ความคิดเห็นที่ 17
คุณรพินทร์ ด้วยความยินดีครับ แต่ขอให้ส่งร่างต้นฉบับบทความ มาให้ผมอ่านก่อนนะครับ ให้ส่งมาที่ idyl@hotmail.com การที่ผมรวบรวมผลงานวิจัยเท่าที่มีอยู่และแปลมาอย่างนี้ หวังไว้ว่าสังคมมีข้อมูลที่ถูกต้องเท่าที่มีการศึกษาอย่างแท้จริง ไม่ถูกเหนี่ยวนำให้พิจารณาและตัดสินปัญหาด้วยอารมณ์ หรือวิตกจริต หรือจากบุคคลที่กึ่งรู้แล้วชี้นำไปในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งอาจจะนำไปสู่ความเข้าใจผิดมากยิ่งขึ้น จะด้วยเจตนาหรือไม่ก็ตาม เพราะเท่าที่อ่านดูจากการแสดงความคิดเห็นตามบอร์ดเกี่ยวกับเรื่องนี้ บางคนเสนอความคิดเห็นตาม อคติ ส่วนตัว แล้วชี้นำด้วยทิฏฐิที่คิดว่าตนเองรู้ แล้วเพ่งโทษผู้อื่น คุณรพินทร์เองก็ควรทราบว่าสื่อคือดาบสองคม ขอนะครับ อย่านำสิ่งที่ผมแปลไปเพ่งโทษฝ่ายใดเลย
จากงานวิจัยที่ผมแปลมา ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ทั้งหมด จึงไม่ควรด่วนสรุป แต่มาตรการควบคุมและป้องกนโรคควรดำเนินการอย่างเข้มงวด เพื่อลดโอกาสการแพร่ลุกลามของโรคขยายกว้างออกไป ดังนั้น ณ ขณะนี้ควรร่วมมือกันแก้ปัญหาโรคนี้ให้หมดสิ้นหรือควบคุมให้ได้ก่อน แล้วจะประเมินประสิทธิภาพการทำงานของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง น่าจะเป็นเรื่องที่ตามมา เพราะถ้ามัวแต่เพ่งโทษซึ่งกันและกัน ล้วนก่อให้เกิดความแตกแยกและไม่ได้รับความร่วมมือ ขณะนี้เกษตรกรรับผลกระทบมากที่สุด และเมื่อเผชิญปัญหาหนักที่ส่งผลต่อชีวิตพวกเขา ยิ่งอาจจะถูกชี้นำได้ง่าย ๆ จากผลงานวิจัย จะเห็นได้ว่า เราคาดการณ์ไม่ได้เลยว่า นกในลำดับ วงศ์ สกุล หรือชนิดใดบ้าง (โดยเฉพาะที่ยังไม่ได้มีการวิจัยไว้) จะมีความไว/เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดนกอย่างไร ยกเว้นนกในวงศ์ที่มีการวิจัยข้างต้นแล้ว ให้อนุมานได้เลยว่าน่าจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและสามารถกลายเป็นพาหะได้ค่อนข้างสูง และที่สำคัญ เรายังขาดข้อมูลสถานภาพการติดเชื้อในนกอพยพ แต่สิ่งที่ควรกระทำคือระงับการเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกทั้งหมด (รวมถึงนกเลี้ยงและนกป่า โดยเฉพาะนกเป็ดน้ำ นกเลี้ยงที่นำเข้าจากต่างประเทศและนกแก้วชนิดต่าง ๆ) และแยกชนิดสัตว์ปีกเลี้ยง/นก ออกจากกันโดยเด็ดขาด เพื่อลดการกระจายของเชื้อไวรัสผ่านพาหะใหม่ ซึ่งไวรัสจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยที่การเคลื่อนย้ายสัตว์ จะมุ่งไปในพื้นที่ที่ไม่มีการระบาด (อาจจะเพื่อหลบหนีการทำลายสัตว์นั้น ๆ) โดยที่ไม่มีการตรวจว่าสัตว์เหล่านั้นติดเชื้อหรือยัง จะเป็นการแพร่ขยายโรคไปสู่พื้นที่ใหม่โดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้การควบคุมโรคยากมากยิ่งขึ้น
มีรายงานวิจัยฉบับหนึ่งทดสอบประสิทธิภาพน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดนก ที่พบว่าสามารถทำลายโครงสร้างพันธุกรรมของไวรัส ทำให้เชื้อสูญเสียความสามารถในการติดต่อสู่สัตว์ บุคคลทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้ในบ้านของตนเอง โดยที่ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำตามฉลากข้างขวดอย่างเคร่งครัด ชื่อสารเคมีเหล่านี้เป็นชื่อทั่วไป ให้อ่านเทียบกับฉลากข้างขวดที่ระบุว่า active ingredient มีดังนี้
1. Phenol (Dettol) 2. Quaternary ammonium compound 3. Sodium hypochlorite
เอกสารอ้างอิง: 1. Perkins, LEL & Swayne DE. 2002. Pathogenicity of a Hong Kong-origin H5N1 highly pathogenic avian influenza virus for Emus, Geese, Ducks, and Pigeons. Avian Diseases 46:53-63.
2. Perkins, LEL & Swayne DE. 2003. Varied pathogenicity of a Hong Kong-origin H5N1 avian influenza virus in four passerine species and Budgerigars. Veterinary Pathology 40:14-24.
3. Zitzow, LA et al. 2002. Pathogenesis of avian influenza A (H5N1) viruses in Ferrets. Journal of Virology 76:4420-4429.
4. Perkins, LEL & Swayne DE. Pathobiology of A/Chicken/Hong Kong/220/97 (H5N1) avian influenza virus in seven Gallinaceous species. Veterinary Pathology 38:149-164.
5. Makarova, NV et al. 2003. Replication and transmission of influenza viruses in Japanese quail. Virology 310:8-15.
6. Guan, Y. et al. Emergence of multiple genotypes of H5N1 avian influenza viruses in Hong Kong SAR. Proceedings of the Natural Academy of Sciences of the USA. 99:8950-8955.
7. Panigrahy B et al. 2002. Avian influenza virus subtypes inside and outside the live bird markets, 1993-2000: a spatial and temporal relationship. Avian Diseases 46:298-307.
8. Suarez DL. 2003. The effect of various disinfectants on detection of avian influenza virus by real time RT-PCR. Avian Diseases 47(3 Suppl):1091-5.
จากคุณ :
Trogon
- [
31 ม.ค. 47 08:48:11
]
|
|
|