ความคิดเห็นที่ 3
ถ้ำจัง
ฝรั่งและ
เส้นทางใหม่ 6.30 น.เช้านี้ตั้งใจจะตื่นเช้าเพื่อไปส่งกายและขวัญแต่ก็ไม่ทันเพราะตื่นสายเลยเปลี่ยนแผน ไปหาอะไรอร่อยๆกระแทกกระเพาะดีกว่า อากาศตอนเช้าที่นี่ค่อนข้างเย็น มองเห็นละอองหมอกลางๆ หอมกลิ่นผักที่สวนข้างสะพาน ว่ากันว่าถ้าอยากรู้ว่าบ้านเมืองไหนอุดมสมบูรณ์หรือไม่ให้ไปดูที่ตลาดเพราะตลาดคือครัวของคนทั้งเมือง ลงว่าตลาดไม่มีอะไรมาขายอย่าได้หมายว่าชาวบ้านจะมีกิน ตลาดเช้าของวังเวียงอุดมไปด้วยของสด ผักสด สดเห็นๆ เดินดูนั่นนี่ไปเรื่อยทำตัวเหมือนนักท่องเที่ยวไงไม่รู้ ไปจบและจอดที่ร้านขายข้าวเปียกเส้น ตบท้ายด้วยกาแฟลาว( อีกแล้ว ) กาแฟเข้มข้นมีนมข้นนอนอยู่ก้นแก้ว
หอม
.ได้กลิ่นมั้ย
แก้วละ 2,000 kip เท่าค่าข้ามสะพานเลย ขากลับซื้อของกินติดไม้ติดมือกลับไปฝากตุ๋งกับพี่ตุ้ย
เต็มมือ
วันนี้เราจะเดินเล่นๆไปเที่ยว ถ้ำจัง กัน ถ้ำจัง
.อยู่ในเขตวนอุทยานวังเวียง เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีลำธารไหลลอดผ่านถ้ำคิดถึง..ถ้ำน้ำลอด..ที่ปางมะผ้าจัง
คิดถึงปาย
สองเมืองนี้มีอะไรคล้ายๆกัน อย่างว่า
บ้านพี่เมืองน้อง
เราสอบถามเส้นทางจาก..วรรณ..เธอบอกเส้นทางที่ไม่ต้องข้ามสะพานแก่เรา ไม่ต้องจ่ายค่าสะพาน เพียงเดินเลียบเลาะรั้วบ้านไป ผ่านป่าละเมาะ ผ่านทุ่งนาที่มีเทือกเขาเป็นฉากหลัง มีเส้นทางเดินที่ชัดเจน รู้สึกเหมือนเดินไปเรือกสวนไร่นามากกว่าเดินไปเที่ยว
.ข้ามลำห้วยเล็กๆ เข้าเขตป่า มองเห็นป่าสักอยู่ไม่ไกลนัก เจอเด็กหนุ่มคนลาวสองคนกำลังทำรั้ว เขาบอกทางแก่พวกเรา เดินเดาสุ่มเองบ้าง แต่ก็ไปถึงในที่สุด บริเวณถ้ำจังร่มรื่นไปด้วยต้นไม้
เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวลาว มีบางกลุ่มเดินทางมาจากเวียงจันทร์ทีเดียวเชียว เจอวัยรุ่นวัยใสหนึ่งกลุ่มกำลังเล่นกีต้าร์ร้องเพลง คิดถึงฉันไหมเวลาที่เธอ.. ฉันเลยขอแจมด้วย
หนึ่งท่อน.. ตั้งใจร้องให้เสียงดังไปถึงฝั่งไทยเลยทีเดียว
. *^__^* ถ้ำจัง
บนเทือกเขาหินปูน บันไดทอดยาวขึ้นสู่ปากถ้ำ จ่ายค่าเข้าชม 9,000 kip ..เราบอกว่าเราเป็นคนลาวใหญ่ต้องจ่ายแค่6,000 kip สิ แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า บ่แม่น พวกเจ้าเป็นคนไทย เป็นซาวต่างซาด ต้องจ่าย 9,000 kip แหม้!
. อุตส่าห์กัดฟันพูดภาษาลาวที่ไม่ค่อยจะชำนาญนัก..นึกว่าเนียนแล้วเชียว
อิอิ
บันไดปูน 147 ขั้น ถึงปากถ้ำ เปล่า..ฉันไม่ได้นับเพราะมัวแต่เดินอมบ๊วย น้อยหน่าเป็นคนเดินนับ แต่พอขึ้นไปถึงข้างบนกลับเจอว่ามีการเขียนบอกไว้เรียบร้อย
ว้า!..วัยรุ่นเซ็ง
วิวมุมสูงค่อนข้างสวย เมืองนี้ถูกโอบกอดด้วยเทือกเขาหินปูน มองไปทิศทางไหนก็เจอแต่ภูเขามีลำน้ำซองทอดตัวยาวไกล
.สุดสายตา
ที่หน้าทางเข้าเราเจอสองสาวเยอรมันทราบชื่อว่า..โดนี่ กับ คอนนี่ ยืนรีๆรอๆ จึงชวนเดินเข้าด้วยกัน มีคุณลุงมัคคุเทศน์นำทาง บรรยายรูปลักษณ์ หินงอกหินย้อยหลากจินตนาการ ซึ่งล้วนแล้วอ้างอิงเรื่องราวทางพุทธศาสนาและนิทานสมัยก่อน บังเอิญเป็นเรื่องราวเดียวกันกับเรื่องเล่าของเรา..อีกนั่นแหละ
น้อยหน่ากับพี่ตุ้ยทำหน้าที่เป็นไกด์บรรยายให้สองสาวฟังอีกต่อ
คุณลุงมัคคุเทศน์เล่าว่าองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาแห่งสยามประเทศก็เคยเสด็จเยือนถ้ำแห่งนี้ ท่าทางคุณลุงภาคภูมิใจมาก
. รู้สึกดีจัง.. เดินวกไปวนมาใช้เวลาไปพอสมควรก็เดินลง โดนี่กับคอนนี่ ถามพวกเราถึงสถานที่เที่ยวแห่งอื่น เราแนะนำถ้ำภูคำ แต่หลังจากบอกเส้นทางแล้วเธอทั้งคู่ก็ส่ายหน้าไม่ขอไป ขอเกาะติดกลุ่มเราไปนั่งๆนอนๆที่ร้านของอ้ายบุญทันหน้าเกสต์เฮาส์ ของเราดีกว่า
เอางั้นก็ได้ไม่ว่ากัน
ขากลับเรามีความพยายามที่จะใช้เส้นทางเดิม เดินตัดป่า ตัดทุ่ง ซึ่งจำไม่ค่อยจะได้เท่าใดนัก แน่นอน!..งานนี้ฉันได้รับเกียรติให้เป็นผู้นำทาง เดินเข้ารกเข้าพงไปถึงป่าสัก เอ!
ขามาไม่ถึงป่าสักนี่นา แต่ก็ยังเดินต่อจนเจอลำห้วย ต้องข้ามลำห้วยไปอีกฝั่ง
โอว์แม่เจ้า!..ที่ไหนละนี่
แม้ภาพทุ่งนาข้างหน้าไม่คุ้นตานัก แต่ภูเขาลูกใหญ่โตนั่นน่ะ..คุ้นจัดๆ ฉันหันกลับมาบอกสมาชิกที่เดินตามว่า มีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบ
ข่าวดีคือเราค้นพบเส้นทางใหม่
เย้! และข่าวร้ายคือ
.เราหลงทาง เย้! โดนี่กับคอนนี่หันไปถามน้อยหน่าว่าฉันพูดเล่นใช่มั้ยที่บอกว่าเราหลงทาง น้อยหน่าหัวเราะก่อนบอกว่า
ฉันพูดจริง เราหลงทาง แต่อย่ากลัวไปเลยนะ เราหาทางกลับได้แน่ เพราะเราไปเที่ยวไหนก็หลงทางกันเป็นประจำแต่ก็หาทางกลับได้ทุกทีแหละ..
ไม่รู้ว่าสองสาวสบายใจขึ้นบ้างรึเปล่ากับคำอธิบายและการันตีเรื่องหลงทางนี่น่ะ
ฉันพาสมาชิกเดินตัดท้องทุ่ง เดินไปคุยไป หัวเราะไป หันกลับไปดูพี่ตุ้ยกับตุ๋ง เดินหิ้วถุงขนมตามมาห่างๆ ทั้งขำทั้งสงสารพี่และเพื่อน เออนะ!
พามาลำบาก.. แต่เธอบอกว่าเธอสบายดีอย่ากังวลไปเลย..ว่าแต่ว่าจุ๋มพากลับได้แน่นะ
. ฉันหัวเราะอย่างเดียวเลย
ฉันบอกทุกคนว่ามีเสาไฟฟ้าอยู่ไม่ไกลนัก เดี๋ยวเราก็เดินไปถึง เข้าใจว่านั่นน่ะจะเป็นถนน ก็ภูเขาข้างหน้ามันคุ้นๆว่าเป็นเส้นทางไปถ้ำภูคำ นั่นหมายความว่าเราโผล่มาอีกด้านของหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก ถึงตอนนี้ โดนี่กับคอนนี่ก็ยิ้มได้เต็มหน้า.. ฉันบอกทั้งคู่ว่าความจริงที่เลือกมาด้านนี้ไม่ได้หลงทางหรอกนะ เราเพียงแต่จงใจแวะมาชี้เส้นทางไปถ้ำภูคำให้สองสาวเท่านั้นเอง
จริงจริ้ง ขอบอก!
สองสาวบอกว่า You are a good guide
5 5 5 เปิดเส้นทางใหม่คือหัวใจของการเดินทาง
เดินจนเหนื่อย หัวเราะกันจนเมื่อย พอถึงร้านอ้ายบุญทันโดนทักว่าไปเที่ยวไหนกันมาท่าทางโทรม..อ้าว!
พอฉันเล่าให้ฟังอ้ายบุญทันบอกว่าพวกเจ้าคือน่าสงสารแท้
ฉันเลยบอกว่าถ้าสงสารก็จงรีบไปหาอะไรมาให้ทานไวๆก่อนที่จะเป็นลมตายหรือไม่ก็ตาลายกระโดดกินเจ้า
นั่งๆนอนๆคุยกับโดนี่กับคอนนี่จนเย็นย่ำ ชวนสองสาวไปชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ร้าน Sun set illusion
ริมน้ำซอง เป็นตัวน้อยลอยเล่นน้ำ ภูเขาลูกเดิมข้างหน้า
ตระหง่าน พระอาทิตย์ดวงเดิมแก้มแดง คล้อยเคลื่อนเลื่อนต่ำลงช้าๆ กระดาษและสีน้ำ..ละเลง ฉันแบ่งให้สองสาวคนละแผ่น
. ความประทับใจถูกบันทึกไว้ บนกระดาษแผ่นเล็ก
และ
.คิดถึงคุณ
อาหารเย็นของเราและเพื่อนใหม่ที่ร้านเดิม Full moon restaurant ในคืนที่จันทร์เต็มดวง
วันนี้วังเวียงสงบงาม พี่ตุ้ยถามว่าสะพานหายไปไหน ประมาณว่าเดินยังไม่ถึงเลยมองไม่เห็น คิดว่าสะพานหาย ฉันเลยบอกว่า อย่าได้กลัวไปเลย ถึงสะพานจะหายไป แต่คนเก็บตังค์ยังอยู่.. ฮา
เดินถึงด่านเก็บเงิน คนเก็บงัวเงียลุกมาเก็บเงิน มาสี่คนต้องจ่าย 8,000 kip แต่คืนนี้จ่ายแค่ 5,000 kip
จะจ่ายเท่านี้แหละ..จะทำไม
โชคดีที่เรากลับถึงบ้านในสภาพดีกันทุกคน
คืนนี้ไม่มีการเจรจา หรือสนทนาก่อนนอน หัวถึงหมอนก็สลบ
.
จากคุณ :
นันทิยา
- [
8 พ.ค. 47 19:43:47
A:203.151.39.87 X:
]
|
|
|