ความคิดเห็นที่ 1 ผมไปมาก็หลายปีมาแล้วเหมือนกัน ก็จะไปถึงอ่างเก็บน้ำเวลาหัวค่ำ แล้วจะมีรถกระบะ ขึ้นไปครับ จะไปได้ถึงระดับหนึ่งแล้วก็ต้องเดินเท้าครับ ก็เดินไปได้เรื่อยจะถึงยอดครับ ข้างบนลมแรงอากาศเย็นครับ อย่าลืม พกเสื้อกันหนาวไปก็ดีครับ ตอนเช้าก็เดินไปธงแดง ถ้าเป็นคนหนุ่มสาวไปสบายสบายครับ ไม่ลำบากจนเกินไป จากคุณ : zirus (ZIRUS) - [ 21 ก.พ. 48 08:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แม่เราไปบ่นไม่เลิกว่าเดินไกลมาก แต่เค้าบอกสวย จากคุณ : แมวเบ๊บ - [ 21 ก.พ. 48 12:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ก็สวยดีครับ เดินก็ไกลดี   ทางชันมากๆ ต้องนั่ง 4 WD ต่อ 4 WD อีกต่อนึงน่ะครับ ผมไปเมื่อ 4-5 ปีก่อน ตอนขึ้นแนะนำให้นั่ง ตอนหน้าๆ ของกะบะ ส่วนตอนลงแนะนำให้นั่งท้ายๆ ของกะบะ มิฉะนั้น คนจะแบนนด้วยแรงไหลของผู้โดยสารครับ คนขับๆ โหดมาก จากคุณ : ฟิชชี่ - [ 21 ก.พ. 48 12:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเพิ่งไปมาเมื่อวานนี้เองครับ เดินทางคืนวันที่ 20/2/2548 เวลาประมาณ 4ทุ่ม ไปถึงที่ตีนเขาก็ประมาณ ตี 2 ผมขอแนะนำว่าเมื่อถึงแล้วอย่ามัวแต่เดินดูของที่มาขายนะครับ ให้รีบไปซื้อตั๋วรถสำหรับขึ้นไปบนเขาโดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกเขาคิดราคา 35 บาทต่อคนซึ่งของผมนี่ซื้อตั๋วตอนตี 2 กว่า ๆ ได้ขึ้นเขาตอนตี 5 ช่วงเวลา 3 ชั่วโมงนั้นใครจะไปนอนก็ได้ครับ แต่ของผมก็ไปไหว้พระทำบุญกับทางวัด แล้วก็รอเวลาขึ้นเขา แต่ถ้าคุณไปไม่เกิน 5 คนผมแนะนำให้ใช้วิธีไปยืนรอตรงด้านหลังจุดขึ้นรถครับ พอเขาประกาศว่าเบอร์นี้ขึ้นรถสีอะไร แล้วถ้าคุณเห็นว่าไม่เต็มก็บอกกับคนที่คุมคิวรถเลยครับ ว่าขอไปคันนี้ด้วยได้ไหม ถ้ากลุ่มเรามีคนไม่เยอะเขาก็จะให้ขึ้นเลยครับ....พอขึ้นไปถึงช่วงแรกก็ให้รีบไปซื้อตั๋วรถขาขึ้นช่วงที่ 2 เลยครับ ค่ารถ 45บาท แต่ยังไงก็ยังต้องรอประมาณเกือบ ๆ ชั่วโมงครับเพราะคนไปกันเยอะมาก และถ้าจะใช้เทคนิคเดียวกับอันแรกก็ได้ครับ...แต่ตรงจุดพักช่วงที่สองนี้ก็จะมีเจดีย์ และพระพุทธรูปต่าง ๆ ให้เรากราบไหว้...คราวนี้พอขึ้นรถช่วงที่สองแล้วก็จะไปถึงช่วงที่ 3 ซึ่งจากจุดนี้เราต้องเดินขึ้นเขาอีก 1 กิโลเมตรกว่าจะถึงรอยพระบาทครับ....ณ จุดที่ 3 นี้ก็จะมีองค์พระสีวลีให้กราบไหว้ด้วย...ก็ขอแนะนำให้ไปซื้อตั๋วขาลงช่วงแรก 45บาทเอาไว้เลยนะครับจะได้ไม่ต้องรออีก....ช่วงเวลาที่เดินทางไปนมัสการขอแนะนำให้พูดดี คิดดี ทำดีนะครับ อย่าใส่ชุดที่ไม่ถูกกาลเทศะ เมื่อวานนี้ผมเห็นพวกสายเดี่ยวแบบโชว์ให้เห็นร่องนม เนื้อหนังมังสาเต็มไปหมด ผมก็งงว่าไอ้พวกนี้มันมาทำอะไรมาไหว้พระ หรือมาอวดกัน.....คราวนี้มาถึงช่วงที่เดินขึ้นเขาแล้วครับ...ขอแนะนำให้ซื้อดอกดาวเรืองที่ปากคลองตลาดไปเยอะ ๆ เลยครับ เพราะที่นี่จะแพงมากแล้วจะหมดซะก่อน รวมทั้งเตรียมธูปไปมัดใหญ่ ๆ เลยครับ และถ้ามีทองคำเปลวด้วยก็ยิ่งดี...ตลอดทางที่เราเดินขึ้นไปก็จะมีการวางดอกไม้พร้อมธูปบูชาไปตลอด และจะมีจุดแวะพักเป็นช่วง ๆ ซึ่งเขาจะมีน้ำขิงและน้ำชาร้อน ๆ บริการฟรี...เมื่อขึ้นไปผ่านประตูสวรรค์ไปก็ใกล้ถึงแล้วครับ...แต่คนเขาจะนิยมเดินลงไปไหว้พระฤาษีในถ้ำก่อน....ซึ่งจะเรียกว่าบ่อล้างหนี้ กับบ่อยาทิพย์ ตรงบ่อล้างหนี้แนะนำให้ซื้อพลอยร่วงที่เขามีวางขายข้าง ๆ ถุงละสิบบาทไปนมัสการด้วยครับ จากนั้นก็เดินเข้าในบ่อแล้วก็เอากระเป๋าสตางค์เปิดออกพร้อมตั้งจิตอธิษฐานแล้วเอามือเรากวักลมที่อยู่บริเวณบ่อล้างหนี้เข้ากระเป๋านะครับ แต่อย่าหยิบอะไรออกมานะครับ ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน......จากนั้นก็ไปนมัสการรอยพระพุทธบาท....แต่สำหรับคนที่มีเวลาก็ยังสามารถเดินต่อไปยังผ้าแดงครับก็อีกประมาณ 1 กิโลเมตรจากรอยพระบาท...ขึ้นไปข้างบนเมื่อวานนี้อากาศเย็นสบายมากครับ...ถ้าจะไปขอให้รีบไปกันนะครับเพราะเขาเปิดถึงแค่วันที่ 9 เมษายนนี้เอง และเจ้าหน้าที่บอกว่าหลังวันที่ 20 มีนาคมนี้คนจะเยอะกว่านี้มาก อ้อ...มีอีกเรื่องครับ ถ้าคุณไปซื้อตั๋วคิวรถแล้วต้องรอนานและคิดจะเดินเท้าขึ้นไปนั้น ผมขอบอกได้เลยครับอย่าเสี่ยง เพราะทางชันมากแถมเหนื่อยมากครับ...พวกผมพอได้นั่งรถขึ้นไปก็เห็นหลาย ๆ คนที่เดินขึ้นไปก่อนหน้านี้ขอโบกรถไปด้วย แต่คนขับเขาไม่จอดให้หรอกนะครับ...อย่าหวังว่าเขาจะรับคุณขึ้นข้างทางเพราะมันอันตรายครับ....ยังไงไปแล้วก็ขอให้อิ่มบุญกันถ้วนหน้าครับ....อ้อ เวลาไปก็เตรียมชุดไปอาบน้ำสัก 1 ชุดก็ได้ครับ เพราะหลังจากเราลงมาแล้วนี่เหงื่อจะท่วมตัวมาก ๆ เลย แล้วเสื้อขาวแนะนำอย่าใส่ไปครับ เพราะฝุ่นแดงจะติวเสื้อเต็มไปหมด ใส่รองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าที่สามารถเดินขึ้นเขาได้สบาย ๆ พร้อมทั้งไฟฉายและขนมขบเคี้ยวด้วยก็ดี ถึงข้างบนมีขายแต่ก็ราคาแพงตามความชันของเขาครับ... จากคุณ : PETERUNSW - [ 21 ก.พ. 48 13:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอ่อ.. เขานี้มีความเป็นมา หรือประวัติสำคัญอะไรยังไงอ่ะคะ พอดีแม่เราอยากไปมาก เห็นคนแถวบ้านชวนๆ กัน แล้วแม่ก็มาถามเรา.. ประมาณจะให้เราไปด้วย เราไม่รู้จักเลยอ่ะคะ ชอบเที่ยวแต่ทะเล ภูเขาพวกนี้มากกว่า ถ้าไงรบกวนผู้รู้ช่วยบอกด้วยนะค๊า...กลัวแม่ไปเบียดคนเยอะๆ ง่ะ จากคุณ : ke@ - [ 21 ก.พ. 48 15:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รู้แต่ว่าเป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่สูงและชัน อยู่ในบริเวณป่าด้วย ใครได้ไป จะเป็นศิริมงคลกะชีวิตน่ะค่ะ ++++++++ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ อุทยานแห่งนี้เป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายากคือ ไม้กฤษณา เนื่องจากเป็นป่าที่อยู่ในเขตเทือกเขาสูงชัน จึงมีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น กระทิง เสือ หมี กวาง เก้ง เลียงผา และนกชนิดต่างๆ ตามลำห้วยมีปลาพลวง ปลาก้าง ปลาหนวด ปลาดุกรำพัน อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก การเดินทาง ใช้ถนนสุขุมวิท เมื่อถึงสี่แยกเขาไร่ยา แยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3249 ระยะทาง 24 กิโลเมตร จะถึงอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือสามารถนั่งรถสองแถวสีฟ้าสายจันทบุรี-จันทเขลม รอขึ้นได้ที่ศาลาหน้าสถานีขนส่ง ค่าโดยสาร 20 บาทต่อคน หากส่งถึงน้ำตก 30 บาท สถานที่น่าสนใจในบริเวณอุทยาน ได้แก่ น้ำตกกระทิง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น ซึ่งล้วนมีความงามต่างๆ กัน เล่นน้ำได้ แต่ละชั้นห่างกันราว 20 เมตร ในระหว่างทางจะผ่านป่าไผ่และพันธุ์ไม้หลากชนิด บางชั้นมีพืชจำพวกมอส เฟิร์น ขึ้นปกคลุมเต็มทั้งสองข้างทาง ลำธารดูเขียวชอุ่ม เมื่อต้นไม้ผลัดใบใบไม้สีเหลืองแกมแดงจะโรยใบปูทางเดินสวยงามยิ่ง ลำธารชั้นล่างของน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน 100 เมตร การเข้าชมต้องเสียค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ยอดเขาพระบาท ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌกูฎ การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวงไปตามถนนที่ลาดชันมาก ระยะทาง 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ทิวทัศน์บนยอดเขาคิชฌกูฏหรือเขาพระบาทนี้เป็นปรากฎการณ์ทางธรณีวิทยาที่นำมาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ ศิลาเจดีย์ รอยพระพุทธบาท หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ บนยอดเขาพระบาทซึ่งมีอากาศเย็นสบายนั้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน เฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงช่วงวันมาฆบูชาของทุกปีจะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งกลางวันและกลางคืนเป็นจำนวนมาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ โทร. 0 3945 2074น้ำตกคลองช้างเซ อยู่ระหว่างทางขึ้นเขาพระบาท ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ โดยเริ่มจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เดินเป็นวงกลมแล้ววนกลับมาที่เดิม ระหว่างทางจะมีคำบรรยายเขียนไว้ ใช้เวลาในการเดินประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 4 กิโลเมตร น้ำตกคลองกระสัน เป็นธารน้ำตกขนาดใหญ่ เล่นน้ำได้ บรรยากาศร่มรื่น อยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์ที่ คก. 2 (คลองไพบูลย์) ห่างจากที่ทำการอุทยาน ประมาณ 8 กิโลเมตร อัตราค่าเข้าอุทยานฯ นักท่องเที่ยว ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างประเทศ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สถานที่พัก อุทยานฯ มีบริการบ้านพักไว้สำหรับนักท่องเที่ยว จำนวน 6 หลัง พักได้ 2-8 คน ราคา 600-1,800 บาท มีเต็นท์ให้เช่าพักแรม พักได้ 3-6 คน ราคา 250-500 บาท และในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเองเสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ ราคา 30 บาท/คน/คืน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ โทร. 0 3945 2074 หรือที่ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทร. 0 2562 0760 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-18.00 น., วันเสาร์ เวลา 09.00-15.30 น. หรือ http://www.dnp.go.th การเดินทาง ใช้ถนนสุขุมวิท เมื่อถึงสี่แยกเขาไร่ยาให้แยกซ้ายไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 3249 ระยะทาง 24 กิโลเมตร จะถึงอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือสามารถนั่งรถสองแถวสีฟ้าสายจันทบุรี-จันทเขลม ขึ้นรถได้ที่ ที่ทำการไปรษณีย์ท่าแฉลบ ค่าโดยสาร 20 บาทต่อคน หากส่งถึงน้ำตก 30 บาท http://www.tat.or.th/thai/travel_place_more.php?province=71&id=2354&cat=1 จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก - [ 22 ก.พ. 48 19:08:47 ]