ความคิดเห็นที่ 1 จุดหมายปลายทางยามบ่ายของเราวันนี้ เป็นตำบลเล็กๆริมมหาสมุทรอินเดีย ชื่อว่า “มามัลลปุรัม” (Mamallapuram) นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกรู้จักตำบลนี้ดี เพราะเป็นที่ตั้งของ “มรดกโลก” ที่สำคัญของอินเดียครับ อุบไว้ก่อนละกันว่าคืออะไร .ตุ๊กตุ๊กของเราใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง กับระยะทาง 50 กว่ากิโล ถนนลาดยางดีใช้ได้ทีเดียว ยิ่งตอนใกล้จะถึงมามัลลปุรัม ก็จะเป็นถนนเลียบชายทะเลยาวไกล มีต้นตาลเป็นระยะๆ แดดแรงๆอย่างนี้ ฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้มสวยสุดๆ แต่ร้อนว่ะ .และแล้วก็มาถึงซะที เขตชุมชนของมามัลลปุรัม เห็นแล้วนึกถึงสมุยบ้านเราเลยครับ เพราะแบ็คแพ็คเกอร์เดินกันให้พรึด ตามซอยต่างๆก็อุดมด้วยเกสต์เฮาส์มากมาย ร้านของที่ระลึกก็เยอะแยะ แต่ที่นี่ดีกว่าสมุยตรงที่ไม่มีบาร์เบียร์ครับ (ชาวทมิฬยังคงเป็นพวกเคร่งศาสนาฮินดูอยู่) ตุ๊กตุ๊กพาเรามาส่งไว้ที่เกสต์เฮาส์แห่งหนึ่ง จำได้ว่าชื่อ “ลักษมี” อยู่ไม่ไกลจากชายหาดมากนัก เราเข้าไปดูห้องขนาดกะทัดรัดพออยู่สบายไม่คิดมาก ก็ตกลงอยู่ที่นี่ เก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้วก็ออกไปดูทะเลกันดีกว่า จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:33:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ทะเลที่ตรงมามัลลปุรัมนี่ ไม่ค่อยวิเศษอะไรเท่าไร หน้าตาคล้ายๆหาดแม่รำพึงที่ระยอง แต่สิ่งที่ผมตื่นเต้นกลับไม่ใช่ชายหาดครับ แต่เป็น “ปราสาทหินริมทะเล” ที่อยู่ด้านทิศใต้ของหาดครับ ปราสาทหินหลังนี้ อายุ 1,300 กว่าปีเห็นจะได้ เก่าแก่ขนาดนครวัดต้องเรียกลุง แต่ขอโทษนะครับ ยังตั้งตระหง่านท้าแดดและลมทะเลที่ตรงนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ปราสาทนี้ชื่อว่า “ราชสิงเหศวร” ครับ สร้างขึ้นอุทิศแด่พระศิวะ และก็ได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลกด้วย ที่ผมตื่นเต้นก้เพราะเคยเห็นเป็นรูปสไลด์ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย เพิ่งได้มาเห็นของจริงก็ดีใจเป็นธรรมดาครับ เราเดินดูรอบๆรั้วด้านนอก (เขากั้นรั้วเก็บค่าธรรมเนียมครับ) หมายไว้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะเข้าไปดูให้เต็มตาอีกที จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:35:01 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากตรงปราสาทหินริมทะเล เราก็เดินทะลุมายังหาดอีกด้านนึง โอ้โหเฮะ ผู้คนชาวบ้านเยอะมาก เล่นน้ำทะเลกันทั้งส่าหรีเลย วันนี้เหมือนมีงานอ่ะครับ เห็นออกร้านขายของกินของใช้หลายอย่าง ชิงช้าสวรรค์ก็มีนะ ม้าหมุนก็มีแต่ใช้แรงคนหมุน??? เดินไปเดินมาเบียดแขกจนเริ่มเหนื่อย ก็เลยแวะชิมน้ำอ้อยคั้นสดๆแบบอินเดีย มีบีบมะนาวแถมให้ด้วย รสชาติเป็นเลิศ (แอบเอาสูตรมาทำที่เมืองไทยมั้งดีกว่า ) เราเดินย้อนจากงานเข้ามาในย่านชุมชน ผู้คนเดินขวักไขว่ นักท่องเที่ยวต่างชาติก็เยอะ จนกระทั่งมาถึงเนินเขาซึ่งอยู่ตรงกลางเมืองพอดี . เนินเขากลางตำบลมามัลลปุรัม เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของที่นี่ครับ เพราะจะมีการแกะสลักเป็นถ้ำและปราสาทหินโบราณตามจุดต่างๆทั่วไปหมด สามารถเดินชมได้เรื่อยๆตั้งข้างล่างจนถึงยอดเนิน คล้ายเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ทำนองนั้นน่ะครับ แสงแดดอ่อนๆยามบ่าย ทำให้เนินเขาลูกนี้ดูสวยดีไม่น้อย จุดแรกที่แวะดูคือ “คเณศรถะ” เป็นปราสาทหินที่แกะสลักจากหินเพียงก้อนเดียว ถวายแด่พระพิฆเนศร์ หลังนี้เล็กกะทัดรัดแต่สวยดีครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ดูชัดๆครับ "คเณศรถะ"....ปราสาทหินหลังเล็กที่จิ๋วแต่ฝีมือแจ๋วครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:39:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ถัดขึ้นมาตรงทางขึ้นบนเนิน จะพบกับ “ถ้ำวราหะ” เป็นถ้ำที่คนโบราณแกะสลักขึ้นเมื่อ 1,000 กว่าปีก่อน ข้างในตกแต่งเหมืองห้อง มีภาพแกะสลัก “วราหาวตาร” (พระนารายณ์กลายเป็นหมูป่า เพื่อช่วยแม่พระธรณี) จนเป็นที่มาของชื่อถ้ำ แกะฝีมือดีครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:45:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นี่ไงล่ะครับ...วราหาวตาร....พระนารายณ์หน้าหมู ผู้กอบกู้โลก จนเป็นที่มาของชื่อถ้ำนี้ครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:49:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่ผนังถ้ำอีกข้างนึงเป็นรูปพระนารายณ์เต้นบัลเล่ต์ เอ๊ย ก้าวข้ามปฐพี แหม้ ก็ทรงเตะขาซะสูงจนนึกว่ายิมนาสติกลีลาใหม่นิครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:55:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ่ายรูปถ้ำนี้เสร็จก็เดินขึ้นเนินต่อ ผู้คนขวักไขว่เพราะเป็นวันหยุดครับ บ้างก็ร้องทักเป็นภาษาญี่ปุ่นสำเนียงทมิฬ (สงสัยพวกผมคงหน้าตี๋เกินไป) เดินขึ้นเขาซักพักก้เจอ “โคปุระ” เป็นซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ยังสร้างไม่เสร็จ เลยมีแค่ฐาน แต่ก็ใหญ่โตมากๆ นี่ถ้าเสร็จคงจะใหญ่โตไม่น้อยเชียว .จากตรงนี้ มองไปอีกยอดเนินนึงก็จะเห็น “ประภาคาร” โดดเด่นสวยสง่า อ้า เดินไปดูต่อดีกว่าครับ . จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:56:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ระหว่างทางไปยังอีกเนินนึง ก็เจอถ้ำที่ช่างโบราณยังแกะไม่เสร็จ ถ้าดูใกล้ๆจะเห็นรอยสิ่วที่ตอกลงบนเนื้อหินเลยครับ เห็นถึงความวิริยะอุตสาหะของชาวอินเดียสมัยก่อนจริงๆครับ . จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 02:59:33 ]

ความคิดเห็นที่ 10 และแล้วก็มาถึงตรงประภาคารสุดสวย บรรยากาศดีมากๆครับ ถ่ายรูปออกมายังกะไม่ใช่อินเดียแน่ะ แต่ตรงประภาคารนี้ก็อันตรายครับ เพราะมีผึ้งมาทำรังใหญ่ๆเป็นสิบๆรัง ตัวมันก็บินว่อนส่งเสียงหึ่งไปหมด แต่แปลกที่ชาวบ้านเค้าก็ไม่กลัว เดินเล่นชมนกชมไม้กันหน้าตาเฉยเลยครับ ตอนแรกก็หวาดๆอยู่บ้าง แต่เห็นชาวบ้านเขาเฉยๆ ก็เลยหายระแวงไปต่อได้ครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 03:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เลยจากประภาคารนี้ไป ก็จะถึงจุดสูงสุดของเนินซึ่งจะเป็นหินก้อนใหญ่ บนยอดนั้นมีปราสาทหินโบราณหลังย่อม ชื่อว่า “โอลักกัณเนศวร” ตอนที่ไปถึงเป็นเวลาเย็นแล้ว แสงแดดสีทองส่องจับเทวาลัยน้อยหลังนี้จนเหลืองอร่าม ว้าว จิ๋วแต่แจ๋วครับ ไม่ใหญ่โตหรูหราแต่สง่าสุดๆ ว่าแล้วก็ต้องปีนขึ้นไปดูซะหน่อยครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 03:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ข้างบนนี้วิวสวยครับ บรรยากาศดีมากๆ แต่แคบจริงๆครับ รั้วกันก็นิดเดียวเสียวหล่นจริงๆ ลมแรงด้วยครับ แต่ถึงจะเสียว แต่ลมเย็นสบายก็ทำให้อยากนั่งตรงนี้นานๆจริงๆครับ ซักพักเจ้าหนึ่งก็สะกิดว่าจวนค่ำแล้ว บนนี้ก็ไม่มีไฟเดี๋ยวจะหลงทางลงเนินไม่ได้ ก็เลยพากันกลับลงมาครับ . จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 03:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ก่อนเข้าที่พัก ก็แวะกินมื้อเย็นแบบชาวบ้านอินเดียแท้ๆครับ เป็นแผ่น “นาน” แกล้มกับแกงมันเทศแบบมังสวิรัติ โซ้ยมือกันเลยครับ รสชาติยังไม่ถูกปากผมนัก แต่ก็เอาว่ะ ทัวร์ซำเหมาก้ต้องกินอยู่ประหยัดครับ หมดไปคนละ 10 รูปี รอดตายหายหิวกลับไปนอนกางมุ้งตบยุงแขกดีกว่า .หมดหนึ่งวันแล้วครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 7 ก.ย. 47 03:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีครับ ดีใจจัง ได้ตามคุณหนุ่มเมืองกรุงไปเที่ยวอีกแล้ว ขอบคุณมากครับ จากคุณ : jojo02 - [ 7 ก.ย. 47 08:19:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตามมาอิจฉาแล้วค่า..าาา จากคุณ : ลมแล้ง - [ 7 ก.ย. 47 11:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อิอิ...ตามมาเที่ยวด้วยคนจ้าาาา... จากคุณ : แม่หนูนวล - [ 7 ก.ย. 47 12:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สวยทุกภาพครับ แต่ผมชอบ ภาพที่ 8 ครับ จากคุณ : ฮิมดอย - [ 7 ก.ย. 47 13:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไปมาเมื่อไรคะเนี่ย ภาพสวยดีจัง ดูมลังเมลือง จากคุณ : Red Apple - [ 7 ก.ย. 47 16:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พักที่เดียวกันเลย อิอิ ที่พักอันนี้ไปลงใน Lonely Planet ด้วย ส่วนอันที่ต้องเสียตังผมไม่ได้เข้าไป ผมใช้เลนส์เทเลส่องเข้าไปอะ จากคุณ : <---TUk---> - [ 7 ก.ย. 47 17:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ภาพสวยครับ จากคุณ : หนุ่มเฮสเซ่น (Hessenboy) - [ 7 ก.ย. 47 17:41:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ลงชื่อเข้าชมครับ จากคุณ : kiuchi - [ 7 ก.ย. 47 20:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อยากไปมั่งจัง ไว้ทำงานมะไหร่จะต้องเก็บตังค์ไปหั้ยได้เล้ย :D จากคุณ : ปอมมี่ (freedom_pomme) - [ 7 ก.ย. 47 22:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ฮิฮิ มีเรื่องสนุกเล่าให้ฟังเหมือนกันนิ ด้วยความที่ shore temple เราก็เลยอยากทำเก๋ ด้วยการตื่นแต่เช้า ประมาณ 7 โมง ลงไปเดินถ่ายรูปวัดนี้ โดยมี foreground เป็นหาดทราย ส่วน background เป็น ฟ้าและทะเล ว้าว ถ้าสำเร็จก็คงได้ภาพที่สวยนะ แต่ แต่ แต่ ระหว่างที่เดินๆไปตามหาด ก็เห็นกองอะไรสีน้ำตาลไหม้บ้าง เหลืองเข้มบ้าง เหลืองดำๆบ้าง พร้อมกลิ่นทะแม่งๆ ตุๆๆ ด้วย พยายามทำสมาธิเดินไป เดินไป แต่ก็ไม่ไหว เพราะไอ้กองพวกนี้ มันเรียงรายไปจนสุดสายตาเลยนะ รู้มั้ยว่า กองอะไร บอกก็ได้ กอง... งัย อ้วก ก็เลยไม่ได้ภาพนี้ แต่เมืองมามัลละปุรัมนี้ น่าสนใจมาก ถ้ามีโอกาสน่าแวะนะ อย่ไม่ไกลจากเชนไน เลย ระหว่างทางมีพิพิธภัณฑ์เอกชน จัดแสดงเกี่ยวกับบ้านเรือนและวิถีชีวิตของผู้คนแถบอินเดียใต้นี้ แบ่งเป็นโซนต่างๆ จำลองเป็นบ้านเมืองของแคว้นนั้น ว่าถ้าเป็นบ้านไฮโซ ในบ้านมีอะไรบ้าง มีครัวเป็นอย่างไร ห้องเทวรูปเป็นแบบไหน มีบ้านของคหบดี พ่อค้า ศิลปิน และก็มีการสาธิตให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนนั้นๆ ด้วย น่าสนทีเดียว มีทำเฮนน่า เพ้นท์แขนด้วยนะ ถูกมาก ประมาณ 20 บาทเอง ถ้ามีเวลาอย่าลืมแลวะไปนะ อยู่ระหว่างเชนไนกับมามัลละปุรัม ชื่อ ว่า Dakshanajitra museum จากคุณ : น้อง HKT - [ 14 ก.ย. 47 23:03:39 A:202.129.51.190 X: TicketID:073132 ]