หลวงพระบาง...ขี่ทางขัว Day 1 (Dec, 7, 2003
ด้วยความชะล่าใจ ผมไม่ได้เช็คตารางเดินรถเส้นทางเชียงใหม่-เชียงรายต่อไปเชียงของซะก่อน ทำให้พอไปถึงอาเขตที่เชียงใหม่เพื่อถามหาตั๋วไปเชียงของ ก็ได้รับคำตอบที่ทำให้ใจเสียว่า รถที่มีที่ว่างที่จะออกจากเชียงใหม่เที่ยวต่อไปนั้นคือเที่ยว 15.00 น. ไปถึงเชียงรายไม่ทันรถสายเชียงราย-เชียงของเที่ยวสุดท้ายแน่นอน ทำไงดีล่ะ นึกในใจว่า เอาวะ ยอมเสียเวลาสักวันนอนที่ตัวเมืองเชียงรายก็ได้ แต่ก็ต้องลดเวลาที่จะอยู่เที่ยวในลาวลงไปหนึ่งวัน เพราะกำหนดวันกลับไว้ตายตัวแล้ว โฮสเตสสาวเหนือใจดีคงเห็นหน้าตาเซ็งเป็นไก่โดนปิ้งของผม ก็เลยทำอีท่าไหนไม่รู้ โยกโน่นย้ายนี่ สลับที่เที่ยวนี้ไปเที่ยวโน้น ทำให้ผมได้ขึ้นรถแอร์สายเชียงใหม่-เชียงรายเที่ยว 14.30 น. วู้ฮู้! มีลุ้นล่ะที่นี้
รู้สึกว่านั่งน้านนาน รถวิ่งช้าเหลือเกิน ทางมันโค้งไปโค้งมาด้วยมั้ง แต่ท้ายสุดเค้าก็จอดส่งลงที่สี่แยกแม่กรณ์ คนขับกับพี่โฮสเตสคนสวยบอกว่าเวลามันฉิวเฉียดเหลือเกิน ให้ดักรอรถที่นี่จะดีกว่าเข้าไปที่ท่ารถเพราะอาจคลาดกันได้ ผมเลยลงมายืนหอบเป้พะรุงพะรังรออยู่ที่ศาลาข้างทางนั่นแหล่ะ ตอนนั้นมันก็ห้าโมงสิบห้าแล้ว เริ่มมืดลง มืดลง อากาศก็เย็นหนาว รอไปรอมาด้วยใจระทึกถึงห้าโมงห้าสิบ รถไปเชียงของเที่ยวสุดท้ายก็วิ่งปุเลงๆมาแต่ไกล ผมใจชื้นขึ้นเยอะเมื่อได้ขึ้นรถไป มันเป็นรถเก่าๆ ที่นั่งแคบๆ คนเกือบเต็ม คงเป็นชาวบ้านในละแวกทั้งหมด เพราะทยอยกันลงไปเรื่อยๆ จนถึงอำเภอเทิง ก็เหลือผมกับผู้ชายคนอื่นๆอีกแค่สี่ห้าคน รวมหลวงพี่รูปหนึ่งด้วย ฟ้ามืดจนสนิท เริ่มมองสองข้างทางไม่เห็น อากาศหนาวจนคนรถต้องเดินไล่ปิดหน้าต่างให้สนิททุกบาน ผมหยิบเสื้อแจ็คเก็ทมาใส่ แต่กางเกงที่ใส่อยู่ดันเป็นสามส่วน โธ่ ก็ตอนแรกคิดว่าอยากได้ฟีลน่ะ ป้ายข้างทางบอกเหลืออีกร้อยกว่ากิโล ทำไมมันไกลอย่างนี้ฟะ ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าชายคนโดยสารคนอื่นลงไปหมดแล้ว เหลือผมกับหลวงพี่ที่นั่งอยู่แถวหลังๆถัดไปเท่านั้นที่เป็นผู้โดยสารอยู่บนรถ คนขับเปิดเพลงลูกทุ่งดังลั่นออกลำโพง ผมพยายามฟังว่าเป็นภาษาอีสานหรือภาษาเหนือก็ยังฟังไม่ออก เพลินๆอยู่กับความคิด มาตกใจเมื่อหลวงพี่ย้ายมานั่งที่เบาะแถวข้างๆ ถามเสียงเบาๆเนิบๆว่า โยมจะไปไหนล่ะ ไปเชียงของครับ หลวงพี่ล่ะครับ ไปเชียงของเหมือนกัน โยมมาจากไหน กรุงเทพครับ มาไกลนะ ไปทำอะไรที่เชียงของล่ะ ก็ตั้งใจว่าจะข้ามไปฝั่งลาวน่ะครับ แล้วจะนั่งเรือไปตามแม่น้ำโขง ไปหลวงพระบางครับ ......................... เสียงเพลงจากลำโพงรถเงียบไปแล้ว มีเพียงเสียงรถวิ่งฝ่าความมืด หลวงพี่เงียบไปจนผมอึดอัด พลันเสียงเบาๆก็ถามขึ้นมาอีกว่า โยมเคยเห็นพญานาคมั้ย ...เอ่อ....ก็เคยอ่านในหนังสือ ดูในหนังน่ะครับ มีจริงนะ ท่านมีอยู่จริง.... แล้วหลวงพี่ก็เบือนหน้ามองไปทางหน้าต่างแล้วไม่พูดอะไรอีกเลย ฮึ่ย อย่าเล่นงี้น่าหลวงพี่ ผมมาคนเดียวนะ กว่าจะตัดใจมาเที่ยวคนเดียวอีกครั้งนี่ก็คิดแล้วคิดอีก เพราะครั้งก่อนๆ(ซึ่งก็เกือบทุกครั้งนั่นแหล่ะ)ที่ต้องเดินทางคนเดียว ให้นอนที่ไหน ให้กินอะไรได้หมด มีปัญหาอยู่อย่างเดียวคือ กลัวผี ครับ
สามทุ่มแล้ว รถมาจอดที่อำเภอเชียงของอันเงียบสงัด ส่งผมกับหลวงพี่ลงแล้วรถก็เคลื่อนออกไป ผมไหว้ลาหลวงพี่ที่เดินดุ่มย้อนกลับไปทางที่รถมา ผมเหลียวมองรอบตัว พบว่าตัวเองยืนอยู่หน้าธนาคารแห่งหนึ่ง แสงไฟนีออนจากหน้าตู้เอทีเอ็มพอส่องให้เห็นว่ามีลุงแก่ๆนอนขดอยู่ในสามล้อที่จอดอยู่ข้างๆไม่ไกล ผมเดินไปใกล้จนแกรู้สึกตัว บอกให้แกไปส่งยังที่พักที่ใกล้ๆด่านข้ามแดน ลุงแกพึมพำอะไรมาสองสามคำ แล้วก็สตาร์ทเครื่องรถ มันคงเป็นสามล้อถีบมาก่อน แล้วคนถีบคงเบื่อน่องโป่ง เลยอัพเกรดติดมอเตอร์เข้าไปซะสบายน่องเฉิบ ผมนั่งกอดเป้แน่นด้วยความหนาวเสียงเครื่องยนต์ดังแต่กๆๆๆสะท้อนก้องถนนแคบๆที่สองข้างทางเป็นตึกแถวไม้เก่าๆ แค่สามทุ่มเอง แต่ทั้งเมืองเงียบสนิท ปิดไฟมืดหมดแล้ว เห็นแสงเทียนวับแวมมาจากวงเหล้าของฝรั่งบ้างพอให้รู้ว่าไม่ใช่เมืองร้างนะจ๊ะ
ลุงคนขับจอดรถหน้าเกสท์เฮ้าส์แห่งหนึ่ง มีป้ายบอกชื่อบ้านทิพย์เกสท์เฮ้าส์ ผมเดินเข้าไปถามหาห้องพัก เหลือว่างพอดีหนึ่งห้องราคาสองร้อยบาท ผมไม่ต่อรอง ไม่ซักถาม เพราะเหนื่อยแล้วก็มืดมากแล้ว คนดูแลถือกุญแจพาเดินไปที่ห้อง พอถึงเลยรู้ว่า เป็นบังกะโลหลังหนึ่งเชียวนะ ในห้องมีเตียงนอนใหญ่ มีห้องน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น อ้อ มีพัดลมด้วย แต่คืนนี้คงได้เปิดสวิทช์หรอก หนาวยะเยือกซะขนาดนี้ ผมไหว้พระสวดมนต์คาถาบทใหญ่ แล้วหลับไปอย่างง่ายดาย
จากคุณ :
รอย
- [
11 ม.ค. 47 21:14:30
A:203.107.211.185 X:
]