CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown



    ตามรอยใครต่อใคร..ไปวังเวียง

    นี่อาจไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันผิดคำสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง หลายครั้งที่บอกตัวเองและใครต่อใครว่าจะเก็บเนื้อเก็บตัวทำตัวดีไม่เดินทางท่องเที่ยว อดทนอดกลั้นและอดออมสักเดือนสองเดือน แต่แล้วก็ต้องพ่ายแพ้แก่ใจตัวเอง เมื่อเพื่อนสนิทของฉันเอ่ยชื่อสถานที่แห่งหนึ่งขึ้นมาและออกปากชวนฉันง่ายๆสั้นๆไม่มีพิธีรีตอง “ หยุดสามวันที่จะถึงจะไปวังเวียงไปด้วยมั้ย “ …. ไม่เกริ่นนำ ไม่ต้องโอ้โลมหลอกล่อ แค่ประโยคสั้นๆแม้ปากของฉันจะยังไม่เอื้อนเอ่ย เธอก็คงเห็นคำตอบแจ่มชัดอยู่แล้วจากแววตา….
    ……………………
    เดินทางไปหนองคายเพื่อรับเพื่อนอีกคนนึงไปด้วย ตุ๋ง…คุณหนูตัวน้อยๆของครอบครัว ไม่เคยเที่ยวโดยปราศจากคนในครอบครัว นี่จะเป็นครั้งแรกของเธอกับเพื่อนจอมลุย คงต้องหาข้อมูลเยอะๆเพื่อความสะดวกสบาย ลดอุปสรรคให้มากที่สุด ดังนั้นเราทั้ง 4 คนจึงเดินทางไปหาผู้รู้เกี่ยวกับเมืองวังเวียงนั่นคือ Mr.Guy ชายหนุ่มชาวอังกฤษผู้บัดนี้ได้หมั้นหมายกับสาวไทย “ ขวัญตา “ เพื่อนรุ่นน้องของเรา Guy เดินทางเข้าออกวังเวียง และเมืองอื่นๆในลาวเป็นว่าเล่น ว่ากันว่าที่วังเวียงเป็นเสมือนบ้านอีกหลังของเขา Guy เปิดโรงเรียนสอนภาษาแก่เด็กๆ และมีกิจการเล็กๆนัยว่าเป็นความสุขใจที่ได้ทำนั่นคือกิจการเกสต์เฮ้าส์ ฉันเพิ่งเคยเห็นเกสต์เฮ้าส์เป็นครั้งแรกก็ชอบในทันที บ้านเรือนไทย มีระเบียงรอบบ้าน ในตัวบ้านแบ่งห้องพักเป็น 5 ห้อง ห้องของเจ้าของแยกเป็นสัดส่วนในหลังเดียวกัน ในบริเวณเดียวกันมีเรือนไม้หลังคามุงจากสร้างเป็นที่นั่งเล่น ดื่มกาแฟ อีกเรือนเป็นที่นอนเล่นเพราะมีเปลผูกไว้ 2 ตัว ด้านหน้าปลูกดอกไม้ให้สวยงาม ตอนที่เราไปหาGuy เป็นเวลาราวๆสี่ทุ่ม กลิ่นดอกไม้หอมคลุ้ง…วันนี้เกสต์เฮ้าส์ว่าง Guy และขวัญตาจึงเปิดบ้าน ลากฟูกนุ่มๆ หาน้ำเย็นๆมาต้อนรับ พอเราเอ่ยปากว่าจะมาขอข้อมูลไปวังเวียง เท่านั้นล่ะ!พ่อหนุ่มอังกฤษก็มีประกายตาวาววาม นั่งขัดสมาธิบอกเล่าให้เรา
    ฟังอย่างออกรสออกชาด เราฟังไปถามไป หัวเราะไป แค่ฟังเขาเล่าถึงวิธีการเดินทางก็สนุกเหลือหลายแล้ว เขาบอกเราว่ามี 3 วิธีให้เราเลือกคือ1.นั่งรถสองแถว ราคาถูก แต่ต้องเบียดเสียดไปกับชาวบ้าน ถ้าแย่งที่นั่งไม่ได้ก็ต้องยืนขาแข็งกว่าสามชั่วโมง แต่ข้อดีของการยืนคือคุณจะเห็นวิวทิวทัศน์โดยไม่มีอะไรมาบังสายตา…สนุก…
    2.นั่งรถบัสโดยสารธรรมดา มีชาวบ้านร้านช่องไปด้วย จอดทุกป้าย นี่ก็สนุกพอกัน
    3.นั่งรถแอร์บัส นี่สะดวกสบายขึ้นมาหน่อย
    ส่วนราคาก็เพิ่มตามความสะดวก สำหรับสถานที่ขึ้นรถเขาบอกเราอย่างละเอียด ตุ๋งเพื่อนสาวของเราฟังไปหัวเราะไป และคิดหนักไปในตัว…ท้ายที่สุด… “ Guy – ขวัญ ไปด้วยกันเถอะนะ..” ทั้งคู่ลังเลเล็กน้อย บอกว่ามีงานในวันต่อมา เราบอกเลื่อนได้มั้ย ถ้าเลื่อนได้ก็เลื่อนเถอะนะ..ออดกันหลายเสียงอ้อนกันหลายสาว…พ่อหนุ่มGuy จึงตกลงรับปากในท้ายที่สุด…เย้..
    ………………
    เช้าวันที่ 5 มีนา’47
    สะพานมิตรภาพ – Friendship Bridge
    พวกเรามาถึงแต่เช้าเพื่อตรวจเอกสาร ดูเหมือนว่าตุ๋งจะถูกสอบถามนานเป็นพิเศษ Guy บอกว่าพี่ตุ๋งโดนถามนานยังกะเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ความจริงคือตุ๋งไปนามสกุลเหมือนเพื่อนของเจ้าหน้าที่จึงถูกถามนาน เจ้าตัวว่ามาอย่างนั้น แต่พวกเราบอกว่า..โธ่..มุขเดิมๆ ส่วนตัวเขาเองก็โดนถามนานเพราะความที่เป็นคนต่างชาติ ส่วนฉันน่ะเรอะ ! ไม่ดูแม้แต่หน้ารีบๆตรวจ รีบๆส่งบอกผ่านได้ เออนะ! มีใบหน้าเป็นอาวุธก็ดีอย่างนี้แหละ…
    ผ่านขั้นตอนต่างๆมาได้เราก็นั่งแอร์บัสที่มีประตูอยู่ด้านขวา ยืนมึนเล็กน้อยก่อนจะหาทางขึ้นรถเจอ ข้ามสะพานกัน ยังไม่ทันได้เย็นดีก็ถึงอีกฝั่งซะแล้ว ยื่นเอกสารอีกเช่นเคย ไม่เสียเวลามากมายนัก เพียง 10-20 นาทีก็เสร็จ แล้วพ่อหนุ่ม
    Guy ก็หายไปแว้ปนึง กลับมาพร้อมคนขับรถตู้ เราจะเหมาไปวังเวียงกันเลย ยิงยาวรวดเดียว เหมาไป-กลับพรุ่งนี้เพราะGuy กับขวัญตาต้องกลับมาทำงาน … ตกลงราคาเรียบร้อยก็ไปกันเลย
    รถตู้นำเข้าจากเกาหลี น่ารัก…ฉันถาม Guy ว่านี่เป็นออปชั่นไหน ไม่เห็นมีที่นำเสนอ เขาบอกว่า Another option : Luxury for Tung and friends … อาศัยอานิสงค์ผลบุญของเพื่อนละกันเรา…( แต่หารเฉลี่ยเท่ากันง่ะ ) ลำพังถ้ามาเองคงเลือกออปชั่นที่สาม แอร์บัสวีไอพี…
    ไม่ได้มาเวียงจันทน์ประมาณสองหรือสามปี ไม่น่าเชื่อ…ไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าใดนัก ถนนดีขึ้นหน่อยนึง โรงเบียร์ลีโอก็ยังตั้งโดดเด่นต้อนรับอยู่ก่อนเข้าเมือง บ้านเมืองเขาก็เหมือนเรา หน้าตาคนเขาก็เหมือนเรา ภาษาที่ใช้ก็คล้ายเรา นี่ล่ะน๊า…เขาว่าบ้านพี่เมืองน้อง… คนขับรถตู้ของเราใจเย็นมาก ขับช้าๆไปเรื่อยๆ พวกเราขอให้แวะตลาดเช้าก่อนเพราะหิว…หิวและหิว…Guy บอกว่าบ่นหิวยังกะเด็ก…เลยย้อนถามกายว่าแล้วยูไม่หิวรึไง..สรุป..หิวกันทั้งคันรถ ไม่เว้นแม้แต่คนขับ
    แวะตลาดเช้า เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด ฉันกับตุ๋งไปเจอขนมจีนน้ำจิ้น คือเส้นขนมจีนแต่ใส่น้ำต้มเนื้อ แล้วปรุงรสแบบก๋วยเตี๋ยว มีผักแนมหลายชนิด…ส่วนที่เหลือได้เนื้อย่างข้าวเหนียว น้ำพริกมะเขือเทศ ตบท้ายปิดกระเพาะด้วยกาแฟลาว นมข้นหวาน ในแก้วรูปทรงโบราณ ชงทีเสียงช้อนกระทบแก้วดังกรุ๋งกริ๋ง….พอยกขึ้นดื่ม..อือฮื้อ!…หอม อร่อย เข้ม หวาน มัน….ยังจำกลิ่นหอมติดจมูก…สมคำร่ำลือจริงๆ หลังจากกินอิ่ม สองสาวหนึ่งฝรั่งต่างควักตลับยาออกมาวางตรงหน้า พร้อมถอนหายใจพร้อมกัน … ก่อนจะกลั้นใจทานยา..ก็เราสามคนน่ะ ทานยายากกันทุกคนน่ะสิ … ทัวร์นี้เรียกว่า..ทัวร์สุขภาพ (โทรม )..อิอิ..แบบว่าเป็นหวัดกันน่ะค่ะ กว่าจะเคลื่อนย้ายจากเวียงจันทน์ได้ก็ปาไปสามโมงกว่า
    เพราะลาวเคยอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส บ้านเรือนอาคารที่เราผ่านตา แม้จะเก่าและทรุดโทรมบ้างแต่ก็ยังคงความงามและเค้าโครงเดิมของฝรั่งเศสไว้ ฉันล่ะชอบบานประตูบานหน้าต่างเขาจริงๆ…คลาสสิค… พอออกนอกเมือง เส้นท่างจากเวียงจันทน์ไปวังเวียงราดยางอย่างดี ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร สองข้างทางก็เป็นทุ่งนาที่เก็บเกี่ยวแล้ว สีน้ำตาลแห้งๆไม่ต่างจากบ้านเรานัก ผ่านโรงเรียนที่มีกลุ่มเด็กๆเล่นกันในสนาม เด็กผู้หญิงจะนุ่งผ้าถุงสีดำนุ่งเสื้อสีขาวยัดชายเสื้อไว้ข้างใน น่ารักมาก ผ่านบ้านผ่านเมืองก็ขึ้นเขา เส้นทางคดโค้งใช้ได้ทีเดียวเชียว เสียดายที่มาหน้าร้อน ภูเขาส่วนใหญ่จึงดูแห้งๆด้วยต้นไม้ที่สลัดใบ แห้งแต่ยังไม่ตาย รอฟ้าฝนใหม่ที่จะมาอีกสามสี่เดือนข้างหน้า ถ้ามาช่วงปลายฝนต้นหนาวคงสวยไม่น้อย
    ช่วงแรกของการเดินทางก็สนุกสนานกันดี ทั้งชี้ชมวิวทิวทัศน์ ทั้งพูดคุยเฮฮา แต่ครั้นนานไปเสียงก็เบาลงๆ….และเงียบไปในห้วงคำนึง…อืมม์…ฉันเผลอหลับไป…นี่เอง…….Z Z Z Z Z Z Z Z Z

    จากคุณ : นันทิยา - [ 8 พ.ค. 47 15:39:56 A:203.151.39.94 X: ]