ฮัลโหลๆๆๆ คุณแม่ แฮปปี้ๆๆๆ แล้วก็รีบไปทำธุระ 11 โมงได้ฤกษ์ เคลื่อนราชรถ ไปตาม บางบัวทอง-สุพรรณบุรี รถติดมาก ตรงแยก 345 เพราะเขาทำถนน แต่ไม่เป็นไร เฉยๆชินแล้ว วิ่งไปประมาณ 1.30 ชม. มาถึง เขตเมืองสุพรรณ เป้าหมายแรก หาปลากิน ขับไปขับมาเห็นป้าย เรือนตาป๋อ อยู่ซอยวัดมหาธาตุ วิ่งเข้าซอยข้างวัดมหาธาตุ ผ่านก๋วยจั๊บ น่ากิน แต่เราจะกินปลา ผ่านร้านเรือน มนิลา แต่ดูแล้วไม่มีคนเลย ขับต่อไป ก็เห็นรถตึม จอดอยู่หน้าร้าน เรือน ตาป๋อ โอเช ปลาม้า 3 รส ต้มยำปลาคัง เชิงปลากรายทอดกระเทียม อร่อยดีให้ 4 ดาว แล้วก็กลับออกมาผ่านวัดแคแวะซะหน่อย เป็นวัดเก่าแก่ ตามวรรณคดี ขุนแผนมาฝึกวิชาที่นี่ แวะดูคุ้มขุนแผนจำได้ว่า อะไรนะ กระดานฝา 5 ห้อง สมัยเรียน เลยขอชมหน่อย เรือนไทยสมัยเก่าที่ใช้ไม้ขัดโดยไม่ใช้ตะปู แต่ปัจจุบันเพื่อความแข็งแรงก็มีการใช้ตะปูเสริม แต่ โดยรวมยังเป็นไม้ขัดกันอยู่ ที่นี่ประทับใจก็ต้นมะขามยักษ์ ตามที่แจ้งไว้ โดยรอบ 9.5 เมตร อายุกว่าพันปี ใหญ่จริงๆ ขับออกมาต่อก็แวะ วัดพระศรีมหาธาตุเป็นวัดประจำเมือง มีพระปรางค์ด้านหลัง บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระท่านรดน้ำมนต์ให้ด้วย ที่นี่ที่ประทับใจคือ บทสวดให้พรของหลวงพ่อ ยาวมาก ขนาดเราบวชเรียนอ่านเขียนทสวดมาเยอะไม่เคยเจอพระรูปไหนให้พรที่ยาวมากขนาดนี้ ประทับใจครับ เป้าหมายต่อไป บึงฉวาก โห ขับไปอีกไกลมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ถึงซะที เมื่อไปถึง คนเยอะ เห็นแต่หัวคนไม่เห็นปลาซักเท่าไหร่ แต่ก็ประทับใจที่ ท่าน บรรหาร และ คนสุพรรณตั้งใจ นอกจากจะมีตู้ปลายังมีสวนสัตว์และความร่มรื่นของอาณาบริเวณขนาดใหญ่ ประทับใจทุกตู้ครับ เพราะปลาพวกนี้เราไม่มีโอกาสเห็นจะจะ แต่ว่าจะมาใหม่วันที่ไม่มีคนเพราะวันนี้ต้องให้น้องๆหนูๆดูกันก่อน มีหลายท่าน พาแม่ที่สูงอายุมา เข็นรถเข็นมาดูเป็นภาพประทับใจ เราเลยไปเดินเบียดๆสักพักก็ออกมา ไม่เป็นไรเรายังหนุ่ม มาใหม่ได้ ขับรถวนรอบบึงอีก 1 รอบ ซึ่งไม่รู้จะวนให้เปลืองน้ำมันทำไม 555 ขับกลับไป ก่อนเข้าสุพรรณเลี้ยวขวาไปอนุสรณ์ดอนเจดีย์ ที่มาล่าสุด เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้ถนนหนทางสะดวกสบายสไตล์บรรหาร แวะอ่านประวัติได้สักแป๊บต้องรีบออกเพราะบริเวณนี้จะเป็นที่จัดงานถวายพระพร บึ่งรถต่อไปยังวัดป่าเลย์ไลย์แต่มาช้าไป หลวงพ่อโตเขาปิดแล้วได้เพียงแต่เห็รนโบสถ์และประตูที่สวยงามยิ่ง กราบองค์จำลองด้านนอกแทนก็ได้ วันธรรมดาปิด 16.30 วันหยุด 17.30 นะครับ ออกจากวัดนั่นไง หอสูงใหญ่ใจกลางเมือง ขึ้นไปบนหอมองทิวทัศน์แต่เราไม่เห็นเพราะ มืดแล้วเดินดูวิวและภาพเขียนก็โอเค แต่ที่กล้องส่องทางไกลหยอดเงิน แต่ละตัวบอกไว้ว่ากล้องตัวนี้จะเห็นอะไรที่ไหนบ้าง บางจุดเห็นวัดไผ่โรงวัว บางจุดเห็นสระบุรี ซึ่งไกลมาก ลงจากหอแล้วมาเดินเล่นในสวนต่อ อิจฉาคนสุพรรณมากเลย ที่มีนักพัฒนาอย่างท่าน บรรหาร เพราะ สวนสวยมาก กทม ไม่มีแบบนี้ อิจฉาๆๆๆจริงๆ ดึกแล้ว กลับบ้านดีกว่า ก่อนออกจากเมืองแวะ ซื้อสาลี่เรื่องชื่อ ที่ร้านเอกชัย คนเยอะมาก อิจฉาเจ้าของจัง 4 ทุ่มกว่า ถึงบ้าน อาบน้ำ นั่งนึกถึงที่ประทับใจหลับไปตอนไหนไม่รู้ตัว
ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ค่าน้ำมัน 700 บาท
ค่าอาหารเรือนตาป๋อ 310 บาท
ค่าทำบุญทุกที่ 120 บาท
ค่าผ่านประตูบึงฉวาก 30 บาท
ค่าผ่านประตูสวนที่หอสูง 10 บาท
ค่าขึ้นหอ 40 บาท (ก่อน 18.00 30บาท )
ค่าขนมสาลี่ 105 บาท
จิปาถะ 100 บาท
รวม 1415 บาท
ปล.รูปไม่มี ขี้เกียจถ่ายครับ