ความคิดเห็นที่ 1 ผมตกข่าว เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ขอเสนอว่า ในแต่ละที่ถ้ารู้ว่ามีชนิดของนกที่หายากหรือควรค่า แก่การอนุรักษ์ไว้ ควรขึ้นป้ายให้ขัดเจนว่าเป็นที่อยู่ อาศัยของเขา เพื่อให้ตระหนักถึงกฏ กติกามารยาท ให้ชัดเจน และรู้ถึงขอบเขตที่ควรระมัดระวังในเรื่อง ของการรบกวนด้วย ขอแสดงความไว้อาลัย... แล้วลูกๆ เขาล่ะ? เป็นไงบ้างหนอ จากคุณ : chutima_ao - [ 5 ต.ค. 47 00:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอ้า ช่วยๆกันเสนอความเห็นให้ตากระดี่ได้น้ำหน่อยครับ อยากฟังเหมือนกัน เรื่องบ้าๆนี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย ถ้า.....ให้คนอื่นว่าก่อนแล้วกัน จากคุณ : HWAMEI - [ 5 ต.ค. 47 01:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นั่นซิ ไอ้เบื๊อกที่ไหนหว่า ทำได้ แนวทางป้องกันเหรอ ผมว่า คงต้องอาศัยการประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่แหละครับ ให้ความรู้กับประชาชนที่อยู่แถวนั้น (คนยิงคงไม่ใช่พวกนักดูนกหรอกครับ พวกนี้มีวิญญาณนกอยู่ในตัวอยู่แล้ว) สงสารก้อแต่ลูกน้อย เจ้าจะอยู่อย่างไร จากคุณ : ดินเลน - [ 5 ต.ค. 47 07:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แสดงความเสียใจ แก่นกอัญชันหางดำด้วยครับ ในฐานะนักดูนกมือใหม่ที่อยากให้ทุกคน มีความสำนึกกับธรรมชาติ และ เพื่อนร่วมโลก จากคุณ : simplemind - [ 5 ต.ค. 47 08:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 5 น่าจะลองทำป้ายสื่อความหมาย อาจจะมีรูปและคำบรรยาย พร้อมทั้งบอกสถานะ เผื่อบางที่คนในพื้นที่หรือนักท่องเที่ยวจะได้เห็นความสำคัญของนกชนิดนี้ จากคุณ : flycatcher - [ 5 ต.ค. 47 08:50:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอแสดงความคิดเห็นเท่าที่ได้ยินจากลุงแดง และจากคนดูนกแถว ๆ เชียงใหม่นะครับ และไม่ได้มีเจตนาจะว่าร้ายหรือโจมตีใคร ผมเองไม่ได้ไปดูนกอัญชันหางดำมาเป็นปี ๆ แล้ว หลัง ๆ มานี่ก็ได้ยินแต่คนเล่าว่ามันเชื่องยังงั้น เชื่องยังงี้ ทั้ง ๆ ที่เมื่อหลายปีก่อนมันเป็นนกที่ระวังตัวมาก หลายคนที่เล่าให้ฟังบอกว่ามันคุ้นเคยกับการที่คนนำอาหารไปให้มัน ทำให้พฤติกรรมของมันเปลี่ยน เห็นตัวง่ายขึ้น ผมว่าเรื่องการให้อาหารจนพฤติกรรมนกเปลี่ยนนี่เป็นเรื่องที่ทุกคนควรระมัดระวังอย่างยิ่ง เราอาจคิดว่าอินทนนท์เป็นเขตอุทยาน น่าจะมีความปลอดภัย แต่ในอุทยานฯอินทนนท์ก็มีพื้นที่เป็นหย่อม ๆ ที่ไม่ใช่เขตอุทยาน เป็นบ้านและไร่นาของคนท้องถิ่น อีกอย่างกำลังเจ้าหน้าที่ก็คงไม่เพียงพอที่จะตรวจตรา ลุงแดงบอกว่าคนที่ยิงนกเป็นเด็กที่เคยเข้ากลุ่มดูนกด้วย ผมไม่รู้หรอกว่าเด็กคนนี้รู้เองว่าตรงนี้มีนก หรือมีคนพาเขามาดูนกที่นี่ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ผมว่าเด็กผู้ชายทุกคนที่รู้จักของเล่นที่เรียกว่าหนังสติ๊ก จะมีความคึกคะนอง ซุกซนตามประสาเด็ก และจะมองหาเป้าที่น่าสนใจไว้ลองฝีมือ การสอนเด็กดูนกเป็นเรื่องดี และคนที่ทุ่มเททำก็น่าชมเชย แต่ผมคิดว่านี่อาจเป็นบทเรียนที่สอนเราว่า นอกจากเราจะรู้วิธีสอนเด็กดูนกแล้ว เราน่าจะรู้จักเด็กที่เราสอนด้วย ถ้าเขายังมีแนวโน้มที่จะยิงนกอยู่ ผมก็คิดว่าคงปลอดภัยกว่า ถ้าเราจะพาเขาไปดูนกเฉพาะที่ซึ่งเขาไม่มีโอกาสจะยิงมัน ส่วนที่ซึ่งนกมันล่อตาล่อใจแบบนี้ รอให้เขามีจิตสำนึกเพียงพอก่อนก็ได้ ผมคิดว่าในบางกรณี การไม่บอกให้คนรู้เลย ก็ปลอดภัยกว่าสำหรับนก จากคุณ : จะละเม็ดดำ - [ 5 ต.ค. 47 09:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เสียใจ // mad จากคุณ : PUFF The magic dragon - [ 5 ต.ค. 47 09:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตบแปะเพิ่งลงมาจากอินทนนท์ครับ เสียใจมาก กับครอบครับอัญชันหางดำจริงๆ ครับ ทราบข่าวเหมือนกันครับว่าเค้าเสียชีวิตด้วยหนังสติก ก่อนอื่นตบแปะออกตัวนะครับว่าจะเล่าความจริงทั้งหมดที่ตบแปะทราบหากพาดพิงถึงบุคคลใดตบแปะต้องขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ ตบแปะสนิทดีกับเด็กดูนกกลุ่มหนึ่งที่เป็นชาวม้งของโรงเรียนบ้านขุนกลางเพราะใช้บริการน้องๆ เหล่านี้เป็นประจำ ขอเล่าเรื่องที่เด็กๆเล่าให้ตบแปะฟังมาเล่าให้พี่ๆ ฟังละกันนะครับ เด็กคนที่ยิงอัญชัน เรียนอยู่ชั้นม.2 โรงเรียนบ้านขุนกลาง ซึ่งโรงเรียนนี้มีเด็กเป็นร้อยคน พฤติกรรมส่วนใหญ่เราคงทราบอยู่แล้วว่าเป็นมือหนังสติกทั้งนั้น ไม่เฉพาะเด็กหรอกครับ วัยรุ่นเองก็ยิงนกกันเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว มันเป็นวิธีชีวิตของเค้า น้องเค้าเล่าว่า พวกมือหนังสติกจะรู้เวลาและสถานที่สำหรับจะไปยิงนกอยู่แล้วครับ ถ้าในอุทยานก็เป็นช่วงเจ้าหน้าที่เข้าแถวตอนเช้า ตอนกลางวันที่เจ้าหน้าที่กินข้าว ตอนเย็นๆ ที่เจ้าหน้าที่พลัดเวร พวกเค้าจะออกมาจากโรงเรียนซึ่งใกล้กับอุทยานนิดเดียวเข้าไปยิงนกในอุทยานเพราะนกเยอะดี ไม่เลือกและไม่รู้หรอกครับว่าเป็นนกอะไร สำคัญอย่างไร เห็นเป็นยิง ถ้าตัวเล็กกินไม่ได้ก็ทิ้ง กินได้ก็เอากลับบ้าน น้องเค้าบอกมันเป็นเรื่องปกติของเด็กม้งครับ และน้องเค้าเล่าอีกว่าเค้ารู้เรื่องนกอัญชันเพราะคนยิงเป็นคนไปคุยเล่นในโรงเรียนว่าไปยิงนกได้นกอะไรมาบ้าง พอน้องๆ กลุ่มดูนกทราบว่าเป็นอัญชันหางดำ ก็รีบไปบอกคูรกุลในอุทยานทันที แล้วเจ้าหน้าที่อุทยานก็ไปตามตัวเด็กเพื่อสอบถามทันทีแต่ไม่พบในตอนเช้า และกลางวัน แต่พบตัวในตอนเย็นจึงทราบว่ายิงอัญชันตาย 1 ตัว (แค่ 1 ตัวนะครับที่ตบแปะทราบ) และคนยิงเคยไปอบรมดูนกกับอุทยานแต่ไม่มาร่วมเป็นนักดูของอุทยาน (เด็กๆ ของบ้านขุนกลางส่วนใหญ่เคยมาอบรมดูนกกับอุทยานในเบื้องต้นแต่ทางอุทยานจะเลือกเฉพาะเด็กที่มีใจรักนกจริงๆ เท่านั้นมาอบรมอย่างจริงจังเพื่อเป็นมัคคุเทศต่อไป) น้องๆ เล่าให้ฟังอีกว่าเมื่อก่อนนกอัญชันเป็นนกที่พวกน้องเค้า(สมัยก่อน) เล็งไว้อยู่แล้วแต่ไม่มีโอกาสมากนักเพราะเมื่อเห็นคนก็จะหลบเข้าป่าหญ้าทันที เด็กหลายๆคนเคยหมายมั่นปั้นมือว่าจะยิงให้ได้ แต่เดี๋ยวนี้เห็นง่ายเหลือเกินเพราะถ้าได้ยินเสียงคนก็จะออกมาทันที ไม่เหมือนเมื่อก่อนจึงเป็นโอกาสของคนยิงเข้าไปตอนเจ้าหน้าที่เผลอ และอีกวันหรือสองวันพ่อหลวงก็ประกาศในโรงเรียนว่าห้ามเด็กทุกคนของบ้านขุนกลางยิงนกทุกตัวเด็ดขาด ตบแปะทราบดังนั้นจึงไปสอบถามเจ้าหน้าที่อุทยานต่อ เจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เกี่ยวข้องร้อนใจมากๆ กับเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ได้ทำหนังสือไปยังหัวหน้าหมู่บ้านขุนกลาง โรงเรียน โบสถ์ ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าร้ายแรงเพียงใด ตบแปะทราบอีกว่ามีการจัดเจ้าหน้าที่สำหรับยึดหนังสติกของเด็กทันทีที่เห็น สำหรับตบแปะเห็นว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดกระแสการอนุรักษ์นกในเขตบ้านขุนกลางและอีกหลายชุมชนในเขตอุทยาน ซึ่งหากไปเอาผิดกับเด็กก็ไม่ได้อะไรอยู่ดีเพราะเค้ายิงเป็นเรื่องปกติของเค้า แต่หากสามารถขยายกระแสการอนุรักษ์และเพิ่มปริมาณนักดูนกรุ่นเยาว์ของเด็กในพื้นที่อุทยานได้มากขึ้นเท่าไหร่ก็จะเป็นสิ่งที่ดีขึ้นมากเท่านั้น ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงครับที่ตบแปะทราบมา ยังไงลองโทรไปคุยกับเจ้าหน้าที่อุทยานได้ครับ คุณกุล ปัญญาวงศ์ ชมรมเพื่อนดอยอินทนนท์ 053-268579 คุณกุล พร้อมตอบทุกคำถามครับ ด้วยความเคารพ ตบแปะ (สิงหา ชาตะวะสุ) จากคุณ : ตบแปะ - [ 5 ต.ค. 47 12:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เสียใจสำหรับการสูญเสียเพราะคิดว่าในฐานะที่เคยไปดูเขามาก็คงมีส่วนทำให้เขาเชื่องคนมากขนาดนี้ ขอบคุณข้อมูลของคุณตบแปะ หวังว่าการสูญเสียครั้งนี้คงช่วยกระตุ้นให้หลายฝ่ายหันมาอนุรักษ์เขามากยิ่งขึ้น ตอนแรกเท่าที่คิดได้เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านว่าน่าจะขึ้นป้ายเชิญชวนให้อนุรักษ์เจ้านี่ไว้ แต่คิดอีกทีว่ามันจะยิ่งเป็นอันตรายหรือปล่าว ทางที่ดีควรต้องทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ให้เข้าใจความสำคัญของเขามากกว่านี้ นักท่องเที่ยวทั่วๆ ไปคงหาเขาไม่เจอหรอก จากคุณ : T* (T*) - [ 5 ต.ค. 47 13:22:11 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ...............น่าเศร้า และ เสียใจเป็นที่สุด เพราะนกกลุ่มนี้เป็นที่รับแขก ของคนทุกชาติต่างบ้านต่างเมือง ก็มาได้ดูชม และชื่นชมในความน่ารัก และเป็นการปลูกฝังให้ร่วมกันอนุรักษ์นกกันมากขึ้น ................เอาไว้มีโอกาส คงได้สืบรู้ได้แน่นอน จะได้ถ่ายรูปหน้าตาคนที่ยิงนกอัญชัน มาให้ทุกท่านได้ดู ว่าหน้าตามันเหี้ยมโหดแค่ไหน หรือมันอดอยากมากเกินไป เอาไว้ข้อมูลเด่นชัด ผมจะนำมาบอกกล่าวอีกที จากคุณ : เชนเชียงใหม่ (เชนเชียงใหม่) - [ 5 ต.ค. 47 13:56:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เสียดายจริงๆค่ะ นอกจากที่อินทนนท์ตรงจุดนี้แล้ว ยังมีพบที่อื่นอีกบ้างไหมคะ จากคุณ : จันทร์น้อย - [ 5 ต.ค. 47 17:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หาวิธีแก้ไขดีกว่าครับ คุณเชนเชียงใหม่ อย่าไปถ่ายรูปเด็กมาเลยครับ -ปัญหาที่เกิดขึ้น จากที่ฟังคุณตบแปะเล่ามา ก็อยู่ที่เด็กม้ง ดังนั้นน่าจะแก้ตรงจุดนี้นะครับ การปลูกฝังให้เด็กรักและหวงแหงนธรรมชาติและสัตว์ป่ารวมทั้งนกต่างๆนั้น คงทำได้ยากมากครับ แต่ผมว่าเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุดในระยะยาว แต่วิธีการปลูกฝังนั้นจะทำอย่างไรดี -ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกได้นะครับ //นกเศร้า จากคุณ : Woodsman - [ 5 ต.ค. 47 18:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามข้อมูลที่คุณตบแปะว่ามา หากเด็กม้งแถวนั้นถึงขนาดรู้เวลาหลบหลีกป่าไม้เพื่อเข้าไปยิงนกละก็ อุทยานคงต้องมีมาตรการอะไรขนานใหญ่แล้วละครับ เพราะแสดงว่าเด็กพวกนี้แทบไม่มีจิตสำนึกอะไรเลย ไม่ว่าด้านการรักสัตว์หรือเกรงกลัวกฎหมาย นี่ผมก็เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเด็กชาวเขาแถวนั้นยิงนกอุทยานมาตลอด เห็นด้วยนะครับว่าการเอาผิดเด็กเรื่องยิงนกอัญชันหางดำตายอาจรุนแรงเกินไป แต่หลายๆคน รวมทั้งตากระดี่ได้น้ำ ก็ห่วงว่าแล้วเราจะทำอย่างไรกันดีไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำรอยอีก ดูแล้วการรณรงค์ปลูกฝังคงต้องทำควบคู่ไปกับความเข้มงวดในการตรวจตราพื้นที่ด้วย สำหรับป้ายสื่อความหมายนั้น สำหรับกรณีของเด็กม้งนี่อาจไม่มีประโยชน์อะไร (คือถึงยังไงก็ยิง ไม่ว่าจะมีป้ายหรือไม่) แต่ผมยังมองว่ามันน่ามีประโยชน์ในการอนุรักษ์นกชนิดนี้ ในการสื่อให้คนทั่วไปได้รู้จักถึงการมีอยู่อันไม่ธรรมดาของมัน นึกแล้วก็เสียดายเวลา และเสียดายชีวิตของมันที่ออกมาเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ตั้งนานสองนาน สุดท้ายก็ตายไป โดยมีคนรู้จักจำกัดวงอยู่แค่นักดูนกกับนักเลงหนังสติ๊กเท่านั้น จริงๆแล้ว ตรงนั้นน่าจะมีไม้กั้นกันกลับรถอีกอย่างด้วย ผมเคยไปซุ่มแล้วเจอทั้งรถมากลับกันไม่รู้ต่อกี่คัน แถมด้วยหมาเซนต์เบอร์นาร์ดตัวอย่างกะยักษ์มาวิ่งสูดอากาศกับนักท่องเที่ยวเจ้าของ ไม่มีใครรู้ว่ามีนกระดับโลกหากินอยู่ที่นั่น แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 47 19:03:36 จากคุณ : HWAMEI - [ 5 ต.ค. 47 19:01:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รู้สึกเสียใจมาก พึ่งได้เห็นเพียงครั้งเดียว เมื่อกลางเดือนสิงหานี้ ไม่นึกว่าจะเห็นนกตัวนี้เป็นครั้งสุดท้าย น่าเศร้าจังค่ะ คงต้องช่วยกันดูแล และให้ทุกคนมีจิตใจรักนก ไม่กินนก ไม่รังแกนกทุกชนิด จากคุณ : Bunting - [ 5 ต.ค. 47 21:34:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เศร้ามากๆเลย...ครับ!!ซึม!!! จากคุณ : mr.jim.. (นายจิม..) - [ 5 ต.ค. 47 22:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เสียใจครับ ภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพที่ผมมีอยู่  ถ่ายเมื่อ 1สิงหาคม47 ถ่ายไกลกว่า 50เมตรบนรถส่วนตัวฝนตก มาก แต่เราก็ชอบที่จะเห็นความน่ารักของมันจึงรอและรอ ผมเองมีโอกาศมากที่จะถ่ายรูปเจ้านกนี้ได้อย่างดีแต่บางครั้งการเฝ้าดูทำให้ได้ความรู้สึกที่ดีๆมากกว่า จึงไม่พยายามที่จะถ่ายให้ได้รูปที่ดีจะได้มีคำอ้างเวลาขึ้นดอยอินทนนท์ ว่าต้องไปรอถ่ายรูปเจ้าประจำ ลุงแดงและหลายๆคนถือว่าเจ้านกตัวนี้เป็นหนึ่งในครอบครัวของเราชาวรักนก (เสียใจครับ) แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 47 22:38:07 จากคุณ : คนภูเขา (เชยปา...แห่งหลังคาสยาม) - [ 5 ต.ค. 47 22:32:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอโทษครับเกิดการผิดพลาดในการลงภาพในความเห็นที่16ครับ ผมเก็บภาพในชื่อเดียวกันหลายภาพ แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 47 22:39:43 จากคุณ : เชญปา...แห่งหลังคาสยาม (เชยปา...แห่งหลังคาสยาม) - [ 5 ต.ค. 47 22:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมเคยไปที่อินทนนท์มา แต่ไม่ได้ไปดูเจ้าตัวนี้ ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ยว่า เวลาที่คนหลายๆกลุ่มเข้าไปดูเจ้าตัวนี้ แน่นอนเรื่องเสียงนี่คงไม่สามารถเงียบได้ ทำให้นกชิน และไม่ระวังตัว รวมทั้งเรื่องการแอบหยอดอาหารให้เพื่อเรียกมาดูง่ายๆ แบบกระทาดงอกส้ม อ่ะ ผมว่าอาจเป็นรายต่อไป --------เสียใจด้วยกับเจ้าอัญชัญ จากคุณ : 108 KG. - [ 5 ต.ค. 47 23:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อึ้ง จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 6 ต.ค. 47 08:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 จากข่าวสดวันนี้ครับ มีคำชี้แจงจากทางหัวหน้าอุทยานมาให้อ่านกัน http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod.php?sectionid=0301&searchks=''&sk=''&s_tag=03p0113061047&day=2004/10/06&show=1 จากคุณ : HWAMEI - [ 6 ต.ค. 47 10:06:58 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ้าว....เวรแล้วมั้ยล่ะ ถึงเวลาหรือยังเนี้ย ที่เราจะออกมาทำอะไรสักอย่าง.. ? หรือว่าตัวต่อไป อาจจะเป็นปีกแพรสีเขียว ไม่ก็สีม่วง แล้วค่อยหาวิธีป้องกัน กันอีกที... จากคุณ : ชชนน (ชชนน) - [ 6 ต.ค. 47 11:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เสียใจจังค่ะ เคยได้มีโอกาสเจอเค้าเมื่อ สิ้นปี 46 ปีนี้ว่าจะขึ้นไปเยี่ยมอีก แต่.... จากคุณ : ta (bbirdnok) - [ 6 ต.ค. 47 19:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงเพลงนี้ครับ ของอัสนี-วสันต์ "ผ่านมาแล้วผ่านไป ยังไม่คิดไม่เข็ด "มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับชีวิตสัตว์ และนก ก็ต้องช่วยกันแหละครับ เหตุเกิดก็ต้องหาทางออกที่ดีทีสุด และคิดหาทางป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ร่วมด้วยช่วยกันครับ ผทเองยังไม่เคยเห็น แต่ก็สงสารครับ ชีวิตใครใครก็รัก คิดอีกมุม มันก็เป็นไปตามวัฏของชีวิตครับ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และก็ ดับไป ก็ช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุดนะครับ จากคุณ : ป๋อง:พญาไฟใหญ่แห่งราชบรี (ป๋อง ราชบุรี) - [ วันเกิด PANTIP.COM 08:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แล้วประเด็นที่มีคน เอาอาหารไปเรียกนกเรื่อย ๆ จนนกชินกับคน จนไม่เปรียวล่ะครับ จะทำไง เด็กกับหนังสติ๊ก เป็นของคู่กัน ทำไงให้นกยังเปรียวเหมือนเดิม ให้คนเห็นความสำคัญด้วย แต่ ผมก็คนหนึ่งละ ที่ได้เห็นนกตัวนี้ เพราะมี คนเอาอาหารไปโปรย แต่พอนกติดเป็นนิสัยแล้ว ผลลัพธ์ มันรุนแรงเหลือเกินนะครับ จากคุณ : เสือจุ่น - [ วันเกิด PANTIP.COM 16:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เข้าไปอ่านแล้ว รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งครับกับเหตุการ์ณแบบนี้ ที่เด็กรู้เท่าไม่ถึงการก้อตาม หรือรู้ซึ่งอาจเป็นปมขัดแย้งระหว่างเด็กม้งด้วยกันก้อได้ เพราะทางอุทยานได้คัดเลือกเด็กที่สนใจเรื่องธรรมชาติแต่สำหรับเด็กที่ไม่สนใจธรรมชาติเขาไม่รู้จริง ๆ ครับ ผมว่าทางอุทยานคงต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตามโรงเรียนที่อยู่โดยรอบดอยอิน ประชาสัมพันธ์ให้เด็กรวมถึงครูบาอาจาร์ยให้ช่วยสร้างจิตสำนึก เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ ต้องช่วยกันแก่ไขโดยเร็วที่สุดครับ ขอแสดงความเสียใจอีกครั้งหนึ่งครับ จากคุณ : เขนหัวขาวท้ายแดง (เขนหัวขาวท้ายแดง) - [ วันเกิด PANTIP.COM 17:30:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่ควรมีการให้อาหารนกนะ ควรปล่อยให้เค้ามีชีวิตตามธรรมชาติดีกว่า คงต้องปรับมาตรการให้เข้มงวดกว่านี้ ไม่มีป่า ไม่มีสัตว์ ก็ไม่มีชีวิตของพวกเราเหมือนกันค่ะ เสียใจด้วยค่ะ จากคุณ : tammai - [ 9 ต.ค. 47 05:00:48 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ว่านกหรือสัตว์ต่างก็มีสัญชาตญาณของมัน เมื่อมีคนไปให้อาหาร พฤติกรรมก็เปลี่ยน จากที่หาอาหารเองได้กลับไม่ยอมหา อาจเพราะมีอาหารกินอย่างสะดวกหรือติดใจในรสชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นตัวทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนทั้งสิ้น ไม่วาจะเป็นลิงที่เขาใหญ่ที่คอยอาหารริมถนนจนถูกรถทับ นกอัญชันหางดำที่ดอยอินทนนท์นี่ก็ใช่ หรือแม้แต่กวางที่เขาใหญ่ที่จะออกมาตอนเปิดไฟส่องสัตว์เหมือนมาตอกบัตรทำงาน ผมไม่ปฏิเสธในเจตนาของใครก็ตามที่ทำไป ซึ่งก็ล้วนมาจากเจตนาที่ดีทั้งสิ้น แต่เป็นเจตนาที่นำใจของคนไปแทนที่สัตว์ ไม่เคยคิดถึงความเป็นอยู่ของสัตว์เหล่านั้นว่าเป็นอย่างไร คนทำไปด้วยเหตุผลของความเป็นมนุษย์ แต่สัตว์ดำรงชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ ธรรมชาติมีสมดุลย์ของตัวเอง หากมีอะไรเข้าไปกระทบ สมดุลย์ก็เปลี่ยน ผลที่เกิดอาจเกินความคาดหมาย อย่างกรณีนี้ก็เป็นได้ จากคุณ : elastiv egret - [ 9 ต.ค. 47 09:25:18 A:61.90.30.248 X: TicketID:075031 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอแสดงความเสียใจครับ.... สิ่งที่ผมพอจะช่วยได้คงได้แต่บอกคนล้อมข้างทุกท่านว่า จงอย่าทำลายส่งสิ่งธรรมชาติเลย ช่วยๆ กันรักษาไว้ครับ โลกเรา เราไม่ได้อยู่คนเดียวน่ะครับ จงช่วยกันสร้างสิ่งดีๆ เพื่อโลกของเราสักครั้งเถอะครับ ขอบคุณปลากระดี่ครับ... Nature B ( ท่านเดียวกับ Nature ใน BP แห่งนี้ ) จากคุณ : Nature B (Nature B) - [ 10 ต.ค. 47 20:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่ทุกท่านส่งเข้ามาครับ ผมจะนำกระทู้นี้ทั้งหมดส่งให้ผู้กับเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงหลังจากนี้ ด้วยมิตรภาพ ปลากระดี่ได้น้ำ จากคุณ : ปลากระดี่ได้น้ำ - [ 11 ต.ค. 47 07:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ที่จริงจะตอบคุณจันทร์น้อยด้านหลังไมค์ก็ได้ แต่เห็นเป็นประโยชน์โดยรวมในการแจ้งสถานะภาพที่พบเห็นนกชนิดนี้จากที่อื่นๆ เท่าที่ทราบนกชนิดนี้จะพบเห็นในระดับที่ค่อนข้างสูงในปัจจุบัน อาจเป็นเพราะได้รับการคุกคามหรือเป็นเพราะอุปนิสัยแต่เดิม อันนี้ไม่ทราบชัด ดังนั้นนอกจากที่จะพบที่อินทนนท์ ซึ่งพบได้ง่ายจนเป็นข่าวดังระดับชาติ เพราะมีการเปลี่ยแปลงอุปนิสัยการหากินของนกตัวนี้ ก็ที่บนดอยเหมือนกัน (ดอยดำ ในโครงการหลวง) และก็เป็นแหล่งที่มีชาวม้งอยู่อาศัย และมีเด็กถือหนังสติกเช่นกัน คงต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์ อาจพอแก้ไขวิถีชีวิตของเขาในส่วนนี้ได้ และเน้นเตือนผู้ที่จะปรับอุปนิสัยการหากินของนกแลเหล่านี้ด้วย เพราะเคยได้ยินมาว่านกชนิดนี้ออกหากินในเวลากลางคืนด้วยด้วยซ้ำไป จากคุณ : โกโรโกโส - [ 16 ต.ค. 47 21:52:39 ]