนนท์ดับแม่ลูก 2 ศพ เหตุเพราะความหนาวบวกกับขาดการเตรียมพร้อมเรื่องเครื่องกันหนาวก่อนไปเที่ยวดอย จึงนําเตาเข้าไปอบอุ่นร่างกายภายในเต๊นฑ์ เกิดภาวะขาดอ๊อกซิเจนในอากาศ จึงขอแสดงความเสียใจด้วย ผมจึงตั้งขอสังเกตว่า หากรอบด้านที่เรากางเต๊นฑ์มีคนสุมกองไฟตลอดคืน ควันไฟที่ฟุ้งเข้ามาภายในเต๊นท์ คนที่มีโรคทางเดินหายใจหรือคนที่เคยเกิดภาวะโรคหัวใจขาดเลือด(ขาดอ๊อกซิเจน) จะเกิดอันตรายหรือไม่ ฝากไว้ขบคิดและช่วยๆกันหน่อย จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 5 ม.ค. 47 20:52:33 A:202.28.9.67 X:10.7.251.13 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สนับสนุนเจ้าของกระทู้ และยอดมากสำหรับการตอบสนองใน #4 ที่ดูจะ smart กว่า หมอ??? ประเด็นสำคัญของเจ้าของกระทู้ จะเน้นที่นักท่องเที่ยว แนวอนุรักษ์ เพื่อกระตุ้นให้ชาว BP ให้หรือสร้างสรรค์ แก่ชุมชนและสังคม ด้วยจิตสำนึกที่เคารพในสิทธิของตนและผู้อื่นที่ร่วมใช้ทรัพยากรธรรมชาติอันจำกัด โดยการเตรียมตัวให้พร้อมต่อการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยทั้งตนเองและผู้อื่น คงไม่ชื่นชมกับการประชดประชันว่าเป็น คนกรุงที่ดิ้นรนแสวงหาสิ่งแปลกใหม่ บอกตัวเองว่า"เข้าถึง"ธรรมชาติ ลืมนึกถึงความจริงของชีวิตไป ถ้าเป็นชาวบ้าน คนยากจน จะดูแลรักษาสุขภาพและสภาพแวดล้อมของตนอย่างไร ย่อมอยู่นอกขอบเขตของกระทู้นี้ ถึงอย่างไร ก็ไม่มีเวลามาอ่านในนี้ จากคุณ : ชอบนอนเต้นท์ - [ 5 ม.ค. 47 23:29:19 A:203.209.107.84 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณเจ้าของกระทู้ครับ ขอให้มองความเป็นจริงด้วย บางครั้งความหนาวมันเหลือทนสุดๆนะครับ คุณเคยเจอหรือเปล่า? คุณเคยเที่ยวป่ามาแค่ไหน บางทีเข้านอนแล้ว ตีสาม ตีสี่ต้อง ลุกขึ้นมาช่วยกันจุดไฟ ด้านหน้าผิงไฟพออุ่น แต่น้ำค้างที่เกาะด้านหลังแทบจะเป็นน้ำแข็ง มันทรมานสุดๆครับ ยิ่งเวลาลมแรงๆแล้วสุดๆเลยครับ ที่บอกว่าให้เตรียมเครื่องกันหนาวไปให้พร้อม มันเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดหรอกครับ การเที่ยวป่าบางครั้ง มันต้องเตรียมสัมภาระให้น้อยที่สุด จะให้เอาผ้านวมไปคนละหลายผืนคงเป็นไปไม่ได้ หลายๆคนขึ้นรถทัวร์ไป ไม่มีรถส่วนตัว จะให้ขนเตาแกส หรือ ผ้านวมหนาๆไปได้อย่างไร มนุษย์เราจุดไฟทำอาหาร ผิงไฟให้ความอบอุ่น จากไม้มาตั้งแต่เป็น หมื่นๆ แสนๆ ปีแล้วครับ คุณไปต่อต้านพวกนายทุนตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกป่าทำไร่ ทำรีสอร์ทดีกว่าครับ จากคุณ : pop - [ 5 ม.ค. 47 23:51:51 A:203.107.202.51 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าไม่มีการรณรงค์เรื่องนี้ จะมีนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะที่ไปจากกรุงเทพ มาเห่อการจุดไฟ ทั้งทำอาหารและ เพื่อ(อ้างว่า)ทำให้อบอุ่น มากขึ้นเรื่อยๆ คงพอจะมองเห็นภาพที่ ต้องนอนในเต้นท์ใน อช.สักแห่ง ท่ามกลางควันไฟกันในอนาคตอันใกล้นี้ ..มนุษย์เราจุดไฟทำอาหาร ผิงไฟให้ความอบอุ่น จากไม้มาตั้งแต่เป็น หมื่นๆ แสนๆ ปีแล้ว... ก็จริง และเป็นเหตุการณ์ที่ทำลายบรรยากาศโลกมาอย่างต่อเนื่อง ในยุคที่คนน้อยๆจะไม่มีใครรู้สึกกระทบกระเทือน แต่ในสมัยที่คนมากมายมหาศาล ภัยนี้จะชัดเจนขึ้น เมื่อมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า ก็น่าจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันไปบ้าง ...คุณไปต่อต้านพวกนายทุนตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกป่าทำไร่ ทำรีสอร์ทดีกว่าครับ... วิธีตัดบท ห้ามความคิด ห้ามการแสดงออกลักษณะนี้ เราคงเห็นบ่อยๆ จากรัฐบาล (พรรคไหนก็ตาม) กันอยู่บ่อยๆ ยังไงๆเจ้าของกระทู้และผู้สนับสนุนก็ทำอะไรคนที่ไปจุดไฟใน อช. ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีสิทธิที่จะรณรงค์สร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติต่อไป อยากให้คนที่คิดว่ารักธรรมชาติจริงๆ คิดหรือปลงให้ได้บ้างว่า ไม่เห็นจะต้องนั่งรถทัวร์ไปหาความหนาวเย็นบนยอดเขาให้ลำบาก ถ้าทนหนาวโดยไม่ทำลายธรรมชาติไม่ได้ ก็น่าจะหาที่เที่ยวที่ไม่หนาวนัก ซึ่งมีเยอะแยะไปไม่ใช่หรือ จากคุณ : ชอบนอนเต้นท์ - [ 6 ม.ค. 47 11:45:33 A:203.209.110.172 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 คคห.ที่ 6 ครับ ตัวเองหนาว คนรอบข้างที่ไม่ก่อฟืนไฟก็หนาวเหมือนกัน เอาละ ถ้าร่างกายคุณอบอุ่นขึ้นด้วยการก่อกองไฟ แล้วควันไฟไม่ไปรบกวนคนอื่น ก็เชิญตามสบายครับ แต่อยากถามสักคํา ถ้าคุณต้องอาศัยความร้อนจากกองไฟเพื่ออบอุ่นร่างกายตลอดทั้งคืน ( อากาศน่าจะหนาวมากจนถึงใกล้รุ่ง)แล้วตลอดทั้งคืน พวกคุณคงไม่ต้องเข้าไปในเต๊นท์หลับนอนกัน(ตามที่อ้างว่าหนาวต้องออกมาพิงไฟ) วันรุ่งขึ้นเอาแรงที่ไหนมาเที่ยวต่อ ข้อนี้เป็นห่วงเหมือนกัน ทนหน่อยนา อย่าไปรบกวนเต๊นท์อื่นเป็นดีที่สุด จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 6 ม.ค. 47 11:47:59 A:202.28.9.67 X:10.7.251.72 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอต่ออีกนิด ผมเอาความจริงมาเล่าให้ฟังดีกว่า กลางเดือนที่ผ่านมา ผมกางเต๊นท์ที่ดอยผาชู้(อช.ศรีน่าน) มีเต๊นท์ทั้งหมด 12 หลัง อากาศตลอดทั้งคืนเฉลี่ยประมาณ 18 องศา เรียกได้ว่าสวมใส่เสื้อกันหนาวแค่ 1 ตัว ก็ไม่หนาวเย็นอะไรมาก แต่มีเต๊นท์ 2 กลุ่มคน นั่งรอบวงใช้ไม้ฟืนก่อกองไฟ สนทนาเฮฮา หัวเราะ ดังป็นระยะๆ(บางช่วงดังมากๆ) จนถึงเที่ยงคืนเสียงจึงหยุดลง แต่ควันไฟก็ยังคลุ้งฟุ้งจนถึงสว่าง ฉะนั้นการสุมกองไฟที่กล่าวมาเพราะลดความหนาว( 18 องศา)หรือสุมกันเพราะอะไรกันแน่(จึงตรงกับ คคห.ที่ 7) โปรคช่วยๆกันหน่อยเถิด รอบข้างมีคนอื่นอยู่ด้วยนะ คุณๆ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 6 ม.ค. 47 12:15:34 A:202.28.9.67 X:10.7.251.72 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระทู้นี้ผมไม่อยากให้มีลักษณะที่ว่าอ่านผ่านแล้วผ่านเลย จึงต้องการให้ WEB-MASTER นํากระทู้นี้สู่ กระทู้แนะนํา เพื่อจะได้ 1.ผ่านสายตาทุกท่านที่เป็นนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด 2.เพื่อลดจํานวนคนก่อกองไฟให้น้อยลง(คิดว่ากระทู้นี้ตีพิมพ์ออกไปน่าจะมีคนจํานวนมากที่เกิดความเกรงใจคนรอบข้าง แล้วงดทําสิ่งนี้ในครั้งต่อไป) 3.ชาวดอยอาจขาดรายได้ส่วนนี้บ้าง แต่การไม่ไปตัดต้นไม้ขนาดข้อมือ(ซึ่งกําลังเติบโต) น่าจะช่วยอนุรักษ์ป่าไม้ได้บ้าง อย่างน้อยก็สร้างจิตสํานึกในการรักษาป่าไม้ในขั้นต้น 4.ความคิดเห็นอาจขัดแย้งเป็น 2 กลุ่มในที่นี้ แต่บทสรุปท้ายสุด น่าจะดีกว่า อยู่เฉยๆไม่ทําอะไรให้แก่โลกเล็กๆใบนี้ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 6 ม.ค. 47 12:34:21 A:202.28.9.67 X:10.7.251.72 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ Pop ครับ ผมก้เป็นคนนึงที่เคยเที่ยวป่า ผมเคยนอนคลุกอยู่กับกองฟางที่น้ำค้างจับเป็นน้ำแข็ง อุรภูมิยอดหญ้าประมาณ 1 องศา ครับ แต่คราวนั้นเป็นการเที่ยวป่าครั้งแรก ๆของผม ผมมีแค่ ผ้าขาวม้า 1 ผืน แล้วก้เสื้อกันหนาวธรรมดา 1 ตัว กับกางเกงยีนส์ ผมได้กองไฟ 1 กองที่ทำให้อบอุ่นขึ้นมาบ้าง ถึงแม้จะต้องตื่น ๆบ่อย ๆ เพราะว่า มันร้อนอยู่ด้านเดียว แต่นั่นเป็นการนอนในป่า ที่ไม่มีคนอื่นเลยครับ นอกจากลุ่มของผม 6- 7คน นั่นทำให้ผมรู้ว่า ผมต้องพร้อมกว่านี้ในการเที่ยวป่า ผมจึง หาถุงนอน หาเสื้อกันหนาว ทึ่กันหนาวได้ขึ้นมาอีกนิด ราคาไม่แพงหรอกครับ ถุงนอนใบละ399 บาท เสื้อกันหนาวของเก่าจากโรงเกลือที่มาขายจตุจัก ตัวละ 150 บาท ผมเที่ยวป่ามากกว่า 10 ปี เปลี่ยนไปแค่ 2 ชุดเท่านั้นครับ นี่เป็นการบอกว่า ไม่ได้สิ้นเปลืองอะไรหรอกครับ การก่อไฟ อย่างน้อย ควันไฟก็รบกวนคนรอบข้างที่คุณไม่รู้จักอีกมากมาย ที่เค้าต้องการมาพักผ่อน และไม่ต้องการให้ควันไฟรบกวนใครต่อใคร หลายคนกางเต้นท์นอนตามอุทยาน เหมือนเป็นแฟชั่น...โดยคิดแค่เพียงว่า มาเที่ยวแบบแค้มปิ้ง ต้องก่อไฟ... คิดได้เท่านี้เองหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่ที่มั่นใจคือ เค้าไม่รู้เลยว่า การก่อไฟ รบกวนคนอื่นอย่างไร ผมเคยพาหลานคนนึงไปเที่ยวด้วย ไปกางเต้นท์ ที่ ผาชู้ แหละครับ ผมกางเต้นในป่าสน ก่อนถึงที่ทำการอุทยานราว ๆ100 เมตร ผมไปถึงมืดแล้ว...เห็นมีที่ว่างก้เข้าไปกางเต้นท์ ซึ่งมีคนอื่น ๆ กางเต้นท์อยู่ก่อน กางเต้นท์เสร็จ ก็ทำกับข้าว หลานถามว่า อา...ไม่ก่อไฟหน่อยเหรอ...หนาวนะ ผมบอกว่าไม่ แล้วก็แนะนำให้เค้าไปเอาเสื้อกันหนาวมาใช้ แล้วบอกเหตุผลว่าไม่ควรก่อไฟเพราะอะไร ก้ทำนองอย่างที่ท่านเจ้าของกระทู้ว่ามาล่ะครับ หลานผมเข้าใจ...แล้วย้อนถามว่า...ทำไมเต้นท์ข้าง ๆ เค้าก่อไฟล่ะ..แล้วควันมันก็กวนเราด้วย... ผมพุดแบบเผลอปากไปว่า..สงสัย..ไม่มีใครสั่งสอนเค้ามั๊ง.... หลานถามว่า แล้วจะทำงัยดี ผมก้พูดแบบสนุก ๆ ว่า ต้องไปบอกเค้าว่ามันรบกวนเรานะ...แล้วให้พ่อแม่สั่งสอนบ้าง.... ...........เกือบซวยเลยล่ะครับ..... หลานผมเดินปรี่ไปที่เต้น?ข้าง ๆ ซึ่งมีเดเกวัยเดียวกะเค้าอยู่ แล้วบอกว่า .. นี่ นี่..ดับไฟเหอะ...ควันมันเข้าเต้นท์เรานะ.....แม่เธอไม่เคยบอกเหรอ...... ผุ้ใหญ่ของเต้นท์นั้น มองมาทางเราแบบไม่พอใจ.... แต่หลานผมไม่หยุดแค่นั้นครับ...กลับมาที่เต้นท์ แล้วเอาน้ำสิงห์ ไดราดไฟเค้าเฉยเลย.....แล้วบอกว่า..มันแสบตา ดับเหอะ.... ผมเลยใจดีสู้เสือ....มองสบตากับคนทางโน้น ดูว่าเขาจะว่างัย.... เขาขอโทษ....แล้วก็รีบเอาน้ำมาดับไฟ..... ซึ่งผมก้รีบขอโทษกลับไปเช่นกัน แต่ก็บอกเค้าว่า...มันแสบตาน่ะครับ...ซึ่งเค้าก็เข้าใจนะ จากคุณ : P e x - [ 6 ม.ค. 47 13:14:59 A:203.185.128.74 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราว่ากระทู้นี้ มี คุณภาพ นะ และยังเห็นด้วยเหมือนเดิม ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี.....แม่สอนไว้.... จากคุณ : nu-an - [ 6 ม.ค. 47 13:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เคยได้ยินมาว่าควันไฟจากการก่อกองไฟ จะไปรบกวนสัตว์ และแมลงในป่าด้วยน่ะค่ะ ยังไงจะช่วยโหวตจนเป็นกระทู้แนะนำนะคะ จะได้มีหลายๆ คน เข้ามาแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน สมาชิกท่านอื่น ช่วยคลิกโหวตกระทู้ด้วยนะคะ จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก - [ 6 ม.ค. 47 14:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเล่าเรื่องจริงให้ฟังบ้าง เป็นประสบการณ์ของเด็กอ่อนหัดเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว ปลายเดือนมีนาปี 2529 ผมกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ 30 กว่าคน เดือนทางไปเที่ยว อช.เขาใหญ่ เป็นครั้งแรกของผมที่ได้มีโอกาสเข้า"ป่า" เพื่อนคนหนึ่งติดต่อจองค่ายพักแรมเอาไว้ ผมมีเสื้อหนาวไปตัวนึง คล้ายๆกับเพื่อนๆทุกคน และก็เหมือนกันอีกที่ไม่มีใครรู้เลยว่าค่ายพักไม่ได้จัดเตรียมเครื่องนอนไว้ให้เลย กลางวันอากาศที่นั่นร้อน เรียกว่าร้อนแบบไทยๆนั่นแหละ แต่คืนแรกทุกคนก็ต้องเจอกับ"ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้" เพราะตกดึกอากาศเย็นลงมาก ผ้าห่มที่มีบางคนเตรียมมา(แบบที่บางคนแซวว่าเอามาทำไมไม่รู้) มันไม่พอจริงๆ ผ้าห่ม 4-5 ผืนกับคน 30 กว่าคน เรียกว่าคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มไม่ได้แตะผ้าห่มเลยแหละ คนนอนข้างมันดึงผ้าห่มจนตึงลอยอยู่กลางอากาศเลย หึหึ กลางดึกเราลุกขึ้นมาติดไฟเตาแก๊สปิกนิก เพราะทนอีกต่อไปไม่ไหวแล้ว ลุกขึ้นมานั่งล้อมวงกันในค่ายพักนั่นแหละ เตาแก๊สใบนิดเดียวกับเด็กม.4 30 กว่าคน คุณนึกดูก็แล้วกันว่ามันจะเป็นอย่างไร แต่พวกผมก็ไม่ได้เปิดทั้งคืน เพราะแก๊สที่เตรียมมา วัตถุประสงค์คือหุงหาอาหารเท่านั้น ถ้าเปิดตลอดเราอาจจะมีปัญหามากกว่านั้น คืออดข้าวด้วย เช้าวันถัดมา เราส่งเพื่อนคนหนึ่งกลับไปกับครอบครัวของเขาที่บังเอิญ(?)เดินทางมาในช่วงเวลาเดียวกัน เพราะร่างกายเขาไม่แข็งแรง รับสภาพแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ คืนที่ 2 (เราไปค้างแค่ 2 คืน) ทุกคนรู้ปัญหาจากคืนแรกแล้ว แต่คืนนี้ปัญหามันหนักกว่าเดิม เพราะแก๊สปิกนิกสุดที่รักของเราหมดซะแล้ว... เราต้องผ่านคืนอันเหน็บหนาวนี้ไปให้ได้ นั่นแหละประสบการณ์รอบกองไฟครั้งแรกของผม! พวกเราทั้งหมดนอนอยู่ที่นั่น... รอบกองไฟ... สองหรือสามกอง... เวลาเกือบ 20 ปีทำให้ผมจำรายละเอียดไม่ได้มากนัก รู้แต่ว่าต้องคอยพลิกตัวตลอดทั้งคืน เพราะด้านที่หันใส่กองไฟร้อนมาก... แต่เนื้อหนังด้านตรงข้ามเย็นเฉียบ... ผมจำได้ว่าอย่างน้อย คืนนั้นพวกเรารอดมาได้โดยไม่ได้รบกวนใคร เราก่อไฟด้วยเศษไม้เท่าที่หาได้บริเวณนั้น กิ่งไม้แห้งกลางฤดูแล้งมีความชื้นไม่มากนัก และเราก็รู้จักใช้ความรู้ที่เรียนมามาประเมินว่ากิ่งไม้สดที่มีความชื้นมากทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ นอกเหนือจากติดไฟยากแล้วยังให้ควันมากอีกด้วย แต่ถึงกระนั้น ผมก็จำได้ว่ากองไฟของเราก็มีควันอยู่บ้างเหมือนกัน คืนนั้น นอกจากพวกเราแล้ว รอบข้างรัศมี 1 กม. ผมเชื่อว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนวนเวียนอยู่ และผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าสิ่งที่ทำลงไปจะกลายเป็นอาชญากรรมในสายตาคนบางคน และถึงแม้จะเป็น สามัญสำนึกของผมก็บอกตัวเองว่าเราไม่ได้เป็นผู้ร้ายใจทมิฬมาจากไหน ถ้าวันนั้นมีใครอยู่แถวนั้น และควันไปรบกวนเขา ผมคงยินดีที่จะย้ายกองไฟไปให้ห่าง เพื่อไม่ให้ไปรบกวนเขา แต่ด้วยสัญชาติญานการเอาชีวิตรอด ผมก็ไม่คิดว่าจะยอมกลับไปนอนสั่นอยู่ในค่ายพักแล้ววัดดวงกับโรคปอดบวม กองไฟไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ น้ำใจต่างหากซึ่งเป็นปัญหา ถ้าเรามีน้ำใจกับเพื่อนร่วมทาง รู้จักสำนึกในสิทธิของผู้อื่น เราก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขครับ ปล.คุณ"ชอบนอนเต๊นท์" ผมไม่ใช่หมอ แต่ว่าเพื่อนๆมากกว่าครึ่งหนึ่งที่นอนผิงอยู่รอบกองไฟด้วยกันในคืนนั้น หลายคนวันนี้ใช้ชีวิตเป็นหมอในโรงพยาบาลต่างจังหวัด อีกหลายคนเลือกเป็นหมอในเมือง ให้ความรู้กับประชาชนทางโทรทัศน์อยู่บ่อยๆ ผมคิดว่าพวกเราเป็นคนที่มีสำนึกต่อสังคมไม่น่าเกลียดน่าชังอะไร รู้จักเคารพสิทธิ์คนอื่น และไม่ชอบเช่นเดียวกันเมื่อเข้าไปในป่าแล้วพบกับพวกย้ายที่กินเหล้า ทัวร์ฉิ่งฉับที่เป็นตัวทำลายความสงบสุขที่แท้จริง ถึงแม้วันนี้จะห่างไกลกับการไปกางเต๊นท์ก่อกองไฟมานานหลายปีดีดัก แต่ผมยังมองดูพวกผิงไฟไล่หนาวเหมือนมองตัวเองย้อนเวลากลับไป แค่ก่อกองไฟไม่ถึงกับเป็นอาชญากรรมหรอกครับ จากคุณ : พี่ว่านะ - [ 7 ม.ค. 47 00:35:30 A:210.86.208.191 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรียน คุณพี่ว่านะ ผมเห็นด้วยกับคุณ ที่บอกว่า การก่อกองไฟไม่ถึงกับเป็นอาชญากรรม ผมเองก็เที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มาตั้งแต่สมัยปี 2513 (ตั้งแต่คุณไพโรจน์ สุวรรณากร ซึ่งล่วงลับไปแล้ว)เป็นหัวหน้าอุทยานในครั้งนั้น เที่ยวมาจนกระทั่งปัจจุบัน สิ่งที่สังเกตเห็นได้ตลอดสามสิบกว่าปี ของการเที่ยวอุทยานแห่งชาติ คือ จำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นมาโดยตลอด และพฤติกรรมนักท่องเที่ยวก็เปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือของการไปเที่ยวแค้มป์ก็พัฒนาก้าวหน้าไปเป็นอย่างมาก แต่สิ่งที่ผมเห็นว่ายังไม่เปลี่ยน คือ นิสัยเลวๆซึ่งติดอยู่ในสายพันธุ์ของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ที่ไม่รู้จักกาละ เทศะ และไม่เคยตระหนักถึงความเกรงใจต่อสมาชิกอื่นที่อยู่ร่วมในสังคมของ Camping Site นั้นครับ สภาพการเที่ยวเมื่อยี่สิบ-สามสิบปีก่อน ใครจะก่อกองไฟ กันอย่างไร ก็คงไม่มีใครว่า เพราะนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปนอนเต๊นท์แต่ละคราว แทบจะนับหัวได้ แล้วตอนนั้น ความสำเหนียกถึงเรื่องมลภาวะและสภาพแวดล้อมเป็นพิษก็ยังไม่ได้มีการกระตุ้นให้พวกเราสำนึกกันเท่าใดเลย แต่ปัจจุบัน เงื่อนไขต่างๆ มันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นักท่องเที่ยวจำนวนมากกางเต๊นท์กันแทบเรียกว่า สายเต๊นท์เกยกันอยู่แล้ว ยิ่งในช่วงเทสกาลนี่ เอาก้อนหินขว้างไปยังไม่ตกถึงพื้นเลย แล้วถ้าทุกคนเล่นก่อกองไฟโดยอ้างว่าหนาว แค่นี้ก็ไม่อยากจะนึกภาพแล้วว่ามันจะเดือดร้อนกันสักแค่ไหน ควันของเราก็ไปรมเต๊นท์อื่น ของเต๊นท์อื่นก็มารมเต๊นท์ของเรา นี่ไม่นับเปลวหรือสะเก็ดไฟที่จะกระเด็นไปโดนผ้าเต๊นท์จนไหมขาดเป็นรู หรืออาจทำให้ไฟไหม้เต๊นท์ ย่างสดนักท่องเที่ยวเป็นหมูย่างอีกนะครับ ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า ในเมื่ออยากไปเที่ยวหน้าหนาว ก็ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม ถ้าไม่พร้อมก็อย่าไป เพราะไปแล้ว ไม่ใช่ตัวเองเดือดร้อนอย่างเดียว แต่จะไปรบกวนคนอื่นๆให้เดือดร้อนไปด้วยครับ สรุป ผมยังเห็นด้วยกับคุณครับ ถ้าสภาพของการเที่ยวแค้มปิ้ง มันย้อนยุคไปสักสิบห้า ถึงยี่สิบปีครับ แต่ปัจจุบัน มันไม่ค่อยจะเหมาะสมกับสภาพที่เป็นอยู่จริงแล้วครับ จากคุณ : AQUANAUTS - [ 7 ม.ค. 47 09:26:59 A:203.146.6.89 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 เอาไปอ่านเล่นๆ อีกสองกระทู้แล้วกันครับ ตั้งไว้เมื่อเดือนที่แล้ว เที่ยวภูหนาวจัด อย่าก่อฟืนไฟ ได้ไหม จากคุณ : สองฝั่งโขง - [ 16 ธ.ค. 46 12:24:36 A:202.28.9.80 X: ] http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E2584320/E2584320.html เที่ยวภูดอยหนาวจัด เสื้อหนาวหนาๆเตรียมพร้อม อย่าก่อกองไฟ จากคุณ : สองฝั่งโขง - [ 19 ธ.ค. 46 11:39:30 A:202.28.9.67 X:10.7.251.191 ] http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E2588724/E2588724.html อ่านกันสนุกๆ ครับ อย่าคิดอะไรมาก พอดีเห็นเป็นหัวข้อเดียวกัน จากคุณ : หมอนทองแท้ - [ 7 ม.ค. 47 12:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เคย เห็นสภาพ การนอน เต้น ตามดอยที่ไทยนะครับ ว่าเป็นไง เดียวนี้ เบียด เสียด กันมากเหรอ ครับ ถีงควันไฟเค้าเต้น ถ้ามีเจ้าหน้าทีไปสอน ก่อไฟ ให้ถูกทีถูกทางก็คงดี นะเนีย จากคุณ : E-Boat - [ 7 ม.ค. 47 16:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เวลาผมไปเที่ยว ผมก่อกองไฟเอานะครับ แต่เวลาก่อจะไม่ใช่หาไม่แถวนั้นมาก่อ แต่จะก่อจากเตาถ่านครับ เวลาดึกๆ หิวขึ้นมา ก็ปิ้งข้าวจี่ ... (ข้าวเหนียวชุบไข่ใส่เกลือแล้วเอามาปิ้งให้เหลือง) จากคุณ : (ก้อนหิน) ละเมอ -_- ..z..z..z - [ 7 ม.ค. 47 21:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่งไป ทับเบิกมาอ่ะ ไม่ได้หนาวถึงขนาดต้องก่อไฟ แต่ก็มีเด็กๆมาก่อไฟเล่น แบบเป็นทรงถัง แล้วเอาตะแกรงวางด้านบน คงทำไว้เพื่อย่างอะไรกินนั่นแหละ แต่เด็กพิเรนท์ก็เล่นกัน เอาเศษแตงโมไปปิ้งเล่น เอาเศษใบไม้แห้งไปสุมลง เท่านั้นแหละ ควันขโมง . . . ลุกฮือ . . ยังยัง ไฟมอด นึกว่าน้องแกจะเลิก ยังเล่นต่อคับ . . เฮ้อ . . น้องเค้ากำลังโต การก่อไฟ มันได้บรรยากาศของการมาเที่ยวนะ คลายหนาวด้วย แต่ไหง หลายคนมองว่าเป็นเรื่องไม่ดีแฮะ . . มารับฟังคับ รับฟัง จากคุณ : yog_bf - [ 7 ม.ค. 47 21:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอนไปภูกระดึงก็ไม่ได้ใช้ไม้ที่ไหน ใช้ลูกสนน่ะค่ะ แต่ใช้แค่หุงข้าวกับทำอาหาร ส่วนเรื่องความหนาวส่วนตัวแล้วก็ เตรียมอุปกรณ์นอนที่อุ่นๆ ไปอยู่แล้ว ก่อไฟให้พองามละกัน เอาเท่าที่จำเป็นและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จากคุณ : อาซิ่ม - [ 7 ม.ค. 47 22:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อืมมมม จากคุณ : สะใจโรคจิต - [ 7 ม.ค. 47 23:29:49 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อืม................. จากคุณ : อิเลคโทน - [ 8 ม.ค. 47 02:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทางสายกลางแล้วกัน ขอให้พิจารณา กาลเทศะ เวลาสถานที่ สภาพอากาศ บางครั้งมันก็จำเป็นที่ต้องก่อ ใครที่เคยเจอความหนาวแบบหฤโหดจะรู้ว่าสาหัสแค่ไหน แต่ตามลานกางเต้นท์ตามอุทยานที่คนไปมากๆ ส่วนใหญ่เขาไม่ให้ก่ออยู่แล้ว จากคุณ : poonoi - [ 8 ม.ค. 47 09:03:54 A:203.107.211.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 บางครั้งก็จำเป็นเวลาจะทำกับข้าวหรือต้องการแสงสว่าง แต่อยากให้เกรงใจผู้อื่นและจุดไฟอย่าให้เกินขอบเขตและนาน พยายามอย่าตัดไม้ให้มากนัก จะให้เลิกเลยบางทีมันเลี่ยงไม่ได้ จริงๆสมัยก่อนไม่มีแก๊สปิ๊กนิ้กยิ่งเลี่ยงไม่ได้ใหญ่ ยังไงถ้าอยากเลี่ยงจริงๆอยากแนะนำให้นักเดินทางนำถุงนอนหนาๆ เสื้อหนาวหนาๆ และถ้าต้องการแสงสว่างนำไฟฉายไปด้วย อย่าลืมยา โลชั่นกันผิวแห้ง และ กย. 15 กันยุงไปด้วย คิดว่าอุทยานที่ๆคนไปเยอะไม่น่าจะหนาวมาก เดาว่ายิ่งคนหนาแน่นจะยิ่งอุ่นแออัดขึ้น ไม่เชื่อลองเบียดบนรถเมล์ดู เห็นด้วยว่าการก่อกองไฟทำลายสภาพแวดล้อม แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ (ไม่เคยไปตั้งแคมป์ต่างจังหวัด เคยหนนึงตอนไปเรียนต่อค่ะ ความเห็นอาจจะแตกต่างจากหลายๆท่านที่นี่) จากคุณ : เด็กศิลป์ - [ 8 ม.ค. 47 13:52:41 A:203.146.150.194 X: ]

ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อวานพิมพ์ไป 3 หน้า แต่มือพลาดไปโดนปุ่ม F5 หายเกลี้ยงเลย ------------------------------------------------------------ 1. การก่อไฟกองฟืน รบกวนคนรอบข้างจริง เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่ยอดนิยม เช่น เขาใหญ่ ดอยอินทนนท์ ภูกระดึง ภูหินร่องกล้า เป็นต้น ซึ่งเมื่อหน้าเทศกาลคนแน่นยังกะตลาดนัด นั่งเหยียดขาดีๆอาจจะไปพาดตักคนเต็นท์ข้างๆ ซึ่งอุทยานฯเหล่านี้ ในเบื้องต้นก็ได้ห้ามไม่ให้มีการก่อฟืนอยู่แล้ว เพื่อประโยชน์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแต่พอจะอนุโลมให้ก่อบนเตาถ่านได้ โดยจัดหาอุปกรณ์ไว้ให้เช่าด้วย แต่ในความเป็นจริง มีไฟก็ย่อมมีควัน แม้จะเป็นการประกอบอาหารเล็กๆน้อยๆก็ตาม ถ้าคนแน่นๆ ยังงัยมันก็ลอยไปรบกวนคนข้างๆอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่ว่าก็ดีไป แต่ถ้าเขาว่าก็จะเกิดประเด็นเหมือนกระทู้นี้นั่นเอง ในเกือบทุกอุทยานแห่งชาติ จะมีลานกิจกรรมรอบกองไฟ ซึ่งพอจะอนุโลมให้ก่อกองฟืนได้ บางที่มีขอนไม้รอบเป็นม้านั่ง อาจจะพอเป็นทางออกสำหรับคนขี้หนาวได้ และคงไม่รบกวนคนอื่นมากนัก และส่วนมากอุทยานฯที่เป็นที่นิยมเหล่านี้ ถนนหนทางมักจะสะดวกสบาย รถขึ้นถึง หรือไม่ก็มีลูกหาบช่วยยกช่วยแบก เอาเครื่องกันหนาวไปเยอะก็คงไม่เป็นภาระมากหรอกครับ ขนเหล้าโซดาน้ำแข็งไปยังหนักกว่านี้เยอะ ดังนั้น ในความคิดผม(คนเดียว) สถานที่ท่องเที่ยวในข้อนี้ จึงเหมาะสมที่จะจำกัดขอบเขตการก่อกองไฟครับ 2. การก่อกองไฟยังจำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวในบางที่ ในบางสถานที่ที่กันดาร รถราเข้าไม่ได้ ต้องเดินป่า ปีนเขา ปีนดอย ต้องหมอบต้องคลาน ข้ามห้วยข้ามคลอง เดินจนหน้าตั้งก็ยังรักเธอ เช่น โมโกจู ภูแว ม่อนจอง ลังกาหลวง เขาหลวงนครฯ เขาสอยดาวใต้ ที่แต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวสักกี่กลุ่ม เราจะไปหาเช่าเตาถ่านมาจากใหนกัน ยังงัยมันก็ต้องก่อไฟอยู่แล้ว แม้ในปัจจุบัน แต่ละกลุ่มจะใช้เตาแก๊สหรือเตาน้ำมัน ประกอบอาหารกันอยู่แล้ว แต่นั่นก็เพียงทำกับข้าวไม่กี่อย่าง ต้มน้ำชงกาแฟ หรืออย่างมากก็ต้มถั่วเขียวรอบดึก ไอ้ที่จะใช้หุงข้าวสำหรับ 7-8 คน น่ะรอกันเงกเลย ไม่ต้องไปใหนแล้ว เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องก่อฟืน ครั้นจะหอบเอาเตาถ่านไปจากบ้าน มันก็โอเวอร์สิ้นดี ลำพังสัมภาระส่วนตัว ยังม้วนแล้วม้วนอีก บางทีเดิน 4 วัน ใช้เสื้อแค่ตัวเดียว เดินกันจนเน่าไปข้าง ใครมันจะยอมแบกเตาอันเบ้อเริ่มไปล่ะครับคุณ ขนาดฝากยัดกะหล่ำลงเป้แค่หัวเดียว พวกยังมองค้อนเล้ยย... ยังงัยก็ต้องก่อกองไฟ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะโหมฟืนโหมไฟ ยังกะจะเต้นซูลูซำปาลู หรือบูชายันต์ใครนะครับ เอาพอเหมาะๆ แค่อบอุ่นๆ แค่หม้อข้าวเดือด อันนี้เท่าที่เห็น(อาจจะไม่ใช่ส่วนมาก) เค้าก็รู้ๆกันอยู่  ไม่เห็นต้องพูดอะไรกันมาก จนปากเปียกปากแฉะเลย ทำไมไม่นอนอยู่บ้านล่ะ ขอเถอะครับ คนเรามีวิธีการใช้ชีวิตไม่เหมือนกัน เหมือนเรากินข้าว บางคนชอบรสจืด สบายท้อง สบายตัว เหงื่อไม่ไหล มีคนพะนอเอาใจ นอนฟูกหนาเป็นฟุต แต่บางคนชอบรสเผ็ด ซาบซ่า ไม่ได้เหงื่อนอนไม่หลับ ไม่ทรมานสังขารแล้วไม่สบายใจ ดอยขึ้นดอยชันๆเป็นการเช็คสุขภาพประจำปี เรามีวิธีการแสวงหาความสุขกันคนละแบบ เราชอบแต่คนอื่นไม่ชอบ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราผิดปกติ คนอื่นก็ไม่ได้วิปริต ใจเขาใจเรา มันไม่เหมือนกัน จะเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานได้อย่างไร (เปรียบเทียบให้ฟังนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวก็มีคนมาแขวะผมอีกล่ะ) ในความคิดของผม ความเหมาะสมของการก่อกองไฟ เราจะใช้ไม้บรรทัดอันเดียวกันมาวัดไม่ได้หรอกครับ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น 1. กฏกติกา ระเบียบ ของแต่ละที่ เช่น บางที่ห้ามก่อไฟ บางที่ไม่ห้าม ควรสอบถามให้แน่ชัด (รวมทั้งการพาน้องหมาไปเที่ยวด้วย คุณใช่มั๊ยที่บอกว่า เบื่อสังคมไม่มีระเบียบ แต่กลับฝ่าฝืนกฏเสียเอง แม้จะเป็นกฏเล็กๆน้อยๆก็ตาม) 2. จำนวนนักท่องเที่ยว คนเยอะๆยังงัยมันก็กระทบกันอยู่แล้ว ยั้งสักนิด ก่อนก่อไฟสอบถามกันสักหน่อย ขอก่อไฟหน่อยนะครับ ผิงไฟด้วยกันมั๊ยคะ แสบตาเหรอครับ เดี๋ยวผมดับไฟเดี๋ยวนี้แหละ 3. จุดประสงค์ของการก่อไฟ ผิงแก้หนาวหรือ ทำกับข้าวหรือ ไม่ใช่จุดพร่ำเพรื่อ เออเนาะ..กางเต็นท์แล้วมันต้องก่อไฟเป็นสเต็ปต่อไป หนาวไม่หนาวไม่รู้ กับข้าวก็ซื้อกินที่ร้านอาหาร แต่ยังงัยฉันก็ต้องก่อไฟเป็นความเคยชิน อันนี้ก็คิดดูเอาเองครับ ก่อก็ให้พอเหมาะพอเจาะ ไม่ใช่ถั่งโถมโหมแรงไฟราวจะบูชายัญใคร 4. รับผิดชอบได้ใหม ก่อแล้วดับด้วย ดับคือดับสนิท ไม่ใช่มีควันอ้อยอิ่งเป็นทะเลหมอก หายใจเอาทั้งคืน ตื่นมาล้างหน้าทีต้องล้างจมูกด้วย ดำยังกะท่อเฮดเดอร์ พร้อมที่จะดับไฟถ้ามีคนแย้งว่าโดนรบกวน โดยไม่มีการต่อปากต่อคำกันให้วุ่นวาย นี่มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรเลย เพียงแต่ถ้าเรารู้ว่าความเหมาะสมมันอยู่ตรงใหน กาละเทศะสะกดยังงัย แค่นี้เอง ถูกมั๊ยครับ ------------------------------------------------------------ ขออนุญาตแก้ไขให้อ่านง่ายๆขึ้นครับผม ------------------------------------------------------------ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 47 17:11:12 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 47 12:16:49 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 9 ม.ค. 47 12:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถูกใจจริง ความเห็นคุณบ่เบี้ย บ้านไพร ถ้าวันนั้นผมแบบแก๊ส picnic ขึ้น ลังกาหลวง หรือ ผีปันน้ำ แฮ่ะๆ... คงไม่มีวันนี้หรอกครับ ขอย้ำด้วยคนว่า ก่อไฟได้ตามความเหมาะสม แต่ด้วยน้ำใจที่มีต่อเพื่อนร่วมทางนะครับ จากคุณ : พี่ว่านะ - [ 9 ม.ค. 47 15:19:34 A:203.144.143.250 X:202.133.135.41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อ่านของคุณบ่เบี้ยมันส์ไปเลย ... จากคุณ : Hana* - [ 9 ม.ค. 47 16:05:37 ]

ความคิดเห็นที่ 28 (ยกมือขึ้นสูงสุดๆ).........((((((((ใช้สิทธิพาดพิงอ่ะค้าบบ))))))))........คุณปู่อควอเรี่ยม..พาดพิงอ่ะจ๊ะ..."ยิ่งในช่วงเทสกาลนี่ เอาก้อนหินขว้างไปยังไม่ตกถึงพื้นเลย " ..นั่งอ่านอยู่ดีๆ..ไหงมาเอาผมไปพูด..ไปขว้างได้งัยอ่ะ....กระทู้นี้ว่า จะนั่งอ่านนอนอ่านอย่างเดียวซะหน่อย...เลยทนไม่ได้เลยอ่ะ..แต่..เอ๊ะ..นั่น...นั่น...(((((((กริ๊ดดด)))))))....(ขออนุญาตกริ๊ดก่อน)..เจอผู้พี่ฝาแฝดอ่ะจ๊ะ...เพ่(ก้อนหิน)..ละเมอ พี่เกิดก่อนหรือผมเกิดหลังอ่ะจ๊ะ...(งง..มะ)..ช่างเหอะเน๊าะ..เอาเป็นว่าเราชื่อคล้ายกัน..ใจตรงกัน..สาวๆเค้าคงไม่สับสน..คิดว่าพี่เป็นผม..แล้วมาหลงรัก.. ผมหรอกเนอะ..เพราะพี่ออกจะหล่อก่าาาตั้งเยอะ...พี่พยายามอย่าพูดติดอ่าง...(ใส่จุดเยอะๆ).. แบบผมก็คงพอแยกแยะ..ได้หรอกหน่า..อีกอย่างผมไม่ชอบล๊อคอินด้วยอ่ะจ๊ะ..คงไม่..งง..หรอก เนอะ...อ่ะ..มาเข้าเรื่อง...((((ขอฟันธงเลยอ่ะจ๊ะ)))))..ไม่เดินสายกลางกันล่ะ..ต้องห้ามก่อจ๊ะ..เหตุผลเหรอจ๊ะ.. เอ่อ..เหตุผลก็..คือ..เอ่อ..แหม..เหตุผลของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการก่อฯก็ดีๆอยู่แล้ว..จะคิดเพิ่มเติมอย่างอื่นก็ ไม่เป็นซะด้วย..จะพูดตามเค้าไป..คนเค้าก็จะจับได้ว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง..แม้ช่วงแรกๆ..จะหลงใหลเคลิบเคลิ้ม.. คิดว่าการก่อกองไฟ..เป็นเสมือนวัฒนธรรมของการแคมป์ปิ้งอย่างนึง..ที่เชื่อว่าจะห้าม..จะรณรงค์ยังไงก็คงมีคนทำ.. พูดตามตรงก็เห็นจะเป็นไปว่า..ถ้าไม่ทำก็แทบจะไม่ได้บรรยากาศ..(แล้วตัวเองก็เคยทำ)..เหมือนไปเที่ยวทะเลแต่ไม่..สั่งปลาเก๋าสามรส.. ก็จะไม่เหมือนมาเที่ยวทะเล..ยังไงอย่างงั้นเลยอ่ะจ๊ะ..(ไม่เกี่ยวเลยเน๊าะ)... แต่คงได้เวลาถึงเวลาแล้วล่ะ..ที่คนรุ่นเราจะสร้างค่านิยม..ความรู้สึกใหม่ๆ..สงวนสิ่งดีๆที่ยังคงพอมีให้ดูอยู่บ้าง..ในรุ่นเรา.. (เช่น..ป่าไม้..ปะการัง..ปูเสฉวน..เสือโคร่ง..ผ้าถุง..วีซีดีลูกเกดเมทินี..ฯลฯ)..ให้รุ่นลูกรุ่นหลานเราเหลือไว้ดูบ้าง..เอาไว้คนรุ่นเรา.. สงวนกันเก่งๆมี(ป่า..มีไม้..)เหลือเยอะๆแล้ว...ค่อยกลับมาก่อกันให้ระเบิดเถิดเทิงกันอีกทีก็ได้เนอะ..พี่เบี้ยฯไม่ว่ากันเด้อ.. ไม่พบกับพี่ครึ่งทางกับพี่ล่ะ..จ๊ะ...พี่จ๋าาาาา....พี่ๆเพื่อนๆน้องๆ..หรือมิตรรักแฟนเพลง..ของผม..หรือใครที่คิดอยากก่อกองไฟ.. ให้ไปก่อพระเจดีย์ทรายแทน...ดีมั้ย..หนาวมากก็นอนกอดกันอยู่ในห้องดีมั้ย..หนาวหลังก็นอนเอาหลังชนกัน..เตรียมอะไรต่อมิอะไร ให้พร้อม..เอาเครื่องทำน้ำอุ่น ฮีตเตอร์ไป..ถ้าอยากให้ได้บรรยากาศการก่อกองไฟ..ก็พยายามนอนหัวคว่ำๆ..ฝันถึงแต่สิ่งดีๆ.. คิดถึงคนรุ่นหลังๆลูกๆหลานๆให้มากๆ..เดี๋ยวก็ดีเองอ่ะจ๊ะ..คงช่วยอะไรไม่ได้มากหรอก..แต่ไม่รู้จะพูดอะไรดีอ่ะ...ที่จะโน้มน้าว จิตใจคนอื่นอ่ะ..สงสัยต้องเล่นคุณไสย์..ซะแล้วมั้งเรา..เฮ้ออออออ..คิดถึงเจ้าบังกะโล..(หมา..ที่หายไป)..จัง.. จากคุณ : ..ก้อนหิน..ชอบ(นู๋)ฝัน - [ 9 ม.ค. 47 17:43:08 A:203.118.85.236 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 สั้น ๆ ง่าย ๆ เห็นด้วยกับคุณ บ่เบี้ย บ้านไพร จากคุณ : ATI - [ 9 ม.ค. 47 17:43:23 A:202.62.95.34 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 30 คนที่คัดค้านการก่อไฟแบบหัวชนฝา ลองใจให้กว้างอ่านของคุณ บ่เบี้ย บ้านไพร อธิบายได้ดีครับ จากคุณ : Poonoi - [ 10 ม.ค. 47 09:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มีสัจธรรมหลายอย่างที่ได้เห็นค่ะ 1.ความเห็นของคนส่วนใหญ่ไม่จำต้องถูกเสมอไป 2."คน" เห็นแก่ตัวนึกถึงความสุขของตัวเองก่อนเสมอ 3.ทุกคนพยายามหาเหตุผลสนับสนุนความต้องการของตัวเองก่อนนึกถึงเหตุผลความถูกต้องที่แท้จริง จากคุณ : ผ่านมา - [ 12 ม.ค. 47 10:54:32 A:203.118.86.158 X: ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้ามั่นใจว่ากลางทุ่งนาที่กลุ่มเราตั้งเต๊นท์อยู่ หรือมั่นใจว่ากลางป่าเขาที่กลุ่มเราจับจองพื้นที่อยู่ มีแค่เพียงเรากลุ่มเดียว...ไม่มีกลุ่มอื่น การจะก่อฟื้นไฟ ก้อก่อไปเถิด การจะสูบอัดบุหรี่ ก้อทําทานให้ปอดเถิด การจะส่งเสียงดัง ก้อให้คอหอยแตกไปเถิด การจะรําไพ่ ก้อให้มันเจ๊งไปเถิด การจะสูบบ๊อง ก้อสูบให้มันยิ้มได้คนเดียวเถิด การจะนุ่งลมห่มฟ้า ก้อให้นางฟ้าในป่าได้ยลโฉมบ้างเถิด ----เพราะโลกนี้เป็นของนายคนเดียว---- จากคุณ : พลแรมทาง - [ 12 ม.ค. 47 16:29:39 A:202.28.9.67 X:10.7.251.253 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าคิดจะไปเที่ยวน่าจะรู้อยู่แล้วว่าหนาว ก็เตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อมซิครับ ผมเคยไปภูกระดึงเมื่อ 20 ปีก่อนไม่เห็นต้องก่อไฟเลย ผมว่าพวกที่ก่อไฟนะไม่เตรียมอุปกรณ์ และที่สำคัญไม่เตรียมใจไปลำบาก จากคุณ : Mr.Watt - [ 12 ม.ค. 47 17:42:38 A:202.5.80.174 X: ]

ความคิดเห็นที่ 34 อืม การทำอะไรก็แล้วแต่ คำนึงถึงความเหมาะสม สภาวะแวดล้อม แล้วก็คนรอบข้างด้วยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ** นี่ตาก้อนหินฯ นอกใจเจ้าแก้วฯ เดี๋ยวมี เฮ.. จากคุณ : เป็นได้แค่คนในฝัน - [ 13 ม.ค. 47 13:45:30 ]