ความคิดเห็นที่ 1 เดินทางโดยรถไฟ ช่วงเช้าแนะนำให้ลงที่สถานีบางปะอินครับ จากนั้นนั่งสองแถวไปพระราชวังบางปะอิน ช่วงบ่ายไปอยุธยา ทีนี้ก็ต้องเลือกว่าจะไปทางไหน ฝั่งนอกเมืองหรือในเมือง (จะมีแม่น้ำแบ่งกั้น) ถ้าฝั่งนอกเมืองซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับสถานีรถไฟ ใกล้ๆ ก็จะมี  วัดมเหยงค์  วัดอโยธยา  วัดกุฏีดาว วัดใหญ่ชัยมงคล วัดพนัญเชิง เป็นต้น  ถ้าฝั่งในเมืองก็จะมีเยอะมาก จุดเด่นๆ ก็จะมี วัดมหาธาตุ  วัดราษฎร์บูรณะ (กำลังฮิต) วัดพระราม วัดพระศรีสรรเพชญ์ พระราชวังเดิม วิหารพระมงคลบพิตร คุ้มขุนแผน พิพิทธภัณฑ์เจ้าสามพระยา แค่นี้ก็คงจะมืดค่ำแล้วครับ  ถ้ามีรถส่วนตัวจะไปได้หลายที่กว่านะครับ  เพราะยังมีวัดสำคัญๆ อีก เช่น วัดหน้าพระเมรุ  เจดีย์สุริโยทัย วัดโลกยสุธา  วัดธรรมิกราช วัดกษัตริยาธิราช  วัดไชยวัฒนาราม วัดภูเขาทอง  ถ้าเป็นคนชอบถ่ายรูป ไปวันเดียวเที่ยวไม่หมดครับ ...... ใกล้ๆ สถานีรถไฟอยุธยา มีร้านเช่าจักรยานและมอเตอร์ไซค์  หรือจะใช้บริการรถตุ๊กๆ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือสองแถว  ก็มีครับ  เมืองท่องเที่ยวไม่ต้องห่วงว่าจะไปไม่ถูก ขอแค่มีตังค์ในกระเป๋า   ขากลับจะกลับรถตู้หรือ บขส. ก็ได้นะครับ รู้สึกจะหมดประมาณ 1 ทุ่ม แต่รถไฟ มีตลอดครับ แต่หลังสามทุ่มแล้ว นานๆ จะแวะสถานีอยุธยา จากคุณ : . (offsa) - [ 9 มี.ค. 48 17:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอตอบเสริมคุณ offsa หน่อย  เอาแบบตัดเป็นทริปหนึ่งวันเลยล่ะกัน ถ้าเอาแบบว่าที่อยุธยามีอะไรให้เที่ยวบ้าง  คุณ offsa บอกไว้หมดแล้ว เริ่มทริปที่พระราชวังบางปะอินเลยล่ะกัน พระราชวังบางปะอินจะเปิดตอน 8 โมงครึ่ง  มารถไฟขบวน 111 กรุงเทพ-เด่นชัย  ออกจากกรุงเทพ 7 โมงเช้า มาถึงบางปะอิน เกือบ ๆ 8 โมงครึ่ง พอดีเวลาเปิดเลย  ขบวนนี้เป็นรถเร็ว ค่าตั๋ว 20 บาท  ไม่มีเลขที่นั่งให้  ว่างตรงไหนก็นั่งตรงนั้น  หิวข้าวหิวน้ำก็ซื้อที่แม่ค้าหิ้วขึ้นมาขายได้  (เดี๋ยวนี้มีเป็นสัมปทาน ต้องใส่เสื้อเหมือนกับวินมอเตอร์ไซค์เลยขาด feel ชาวบ้านไปนิด)   แต่ถ้าจะไม่แวะบางปะอิน แล้วมาเที่ยววันธรรมดาได้ล่ะก้อ  ลองตื่นเช้าหน่อยมาขึ้นรถชานเมือง กรุงเทพ-ลพบุรี  ออกจากกรุงเทพ ตี5 20  จะไปถึงอยุธยาราว ๆ  7 โมง ค่ารถ 14 บาท (เอหรือ 16 บาทหว่า)  บรรยากาศสองข้างทางตอนเช้า ๆ สวยมาก ฟ้าก็ค่อย ๆ เปลี่ยนสี สักเดี๋ยวก็นั่งชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นอีก  เพลินไปเลย   เอ้าลงรถไฟที่บางปะอินแล้วก็ขึ้นสองแถวคันนี้ไปพระราชวังบางปะอินได้เลย  ค่ารถคนละ 5 บาท ถ้านั่งมอเตอร์ไซค์ไปก็คันละ 15 บาท หรือถ้าจะเดินก้อ 2 กิโลจ้า จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนออกจากสถานีเช็คเวลารถไฟเที่ยวต่อไปก็ดี  เดี๋ยวจะได้ย้อนกลับมาขึ้นไปอยุธยาต่อ  ค่ารถแค่ 3 บาทเอง แต่ถ้ากะให้ก็จะมีเที่ยว 10.11 น. กับเที่ยว 10.29 น. หลังจากนั้นก็มีเที่ยวหลังเที่ยงไปเลย  ไปสองเที่ยวแรกดีกว่า จะได้มีเวลาเที่ยวในตัวอยุธยาด้วย ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไฟล์ใหญ่ไป  ลองใหม่อีกที จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:30:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บางมุมจากพระราชวังบางปะอิน ค่าเข้าชม 30 บาท  เป็นเขตพระราชฐานต้องแต่งตัวเรียบร้อยนิดนึง ผู้หญิงนุ่งกางเกงได้  เสื้อต้องมีแขน  รองเท้าหุ้มส้น  รองเท้าแตะที่มีสายรัดใช้ได้   ข้างในมีร้านเครื่องดื่มแต่ไม่มีร้านอาหาร ถ้าหิวก็จัดการก่อนที่ร้านหน้าทางเข้า จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 นั่งรถไฟต่อมาลงที่อยุธยา  ออกมาหน้าสถานีจะเจอรถตุ๊กตุ๊ก จอดรอให้บริการอยู่ ที่จริงมีคนไปรอตั้งแต่ลงจากรถแล้วล่ะ  ท่าทางเป็นนักท่องเที่ยวหน่อยก็จะมีคนมาถามแล้ว ค่าเช่าชั่วโมงละ 200 (ตามอัตราที่ติดไว้ที่สถานีรถไฟ) แต่คงลดได้ ส่วนถ้าจะเหมาทั้งวันก็ได้  เคยลองถามเล่น ๆ แล้วเค้าก็ตอบเล่น ๆ ว่า 700 อะ แต่จริง ๆ คงต่อรองแล้ว  คงต้องดูว่าจะไปที่ไหนบ้าง ใกล้ไกลยังไง แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 48 21:41:11 จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:39:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อีกทางเลือกที่น่าสนคือขี่จักรยานไม่ก็มอเตอร์ไซค์ มีร้านอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟนี่เอง  ข้ามถนนมาก็เจอเลย เดินผ่านมาเห็นอยู่ 2 เจ้าใหญ่ ๆ แต่ guest house บางแห่งตรงนี้ก็ติดป้ายให้เช่ารถเหมือนกัน ค่าเช่าจักรยานคันละ 30 บาท  คืนรถก่อนหกโมงเย็น   ส่วนมอเตอร์ไซค์  ร้านแรกรถใหม่กว่าคันละ 200 บาท  เจ้าถัดเข้าไป 150 บาท รถจะสูงอายุกว่า จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:43:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่ร้านเค้าจะมีแผนที่ให้ด้วย  มีที่ให้เที่ยวทั้งฝั่งนอกเกาะเมือง กับในเกาะเมืองอย่างที่คุณ offsa ว่า ถ้ามาเที่ยวครั้งแรกเอาในเกาะเมืองก่อนแล้วกัน ทีนี้สถานีรถไฟเนี่ยจะอยู่นอกเกาะเมือง  เราต้องข้ามไปอีกฝั่ง จะขี่รถข้ามมาก็ได้  ถ้าหันหน้าเข้าตัวสถานีก็ให้ขี่รถไปทางขวามือ จะมีทางพาเลี้ยวขึ้นสะพานปรีดีฯ  ซึ่งเป็นสะพานดั้งเดิม  เดี๋ยวนี้จะมีสะพานพระนเรศวรมาประกบข้างแล้ว เพราะงั้นก็ขี่ขึ้นสะพานไม่ยาก เพราะรถไม่เยอะ  แต่ตอนลงต้องระวังหน่อย เพราะลงไปจะไปเชื่อมกับสะพานใหม่ทางเลนขวาของเค้า รถอาจจะมาเร็วต้องระวังให้ดี ถ้าให้ดี  ข้างหน้าไม่ไกลจะมีแยกไฟแดง ก็ขี่ติดขอบเกาะกลางเอาไว้ก่อน  แล้วจะเปลี่ยนเลนค่อยว่าอีกทีตอนติดไฟแดง แต่ถ้าจะไปเที่ยวแถว ๆ วัดมหาธาตุที่เดี๋ยวจะเล่าต่อก็เลี้ยวขวาตรงนี้เลยก็ได้ อีกวิธีถ้าเป็นจักรยานก็คือเอารถจักรยานลงเรือข้ามฟากเลย  ท่าเรือจะอยู่ในซอยเดียวกับที่เช่ารถนั่นแหละ ตรงเข้าไปนิดเดียวก็เจอ  จะมีโป๊ะอยูสองอันซ้ายขวา  ให้ใช้อันซ้ายที่มีหลังคา เรือจะลำใหญ่หน่อย  มีที่ขนจักรยานได้  ค่าเรือคนละ 2 บาท  จักรยานก็คันละ 2 บาทเหมือนกัน รูปบรรยากาศในเรือข้ามฟาก  จะมีที่ตรงกลางว่างพอเสียบจักรยานได้ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แต่วิธีขนจักรยานใส่เรือข้ามฟากมา ก็ต้องแบกกันหน่อยตอนขึ้นลงท่าเรือ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 48 19:56:41 จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 19:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จะข้ามฟากมาเช่าในเกาะเมืองก็ได้   ถ้าข้ามเรือที่ท่าทางด้านซ้ายมือ  จะมาตรงหน้าตลาดเจ้าพรหม ออกจากท่ามาก็เดินเลี้ยวขวาผ่านหน้าตลาดมา  พอเจอแยกแรกก็เลี้ยวซ้าย เดินตรงมาเรื่อย ๆ จนเจอแบงก์ไทยพาณิชย์  ซอยฝั่งตรงข้ามจะมีรถให้เช่าอีกตรึม ซอยนี้เป็นย่านถนนข้าวสารของอยุธยา  ก็เลยมีทั้งจักรยานทั้งมอเตอร์ไซค์ให้เช่า   แต่ราคาจะสูงกว่าหน่อย รถจักรยานคันละ 50 บาท มอเตอร์ไซค์คันละ 250 บาท ตอนนั้นถามร้านที่รถสภาพค่อนข้างดี  แต่ก็มีร้านที่รถโทรมหน่อยอาจจะถูกกว่า (มาเจอร้านตรงนี้เพราะ "ป้าหนอน" แนะนำ  ขอให้เครดิตหน่อย) จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แต่ถ้าขี้เกียจเดิน  ให้ข้ามเรือที่ท่าฝั่งขวามือที่ไม่มีหลังคา เรือจะตัดข้ามมาฝั่งตรงข้ามเลย  (ท่านี้ค่าเรือ 1 บาท) อ้อ  ค่าเรือไปจ่ายที่ฝั่งตรงข้าม ออกจากท่านี้มาเดินมาริมถนนจะมีร้านให้เช่าจักรยานอยู่ปากซอยเลย เป็นรถจักรยานแม่บ้าน 24 นิ้ว   ถ้าข้ามถนนมาก็จะมีอีกร้านนึง เป็นรถคันใหญ่หน่อย ตอนที่ไปก็เช่าร้านนี้ ทีแรกก็หวั่น ๆ เพราะรถมันโทรม ๆ หน่อย   แต่ความที่ตัวสูงขายาวถ้าขี่คันเล็กแล้วจะปวดเข่าก็เลยเอา ร้านนี้เป็นรถพวกรถเก่ามือสองมาจากญี่ปุ่น  แต่ปรากฎว่ารถญี่ปุ่นเหล็กดีมั้ง ถึงจะเก่าแต่ยังขี่ดีอยู่  ไม่มีเสียงอ๊อดแอ๊ดให้ได้ยินเลย ค่าเช่าคันละ 30 บาท  ข้อดีของร้านนี้คือคือรถได้ค่ำกว่าเจ้าอื่น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสองทุ่ม ส่วนเจ้าที่ตรงตลาดเจ้าพรหมตะกี้ คืนรถทุ่มนึง ไม่มีรูปที่ร้าน  แต่หน้าตาจักรยานที่เช่ามาก็ประมาณนี้ แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 48 21:44:40 จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ค่าเหมารถตุ๊กแพงเนอะ พึ่งจะรู้นะเนี่ยบ้านเราแท้ ๆ ขี่จักรยานดีกว่าค่ะ แนะนำเพราะวัดแต่ละที่ไม่ได้ไกลกันเลยขี่จักรยานแป๊บเดียวก็ถึง จะมีเหนื่อยหน่อยก็วัดไชยเท่านั้นแหละเพราะต้องข้ามสะพาน รถตุ๊กแพงเว่อร์มาก ๆ แต่ถ้าแวะบางปะอินก่อน นั่งรถสองแถวมาอยุธยาจะเร็วกว่านะ รอไม่นานด้วย รถสองแถวก็ผ่านตรงหน้าสถานีรถไฟเลย ค่ารถก็ 10 บาทหรือ 9 บาทนี่แหละจำไม่ค่อยได้ เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ จากคุณ : หุ่นยนต์สีขาว - [ 10 มี.ค. 48 20:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ลืมบอกไปอย่างสองร้านหลังที่ว่านี่  ไม่มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าครับ ไปเที่ยวกันต่อดีกว่า ที่แรกแนะนำให้ไปที่วัดมหาธาตุเลยครับ เป็นวัดสำคัญประจำเมือง ที่ถือกันว่าจะต้องมีพระมหาธาตุประจำพระนคร แต่น่าเสียดายปรางค์ประธานถล่มไปซะแล้ว  ไฮไลท์ที่น่ามาดูเห็นจะเป็นในรูปนี้ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ใกล้ๆ กันมีเจดีย์ที่น่าชมมาก  เป็นเจดีย์ 8 เหลี่ยม ลายปูนประดับเป็นรูปเทวดาชั้นต่าง ๆ เจดีย์แบบนี้มีแห่งเดียวในอยุธยาเลย จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ข้าง ๆ กันจะเป็นวัดราชบูรณะที่ตอนนี้กำลังดังสุด ๆ ปรางค์ประธานถูกบูรณะไว้ในสภาพที่ดี  ยังมีลายปูนปั้นเหลือให้ชมอยู่ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตรงนี้เป็นลายปูนปั้นตรงฐาน  น่าจะเป็นพวกยักษ์ที่อยู่เชิงเขาพระสุเมรุ ที่จริงพวกยักษ์อยู่บนเขามาก่อน  ตอนนั้นก็ดันไปแบ่งให้พระอินทร์มาอยู่ด้วย ทำไปทำมาพระอินทร์ท่านยึดหมดเลย  แล้วไล่พวกยักษ์มาอยู่ข้างล่างจนเกิดสงครามกันทีเดียว น่าสงสารพวกยักษ์สู้ไม่ได้  เลยอดกลับไปอยู่บนเขาตามเดิม (นินทาเทพเจ้าเข้าให้แล้วเรา) จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:22:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้ามาวัดราชบูรณะตอนนี้พลาดไม่ได้ต้องลงไปดูกรุ หลังจากเดินขึ้นไปบนตัวปรางค์แล้ว  จะมีบันไดพามุดกลับลงไปข้างล่างต่อ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อันนี้รูปเครื่องทองที่ขุดพบที่นี่ ถ้าอยากดูของจริงต้องบินไปที่อเมริกา เอ๊ย ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาก็มีจ้า แก้ไขเมื่อ 10 มี.ค. 48 20:26:09 จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:25:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 แต่ของจริงที่ยังอยู่  ใครเอาไปก็ไม่ได้คือภาพจิตรกรรมฝาผนัง จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:27:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บางภาพเป็นตัวหนังสือภาษาจีนด้วย แสดงถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างอยุธยากับจีนในสมัยนั้น ขออภัยภาพไหว  แต่ยังอยากให้ดูอะน่ะ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ต่อไปที่วัดธรรมิกราช วัดนี้มีของเด่นคือ เจดีย์ที่มีสิงห์ล้อม   ในอยุธยาอีกที่ที่มีก็คือวัดมเหยงณ์ที่เป็นเจดีย์ช้างล้อม เป็นลักษณะเดียวกับที่มีทางเมืองเหนือ อย่างสุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร น่าจะเป็นการกลมกลืนกันของศิลปะอยุธยากับสุโขทัย หลังจากที่อยุธยาแข็งแกร่งจนแผ่อิทธิพลไปยึดสุโขทัยไว้ได้ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เสร็จแล้วขี่รถข้ามคลองมาที่วัดหน้าพระเมรุ ว่ากันว่าวัดนี้ไม่ถูกทำลายตอนเสียกรุงครั้งที่สอง เพราะว่าเป็นที่ตั้งทัพของพม่า สำหรับเอาปืนใหญ่ยิงถล่มเข้ามาในพระราชวังที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ของที่น่ามาชมคือพระประธานที่เป็นแบบพระทรงเครื่องกษัตริย์ เข้าใจว่าจะถูกบูรณะในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งเดิมท่านเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่  แล้วได้ปราบดาภิเษกขึ้นมาเป็นกษัตริย์ ความที่เคยทรงเป็นสามัญชน สมัยนั้นก็เลยนิยมพระทรงเครื่อง เพื่อแสดงความเป็นพระจักรพรรดิราช จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนที่หน้าบันก็น่าสนใจมาก ๆ เหมือนกัน เพราะความที่วัดไม่ถูกทำลาย หน้าบันนี้ก็ว่ากันว่าเป็นของเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยา (ไม่รู้จริงรึเปล่า  เพราะเก่าขนาดนั้นน่าจะผุมากแล้ว  อาจจะมีการบูรณะบ้าง) หน้าบันจะเป็นรูป นารายณ์ทรงสุบรรณ  ล่างลงมาจะเป็นหน้ากาลหรือที่เรียกว่าเกียรติมุข จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ข้าง ๆ จะมีวิหารมีพระเก่าแก่สมัยทวาราวดี ซึ่งก็แปลว่าอายุกว่าพันปี เป็นพระศิลาสีเขียว  เรียกว่าพระคันธารราษฎร์ นอกจากจะเก่าแก่แล้ว  สังเกตุมั้ยว่าท่านั่งแบบนี้เราไม่ค่อยได้เห็นกันในพระพุทธรูปที่คุ้นตากัน ที่ปกติจะเป็นนั่งขัดสมาธิราบ หรือขัดสมาธิเพชร จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ข้ามสะพานกลับมา  ไปต่อที่วัดพระราม ประวัติว่าสร้างในที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าอู่ทอง กษัตริย์พระองค์แรกของอยุธยา ตรงกลางมีปรางค์เป็นประธาน  ส่วนเจดีย์ที่อยู่สี่มุม  น่าจะชมปูนปั้น เป็นภาพพุทธประวัติบ้าง  เป็นพระสี่อิริยาบ้าง คือ ยืน เดิน นั่ง นอน น่าจะสะท้อนถึงคำสอนเรื่อง กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ที่สอนให้มีสติรู้ตัวอยู่ในทุกอิริยาบท จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:48:51 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ไปกินข้าวกันดีกว่า   เลี้ยวซ้ายออกจากหน้าวัด  พอเจอวงเวียนก็เลี้ยวซ้ายมา ทางซ้ายมือจะมีเวิ้งที่จอดรถใหญ่ ๆ จะมีซุ้มร้านอาหารอยู่เรียงกันไปเลย แวะทานข้าวกันที่นี่ก็ได้ มีให้เลือกหลายร้าน  แล้วก็มีโต๊ะเรียงรายอยู่ริมบึงพระราม อาหารส่วนใหญ่จะเป็นพวกส้มตำ  แล้วก็อาหารตามสั่ง จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ช่วงเที่ยงแดดจะแรง  แนะนำให้ไปหลบร้อนตามพิพิธภัณฑ์ ที่แรกเลยคือพิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา  ที่ตอนนี้ต้องขึ้นไปชมห้องแสดงเครื่องทองบนชั้น 2 จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แต่ที่พิพิธภัณฑ์มีแอร์เฉพาะบางห้อง  เลยชวนมาตากแอร์ต่อที่ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยา จะอยู่เยื้อง ๆ กันกับพิพิธภัณฑ์  ที่นี่ติดแอร์หมด  หลบอยู่ที่นี่สักพักก็ได้ ที่น่าดูของที่นี่คือ แบบจำลองพระราชวัง  ที่ของจริงเหลือแต่ฐานรากเท่านั้น จะได้เห็นหน้าตาว่าสมัยก่อนพระราชวังเคยเป็นยังไงมาก่อน ปราสาทบางหลังก็ถูกเอาแบบมาสร้างใหม่ที่พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพด้วย อย่างพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท  ก็มาจากพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์ที่อยุธยานี่ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 20:57:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ใกล้ ๆ กันจะมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว  อยู่ในตึกศาลากลางจังหวัดเก่า ที่นี่มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ  ที่สำคัญมีแผนที่สวย ๆ แจกฟรี  น่าจะไปขอเก็บไว้สำหรับทริปหน้า แล้วก็บนชั้นสองก็จะมีห้องนิทรรศการแนะนำที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ไว้ด้วย (ติดแอร์จ้า) จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:00:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 หลบอยู่ในห้องแอร์จนได้เวลาออกเที่ยวต่อแล้ว ชวนให้แวะมาไหว้พระที่วัดมงคลบพิตรต่อ  พาไปแต่วัดที่พัง ๆ มาทั้งวันแล้ว ที่จริงวัดนี้ก็ทรุดโทรมมาก่อน  แต่ได้รับการบูรณะใหม่จนไฉไล แต่ก็มีภาพปูนปั้นหน้าทางเข้าพระอุโบสถเอาไว้ให้เห็นภาพเดิมก่อนบูรณะไว้ด้วย แล้วที่หน้าบันมีรูปมณฑป  ที่สันนิษฐานว่าของเดิมที่พังไปแล้วน่าจะหน้าตาแบบนี้ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:05:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ข้าง ๆ กันเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์  ที่เดิมเป็นวัดในพระราชวัง อย่างเดียวกับวัดพระแก้วเดี๋ยวนี้   เจดีย์สามองค์เรียงกันนี่ ถือว่าเป็นโลโก้ของที่นี่เลยทีเดียว จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าเดินไปทางขวา  แล้วมุมด้านในจะมีพระวิหารที่น่าสนใจ เพราะมีการเจาะผนังเป็นลวดลายแปลก บ้างก็ว่าเป็นแบบอินเดียว บ้างก็ว่าเป็นแบบเปอร์เซีย แต่ยังไงก็แสดงถึงอิทธิพลของศิลปะต่างชาติ ที่ก็สะท้อนถึงการติดต่อค้าขายและความเป็นเมืองท่าสำคัญของอยุธยา จนมีผู้คนหลายชาติหลายภาษามาอาศัยอยู่ในอยุธยา จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:10:40 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ถัดมาที่วัดวรเชษฐาราม สันนิษฐานว่าเป็นวัดที่สมเด็จพระเอกาทศรศทรงสร้างอุทิศถวายพระเชษฐา คือสมเด็จพระนเรศวร อย่างวัดนี้ผนังพระอุโบสถจะทำปิดทึบไปหมด  มีหน้าต่างด้านละบานเท่านั้น ส่วนหนึ่งน่าจะแสดงถึงระดับเทคโนโลยีที่ต่างกันในแต่ละสมัยได้ แต่บางมุมการปิดให้อาคารมืดครึ้ม  ก็น่าจะสร้างบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์ขึ้นภายในด้วย จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ติดกันกับวัดวรเชษฐาราม เป็นวัดโลกยาสุทธา วัดนี้ต้องไปชมพระนอนองค์ใหญ่ที่อยู่กลางแจ้ง จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:23:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เที่ยวมาถึงป่านนี้คงจะเย็นแล้ว  ได้เวลาไปชมวัดไชยวัฒนาราม วัดนี้อลังการมาก  แล้วก็จะสวยสุดในแสงสีทองตอนเช้าหรือตอนเย็น (ถึงรูปจะเอียงหน่อย  แต่ก็ยังสวยเนอะ เนอะ) วัดนี้สร้างสมัยอยุธยาตอนปลายแต่ก็เป็นการย้อนกลับมาสร้างปรางค์ขนาดใหญ่อีก หลังจากที่เลิกสร้างไปนานแล้ว  (ปรางค์ที่ไปดูช่วงเช้าจะเป็นยุคอยุธยาตอนต้น ๆ) เหตุผลก็เหมือนกับพระทรงเครื่องกษัตริย์ที่วัดหน้าพระเมรุ เพราะวัดนี้สร้างขึ้นโดยพระเจ้าปราสาททองเหมือนกัน ว่ากันว่าวัดนี้สร้างในที่บ้านของพระมารดาของพระองค์ท่าน ที่เสียไปก่อนจะขึ้นครองราชย์  เพราะงั้นบรรดาเจดีย์ที่อยู่รายรอบปรางค์ประธาน ก็เลยมีรูปทรงเหมือนกับเมรุ  ซึ่งถือเป็นการเฉลิมพระเกียรติมารดาของท่านที่ล่วงลับไปก่อนหน้านี้ จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กลับจากวัดไชยฯ ก็ย้อนกลับมาที่เกาะเมือง ตอนที่ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเข้ามา  ลงมาก็ให้เลี้ยวซ้ายมา เราจะมาชมเจดีย์ศรีสุริโยทัยกันที่นี่   (หรือจะแวะมาก่อนไปวัดไชยฯ ก็ได้  จะได้มีเวลาอยู่ชมที่วัดไชยฯ นาน ๆ ) จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:29:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เสร็จแล้วต้องที่นี่เลยสำหรับมื้อเย็น ก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้  เพิ่งไปชิมมา  อร่อยมาก  ชามละสิบบาทเท่านั้น ซดน้ำจนชามแห้งไปเลย  ร้านก็เก๋เป็นเรือนไม้ ตั้งโต๊ะ open air อยู่ตรงก่อนถึงตลาดหัวรอนิดเดียว ถ้าขี่ผ่านเจดีย์สุริโยทัยมา  เอาเจดีย์ไว้ขวา แม่น้ำไว้ซ้าย วิ่งมาเรื่อย ๆ ก็เจอเอง ถ้ายังไม่อิ่มเลยไปอีกนิดมีตลาดโต้ร่งอยู่  ไปกินต่อตรงโน้นก็ได้ อิ่มแล้วก็เอารถไปคืน  แล้วก็นั่งรถไฟกลับด้วยความสุขีสโมสร ระหว่างนั่งรถก็เตรียมแผนมาเที่ยวอยุธยาทริปต่อไปไว้เลย หวังว่าจะมีความสุขกับการเที่ยวอยุธยาน่ะ คนโพสต์ โพสต์ด้วยความสุขเป็นอย่างยิ่ง อิอิ ขอบคุณคุณหุ่นยนต์สีขาวด้วยครับ  สำหรับข้อมูลรถสองแถวจากบางปะอินมาอยุธยา จากคุณ : กระเต็น - [ 10 มี.ค. 48 21:36:25 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณ คุณ(offsa) และคุณกระเต็น มากๆๆๆๆ ค่ะ อ้อ รูปสวยมากค่ะ 1000 x thanks จากคุณ : lomogirl - [ 11 มี.ค. 48 01:21:25 A:202.44.69.170 X:202.44.71.10 TicketID:088307 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ้อ ขอบคุณ คุณหุ่นยนต์สีขาว ด้วยนะคะ ที่ให้ข้อมูลเรื่องรถ จากคุณ : lomogirl - [ 11 มี.ค. 48 01:30:37 A:202.44.69.170 X:202.44.71.10 TicketID:088307 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ถือว่าเป็นทริปคุณภาพสุดๆในงบประมาณสุดๆได้เลยนะเนี่ย นับถือครับ ใส่ใจในรายละเอียดข้อมูลสุดๆ จากคุณ : LIFE AFTER DEATH - [ 16 มี.ค. 48 11:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จะไปมั่ง จากคุณ : extrajeab - [ 17 มี.ค. 48 20:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นแล้วอยากไปอีกจัง   เคยไปมา ครั้งหนึ่ง แต่นานมาแล้ว  ยังเก็บรายละเอียดไม่ได้ขนาดนี้เลย   ต้องขอขอบคุณมากๆๆ ค่ะ....ตั้งใจแล้วล่ะ  สักวันหนึ่งจะกลับไปย้อนรอยตามเส้นทางคุณ offsa จากคุณ : ต้นไม้และทะเล (ต้นไม้และทะเล) - [ 17 มี.ค. 48 21:39:43 ]