ความคิดเห็นที่ 1 ดีจังคับ เพิ่งอ่าน In to the t้hin air จบเป็นรอบที่ 7 เฮ้อออ...ฝันของผมก็คงเปนความฝันวันยังค่ำ จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 29 มี.ค. 47 19:32:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2      มีข่าวเกี่ยวกับทีมปีนเขาทีมนี้เพิ่มเติมจากเว็บ  everestnews. com  ตามลิงค์ข้างล่างนี้   http://www.everestnews.com/everestnews2/mseverest2004dis1.htm     คาดว่านาย  Paul Moores  (ผู้ช่วยคนถ่ายวีดีโอ  )  และก็นาย   John Whittle  (  คนถ่ายวีดีโอ )  จะปีนขึ้นไปกับนาย  tony   ส่วนนาย  Rachel Skelton (  TV Assistant Producer  )   กับนาย  Ewen Thomson   ( tv  director  )  คงจะอยู่ที่   advanced  base  camp   ไม่ปีนขึ้นไปด้วย   เพราะว่าดูจากข่าวนาย  john  กับนาย  paul  เป็นนักปีนเขา          4  คนนี้ได้แก่   Rachel Skelton,  Ewen Thomson, Paul Moores, John Whittle คาดว่าคงจะมาจากบริษัท  High Exposure  ส่วนนาย  tony  ไม่แน่ใจว่ามาจาก  bbc  หรือว่ามาจาก  High Exposure  หรือว่าอาจจะเป็นนักปีนเขาจากภายนอกอันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน     ทีมจากเว็บนี้เคยพิชิตยอดเขานี้ได้ในปี  2002  แต่ปี  2003  ไม่แน่ใจว่าขึ้นไปถึงยอดสูงสุดหรือเปล่า   รู้สึกว่าจะไปไม่ถึงนะ  เพราะว่าสมาชิกในทีมจากปี  2003  คนนึงประสบอุบัติเหตุในวันลุยยอดสูงสุด  (  คนที่ประสบอุบัติเหตุ  น.ส.พ.  ไทยรัฐเคยเอามาลงข่าวหน้า  2  เมื่อปีที่แล้ว  )  ก็ขอให้ปีนสำเร็จก็แล้วกัน  ทีมจากเว็บนี้จะได้แก้มือได้เสียทีปีนี้   ตอนปี  2002  ทีมจากเว็บนี้ปีนขึ้นไปถึงยอดสูงสุด   สมาชิกในทีมตอนปีนั้น (  stuart  peacook  พิมพ์ชื่อผิดขออภัยด้วยครับ )  เค้าเล่าให้ผมฟังว่า    ตอนขึ้นไปถึงยอดสูงสุดไม่มีทีมปีนเขาปีนมาจากด้านเนปาลมาจะเอ๋กันกับทีมปีนเขาของเค้าเลยบนยอดสูงสุดในวันนั้น  เค้าเดินลงไปด้านประเทศเนปาลด้วยแต่ก็ไปไม่ไกลนักเพราะว่าต้องรีบลงไปยังแคมป์สุดท้าย        เรื่องที่คุณว่าผมยังไม่เคยอ่านเลย   ใช่ปี  1996 หรือเปล่ ?     เอาไว้เจอกันใหม่ครับ         แก้ไขเมื่อ 29 มี.ค. 47 20:43:48 จากคุณ : kangchenjunga - [ 29 มี.ค. 47 20:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอาใจช่วย ยังไงก็ขอให้รอดกลับมาทุกคนนะครับ อย่าพิกลพิการกันล่ะ เพราะเห็นบางคนต้องแรกด้วยการตัดนิ้ว เพราะหิมะกัด หรือไม่ก็ม่องเท่งอยู่บนนั้น จากคุณ : ป๊อก P0 - [ 29 มี.ค. 47 21:28:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โหคุณ บ่เบี้ย บ้านไพร อ่าน In to the t้hin air 7รอบเชียวเหรอครับ ผม2รอบยังว่าเยอะแล้วน่ะเนี่ยะ สงสัยจะอินมากแน่เลย แต่ดีมากเลยอ่ะเล่มนี้ จากคุณ : บัคจัง - [ 29 มี.ค. 47 22:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช่แล้วคับ เหตุการณ์ในปี 1996 ที่พากันไปม่องเท่ง เยอะเป็นประวัติการณ์นั่นเอง เขียนโดย จอน คราเคเออร์ (คาดว่าจะสะกดถูก) ปกติผมเข้าไปดูข่าวที่ everestnews คับ วีรบุรุษในดวงใจ ก็ อีตา เอ็ด วีสเตอร์ นั่นแหละ ฝันอยากจะไปแตะๆเชิงเขาหิมาลัย สักครั้ง ก็คงจะเป็นได้แค่ความฝัน T_T ตอนนี้ก็เที่ยวปลายเทือกหิมาลัย (ดอยอินทนนท์) ไปก่อน ผมว่า อีกไม่นานคุณบัคจัง ต้องอ่านจนแซงผม อิอิ จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 08:57:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พูดเรื่องนี้ เลือดมันชักปุดๆ ขอแจมซักนิดนึงนะคับ วันนี้นั่งวาดแผนที่อันนี้หลาย ชม. ไม่ต้องทำงานทำการกันล่ะ ทราบข้อมูลทางสันด้านเหนือ (ธิเบต) จากคุณ kangchenjunga ไปแล้ว มาดูข้อมูลด้านเนปาลกันบ้างครับ จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 16:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ด้านเนปาลหรือ Southwest face นั้น เป็นด้านที่นักปีนเขานิยมใช้ในการพิชิตยอด Everest มากที่สุด และเป็นด้านที่ เซอร์เอ็ดมุนด์ ฮิลลารี และเทนซิง นอร์เกย์ เชอร์ปา พิชิตยอดเป็นครั้งแรกของโลกในปี 1952 ขณะที่ด้านธิเบตนั้น นับตั้งแต่ยุคท่านเซอร์ จอร์จ มัลลอรี่ ได้พยายามพิชิต (ประมาณปี 192x) แต่ได้เสียชีวิตลง ที่บริเวณ สันด้านตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นจีนก็ปิดพรมแดนทางด้านธิเบตด้านนี้ ทำให้นักปีนเขาต้องหันไปใช้ด้านเนปาลแทน และเพิ่งจะมาเปิดพรมแดนเมื่อไม่นานมานี้ ผาด้านธิเบต จัดว่าโหดหิน และปีนยากมาก ขณะที่ด้านเนปาล ที่ผ่านด้าน ผาลอตเส (Lhotse) นั้น สก็อต ฟิชเชอร์ เจ้าของบริษัทปีนเขาแห่งหนึ่ง เปรียบเปรยว่า เรา(หมายถึงนักปีนเขา) ได้ทำถนนอย่างดี เพื่อขึ้นไปยังยอดเอเวอเรสต์แล้ว (จากหนังสือ Into thin air - จอน คราเคเออร์) แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 47 17:46:06 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 16:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ก่อนหน้าที่คณะเซอร์เอ็ดมุนด์ และเทนซิง จะพิชิตยอดนั้น คณะที่ขึ้นไปใกล้เคียงมากที่สุด คือ คณะของ เซอร์จอร์จ มัลลอรี เจ้าของวลี "ก็เพราะมันอยู่ที่นั่น" ซึ่งท่านได้ตอบนักข่าวแบบฉุนๆเมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากพิชิตยอดเอเวอเรสต์นัก ส่วนในคณะของเซอร์เอ็ดมุนด์นั้น ก่อนหน้านี้ 1 วัน นักปีนเขาอีกทีมในคณะ (ในคณะจะแบ่งเป็นทีม ทีมละ 2 คน ปีนโดยใช้เชือกเส้นเดียวกัน) ก็ได้ไต่ไปถึงอีกเพียง 90 เมตร จะถึงยอด แต่ต้องกลับลงมาก่อนเพราะอุปกรณ์ให้ออกซิเจนขัดข้อง วันต่อมาเซอร์เอ็ดมุนด์ คนเลี้ยงผึ้งชาวนิวซีแลนด์ พร้อมเชอร์ปา เทนซิง นอร์เกย์ จึงขึ้นถึงยอดเป็นคู่แรกของโลก คณะนี้ใช้เส้นทางตามเส้นสีเขียว แต่ตั้ง Base camp บริเวณน้ำตกน้ำแข็งคุมบุ ส่วนเส้นสีเขียวคือเส้นทางที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ------------------------------------------------ รูปนี้คือ Base Camp ที่ระดับความสูงกว่าหกพันเมตร จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 16:47:50 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อุ๋ยย ลืมรูป จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 16:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ที่เห็นสีขาวๆนั่นคือ ส่วนหนึ่งของน้ำตกน้ำแข็งคุมบุ (Khumbu Icefall) ส่วนภาพนี้ เป็นอีกมุมนึง จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 16:52:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ยอด Everest มีความสูง 29,028 ฟุต หรือ 8,848 เมตร จะเห็นว่าสูงกว่าค่ายฐานแค่สองกิโลเมตรกว่าๆ บางท่านอาจจะสงสัยว่า เดินขึ้นรวดเดียวไม่ได้เหรอ ทำไมต้องอยู่หลายวัน นกปีนเขาทุกคนต้องผ่านการปรับสภาพร่างกายให้คุ้นเคยกับภาวะออกซิเจนน้อย โดยการเดินขึ้นเดินลงจาก camp  1 ,2,3 สลับกัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อดูดซับออกซิเจนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่แคมป์ฐาน ระดับความสูง 6 กิโลเมตรกว่าๆ มีระดับออกซิเจนแค่ 50 % ที่ระดับน้ำทะเล ขณะที่บนยอด Everest มีออกซิเจนแค่ประมาณ 30% ของปกติ ถ้าจับเอาคนปกติ ไปวางไว้บนยอด จะหมดสติและเสียชีวิตใน 5 นาที กว่าที่ เซอร์เอ็ดมุนด์ ฮิลลารี จะพิชิตยอดได้ ท่านต้องเดินขึ้นลงเพื่อปรับสภาพร่างกายรวมแล้วเป็นระยะทางกว่า 3 เท่าครึ่ง ของความสูงจากแคมป์ฐานถึงยอด (เนชนแนล จีโอกราฟฟิค - พ.ค. 2546) --------------------------------------------------------- น้ำตกน้ำแข็งคุมบุ --------------------------------------------------------- ทุกภาพ มาจาก http://www.everestnews.com แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 47 17:05:18 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:02:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 นี่คือผู้อยู่เบื้อหลังความสำเร็จในการขึ้นสู่ Everest พวกเขาคือ เชอร์ปา (Sherpa) เชอร์ปา เป็นชนเผ่าหนึ่งของราชอาณาจักรเนปาล พื้นเพเป็นคนที่สูง ใช้ชีวิตบนที่สูงได้ดี และทรหด อดทน จึงได้รับการว่าจ้างให้เป็นลูกหาบ ต่อมาก็ทับศัพท์ลูกหาบว่าเชอร์ปาไปเสียด้วยเลย เชอร์ปา ที่มีชื่อเสียงก็คือ เทนซิง นอร์เกย์ เชอร์ปา ซึ่งขึ้นพิชิตยอดเป็นคนที่ 2 ตามหลังเซอร์เอ็ดมุนด์ ในปี 1952 เชอร์ปา ที่ทำงานหนัก มีไหวพริบ และอดทน โดยเฉพาะผ่านการขึ้นยอด Everest มาแล้ว จะสามารถหาเงินได้หลายแสนบาทต่อปี เห็นเสื้อยี่ห้อ The NorthFace สีแดงคาดดำตัวนั้นมั๊ยครับ ราคาในเมืองไทย 6-7000 บาททีเดียว ส่วนเสื้อขนห่านสีดำด้านซ้ายมือนั่น ก็แพงไม่ใช่เล่น ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ความสะดวกสบายที่ค่ายฐานเป็นอัตราส่วนที่น้อยนิด เมื่อเทียบกับความลำบากในการปีนสู่ยอด - จอน คราเคเออร์ - 1996 ภาพจาก http://everestnews.com แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 47 17:22:59 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เขาวงกตของน้ำแข็ง ในน้ำตกน้ำแข็งคุมบุ ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 นี่คือโฉมหน้าของคณะนักปีนเขา ของบริษัท Adventure Consultant จากประเทศนิวซีแลนด์ บ้านเดียวกับท่านเซอร์เอ็ดมุนด์ บริษัทนี้ เป็นหนึ่งในทัวร์นักปีนเขา ที่ขึ้นไปตายกันมากเป็นประวัติศาสตร์ในปี 1996 โดยเฉพาะหัวหน้าคณะ ร็อบ ฮอลล์ ลูกค้าและไกด์อีก 2-3 คน ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สืบต่อจากร็อบ หรือ กีย์ คอตเตอร์ เพื่อนสนิทของร็อบก็ไม่รู้ (เดา) จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพของ A/C โดย ฺBob Gilman จาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ค่าย 1 บริเวณน้ำตกน้ำแข็งคุมบุ (Khumbu Icefall) ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ทีม A/C กำลังปีนส่วนบนของน้ำตกน้ำแข็งคุมบุ ภาพจาก http://www.everestnews.com โดย Bob Gilman จาก A/C จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:35:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพที่แล้วถ่ายตอนเช้าตรู่ ส่วนภาพนี้สายมาหน่อย ภาพจาก http://www.everestnews.com โดย Bob Gilman จาก A/C จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:37:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พักที่ค่าย 2 สักครู่ครับ วันนี้เน็ตผมอืดมาก เพื่อความไม่งง ดูแผนที่ใน คห.ที่ ึ7 ไปด้วยนะครับ เดี๋ยวตอนเย็นมาต่ออีกที ------------------------------------------------- ค่าย 2 ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 17:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ฮิฮิ พี่เบี้ยจับหนังสือเล่มเดียวกันเลย เจ้าแก้วฯอ่านเรื่องนี้ไป 4 รอบ แล้วต่อด้วยเรื่องของเอเวอร์เรสต์อีกเล่ม จำชื่อไม่ได้แล้ว เป็นผู้หญิงเขียน แต่เรื่องผู้หญิงนี่ไม่สนุกเท่าไหร่ดูเป็นแนวชีวิตเกินไป แต่เจ้าแก้วฯอ่านแล้ว ไม่เกิดความรู้สึกอยากไปเลย ถ้าไปเดินเตาะแตะแถวนั้นพอได้ แต่หากเป็นความรู้สึกของการอยากปีนเขา นี่ไม่มีเลย เพราะกลัวค่ะ กลัวจะตายก่อนถึงเบสท์แคมป์ อีกอย่างค่าปีนก็แพงเหลือหลายเก็บเงินเท่าไหร่ก็ไม่พอ จากคุณ : เจ้าแก้วพิสดาร ณ เมืองปาย - [ 30 มี.ค. 47 18:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เจ้าแก้วหมายถึงเรื่อง K2 ล่ะมัง อิอิ ซื้อมาเหมือนกันอ่านเปนปีแล้ว ยังไม่จบเลย จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 18:34:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เพื่อความมันในการอ่านเรื่อง K2 ควรดูหนังเรื่อง Vertical Limit ไปด้วย หนังเรื่องนี้สนุก พระเอกหล่อ เป็นช่างภาพ NG น้องสาวพระเอกก็งั้นๆ นางเอกไม่แน่ชัด แต่คนที่ใกล้เคียงที่สุด ก็สวยเข้าขั้น อิอิ จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 18:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ต่ออีกภาคนะคับ อันนี้เปนค่าย 2 ของทีม A/C ที่เห็นจังก้าขวางหน้าอยู่คือผาล็อตเส (Lhotse) ที่อาบแสงสุดท้ายของวัน พระอาทิตย์ตกด้านหลังของเรา ขวาสุดตกขอบเห็นเพียงเงายอดล็อตเส ยอดสูงอันดับต้นๆของโลกอีกยอดนึง ส่วนเอเวอเรสต์อยู่ด้านซ้ายตกขอบไปไกล นักปีนเขาที่ใช้เส้นทางนี้ ต้องปีนผ่าขึ้นไปดื้อๆอย่างนั้นแหละครับ ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 18:42:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คนนี้เป็นสมาชิกคนหนึ่งของคณะ A/C ในปี 2003 (มั๊ง) ยืนชี้มืออยู่ที่ค่าย 2 เห็นว่าสูงจริงชันจริง เพราะที่เค้าชี้อยู่น่าจะเป็นยอดล็อตเส ภาพจาก http://www.everestnews.com โดย Bob Gilman จาก A/C จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 18:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ระหว่างการปีนผาล็อเสครับ จะเห็นว่ามีไกด์ปีนนำขึ้นไปขึงเชือกไว้ให้เสร็จสรรพ ต่างจากการปีนทั่วๆไปที่ต้องผูกปลายเชือกอีกด้านและฝากชีวิตไว้กับบัดดี้ บางคนอาจจะเห็นด้วยกับ สก็อต ฟิชเชอร์ ที่ว่าไว้ใน คห.ที่ 7 ภาพจาก http://www.everestnews.com โดย Bob Gilman จาก A/C จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 18:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อันนี้เป็นค่าย 3 ที่ตั้งอยู่บริเวณแถวๆที่เรียกว่า Yellow Band ที่เห็นแนวหินที่ทอดยาวมาทางด้านขวามือของภาพ น่าจะเป็นส่วนที่เรียกว่า Geneva spur ภาพจาก http://www.everestnews.com แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 47 19:05:21 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 18:54:41 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ระหว่างนี้มีการใช้ออกซิเจนกันด้วย แล้วปีนไม่ใช้หน้ากากออกซิเจนได้มั๊ย??? มีคนไม่ใช้ก็มีครับ ไกด์ของสก็อตฟิชเชอร์คนนึงชื่อ อนาโตลี บูเครเยฟ (ชื่อก็บอกว่าเปนคนรัสเซีย) ก็เคยขึ้นโดยไม่ใช้ ถ้าอ่านหนังสือของจอน คราเคเออร์จะเห็นว่า อนาโตลี ค่อนข้างจะมีภาพพจน์ไม่ค่อยดีสักหน่อย ส่วนคนที่โด่งดังที่สุดในการปีนโดยไม่ใช้ออกซิเจนคือ ไรร์โฮลด์ เมสเนอร์ ในปี 1980 ที่ปีนเดี่ยวคนเดียว โด่งดังถึงขนาดว่า ถือว่าเป็นการปีนเอเวอเรสต์ของจริง ครั้งแรกของโลก ถึงขนาด เทนซิง นอร์เกย์ เชอร์ปา (คนที่ 2 ของโลกที่ขึ้นถึงยอด) ต้องออกมาเรียกร้องให้มีการสอบสวนว่าอีตาไรน์โฮลด์ นี่ ลักไก่หรือป่าว -------------------------------------------------- หน้าตาของอุปกรณ์ออกซิเจน ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:04:05 ]

ความคิดเห็นที่ 29 แต่อีกไม่นานต่อมา ไรน์โฮลด์ ก็ปีนโดยไม่ใช้ออกซิเจนอีกรอบ โดยใช้เส้นทางด้านเหนือ ที่ว่าโหดหินกว่าเส้นทางด้านผาล็อตเส แล้วกลับลงมาโดยสวัสดิภาพ ใครปันถึงไม่ถึงนี่เค้าวัดกันที่รูปถ่ายด้วยนะครับ ใครที่ขึ้นไปถึง ต้องถ่ายภาพสันเขาสำคัญทั้งสี่ทิศลงมาเป็นหลักฐานด้วย ห้ามลักไก่นาา.... รูปที่โด่งดังเจ๋งๆรูปแรกๆของโลกเป็นรูปที่ เทนซิง นอร์เกย์ ยืนโบกธงที่แขวนกับขวานสับน้ำแข็ง ที่เซอร์เอ็ดมุนด์ถ่าย ภาพนี้หาดูได้ที่ นิตยสาร NG ฉบับภาษาไทย เดือน พ.ค. 2546 เป็นปีครบรอบ 50 การพิชิตยอดเอเวอเรสต์ -------------------------------------------------------- ภาพนี้ Deryl Kelly บนส่วนที่เรียกว่า Yellow Bands. ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 30 .ในปีประวัติศาสตร์ 1996 นั้น นอกจากจะมีสุดยอดนักปีนเขา ร็อบ ฮอลล์ จาก A/C (Adventure Consultant) แล้ว ยังมี สก็อต ฟิชเชอร์ นีล บีเดิลแมน และอนาโตลี บูเครเยฟ และคณะ จาก บ. Mountain Madness เอ็ด วีสเตอร์ (ขวัญใจของผม) และสุดยอดนักปีนเขาอีกคนเดวิด บีชเชียร์ส จากคณะถ่ายทำภาพยนต์ของ Imax พีต อีธานส์ จาก บ. Alpine Ascend International Guild. จำชื่อคนนี้ไว้นะครับ เป็นอีกคนที่น่าสนใจ -------------------------------------------------------- ภาพนี้ใครก็ไม่ทราบ กำลังปีนผ่านช่วงที่เรียกว่า Geneva spur เพื่อขึ้นไปยังส่วนที่เรียกว่าช่องเขาด้านใต้ (South Col) จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีคณะติดตามย้อนรอยเส้นทางที่ท่านเซอร์ จอร์จ มัลลอรี่ที่ปีนครั้งสุดท้าย(และไม่ได้กลับมาอีกเลย) เพื่อพิสูจน์ว่าท่านเซอร์ฯได้ขึ้นไปถึงยอดหรือไม่ ปรากฎว่าพบครับ ท่านเซอร์จอร์จ นอนสงบอยู่บนไหล่เขาด้านนึง ในสภาพแผลดเบ้อเริ่มบนหัว และรอยแผลจากเชือกเต็มตัว คณะนั้นได้เก็บหลักฐานของเซอร์จอร์จกับมาด้วย เช่น แว่นตากันแสงแดด เครื่องใช้ส่วนตัว แต่ไม่พบกล้องถ่ายภาพ อันจะเป็นหลักฐานยืนยนว่า ท่านเซอร์จอร์จ ได้ไปถึงยอดเขาหรือไม่ ปิดโอกาสที่จะเป็นคนแรกของโลกที่พิชิต Everest ---------------------------------------------------- ตั้งค่ายบนช่องเขาด้านใต้ (South Col) ที่เห็นด้านหลังนั่น "เขา" ล่ะครับ ภาพบนและภาพนี้ จาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ...เมื่อไม่กี่ปีมานี้ มีคณะติดตามย้อนรอยเส้นทางที่ท่านเซอร์ จอร์จ มัลลอรี่ที่ปีนครั้งสุดท้าย(และไม่ได้กลับมาอีกเลย) เพื่อพิสูจน์ว่าท่านเซอร์ฯได้ขึ้นไปถึงยอดหรือไม่ ปรากฎว่าพบครับ ท่านเซอร์จอร์จ นอนสงบอยู่บนไหล่เขาด้านนึง ในสภาพแผลดเบ้อเริ่มบนหัว และรอยแผลจากเชือกเต็มตัว คณะนั้นได้เก็บหลักฐานของเซอร์จอร์จกับมาด้วย เช่น แว่นตากันแสงแดด เครื่องใช้ส่วนตัว แต่ไม่พบกล้องถ่ายภาพ อันจะเป็นหลักฐานยืนยนว่า ท่านเซอร์จอร์จ ได้ไปถึงยอดเขาหรือไม่ ปิดโอกาสที่จะเป็นคนแรกของโลกที่พิชิต Everest ---------------------------------------------------- ตั้งค่ายบนช่องเขาด้านใต้ (South Col) ที่เห็นด้านหลังนั่น "เขา" ล่ะครับ ภาพบนและภาพนี้ จาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ดูกันเต็มๆครับ กับ The Big E จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ส่วนที่เรียกว่า ระเบียงเอเวอเรสต์ (Everest Balcony) เห็นแล้วสยองครับท่าน ภาพบนและภาพนี้ จาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 35 บนยอดใต้ (South Summit) ดูจากภาพน่าจะเป็นการเปลี่ยนถังออกซิเจน จะเห็นส่วนที่เรียกว่า Hillary step (ถ้าเดาไม่ผิด) ส่วนที่ชันและปีนยากที่สุดในช่วงนี้ อยู่ด้านบนของภาพ (ตรงที่เป็นแท่งหินดำๆ) Hillary step ตั้งตามชื่อท่านเซอร์เอ็ดมุนด์ ฮิลลารี่ ภาพจาก http://www.everestnews.com แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 47 19:47:49 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 36 โอ้โห้ ลงทุนวาดรูปเลยเหรอครับ ผมว่ารูป ความคิดเห็นที่ 13 เจ๋งดี เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก รูป ค.ห. ที่ 26, 27 สวยดี ทีมที่มาปีนเอเวอร์เรสต์ด้านธิเบตในปี 2004 มีอีกทีมที่น่าสนใจก็คือ ทีมจากประเทศรัสเชีย เขาใช้เส้นทางผ่าไปตรงกลางของสันเขาด้านเหนือเลย ( ทีมที่ลงในข่าวที่ผมลงเอาไว้ เค้าใช้เส้นทางปกติด้านธิเบต ) ถ้าสนใจลองเข้าไปดูได้ที่ everestnews.com ได้เลยครับ เส้นทางนี้มันจะชันกว่าเส้นทางปกติที่ใช้ปีนกันด้านธิเบต ถ้าขึ้นไปถึงยอดสูงสุดได้ก็ต้องถือว่าฝีมือไม่ธรรมดา ผมว่าต่อให้ใช้อ๊อกซิเจนก็ยังยากมากถ้าใช้เส้นทางนี้ เอาไว้เจอกันใหม่ครับ จากคุณ : kangchenjunga - [ 30 มี.ค. 47 19:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 น่าจะเป็นช่วงที่ผ่าน Hillary step มาแล้วนะครับ ซ้ายมือลิบนั่นน่าจะเป็นยอด าพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 และแล้วก็ถึงยอด Everest ครับ ณ จุดนี้ ว่ากันว่า ไม่ต้องแหงนหน้าดูอะไรอีกแล้วเพราะไม่มีอะไรจะสูงกว่านี้ ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 19:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ค.ห. ที่ 37 สวยดี ใช้ได้ จากคุณ : kangchenjunga - [ 30 มี.ค. 47 19:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เน็ตหลุดคับ หวัดดีคับคุณคังเชนจังก้า ขอผมยึดกระทู้ซักแป๊บนะคับ กะลังมัน ภาพเหล่านี้เอามาจาก Everestnews ล่ะคับ เคยเอาไปแจมกระทู้คุณ OB1 แห่ง TKT เมื่อปีที่แล้ว ผมเพิ่งขุดขึ้นมา HD สดๆเลย เพื่อความบรรเทิงของพวกเราชาว BP คับ ^^' จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ภาพประกอบ คห.ที่ 31 ครับ ตะกี๊คงผิดพลาดอะไรซักอย่าง ดูอีกครั้ง บนค่าย 4 บริเวณช่องเขาด้านใต้ ภาพจาก http://www.everestnews.com เช่นเคยครับ จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:06:39 ]

ความคิดเห็นที่ 42 สัมภาระบางส่วนที่ถูกทิ้งไว้บนยอดเขา ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ณ เวลานี้มนต์สเน่ห์แห่ง Everest ก็ขจรขจายไปยังผู้ชื่นชอบภูเขาทุกทั่ว พอๆกับกรมสรรพากรกะลังขยายฐานภาษี ^^' คนนี้ Gary Guller ชายแขนเดียว ที่พิชิตยอดในปี 2003 (ถ้าจำไม่ผิด) นอกจากนั้นก็ยังเคยมีคนตาบอด ขึ้นไปถุงยอดมาแล้ว มีคนเคยสกีลงมาจากยอดมาแล้ว มีคาวบอยขึ้นไปเหวี่ยงเชือกบนยอดมาแล้ว หญิงไทยใจกล้าก็เคยเฉียดๆ ที่ยอดอื่นมาแล้ว อีกท่านที่เคยได้ข่าวว่าเคยไปค่ายฐานมาแล้วคือ คุณสุรจิต จามรมาน ถ้าจะมีคนไทยขึ้นถึงยอด ผมเชียร์คนนี้เป็นคนแรก ยังไม่รวมถึงคุณ เสก โลโซ แห่งทัวร์ดงทัวร์ดอย ที่เคยไปเดินลำบาก (Trekking) แถวๆหิมาลัย มาแล้ว ส่วนผม แค่ได้ไปสัมผัสพื้นดินประเทศเนปาล ก็คงจะเป็นบุญตาแล้ว จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เน็ตหลุดตะกี๊ เลยไปหารูปมาเพิ่ม คนนี้พ่อเอ็ด วีสเตอร์ ผู้ลือลั่นคับ ตะแกอกแบบอุปกรณ์บนที่สูงขายด้วย ขายภาพถ่ายด้วย ถ่ายโฆษณาโลเหล็กด้วย 9ล9 คนอะไรไม่รู้ หน้าตางั้นๆ แต่เท่โคดๆ... จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คนนี้ร็อบ ฮอลล์ จาก A/C เสียชีวิตแถวๆยอดใต้เมื่อปี 1996 ครับ ------------------------------------------------------------ ขอแก้ไขนิดคับ ปีที่เซอร์เอ็ดมุนด์ ฮิลลารี และ เทนซิง นอร์เกย์ เชอร์ปา พิชิตยอดเอเวอเรสต์ ได้เป็นครั้งแรกของโลกคือปี 1953 ครับ เพิ่งครบรอบ 50 ปีไปเมื่อปีที่แล้ว ขออภัยที่มั่วคับ อีก 10 ปีต่อมา คณะอเมริกันก็พิชิตโดยใช้เส้นทางสันเขาด้านตะวันตก หนึ่งในสมาชิกคือ แบรี่ บิชอป ซึ่งเป็นตากล้องของคณะ จำนามสกุลคนนี้นะคับ จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คนนี้ สก็อต ฟิชเชอร์ หัวหน้าคณะ และเจ้าของ บ. Mountain Madness เสียชีวิตแล้วเช่นกันในปี 1996 บนเอเวอร์เรสต์ ------------------------------------------------------------ เมื่อปีที่แล้วมีการฉลองวาระครบรอบ 50 ปี แห่งการพิชิตเอเวอเรสต์ครับ ในการนี้ ลูกชายของวีรบุรุษทั้ง 3 คือ 1. ปีเตอร์ ฮิลลารี (บุตรท่านเซอร์เอ็ดมุนด์ - คณะอังกฤษ 1953) 2. เบรน บิชอป (ลูกชายแบรี บิชอป - คณะอเมริกัน 1963) 3. จัมลิง นอร์เกย์ (ลูกชายเทนซิง นอร์เกย์ - คณะอังกฤษ 1953) ก็ได้ทุนสนับสนุนจาก NG ให้ขึ้นไปสู่ยอดในวันประวัติศาสตร์ โดย 2 คนแรกขึ้นสู่ยอด คนที่ 3 ให้กำลังใจที่ค่ายฐาน โดยการนำทางของ พีต อีธานส์ อดีตไกด์ แห่ง Alpine Ascend International Guide. ผู้พยายามปีนขึ้นยอดเอเวอร์เรสต์มาแล้ว 15 ครั้ง (ไม่เมื่อยเหรองัยเพ่??) --------------------------------------------------- จบครับ คงได้รับความบรรเทิงบ้างนะคับ ข้อมูลจาก 1. Into thin air โดย จอน คราเคเออร์ 2. NG ฉบับภาษไทย เดือน พ.ค. 2546 3. ้http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:40:36 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ลืม... ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่กระตุ้นต่อมอยากของผมคับ คุณคังเชนจังก้า นานๆมาที แต่เอาข่าวเอเวอร์เรสต์มาฝากทุกครั้ง และอนุญาตให้ผมโม้จนจบคับ ^^' จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 30 มี.ค. 47 21:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆแบบนี้ อ่านแล้วทำให้อยากไปเดินตามหาเบสต์แคมท์ซะแร้ว จากคุณ : <กิ๊กก๊อกเกอร์> - [ 30 มี.ค. 47 22:48:26 A:203.151.227.102 X: ]

ความคิดเห็นที่ 49 อื้อหือ คุณน้า บ่เบี้ย บ้านไพร นี่ข้อมูลแน่นดีจังครับ สมแล้วที่อ่านตั่ง7รอบ ดูข้อมูลที่มาลงแล้วคงกลับไปอ่านรอบที่3ต่อแน่เลยครับ จากคุณ : บัคจัง - [ 31 มี.ค. 47 08:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ว้าววว.... เห็นในเวบ TKT มีคนไปแถวๆ base camp มาแล้ว แต่ไม่ใช่ Everest นะคะ เป็น Anapurna Base Camp หรือ ABC ค่ะ อ่านในทัวร์ดอยมาบ้างเหมือนกันค่ะ พี่เสกแกก็สุดๆ ไปกัยมั๊ยพี่เบี้ย...ไปแตะๆ แถวๆเนปาลก็ยังดี อิอิ จากคุณ : Yo (Yoshiko) - [ 31 มี.ค. 47 14:42:08 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ภาพ ค.ห. 41 แคมป์อันนี้ผมก็ชอบ จ๊าบดี ภาพจากบางปีตรงแคมป์นี้มันจะมีถังอ๊อกชิเจนกองอยู่เพียบเลย ภาพ ค.ห. 43 จ๊าบดีเหมือนกัน ผมว่านะปีนยอดเขา 7,000 - 8,000 เมตร กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญถึงจะพิการถ้ามีกำลังใจกับความสามารถก็มีลุ้น ปี 1963 ที่ปีนสันเขาด้านตะวันตก เส้นนั้นก็จ๊าบใช้ได้ เส้นนั้นผมว่าท่าทางจะมีหิมะหนาไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน จากคุณ : kangchenjunga - [ 31 มี.ค. 47 15:24:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ทำลิงค์ให้คุณบ่เบี้ย เป็นข่าวการปีนสันเขาด้านเหนือใช้เส้นทางผ่ากลางเลย คงจะเริ่มปีนลุยขึ้นไปด้านบนประมาณวันที่ 7 - 9 เม.ย. คุณ บ่เบี้ยว่าทีมนี้จะปีนขึ้นไปยอดสูงสุดได้หรือเปล่า ? http://www.everestnews.com/everestnews2/russiannorthcenter2004u2.htm ปีนี้ผมก็กะจะตามข่าวการปีนเอเวอร์เรสต์ทั้ง 2 ด้าน และก็ยอดเขาพี่ 2 และก็พี่ 6 ปีนี้ไฮไลท์มันอยู่ที่ยอดเขาพี่ 2 กับพี่ 6 เพราะว่าครบรอบ 50 ปี ทั้ง 2 ยอดเขา ส่วนปี 2005 มันส์สุดๆ จ๊าบแน่นอน ครบรอบ 50 ปี ยอดเขา kangchenjunga มีการส่งข่าวมาจากยอดเขานี้ด้วยในปี 2005 โดยเว็บ adventurepeaks.com อยากจะลองแปลข่าวยอดเขานี้ดูสักครั้งท่าท่างจะมันส์ถึงตับ จากคุณ : kangchenjunga - [ 31 มี.ค. 47 15:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณคุณคังเชนจังก้าคับ ผมเข้าไปดูแล้วตาม link แต่กะลังแกะภาษาE อยู่ ภาษาผมแตกร้าวเหลือเกิน T_T รัสเซียคณะนี้ใช้เส้นทางผ่ากลางขึ้นเกือบเป็นเส้นตรงเลย ไม่ทราบมีแรงดลใจอะไรหรือป่าว เพราะนอกจากจะเป็นเส้นทางใหม่ แล้วยังโหดมั่กๆ ท้ายที่สุดคงขึ้นถึงยอดน่ะคับ เพราะดูคุณสมบัตินักปีนเขาในทีมนี่ มืออาชีพระดับเป้งๆทั้งนั้น บางคนก็เคยขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ที่เหลือถึงจะไม่ใช่ระดับอธิการบดี ก็เฉียดๆ และระดับคณะบดี หรือหัวหน้าภาควิชาล้วนๆ ไม่มีนักศึกษาเลย คุณkangchenjunga แปลมาเลยคับ มีผู้ติดตามหลายคนแน่ๆ โดยเฉพาะผม จะมานั่งฟังแถวหน้าเลย รับรองไม่มีง่วงนอนเด็ดๆ ขอบคุณล่วงหน้าเลยเป็นการมัดจำ ภาพจาก http://www.everestnews.com จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 31 มี.ค. 47 16:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 น้องโยชวนแบบนี้ ผมไปได้ซำเหมอ แต่ต้องออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ด้วยเด้อ T_T เก็บตังหลายปีแล้ว พอจะครบค่าทัวร์ก็มีอันต้องเอาไปใช้อย่างอื่นทู๊กกที T_T จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 31 มี.ค. 47 16:45:14 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมว่าที่น่าห่วง น่าจะเป็น ทีมจากมาเลเซีย นะครับ ยังเด็กๆกันอยู่เลย (อายุ 21 ปี) จาก MARA Technology University  (บ้านเราคงเรียกสถาบันเทคโนโลยีมะระ) และไม่เห็นระบุประสบการณ์ในการปีนเขาเลย แต่เห็นรายชื่อกับประวัติของเชอร์ปาแล้ว งานนี้ผมว่าถ้าขึ้นถึงยอด ก็คงเป็นเชอร์ปาอุ้มขึ้นไปมากกว่า เมื่อปี 2000 เคยอานข่าวจาก นสพ.เห็นว่ามาเลเซียมีโครงการ Malaysia Everest 2000 ปธบ.มหาธีร์ ลงขันสนับสนุนด้วย ผมไม่ได้ตามข่าวเลย ไม่ทราบว่าสำเร็จหรือป่าว แก้ไขเมื่อ 31 มี.ค. 47 17:23:48 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 31 มี.ค. 47 16:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 56 แรงดลใจนะเหรอครับ สงสัยคงมีตัวจามรีธิเบตล่ำๆ มาเข้าฝันมั่งครับ 5555555555 ผมว่าทีมรัสเซียทีมนี้เปอร์เซ็นต์ถึงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ อีก 70 เปอร์เซ็นต์อาจจะกินแห้วนะ ถ้าให้แปลมันก็อาจจะไม่ค่อยทันใจหน่อยนะ อย่างข่าวมาวันที่ 1 แปลเสร็จอาจจะเป็นวันที่ 10 อะไรแบบนี้ ภาษาแตกร้าวเหมือนกัน ตอนนี้ผมกำลังหัดแปลข่าวการปีนยอดเขา kangchenjunga ปี 2002 อยู่ ยาวเหยียดเลย เพียงแปลได้นิดเดียวเอง นำปีนเขาโดย dan mazur ขึ้นไปถึงยอดสูงสุดเลยปีนั้น จัดปีนโดย summitclimb.com เป็นเว็บเดียวกันกับที่มาปีนยอดพี่ 3 ในปี 97 ที่ heidi ( นักปีนเขาหญิงชาวมะกัน ) อ้างไว้ในหนังสือของเค้า ปีที่เค้าอ้างไว้ในหนังสือมีขึ้นไปถึงยอดสูงสุดคนเดียว ทีมจากมาเลเชียทีมนั้นปีนด้านเนปาลใช่เปล่า ? จากคุณ : kangchenjunga - [ 1 เม.ย. 47 17:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 พี่บ่อเบี้ยคับผมก้อสนใจอะเรื่องเอเวอร์เรส ผมรู้สึกว่ายิ่งใหญ่มาก แต่ผมก้อรู้ตัวผมอะ ว่าไปไม่ถึงแน่นอน สภาพอย่างผมคงไปไม่ถึง เบสแค้มป์ด้วยซ้ำ แต่ถ้ามีโอกาส ไปเหยียบหิมาลัย ก้อพอ ^^" เคยดู K-2 The Ultimated High อะคับ หนุกมาก ผมชอบมาก แล้วเห็นพวกพี่พูดถึง หนังสือ In to the thin air อะคับ อยากทราบว่า ของผู้แต่งชื่ออะไรและสำนักพิมพ์อะไรคับ จาได้ไปหาซื้ออ่านบ้างคับ จากคุณ : Ryan Golf - [ 2 เม.ย. 47 10:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ใช่คับ มาเลเซีย ปีนด้านเนปาล หัวหน้าเชอร์ปาเคยขึ้นถึงยอดมาแล้ว 9 ครั้ง เยอะกว่า พีต อาธานส์ (ึ7 ครั้ง) เอ็ด วีสเตอร์ (6 ครั้ง) เสียอีก ถ้ามีโอกาสผมจะติดตามข่าวมาเสนออีก เพราะเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงเราไป ก็ต้องเชียร์กันหน่อย Heidi รู้สึกจะปีนไม่สำเร็จครับ ในหนังสือเธอเดินเรื่องซับซ้อน วกไปวนมาเกี่ยวกับเรื่องครอบครัวและความขัดแย้งกับนักปีนเขาด้วยกัน (ต่างกันสิ้นเชิงกับ ฉบับเอเวอเรสต์ที่จอนเขียน อันนั้น โช๊ะๆ ถึงพริกถึงขิงเลย คนชอบก็เยอะ คนด่าก็เพียบ) ผมอ่านจะปีนึงอยู่แล้ว ยังไม่ค่อยเก็ต เลยว่าจะกลับไปอ่านแต่ต้นใหม่ เธอปล่อยเสียให้เป็นปริศนาเฉยๆว่า พิชิตได้หรือไม่ เหตการณ์ไปจบลงที่ มีพายุหิมะ แล้วทั้งหมดก็ปีนกลับลงมาที่ค่ายฐานครับ คุณ Ryan Gig คับ เรื่อง Into thin air (ไต่ฟ้า กระชากฝัน) เขียนโดย Jon Krakauer สนพ.มติชน คับ   แก้ไขเมื่อ 02 เม.ย. 47 13:00:49 จากคุณ : บ่เบี้ย บ้านไพร - [ 2 เม.ย. 47 12:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 แทงคิ้วคับพี่บ่เบี้ย แต่พี่เรียกชื่อพี่ผมทำไมอะคับ giggs น่านพี่ผมนะ ^^" จากคุณ : Ryan Golf - [ 2 เม.ย. 47 15:48:33 ]

ความคิดเห็นที่ 60 มาแปะชื่อ เป็นที่ระลึก ว่ามีการปีนเอเวอร์เรสโดยคนไทยกันแล้วนะคะ ^__^ จากคุณ : ป้าหนอน - [ 25 ก.ย. 50 17:55:40 ]