ความคิดเห็นที่ 1 ** แต่ก่อน ..เขาหาว่าผมเป็นคนบ้า ....** สมศักดิ์เริ่มเรื่องอย่างน่าฟ้ง ก่อนที่จะอธิบายด้วยสำเนียงเหน่อ ๆ แบบชาวเขาต่อไปว่า ** เพราะ สองปีแรกที่ผมทำไร่กาแฟ ได้กาแฟมาเท่าไหร่ผมเอาไปแจกชาวบ้านหมด เขาเลยว่ากันอย่างนั้น ** สมศักดิ์เล่าย้อนหลังถึงอดีตอย่างอารมณ์ดีว่า ** ผมอยากให้กาแฟของผมเป็นกาแฟปลอดสาร ทุกอย่างเลยยากตั้งแต่เริ่ม ปุ๋ยนี่ผมก็ต้องไปเก็บขี้วัวขี้ควายมาใส่ เพราะปุ๋ยเคมีนี่ผมไม่ใช้เลย ทำไปปีแรกก็มีปัญหาเรื่องเชื้อกินแก่นลำต้น ผมเลยไปปรึกษากับทางโครงการหลวง ฯ** สมศักดิ์หมายถึงโครงการหลวงดอยขุนกลางที่อยู่ถัดไปอีกเล็กน้อย ** ตอนนั้นผมดังมากครับ เพราะว่าไปทะเลาะกับอาจารย์จาก มช. ที่เป็นที่ปรึกษาโครงการหลวง ฯ ตอนแรกเขาแค่ขู่ ว่า จะไม่รับกาแฟของผมไปขายเพราะไม่ได้คุณภาพ เพราะกาแฟผม ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมี แล้วก็ไม่มีการฉีดยาป้องกันโรค ผมบอกเขาว่า ผมยังอยากทำตามวิธีของผม ผมต้องการให้กาแฟผมปลอดสาร ผมเชื่อว่าสามารถทำได้ แต่เขาบอกว่าทำไม่ได้ คุยกันไปคุยกันมา ตอนท้าย ๆ เขาพูดเลยนะว่า ' คุณรู้รึเปล่าว่าผมเรียนจบอะไรมา แล้วคุณล่ะ !!! ' ** จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ** ผมต้องมาหาทางแก้ไขเรื่องเชื้อรากินลำต้นเอาเอง เพราะทางโครงการ ฯ บอกว่าต้องเอายาฆ่าแมลงมาหยอดตรงจุดที่เป็น แต่ เจ้าเชื้อนี้ มันเริ่มกินจากราก แล้วค่อย ๆ ลามมากินแก่นกลางลำต้น กว่าจะเห็นว่า เป็นโรค ต้นนั้นก็ตายแล้ว ยิ่งตัวผมเองก็ไม่ใช้สารเคมีอยู่แล้ว ก็เลยต้องหาทางใหม่ ** ** ตอนหลังผมมารู้ว่า เจ้าเชื้อนี้น่ะแพ้มดส้ม** เขาพูดถึง มดส้มซึ่งหมายถึงมดแดง แล้วเล่าต่อว่า ** ผมก็ไปหามดส้มมาไว้ที่ต้นกาแฟผม แต่มดส้มก็ดันย้ายรังหนีหมด เพราะไม่มีอะไรกิน ผมก็นึกมาได้ว่ามดส้มต้องอยู่กับต้นมะม่วง ผมเลยปลูกต้นมะม่วงแซม ปรากฏว่ามดส้มไปอยู่ที่ต้นมะม่วงหมดเลย** เขาพูดไปหัวเราะไป ** จากนั้น ผมก็เลยลองปลูกต้นไม้แซมหลาย ๆ อย่าง จนปีที่สองทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น พอปีที่สาม ผมก็เก็บเกี่ยวมาขายได้ ทางโครงการหลวง ฯ ก็เริ่มยอมรับ ** ** ปกติทางญี่ปุ่นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพกาแฟว่าปลอดสารหรือไม่ เชื่อรึเปล่าว่า ทางผู้ส่งออกต้องให้มาตรวจที่นี่เท่านั้น เพราะว่ากาแฟจากที่อื่นไม่มีทางตรวจผ่าน ปกติเขาจะชอบพามาตอนเย็น ๆ พอตรวจเสร็จก็มืด จะได้ไม่มีเวลาไปตรวจที่อื่นอีกไง ...555** แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 01:28:00 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ** ก่อนทำไร่กาแฟ ผมเคยไปเห็นต้นกาแฟโบราณ มันอยู่กลางป่าตั้งห้าสิบกว่าปีโดยไม่มีใครมาดูแล มันก็ยังให้ผลตามปกติ ....ไม่มีใครไปรดน้ำก็ยังอยู่ได้** เขาท้าวความไปยังอดีตอีกครั้ง ** ผมมานั่งนึก ๆ ดูแล้ว ต้นไม้ก็เหมือนคนเรานี่แหละ คนเราถ้าได้กินวันละ 3 มื้อ พอขาดมื้อไหนไปก็จะหิวจนทนไม่ได้ เพราะไม่ชิน ต้นไม้นี่ก็เหมือนกัน ถ้ารดน้ำทุกเช้า หากไม่ได้รดสัก 2 - 3 วันมันก็แย่ แต่ดูอย่างพระสิ บางท่านก็ฉันแค่มื้อเดียวก็อยู่ได้แล้ว เจ้าต้นกาแฟโบราณนี่ก็เหมือนกัน ปีนึงรดน้ำหนเดียวคือน้ำฝนในช่วงหน้าฝนก็อยู่ได้แล้ว เพราะเป็นความเคยชินของมัน ** จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ** เดี๋ยวนี้ทางโครงการ ฯ ต้องมาดูงานที่ไร่ของผม เพราะไร่ของทางโครงการ ฯ ต้องจ้างคนเฝ้า 6-7 คน ไว้คอยพ่นยา รดน้ำ เดือนหนึ่ง ๆ มีค่าใช้จ่าย 3 - 4 หมื่นบาท แต่ไร่ของผม ใช้มดส้มเฝ้า ไม่เสียสักบาทหนึ่ง พอฝนตกเมื่อไหร่ก็ถือเป็นการรดน้ำ เพราะต้นกาแฟของผมชินกับการให้น้ำปีละครั้งในช่วงหน้าฝนอยู่แล้ว แต่ละเดือนผมแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย นาน ๆ ค่อยจ้างคนมาถางหญ้าสักครั้ง ด้านอาจารย์ มช. ตอนนี้ก็กลายเป็นสนิทกันไปแล้ว เขายังเชิญผมไปพูดที่ มช. อยู่บ่อย ๆเลย** ** ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าเรื่องกาแฟของผมไปเข้าหูเจ้าของกาแฟเบอร์ดี้ได้ไง ** เพราะจู่ ๆ วันหนึ่ง หม่อมเจ้าภีศเดช ฯ ที่ดูแลโครงการหลวง ฯ ก็พาเขามาหาผม ทำเอาผมงงไปหมดเลย ** ** เขาเล่าว่า เขาบินมาเมืองไทยเพื่อมาหาผมโดยตรง จึงติดต่อขอความช่วยเหลือกับทางหม่อมเจ้าภีศเดช ฯ ตัวหม่อมเจ้าภีศเดช ฯ ก็พาเขา มาหาผมถึงบ้านเลย ** ** เราคุยกันตั้งนานแน่ะ เขาบอกว่าอยากลองชิมกาแฟของผม ผมเลยชงให้เขา เชื่อป่ะว่าตอนนั้นเครื่องบินจะออกอยู่แล้ว เลขา ฯ ของเขาก็เร่งใหญ่เลย แต่เขาบอกว่า ขอกินกาแฟของผมให้หมดก่อน เรื่องเดินทางกลับค่อยว่ากันทีหลัง ผมยังภูมิใจจนทุกวันนี้ ..... ** จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สมศักดิ์ในวันนี้ เป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้ออกรายการทีวีหลายต่อหลายครั้ง เป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้รับเชิญให้ไปบรรยายในหลาย ๆ จังหวัด และคงเป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้เข้าเฝ้า.....บ่อยที่สุด ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า กว่าเขาจะก้าวมาจนถึงวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมามากมายเพียงใด แต่ผมก็พอจะเข้าใจว่า ความกล้าที่จะแตกต่างอย่างมีคุณค่า ต้องแลกมาด้วยความทุ่มเทเพียงใด และผมคงต้องขอคารวะ ให้กับปกาเก่อญอตัวเล็ก ๆ แต่หัวใจยิ่งใหญ่คนนี้... สมศักดิ์....ปกาเก่อญอผู้เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น แห่งบ้านแม่กลางหลวง ...... จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ... ทุ่งนาขั้นบันได จากเส้นทางน้ำตกผาดอกเสี้ยว - โครงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แม่กลางหลวง ... แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 01:40:29 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ... ทุ่งนาข้าวเหลืองอร่าม ก่อนการเก็บเกี่ยว 3 วัน ที่โครงการ ฯ ... แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 02:16:47 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ... ทุ่งนาขั้นบันได อีกที ... เลยกระท่อมหลังที่เห็นลิบ ๆ นี้ไปอีกหน่อย ก็ถึงที่พักของเราแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 02:14:55 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 01:47:39 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 01:41:05 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 .. อีกมุมหนึ่งของนาขั้นบันได ไม่รู้จะเบื่อรึยังน้อ .. แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 01:41:54 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระท่อมเล็กริมลำธารสายน้อย ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันไดเหลืองอร่าม ในอ้อมกอดของขุนเขา ณ. โครงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แม่กลางหลวง แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 01:43:52 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 น่ายกย่องจัง จากคุณ : ซัน - [ 14 ม.ค. 47 01:40:40 A:203.113.80.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 น้ำตกผาดอกเสี้ยว ที่หลั่งไหลเร่งแรงชั่วนาตาปี ให้ความชุ่มชื้นแก่ผืนป่าดิบอุดม และ สรรพสัตว์ นา ๆ ชาวปกาเก่อญอ แห่งบ้านแม่กลางหลวงก็อาศัยน้ำจากแหล่งน้ำนี้แหละครับ ที่นี่เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดครับ จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 01:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 13 บนดอยหัวเสือในวันฟ้าเปิด จะได้เห็น ท้องฟ้าสีจัดดูสดใส และ "สวรรค์สีส้ม" เพราะเมื่อยามพระอาทิตย์ตกนั้น ทั้งทุ่งหญ้าและป่าสน จะถูกอาบไปด้วยแสงอาทิตย์สีส้มสด จนงดงามเกินบรรยาย ติดต่อลูกหาบ และ เจ้าหน้าที่นำทางได้ที่ โครงการ ฯ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่นำทาง ลุงคำ .... เพิ่งลง อสท. เล่ม ม.ค. 47 นี้ ไปหมาด ๆ ลองไปหาดูรูปลุงคำใน อสท. ได้ครับ ในเรื่องของ สองดอยสองอารมณ์ ที่ อินทนนท์ครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 02:23:30 แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 02:01:27 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 02:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ช่วงระยะเวลาปีครึ่งที่ผ่านมา ผมไปแม่กลางหลวง 5 ครั้งแล้ว พอนึกอะไรไม่ออก ก็ไปนอนแม่กลางหลวง พอนึกอะไรออก ก็ไปนอนแม่กลางหลวงอีกล่ะน่า... หลังตรุษจีน ก็คงไปอีกรอบ.... เยอะนะครับสำหรับคนทำทัวร์อย่างผม ปกติไปเที่ยวที่ไหนใหม่ ๆ ผมก็ไม่ค่อยจะกรี๊ดกร๊าดอะไรมาก เพราะผมคิดว่า ที่สวยกว่านี้ผมก็เคยเห็นมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะทะเล หรือ ภูเขา แต่แม่กลางหลวง มีอะไรที่พิเศษกว่า ..... ต้องลองไปสักครั้งครับ แล้วจะรู้ว่าทำไม ???? แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 47 02:12:08 จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 02:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 0-6193-6464 โครงการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แม่กลางหลวง ติดต่อ ชาลี ผู้เป็นทุกอย่างตั้งแต่ นักการ ไปจนถึง ผอ.โครงการ จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 02:11:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ภูมิปัญญาที่ได้มา แลกกับความทุ่มเทและเชาว์ปัญญาที่ทำได้ไม่ง่ายเลย ปล.มดกินราเป็นอาหารจริงๆด้วย คงเคยเห็นมดเก็บใบไม้เข้ารัง เพื่อไปเพาะเชื้อรากิน นับถือจากใจ ชอดื่มให้หนึ่งจอก.... จากคุณ : แอบดู - [ 14 ม.ค. 47 03:32:34 A:203.144.187.62 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมยังงงอยู่หน่อยเดียวครับว่า กาแฟโบราณเนี่ย มันกาแฟพันธุ์ อะไรกันแน่ครับ เมื่อสักยี่สิบมามาแล้วจะได้มั้ง ผมกับเพื่อนสองคน ต้องลุยขึ้นเชียงใหม่ เดินข้ามดอย ตะลอนๆ กันเป็นสัปดาห์ ไปแถวบ้าน "ผานกกก" ( ที่ทางขึ้นมาจากบ้านโป่งแยงแอ่งดอยนั่นและครับ ) คือไปทำ Research เรื่อง กาแฟ ตอนนั้น โครงการเกษตรที่สูงเขาแนะนำให้ชาวเขา ปลูกกาแฟพันธุ์ อะราบิก้า (ซึ่งมันต้องปลูกบนที่สูง ต่างกับพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งปลูกในที่ลุ่มลงมา และตอนนั้นปลูกกันมากแถวชุมพร) ตอนหลังๆนี่ โรคราสนิมมันขึ้นใบซะจนเขาต้องเลิกปลูกกาแฟไปแล้วเพราะยาอะไรๆก้เอาไม่อยู่ แล้วพวกที่เป็นพาหะนำโรคตัวดีที่สุดเลย ก็ คือมนุษย์นี่แหละ เดินตะลอนๆแบบผม ข้ามจากดอยนี้ไปดอยโน้น พวก สปอร์เชื้อรา เชื้อโรค มันก็ติดตามเสื้อผ้า ตามตัว เอาไปติดกับต้นกาแฟ ของสวนอื่น ไร่อื่น ในอีกฟากเขา ต่อเรื่อยๆ จนติดกันทั้งหุบเขา หลังจากกลับมาก็ได้เขียนบทความลงใน จุลสาร ทางด้านการเกษตร จำได้ว่า เคยเน้นลงไปว่า กาแฟที่ปลูกกันในทางการค้าน่ะ มันมีแค่สองพันธุ์ คือ อะราบิก้า และโรบัสต้า ส่วนพันธุ์ไลเบอริก้านั้น ไม่เป็นที่นิยมกัน และต่อมาก็เห็นมีหลายท่านได้ใช้ประโยชน์จากบทความที่ผมสองคนเขียนกันเมื่อกว่ายี่สิบปีก่อนโน้นเอาไปอ้างอิงในการทำรายงานกันต่อๆมา ส่วนเพื่อนคนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันน่ะ ตอนนี้เขาเกษียณตัวเองไปแล้วครับ สำหรับการใช้ปัจจัยทางด้านชีวภาพในการเร่งผลผลิต หรือการกำจัดศัตรูพืชนั้น ชาวบ้านเขาใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นทำกันมาก่อนนานแล้ว แล้วบางทีนักวิทยาศาสตร์ หรือนักวิชาการเกษตรมาเห็นเข้าก็เลยเอาไปประยุกต์เข้ากับวิชาการที่ตัวเองเรียนมา ผมยังงงอยู่หน่อยเดียวอ่ะครับว่า ที่เขาบอกว่า กาแฟโบราณเนี่ย มันกาแฟพันธุ์อะไรกันแน่ครับ ถ้ามีโอกาสกลับบ้านที่ลำพูนคราวหน้า ผมว่าจะหาเวลาแวะขึ้นไปเสวนากับคุณสมศักดิ์ และคุณชาลี บ้าง เผื่อจะได้ความรู้อะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพิ่มเติมขึ้นอีกครับ จากคุณ : AQUANAUTS - [ 14 ม.ค. 47 06:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอคารวะคุณสมศักดิ์และเจ้าของกระทู้หนึ่งจอกค่ะ จากคุณ : Yo - [ 14 ม.ค. 47 07:57:44 A:202.129.36.234 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 เคยไปครั้งเมื่อเปิดตัวช่วงแรกๆ ประทับใจตอนเิดินไปน้ำตกผาเสี้ยว ตอนที่ไป ยังไม่มีบันไดแบบในรูปเลย จะเดินไปดูก็ต้องลุยน้ำเข้าไปครึ่งตัว ทางลื่นมาก ๆ เพราะไปตอนปลายฝน แต่สนุก ได้กลับไปอีกครั้ง คราวนี้มีที่พักมากกว่าแต่ก่อน แต่ความสงบเหมือนเดิม ว่าแล้วก็คิดถึงแม่กลางหลวงจัง จากคุณ : เอ - [ 14 ม.ค. 47 08:53:18 A:203.185.153.2 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 แม่กลางหลวงอยู่ที่ไหนครับ อยากไปบ้างจังเลยครับ จากคุณ : รุจน์ - [ 14 ม.ค. 47 09:06:38 A:61.19.199.142 X:172.17.24.101 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ AQUANAUTS ครับ สำหรับต้นกาแฟโบราณต้นนั้น ผมตอบง่าย ๆ เลยครับว่า * เฮาบ่ฮู้ * ต้องลองถามตัวสมศักดิ์เองน่ะครับ ลองโทรไปเบอร์ของโครงการ ฯ ก็ได้ เพราะแทบทุกเช้า สมศักดิ์เค้าจะมาเฝ้าอยู่ที่โครงการ ฯ ครับ คุณรุจน์ครับ แม่กลางหลวงอยู่บนเส้นทาง จอมทอง - อินทนนท์ครับ .... ก็ทางขึ้นอินทนนท์แหละครับเรียกให้หรูขึ้นไปอีกนิด ประมาณ กม.ที่ 26 มองไปทางซ้ายมือนะครับ จะเห็นป้ายบอก ตรงทางแยกซ้ายเข้าไปจะมีศาลาเก่า ๆ เป็นจุดสังเกตครับผม จากคุณ : ตะลอนมาสเตอร์ - [ 14 ม.ค. 47 10:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 22 น่าไปครับ ชาตินี้คงไม่พลาด จากคุณ : [[[tes]]] - [ 14 ม.ค. 47 10:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ไปมาเมื่อเมษายน ๒๕๔๕ สวยงาม ประทับใจมากก เริ่มแรกว่าจะพักเพียงคืนเดียวแล้วขับรถไปจอมทอง แต่ความสงบและความน่ารักของพี่และชาวบ้านโดยเฉพาะเจ้าหนุ่มน้อยขี้อายที่พาเราเดินไปผาดอกเสี้ยวตอนแปดโมงเช้า ทำให้พักอยู่เสีย สี่คืนที่นั่นกับอีกหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ แล้วตรงกลับชลบุรีเลย จะกลับไปเยือนอีกครั้งเร็ว เร็วนี้ ( ควายในหมู่บ้านชาวเขาที่อยู่ข้างหลังตัวใหญ่ดูแข็งแรงมากเพราะเราเดินไปทั่วแถวนั้น) จากคุณ : โซ่ - [ 14 ม.ค. 47 11:12:46 A:211.29.136.11 X:203.164.52.201 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คงได้ไปในไม่ช้า ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆ มาเผยแพร่ครับ จากคุณ : mekin - [ 14 ม.ค. 47 15:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เคยขึ้นดอยหัวเสือหน้าฝน ถึงแม้จะไม่เห็นวิวงาม ๆ แต่ก็ได้บรรยากาศอีกแบบ กาแฟของอ้ายสมศักดิ์ รสเยี่ยมจริง ๆ ซื้อกลับมาชงเองจนหมดไปนานแล้ว อยากจะกลับไปซื้ออีก เป็นทริปที่ประทับใจมาก ทุก ๆ คนที่ได้พบที่บ้านแม่กลางหลวงน่ารักมากๆ ขอบอก จากคุณ : สามสาว - [ 14 ม.ค. 47 19:16:10 A:203.113.35.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 เสพ เข้าคลังไปแระ ฮิ ฮิ จากคุณ : สม - [ 15 ม.ค. 47 10:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คุณตะลอนมาสเตอร์เล่าเรื่องได้ดีมาก อ่านเพลินจนจบเลยครับ... ลุง AQUANAUTS .. วันหน้าจะแวะไปขอความรู้บ้างนะครับ... จากคุณ : Pc (พงษ์ไชย) - [ 15 ม.ค. 47 11:19:18 ]