ความคิดเห็นที่ 1 หลายๆ ท่านคงจะสงสัยว่าเป็นที่เดียวกับโรงพยาบาลช้างของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยหรือไม่ ... คำตอบคือ บริเวณนี้มีโรงพยาบาลช้าง 2 แห่ง เปรียบเสมือนเป็นเพื่อนบ้านกันครับ โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้างแห่งนี้เป็น NGO ที่ดำเนินการได้ด้วยเงินบริจาคจากประชาชนเพียงอย่างเดียวครับ และไม่มีการเก็บเงินค่ารักษาใดๆ จากเจ้าของช้าง และเป็นการทำงานที่อุทิศตัวให้กับช้างจริงๆ ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:31:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 งานของโรงพยาบาลช้างแห่งนี้ มีอยู่ 3 อย่างหลักๆ คือ 1.งานให้การรักษาในโรงพยาบาลช้าง โดยจะมีช้างป่วยต่างๆ เข้ามาให้ทำการรักษา โดยส่วนใหญ่จะเป็นช้างที่ได้รับอุบัติเหตุ เช่น ขาหัก หรือถูกทำร้าย เช่นช้างตกมัน แล้วเจ้าของเอาปืนยิงที่ขาเกิดเป็นแผลลุกลาม หรือ กรณีช้างเหยียบกับระเบิด และ ช้างที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาอื่นๆ เป็นต้น เพียงเจ้าของเสียค่ารถบรรทุกช้างมาที่โรงพยาบาลช้างเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ไม่มีการเรียกเก็บเพิ่มเติมแต่อย่างใด 2.งานออกหน่วยสัตวแพทย์สัญจร โดยเจ้าของช้างสามารถโทรเรียกสัตวแพทย์ให้ไปทำการดูแลรักษาช้างได้ ไม่ว่าไกลแค่ไหน จะไปถึง อ.เชียงดาว หรือ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ก็สามารถไปได้เสมอ โดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใดๆ 3.งาน “บ้านหลังสุดท้ายของช้าง” สำหรับช้างที่ไม่มีใครอยากจะเลี้ยงไว้ต่อ เช่นช้างที่อายุมากแล้ว หรือมีความผิดปกติ ที่นี่ก็จะเป็นที่อยู่ของช้างเหล่านี้ โดยช้างที่อยู่ก็จะมีความสุขตามอัตภาพ ไม่ต้องทุกข์ยากลำบากต่อไป ปัจจุบันมีช้างที่ดูแลอยู่ทั้งหมด 5 ตัว ซึ่งมีทั้งเจ้าของบริจาคให้กับมูลนิธิ และทั้งมูลนิธิขอซื้อมา เพราะเกรงว่าเจ้าของเก่าจะขายต่อแล้วนำช้างไปใช้งานอย่างหนักอีก จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:33:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ช้างทุกเชือก ก่อนที่นายสัตวแพทย์จะทำการตรวจรักษา จะต้องมีควาญประจำช้างคอยดูแลควบคุมอยู่เสมอ เพราะช้างนั้นสามารถทำอันตรายคนจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ทุกเมื่อ เช่น ขาสามารถเตะได้รอบทิศ และเตะได้สูงมากด้วย หรือแม้กระทั่งงวง ที่ดูน่ารักน่าจับ(ในสวนสัตว์) แต่งวงนี้แหล่ะครับ ถ้าโดนสะบัดเหวี่ยงมา คนก็กระเด็นได้เช่นกันครับ รวมถึงส่วนหัวและงา นายสัตวแพทย์จะต้องมีสติและระวังตัวอยู่ตลอดเวลาครับ ช้างจะฟังควาญ และรักควาญมากครับ ควาญสั่งอะไร ช้างก็จะทำตาม ซึ่งงานโรงพยาบาลช้างนี้ สัตวแพทย์จะไม่สามารถขาดควาญได้ครับ (สัตวแพทย์จะสนิทสนมกับควาญมาก) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อควาญช้างมาพร้อมแล้ว ควาญก็จะล่ามช้างให้ติดกับหลัก อาจคล้องคอด้วย ถ้าหากเป็นช้างที่ไม่ดุก็อาจจะใช้เพียงขอช่วยบังคับช้างเท่านั้น สัตวแพทย์จะต้องดูว่าควาญคุมช้างเรียบร้อยหรือไม่ แล้วจึงเริ่มปฏิบัติงานต่างๆ เช่นการล้างแผลและทำแผล หรือการให้สารน้ำ(เข้าทางเส้นเลือดดำที่หู) ดังภาพ เป็นการเตรียมการเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำบริเวณใบหู ซึ่งต้องให้ควาญช้างบังคับช้างให้เรียบร้อยเสียก่อน หมายเหตุ : ในภาพ ช้างงับงวงตัวเอง แสดงว่าช้างกลัว หรือช้างรู้สึกเสียวๆ ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:37:31 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนช้างที่ได้รับบาดแผลบริเวณเท้า เช่นถูกเหยียบกับระเบิด หรืออุบัติเหตุต่างๆ ก็จะมีการแช่เท้าในเบตาดีนเจือจางทุกๆ วัน ช้างเหล่านี้จะค่อนข้างคุ้นเคยเป็นอย่างดี และรู้ตัวว่า บ่ายนี้จะถึงเวลาแช่เท้าแล้ว ในแต่ละวันก็หมดเบตาดีนกันเป็นแกลลอนครับ รวมถึงยาสัตว์ที่ใช้ในช้าง ก็จะใช้ในปริมาณที่มากกว่าสัตว์อื่นมากทีเดียว ที่นี่ใช้ยาได้อย่างเต็มที่ครับ โดยมียาหลากหลายชนิดให้เลือกใช้ เป็นยาที่ดีและเป็นยาใหม่อยู่เสมอ ถึงแม้หมดอายุเพียงวันเดียวก็ทิ้งหมดครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมได้กล่าวโดยรวมไปหมดแล้ว ทีนี้เรามาลองตามมาดูช้างทีละเชือกกันเลยดีกว่า แต่ละเชือกก็จะมีความเป็นมาที่ต่างกันครับ ความดุร้ายก็ต่างกัน เริ่มจากตัวแรกเลยครับ โรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง มีช้างชื่อดังอยู่เชือกหนึ่งซึ่งทางมูลนิธิเพื่อนช้างได้ดูแลมาเป็นเวลา 5 ปี แน่นอนว่าช้างเชือกนี้ใครๆ ก็รู้จักครับ นั่นก็คือ เจ้า “พังโม่ตาลา” ที่เหยียบกับระเบิดเมื่อปี 2542 นั่นเอง จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:42:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เจ้าโม่ตาลามีส่วนทำให้คนไทยให้ความสนใจและความสำคัญกับช้างมากขึ้นทีเดียวครับ อย่างน้อยช้างที่เหยียบกับระเบิดจนเป็นแผลใหญ่ที่เท้าก็ได้รับการดูแลมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่มูลนิธิเพื่อนช้างได้รับพังโม่ตาลามารักษา ทำการผ่าตัดด้วยความร่วมมือจากแพทย์และสัตวแพทย์ต่างๆ มากมาย ปัจจุบันนี้เจ้าโม่ตาลาก็ดูมีความสุขมากทีเดียว โดยสังเกตได้จากลำตัวที่ค่อนข้างอ้วนมาก กินเก่งอ้วนพีทีเดียวเชียว และพร้อมที่จะใส่ขาเทียมที่ทำจากไทเทเนี่ยม น้ำหนักเบาแต่แข็งแรงมากในอีกไม่นาน หลังจากที่แผลผ่าตัดหายสมบูรณ์ วันสบายๆ ของเจ้าโม่ตาลา จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:44:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปัจจุบัน นายสัตวแพทย์จะมาล้างแผลผ่าตัดทุกๆ 3 วัน รวมถึงทำแผลที่เกิดจากการกดทับ และการรับน้ำหนักของขาหน้าขวาที่มากขึ้นจึงทำให้เกิดแผลชอนไชทะลุ เจ้าโม่ตาลาก็จะยืนนิ่งให้ทำแผลอย่างเรียบร้อย ไม่ขัดขืน เป็นช้างที่ค่อนข้างใจดีครับ นิสิตสามารถเข้าไปเล่นได้ ทำแผลไป น้ำลายก็หยดใส่หัวไป อิอิ แผลผ่าตัดของเจ้าโม่ตาลาในปัจจุบันครับ แผลของช้างหายค่อนข้างช้าครับ ช้างหลายๆ เชือกในโรงพยาบาลก็อยู่กันนานครับ บางตัวก็อยู่มาแล้วนานกว่า 2 ปีทีเดียวครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เชือกต่อมา ก็คือเจ้า พังอีเข้อ ตัวนี้เป็นช้างขาหักครับ อยู่ในช้างกลุ่มที่อยู่ในการดูแลของมูลนิธิ ก็กินดีอยู่ดีทีเดียวครับ ค่อนข้างดุพอสมควร เข้าไปเล่นด้วยไม่ได้ ลักษณะเด่นของอีเข้อคือ จะร้องเสียงเล็กๆ เสียงคล้ายสุนัขร้องครับ เชือกอายุมากที่สุดก็คือเจ้าแท่นทอง อายุ 70 กว่าปีแล้วครับ มีปัญหาเรื่องต้อกระจก มองอะไรไม่เห็น เวลาเข้าไปทำอะไรก็ต้องมีควาญอยู่ครับ และก็มี พังอ้วนดุมากๆ ต้องมีควาญอยู่ด้วยนะครับ จึงจะสามารถปฏิบัติงานได้ ส่วนรูปข้างล่างนี้ "พังธานี" เป็นช้างที่มูลนิธิซื้อมา มีปัญหาเรื่องท้องเทียมครับ ทำให้ท้องกางดูเหมือนมีการตั้งครรภ์อยู่ และมีปัญหาเรื่องโลหิตจางอยู่อ่อนๆ ด้วย เจ้าธานีใจดีครับ นายสัตวแพทย์จึงอนุญาตให้นิสิตขึ้นขี่ธานีเดินได้ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาทางช้างโรงฝั่งที่ทำการรักษาอยู่ครับ ก็จะแยกมาเป็นกลุ่มใหญ่คือ กลุ่มช้างที่เหยียบกับระเบิดมา ก็จะมีลักษณะบาดแผลแตกต่างกันไปครับ บาดแผลจะเกิดกับขาหน้าเท่านั้นครับ เหตุผลมีอยู่ว่า ในการเดินของช้าง เท้าหลังจะเดินเหยียบทับรอยเท้าของเท้าหน้าตลอดครับ ปัจจุบันมีอยู่ 3 เชือก (ไม่รวมเจ้าโม่ตาลา) แต่ละเชือกก็อยู่ที่นี่มาได้ 2 ปี แล้วครับ ตัวแรกคือ เจ้า พังมะหง่วยโล ตัวนี้มีปัญหาหลายอย่างครับ ทั้งแผลจากการเหยียบกับระเบิดที่ขาหน้าซ้าย และแผลกดทับต่างๆ มีหนองด้วย พวกเราจึงได้ทำแผลมะหง่วยโลกันทุกวัน แล้วก็บีบหนองกันทุกวัน (ใช้แรงมากมายทีเดียว จนหนองกระเด็น อิอิ)  อีกทั้งมีการติดเชื้อราเป็นบริเวณกว้างบนหลัง ซึ่งเราก็ทายาครีมให้ทุกวันครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เชือกต่อมา เชือกนี้ไม่ชอบผู้หญิงครับ รวมถึงสัตวแพทย์หญิงด้วย เธอคือ พังจำเป็น ครับ เป็น indicator ที่ดีมาก จะชื่นชอบสัตวแพทย์หนุ่ม ยอมให้รักษาอย่างเต็มที่ หรือนิสิตชายก็สามารถเข้าไปให้อาหารได้ แต่ถ้าเป็นนิสิตหญิง หรือนิสิตสาว(แตก) จำเป็นเธอจะไม่ยอมครับ อย่างพอดีเพื่อนที่ไปด้วยมีคนหนึ่งที่เป็นสาวแล้ว จะเอากล้วยให้จำเป็นกิน จำเป็นไม่ยอมรับครับ เหอๆๆ แผลของเธอที่ขาหน้าซ้าย ก็ต้องแช่เบตาดีนเจือจางทุกวันครับ แต่แผลหายเกือบจะเป็นปกติแล้ว จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เชือกนี้ พังโม่บรา (พลาย = ตัวผู้, พัง = ตัวเมีย, โม่ = แม่, บรา = ค้างคาว) ทำไมเธอจึงชื่อว่าโม่บรา? ก็เพราะว่าเธอมีหูกางลักษณะคล้ายปีกค้างคาว แผลของเธอก็ใกล้จะหายดีแล้วล่ะครับ สะกิดเก่งซะด้วย เวลาพวกเราถือกล้วยมา เธอจะไวมากครับ รีบเอางวงมาสะกิดเลย “นี่เอามาให้ฉันกินบ้างสิ” จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไปดูช้างที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงที่ขาหน้าซ้ายบ้าง .... เชือกนี้ชื่อ พลายคำซุง ครับ หรือที่พวกเราตั้งชื่อเล่นว่า “ซัมซุง” ช้างค่อนข้างดุทีเดียวครับ ดังนั้นการทำแผลจำเป็นต้องใช้ควาญมากกว่า 1 คนในการดูแล และจะต้องทำอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมีแผลตามร่างกายที่ค่อนข้างมาก เช่นต้องทำการล้างแผลฝีที่ต้นขาขวาทุกวัน (วันแรกตอนฝีแตก โอ้แม่เจ้า รองหนองได้เต็มกะละมังเลย รู้สึกเข็ดขยาดไม่อยากกินมายองเนสไปหลายวันครับ) แล้วนำผ้าก๊อซชุบเบตาดีนอุดเข้าไปในแผล แล้วทำแผลทุกวัน รวมถึงการทำแผลกดทับบริเวณรอบร่างกาย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 14 และ ทำแผลบริเวณขาซึ่งเป็นแผลลึกทีเดียว แถมปฏิบัติงานไปจะต้องระมัดระวังตัวเองด้วย ทั้งอันตรายจากขาหลัง และงา ที่อยู่สูงกว่าหัวเราไม่มากนัก จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จะมีการให้สารน้ำแก่คำซุง ก็จะขึ้นไปให้บนนั่งร้าน แล้วให้สารน้ำผ่านเส้นเลือดดำที่หู (ซึ่งจะสามารถดูดซึมได้เร็วและดีกว่าการให้ผ่านใต้ผิวหนัง) เนื่องจากให้ทีละ 10 ลิตรจึงจะเพียงพอ ก็เลยเปลี่ยนขวดสารน้ำกันสนุกครับ (กลัวความสูงกันน่าดู อิอิ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 01:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ช้างเชือกนี้ ชื่อ พังแม่แก้ว ครับ เป็นช้างสาวอายุ 19 ปีที่เพิ่งตกลูกครั้งแรก ลูกมีขนาดใหญ่มาก จึงเสียดสีกับช่องคลอด จึงทำให้เกิดช่องคลอดอักเสบ เป็นหนองออกมากับปัสสาวะ ... หลายๆ ท่านอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วช่องคลอดช้าง คล้ายๆ กับสัตว์อื่น(ที่ปกติมักจะอยู่ใกล้กับรูทวารหนัก)หรือไม่ ... คำตอบคือ ห่างกันพอสมควรทีเดียวครับ  ช่องคลอดช้างจะอยู่ตรงบริเวณขาหนีบ ซึ่งมีลักษณะเป็นกระสอบครับ พวกเราก็จะต้องล้างช่องคลอดพังแม่แก้วกันทุกวันครับ ก็จะสอดมือพร้อมสายยาง เข้าไปในช่องคลอด ก็ล้วงไปได้ทั้งแขนครับ ล้างแล้วก็ฉีดเบตาดีนเจือจางเข้าไป แล้วก็ทายาครับ ซึ่งพวกเพื่อนๆ ผู้หญิงก็จะทำกันค่อนข้างเบามือมากๆ หลังจากที่มีใครซักคนพูดขึ้นมาว่า “จงทำให้นุ่มนวลที่สุดดุจของตัวเอง” จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:00:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 หลังจากที่ล้างกันทุกวัน จนเธอรู้สึกชินชาซะแล้ว (โดนล้วงทุกวันเลย) พังแม่แก้วก็หายเป็นปกติดีครับ นายสัตวแพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปปางช้างได้ (เธอมาจากปางช้างที่ อ.แม่แตง ครับ) กว่าจะพาเจ้าพังแม่แก้วขึ้นรถได้ พี่ๆ ควาญก็ต้องออกแรงกันพอสมควรทีเดียวครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ตัวต่อมาก็ พังทองดีครับ เธอมาด้วยปัญหาคลอดยาก ลูกก็ไม่รอด แถมรกค้างอีก เธอก็ค่อนข้างดุทีเดียว แต่พวกเราก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับเธอนะครับ เพราะอยู่ในช่วงการสังเกตความผิดปกติไปเรื่อยๆ ครับ นี่ครับ สุดยอดแห่งความดุ ก็คือ พลายต่า ครับ ขาหลังขวาหัก ก็ต้องทำแผลทุกวันครับ ต้องมีควาญคอยดูแลตลอดเช่นกัน ไว้ใจไม่ได้เลย พี่ๆ ควาญเองก็กล่าวขวัญถึงว่า เจ้าต่าไม่ธรรมดาจริงๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:04:25 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นี่เลยครับ ตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชม นั่นก็คือ แม่ช้างและลูกช้างครับ แม่ช้างเธอชื่อ พังคำไพร ส่วนลูกช้างชื่อ พลายออโร่ วัย 6 เดือน กำลังซุกซนและเล่นแรงทีเดียวครับ เวลาฝรั่งมาเยี่ยมชม พวกเราจะรีบไปบอกว่าอย่าเข้าใกล้เจ้าออโร่มากนัก เพราะเจ้าออโร่เล่นค่อนข้างแรง (ช้างเด็กๆ ก็คิดว่าเล่นๆ น่ะครับ แต่เราเจ็บจริง) พี่ๆ ควาญก็บอกว่า เจ้าออโร่ ชอบวิ่งพุ่งชนเป็นประจำ ต้องระวังไว้ดีๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แต่เราก็อดไปชมความน่ารักของเจ้าออโร่ไม่ได้ครับ ก็แวะเวียนไปดูบ่อยๆ ซึ่งเจ้าออโร่ก็จะส่งงวงน้อยๆ นิ่มๆ ออกมาให้เราได้จับเล่นกันทุกที ช้างวัยนี้ยังดื่มนมแม่อยู่นะครับ แต่เริ่มที่จะหัดกินหญ้า และกินอุจจาระของแม่ เพื่อเพิ่มปริมาณแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารครับ อีกไม่นาน เจ้าออโร่ และคำไพร ก็จะถูกส่งกลับไปที่ปางช้างแม่วิน อ.แม่วางแล้วล่ะครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ ขออนุญาติแทรก อ่านไป ขำไป เขียนได้ฮาดี  กรั่กๆๆๆๆ "จงทำให้นุ่มนวลที่สุดดุจของตัวเอง”   คิดได้ไงหว่า  อิ อิ จากคุณ : mm_takky - [ 22 มี.ค. 48 02:07:42 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มีอยู่วันหนึ่งที่เราได้มีโอกาสตามนายสัตวแพทย์ออกหน่วยสัตวแพทย์สัญจรครับ ได้ไปปางช้างเชียงดาว ซึ่งบรรยากาศดีมากๆ ทีเดียว เห็นระบบการจัดการของปางช้าง ซึ่งมีผลต่อสุขภาพช้างโดยรวมด้วย ตอนบ่ายก็ได้ไปปางช้างแม่วิน อ.แม่วาง (อยู่คนละทิศเลย) ก็เลยได้เล่นกับเจ้าช้างน้อย บีบี อายุ 2 ปีตัวนี้แหล่ะครับ น่ารักมากๆ นิสัยค่อนข้างดีทีเดียว (ตามปกติ ช้างตัวเมียจะนิสัยค่อนข้างดีกว่าตัวผู้ครับ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:08:24 ]

ความคิดเห็นที่ 23 หลายๆ ท่านอาจสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วเวลารักษาช้าง ด้วยการให้ยาจะให้อย่างไรล่ะ ? นอกจากจะให้ด้วยการฉีดยา ทั้งเข้ากล้ามเนื้อ เข้าใต้ผิวหนัง ทางเส้นเลือดดำที่หู การทาบริเวณแผล แล้วยังสามารถให้ยากินแบบเม็ด ด้วยการสอดยาเม็ดเข้าไปในกล้วย แล้วให้ช้างกินครับ ดังภาพ เป็นการสอดวิตามินต่างๆ ในกล้วยเพื่อให้ช้าง โดยจะสอดยาเข้าในกล้วย 1 หวี แล้ว มีกล้วยอีก 2 หวี เพื่อป้อนให้ช้างกินก่อน เนื่องจากช้างค่อนข้างเป็นสัตว์ที่เลือกกินมากทีเดียว ถ้าหากได้รับรสยาแต่แรกก็อาจจะคายทิ้งไม่กินยาเข้าไปครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มีคำถามหนึ่งมาถามอีกครับ “ช้างเหยียบไข่แตกหรือไม่?” หลายๆ ท่านอาจจะเคยอ่านหนังสือมา (ตอนเด็กๆ) ที่บอกว่า ถ้าช้างเหยียบไข่ลงไปตรงๆ กลางฝ่าเท้า ไข่จะไม่แตก เพราะฝ่าเท้าของช้างนั้นจะนุ่มมาก แต่เมื่อลองสัมผัสฝ่าเท้าช้างดูแล ถึงแม้จะเป็นเจ้าออโร่ช้างน้อยอายุ 6 เดือนก็ตาม ฝ่าเท้าค่อนข้างแข็งนะครับ เหยียบไข่อย่างไรก็แตกแน่นอนครับ (เพื่อนผมลองมาแล้ว อิอิ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อาหารที่ช้างกินครับ ปกติจะกินหญ้าบาน่า ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่าง อ้อย และหญ้าเนเปียร์ ซึ่งช้างชอบกินมากๆ ครับ วันหนึ่งๆ ช้างจะกินอาหารประมาณ 8-12 % ของน้ำหนักตัวครับ ซึ่งถือว่ามากทีเดียว จึงทำให้ต้นทุนในการดูแลช้าง 1 ตัวในแต่ละวันค่อนข้างสูงมากๆ ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 26 กิจกรรมที่พวกเราได้ทำกัน ก็ได้แก่การทำลูกดอกสำหรับยิงฉีดยาช้าง(และสัตว์ป่าอื่นๆ) กรณีที่ช้างไม่สามารถควบคุมได้ ก็ทำจากกระบอกฉีดยาธรรมดาครับ แต่ก็จะมีลูกดอกสำเร็จรูปให้เลือกใช้เหมือนกันครับ แล้วก็ได้ซ้อมยิงโดยใช้ปีนยิงลูกดอกครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:13:37 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตะไบเล็บช้าง ช้างปกติไม่จำเป็นต้องมีการตะไบ เนื่องจากได้เดินเหินอยู่ตลอดเวลา แต่ช้างที่ป่วยนานๆ แล้วไม่ค่อยได้เดินเหินไปไหน เล็บก็จะยาวออกมามากจนเกินไป จึงจำเป็นต้องมีการตะไบเล็บอยู่สม่ำเสมอครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:14:55 ]

ความคิดเห็นที่ 28 การตรวจในห้องปฏิบัติการ ทั้งการตรวจหาพวกปรสิตต่างๆ เช่น หาไข่พยาธิในอุจจาระ หรือการตรวจดูพวกปรสิตในเลือด ซึ่งปกติทางโรงพยาบาลช้างจะส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจที่ศูนย์วิจัยและชันสูตรโรคภาคเหนือ ซึ่งอยู่ใกล้ตัวอำเภอห้างฉัตร นิสิตฝึกงานก็จะได้ใช้ความรู้ทางปรสิตวิทยาที่ร่ำเรียนมาตรวจกัน จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:16:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 การขี่ช้างครับ นิสิตฝึกงานทุกรุ่นก็จะได้ขี่ช้างครับ เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากบนคอช้างครับ ช้างที่เราจะได้ขี่ก็คือเจ้าธานีครับ การขึ้นขี่ช้างจะคล้ายๆ กับขี่ม้าครับ แต่โอกาสที่จะตกจากคอช้าง ยากกว่าตกจากหลังม้า เนื่องจาก เราสามารถใช้ขาหนีบได้ แต่ถ้าตกช้างล่ะก็ เจ็บตัวหนักแน่ๆ ครับ การขึ้นขี่ เราจะขึ้นทางด้านขวาของช้าง พี่ควาญก็จะสั่งให้ช้างยกขาขึ้น แล้วให้เราก้าวขาขวาเหยียบแล้วเกาะหูและหนังแล้วไต่ขึ้นคร่อมคอช้าง ... การควบคุมช้าง จะคล้ายๆ กับการขี่ม้าครับ แต่พวกเราคิดว่า เจ้าธานีฟังพี่ควาญมากกว่าฟังคำสั่งจากเราครับ ตายุ่งบนหลังช้าง อิอิ กว่าจะไต่ขึ้นไปได้ก็ประมาณ 3 รอบครับ สงสัยตัวหนักเกิน เหอๆๆ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:18:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 วิธีการขึ้นช้างอีกแบบหนึ่ง คือ ควาญจะสั่งให้ช้างย่อตัวลงนอน แล้วให้ไต่ขึ้นไปครับ วิธีนี้จะสะดวกสบายกว่าครับ แต่อาจจะมีเสียวนิดๆ ตอนช้างยกตัวขึ้นลง ไฟล์รูปภาพ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:19:11 ]

ความคิดเห็นที่ 31 วันสุดท้ายก่อนที่จะกลับ พวกเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมการแสดงช้างของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกัน (พวกเราในฐานะนิสิตฝึกงานก็ได้เข้าชมฟรีเช่นเคยครับ) จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:21:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 การแสดงรอบแรกตั้งแต่ 9 โมงเช้า และรอบสุดท้ายเวลา 14.00 น. รอบละครึ่งชั่วโมงครับ ตอนเริ่ม ก็มีช้างยืนเรียงเป็นแถวและมีการสวัสดีผู้ชมด้วย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แล้วก็เดินโชว์ตัวให้ดูก่อน 1 รอบ โดยต่อกันเป็นสายเลย จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โชว์ ให้ช้างทำเป็นแกล้งตายครับ ทำเป็นนอนตายกันหมด อิอิ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:25:28 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มีการแสดงอื่นๆ อีกเช่น ให้ช้างเปิด-ปิดก๊อกน้ำเอง ช้างดันท่อนซุง ช้างเล่นดนตรี ช้างระบายสีได้ครับ และอื่นๆ พอหลังการแสดงก็จะมีการขอบคุณ และก็ชักธงลงจากเสาครับ ก็สนุกสนานดี เด็กเล็กๆ มากมายครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 36 พอแสดงเสร็จ นักท่องเที่ยวก็สามารถให้อาหารช้างได้ โดยมีอ้อยและกล้วยจำหน่ายอย่างละ 10 บาทครับ พอดีวันนี้เป็นวันเสาร์ นักท่องเที่ยวจึงค่อนข้างมากทีเดียวครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ช่วงที่เราฝึกงานอยู่นี้ คุณโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง ก็ได้มาพำนักอยู่ด้วยครับ เธอเปรียบเสมือนครูของบุคลากรที่นี่ทุกคน และเสมือน “แม่” ของช้างที่นี่ครับ ช้างทุกเชือกจะจำเธอได้ครับ โดยเฉพาะเจ้าโม่ตาลา เมื่อได้เห็นคุณโซไรดา โม่ตาลาก็จะเข้าไปอ้อน “แม่” ใหญ่เลยล่ะครับ คุณโซไรดาสามารถเข้าหาช้างได้โดยไม่จำเป็นต้องมีควาญครับ เมื่อใดที่ช้างที่นี่มีปัญหา เธอก็จะรีบบินตรงจากกรุงเทพมาดูทันทีครับ เธอเป็นมิตร และได้ให้ข้อคิดดีๆ แก่นิสิตฝึกงานมากๆ ครับ จนทำให้หลายๆ คนรวมทั้งผมตัดสินใจที่จะมาฝึกงานที่นี่อีกครั้ง ในช่วงปิดเทอมหน้าครับ ด้วยความประทับใจในอุดมการณ์ของคุณโซไรดา และ สัตวแพทย์ทุกๆ ท่านครับ ซึ่งสัตวแพทย์ทุกท่าน ที่ได้ดูแลพวกเรามาก็ได้ตั้งใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับการรักษาช้างอย่างเต็มที่ครับ และทำให้เราได้ฝึกปฏิบัติงานด้วย ถึงแม้ในอนาคตพวกเราอาจจะไม่ได้มาเป็นหมอช้าง แต่อย่างน้อยที่นี่ก็ได้สร้างจิตสำนึกในการเป็นสัตวแพทย์ที่ดีให้กับพวกเรามากครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ความเห็นสุดท้ายแล้วครับ การฝึกงานครั้งนี้ ขอขอบคุณ - คุณโซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้ง และเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง - นายสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลช้างของมูลนิธิเพื่อนช้าง  น.สพ. ปรีชา พวงคำ -- ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส/ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์  น.สพ. วัชรินทร์ หินอ่อน -- สัตวแพทย์ประจำ    สพ.ญ. วีณา ธงซิว -- สัตวแพทย์ประจำ  สพ.ญ. สกุลแก้ว ยาคำ -- สัตวแพทย์ประจำ - พี่ควาญช้าง ทุกๆ คน ที่ดูแลพวกเราให้ได้ปฏิบัติงานด้วยดีตลอดมา - พี่เจ้าหน้าที่ และ บุคลากรทุกๆ ท่านที่ได้อำนวยความสะดวกให้กับพวกเรามาโดยตลอด - ช้างทุกๆ เชือก ที่เสมือนเป็น “อาจารย์” ของพวกเรา รวมถึง ผู้อ่านทุกๆ ท่านที่ได้ติดตามชมมาจนจบครับ เว็บไซต์ของมูลนิธิเพื่อนช้าง : http://www.elephant.tnet.co.th เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.elephantvet.org และแล้วพวกเราก็ได้เดินทางกลับเข้าเมืองเชียงใหม่ โดยสวัสดิภาพกับทันจิตต์ทัวร์ ซึ่งได้จอดรับเราตรงหน้าศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยครับ (50 บ.) สวัสดีครับ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 48 15:46:26 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 48 15:32:52 แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 48 03:07:27 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 02:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เยี่ยมเลยค่ะ ขอบคุณจ๊าสำหรับเรื่องราวของช้างนี้ ^^ __________________________________________ จากคุณ : กำปงพิราเทวี - [ 22 มี.ค. 48 03:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 40 น่ายกย่องน้องยุ่งฯ เยาวชนไทยคนหนึ่งที่นำภาพ+เรื่องราวดีๆ ของช้าง สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองแห่งสยามประเทศ มาให้ได้ชมกัน และขอคารวะด้วยความเคารพยิ่งสำหรับ คุณโซไรดา แห่ง มูลนิธิเพื่อนช้าง ที่อุทิศแรงกาย แรงใจ ตลอดกว่าครึ่งชีวิตที่ผ่านมาให้กับช้าง พร้อมด้วยทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน จากคุณ : ผมรักช้างอ่ะ (RegDragon) - [ 22 มี.ค. 48 03:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณน้องยุ่งนะครับ ที่นำเสนอเรื่องราวดีๆนอกเหนือจากการเดินทาง แต่ผมดูกระทู้ตอนกินข้าวเช้า เล่นเอากินไม่หมดเลยอ่ะ กึ๋ย จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 22 มี.ค. 48 08:00:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 น่ารักมากค่ะ น้องยุ่ง ขอบคุณภาพน่ารักๆ และความรู้ที่สอดแทรกอยู่ในคำบรรยายภาพค่ะ จากคุณ : รักช้างเหมือนกัน (++แขวน++) - [ 22 มี.ค. 48 08:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 43 กระทู้นี้น่ารักมากๆ มีเรื่องเกี่ยวกับช้างอีกหรือเปล่าจ๊ะน้องยุ่ง ถ้ามีเอามาลงอีกนะ จากคุณ : adangrawi - [ 22 มี.ค. 48 09:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ได้ความรู้เพียบเลยครับ จากคุณ : saranboy - [ 22 มี.ค. 48 11:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ดูแล้วรู้สึกดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ จากคุณ : extrajeab - [ 22 มี.ค. 48 11:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณคุณหมอ เจ้าหน้าที่ นิสิต ทุกๆ คนที่ทำให้ ประเทศเรามีศูนย์ดีๆ แบบนี้ เพื่อช้าง สัญลักษณ์ประจำชาติของเรา ขอบคุณอีกครั้งจากใจ จากคุณ : A_340_500 (A_340_350) - [ 22 มี.ค. 48 11:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณนะคะที่เอาเรื่องราวดีๆ มาแบ่งปัน ขอบคุณจริงๆ ค่ะ จากคุณ : หม่ามี้น้องแต้ม - [ 22 มี.ค. 48 11:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 48 VOTE.. จากคุณ : ^chAnAmbA^ - [ 22 มี.ค. 48 13:14:41 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ดูแล้วอยากไปเยี่ยมพี่ช้างบ้างจัง....อิจฉาน้องยุ่งนะ ได้ประสบการณ์ดีๆ...ดีใจจัง ยังมีคนรักช้างอยู่     ขอโหวดด้วยค่ะ...เพื่อพี่ช้างงง   แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 48 13:58:03 จากคุณ : Gemrin - [ 22 มี.ค. 48 13:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ชอบกระทู้นี้มากเลยคะ...เห็นแล้วสงสารพี่ช้างจัง จากคุณ : แรกเราพบกัน - [ 22 มี.ค. 48 13:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 51 อิอิ....ช้าง ๆ ๆ ๆ ๆ น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า ช้างมันตัวโตไม่เบา จมูกยาว ๆ เรียกว่างวง มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา มีหูมีตา หาง ยาววววววววววว อิอิ ขอบคุณครับ ได้รับความรู้เกี่ยวกับช้างมากขึ้นเยอะเลยครับ  + น่าสงสารช้างจังเลยนะครับ.... จากคุณ : porinter - [ 22 มี.ค. 48 14:20:16 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมไม่ยอมพลาดกระทู้ดีๆแบบนี้ไปได้หรอก ขอบคุณยุ่งชะมัดมาก ที่ทำให้ผมอ่านไปยิ้มไป มีหัวเราะไปด้วย (เหมือนคุณพี่ mm_takky) ตรงที่ทำให้เบาที่สุด ดุจ... น่ะ เหอะๆ เห็นภาพเลยย แต่ว่าดูแล้วก็คิดถึงช้างที่เดินๆช่วยควาญช้างทำมาหากินในเมืองอ่ะ ถ้าเค้าได้อยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ คงจะ Happy ไม่น้อย จากคุณ : ตงฟางปุ้ยป้าย - [ 22 มี.ค. 48 15:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านแล้วทั้งน่าสงสาร ทั้งน่าดีใจ ดีใจที่ยังมีคนจิตใจดีงามอยู่มากมาย สงสารช้างที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องโดนลูกหลงอยู่เรื่อย - -" ปล.ขอแก้ไขชื่อเวบไซต์นิดนึงนะคะ ที่ถูกต้องเป็น... http://www.elephant.tnet.co.th ค่ะ จากคุณ : viee - [ 22 มี.ค. 48 15:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมนะครับ ผมถ่ายรูปมาค่อนข้างเยอะทีเดียวครับ อาจจะมีภาค 2 ออกมาเพิ่มเติมเป็นเวอร์ชั่นสำหรับคนรักช้างครับ อิอิ ขอขอบคุณ #53 ที่ช่วยแก้ไขครับ พอดีรีบพิมพ์เลยนึกว่าเป็น inet ครับขอโทษทีครับ ปล. เป็นรีวิวที่ใช้เวลาทำนานที่สุดเลยครับ เพราะต้องเรียบเรียงถ้อยคำต่างๆ ให้ดีที่สุดและผิดไม่ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 48 15:42:21 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 22 มี.ค. 48 15:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สุดยอด อ่านแล้วเหมือนไปเห็นเองเลยค่ะ จะรออ่านภาค 2 นะคะ จากคุณ : กขฃคฅฆ - [ 22 มี.ค. 48 17:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อ่านแล้วอยากเป็นสัตวแพทย์ขึ้นมาตะหงิดๆ จะได้ไปสุงสิงกับช้างๆบ้าง (แต่สายไปเสียแล้วค่ะ) ขอบคุณที่เอามาฝากนะคะ จะรอภาค 2 ต่อ จากคุณ : angpang - [ 22 มี.ค. 48 17:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณน้องยุ่งมาก เห็นด้วยกะน้องป้อนะ สงสัยช้างตัวนั้นมันยังงงไม่หายเลยว่า " ตกลง ตัวอารายมาขี่คอตูว่ะ " 55555555 จากคุณ : วิทยา (กันยายน) - [ 22 มี.ค. 48 17:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เคยเห็นแต่น้องยุ่งรีวิวเครื่องบิน มาคราวนี้แหวกแนว อิอิ รีวิว ร.พ.ช้าง แปลกดีครับ ชอบมาก ได้ความรู้เยอะดี จากคุณ : asujikung - [ 22 มี.ค. 48 17:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เห็นแล้วน่าสงสารช้างจริงๆเลยครับ ถือเป็นรีวิวที่ดีมากๆเลยครับ ว่าแต่ เวลาล้างแผลช้างนี่ มันรู้สึกเจ็บหรือเปล่าครับ จากคุณ : Aerosol - [ 22 มี.ค. 48 18:28:02 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นรีวิวที่ดีมากๆเลยค่ะ ถ้ามีอีกจะติดตามนะคะ ปกติ ก็ติดตามไฟลท์รีวิวอยู่แล้วค่ะ ปล.  บริจาคเงินได้ทางไหนบ้างคะ แก้ไขเมื่อ 22 มี.ค. 48 19:10:08 จากคุณ : ชะนีน้อย ร้อยเล่มเกวียน - [ 22 มี.ค. 48 19:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 สงสารช้างแฮะ เคยเห็นช้างที่ กทม เดินร้องไห้ด้วยอ่ะ มันคงเจ็บเท้ามั้ง สงสารมัน จากคุณ : TMD - [ 22 มี.ค. 48 19:33:07 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ขอบคุณสําหรับเรื่องราวดีๆครับ เคยไปดูการเเสดงที่นี้เมื่อซักปีก่อน ขับรถผ่านทางเข้าไปโรงพยาบาลช้าง อยากเข้าไปเเต่ไม่เเน่ใจว่าให้เข้ารึเปล่า เลยไม่ได้เข้า จะรอชมเรื่องราวดีๆจากคุณ ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์  อีกนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : GF - [ 22 มี.ค. 48 20:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านแล้วคิดถึงช้างเลยอ่ะค่ะ กลับไปต้องไปมั่ง ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ อ่านเพลินเลย จากคุณ : มินะของน้องมด - [ 22 มี.ค. 48 21:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อยากช่วยบริจาคเงินเข้ามูลนิธิ รพ ช้างค่ะ ติดต่อได้ที่ไหนคะ จากคุณ : สัน (สันสันสัน) - [ 22 มี.ค. 48 22:11:43 ]

ความคิดเห็นที่ 65 บริจาคได้ที่นี่เลยค่ะ http://www.elephant.tnet.co.th/index_70.html จากคุณ : น้ำใจแบ่งปัน (female ...) - [ 22 มี.ค. 48 23:44:54 ]

ความคิดเห็นที่ 66 แห่ะๆๆ รีวิวภาค 2 สงสัยจะต้องทำหลังจากกลับมาจากสิงคโปร์แล้วอ่ะครับ เหอๆๆ ตอนที่ทำแผล ช้างเจ็บครับ ถ้าไม่มีควาญอยู่รับรองว่าทำแผลไม่ได้แน่นอนครับ อาจจะถูกช้างทำร้ายได้ อย่างตอนที่บีบหนอง นี่ช้างก็บิดไปบิดมาครับ มีพี่ควาญยืนปลอบ(และบอกให้ยืนนิ่งๆ) อยู่ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 23 มี.ค. 48 01:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณน้องเจ้าของกระทู้นะค่ะ เห็นแล้ว ทั้งสงสาร ปน กับอมยิ้ม ในความน่ารักของบรรดาน้องช้าง... จากคุณ : รักช้างเช่นกันจ้ะ (ไม่รู้จะชื่ออะไรดี) - [ 23 มี.ค. 48 01:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ตอนเด็กๆ เคยร้องไห้ขอให้พ่อซื้อช้างใ้ห้เลี้ยงค่ะ โตมาแล้ว...รู้แล้วว่าเลี้ยงไม่ได้... ก็ยังชอบช้างอยู่...เป็นสัตว์ในดวงใจ.. เวลาเห็นเค้ามาเดินในกรุงเทพฯ... จะไม่ให้ตังค์ก็สงสาร จะให้..เดี๋ยวเค้าก็ต้องเดินอยู่เรื่อยๆ ....แล้วก็จะมีมาเดินมากขึ้น ทำใจลำบากเหมือนกัน ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 48 05:05:50 จากคุณ : ซีบวก - [ 23 มี.ค. 48 05:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 69 // ช้างเหล่านี้จะค่อนข้างคุ้นเคยเป็นอย่างดี และรู้ตัวว่า บ่ายนี้จะถึงเวลาแช่เท้าแล้ว // น่ารักจัง เคยดูสารคดี เค้าว่าช้างเป็นสัตว์ที่ฉลาดและมีความจำดีมาก เวลาผ่านไปเป็นปีๆ แต่ช้างก็จะจำทางกลับไปที่มันเคยไปได้เสมอ ไม่รู้จริงแน่เปล่า...แต่เราก็รักช้าง... จากคุณ : คนรักช้างมากๆๆ (ซีบวก) - [ 23 มี.ค. 48 05:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เขียนได้ สนุกมากค่ะ นอกจากรีวิว เที่ยวบินได้ดี แล้วยังรีวิว อย่างอื่นได้ยอดเยี่ยมมากค่ะน้อง จากคุณ : da-o-mi (da-o-mi) - [ 23 มี.ค. 48 08:00:47 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ประทับใจมากๆๆๆๆๆๆๆๆค่ะ จากคุณ : Cuddle - [ 23 มี.ค. 48 10:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณครับ เรื่งราวดีๆ จากคุณ : ป๊อก P0 (ป๊อก P0) - [ 23 มี.ค. 48 15:18:17 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ตามมาชมครับ จากคุณ : เจเค..LSKY - [ 23 มี.ค. 48 16:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 74     จากคุณ : Art999. - [ 24 มี.ค. 48 08:31:26 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อ่านแล้วชอบจัง  อยากไปฝึกที่นู่นบ้างอ่า..แต่ก็เสียวๆอยู่เพราะพี่ที่เป็นสัตวแพทย์ประจำเขาดินเคยโดนช้างตื๊บซี่โครงหัก 2 ซี่  ตูจะโดนบ้างมั๊ยเนี่ย - -" ป.ล.ถ้าจะไปฝึกที่นู่นต้องให้ทางคณะทำเรื่องไปหรอคะ  หรือขอไปฝึกเองได้เลย จากคุณ : มีวิตามินบี1 - [ 24 มี.ค. 48 12:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อวานเห็นลูกช้างตัวเล็กมากเดินหากินอยู่แถวดินแดง กำลังจะข้ามถนน มืดมาก เสี่ยงต่อการถูกรถชนสูง เราสามารถโทรแจ้งหน่วยงานใดได้บ้างคะ ถ้าเจอคนนำช้างมาหากินในกรุงเทพฯ แบบนี้ จากคุณ : เหมียว - [ 24 มี.ค. 48 15:25:42 A:203.146.150.228 X: TicketID:082906 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เขียนได้น่ารักมากครับ อ่านแล่วประทับใจ เคยไปเที่ยวที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยเหมือนกันครับ อ้อ เมื่อก่อนอยากเรียนสัตวแพทย์มากๆ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างเลยไม่ได้เรียน ต้องบอกว่าเสียดายครับ จากคุณ : JayMel - [ 24 มี.ค. 48 16:00:33 ]

ความคิดเห็นที่ 78 น่ารักครับ จากคุณ : หมอดาริน - [ 24 มี.ค. 48 19:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คิดถึงช้าง นะ จากคุณ : nickky_wan - [ 25 มี.ค. 48 12:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ประทับใจมากค่ะ ขอบคุณหมอมากนะค่ะที่ทำให้พวกเรารักช้างขึ้นไม่มากก็น้อยละ จากคุณ : thesun (usara_thesun) - [ 25 มี.ค. 48 13:05:28 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ชอบมากๆ เลยค่ะ เคยไปดูการแสดงของช้าง รู้เลยว่ามันน่ารักมากๆ จากคุณ : กาแฟขม - [ 25 มี.ค. 48 13:53:56 ]

ความคิดเห็นที่ 82 พี่หมอคนไหนที่เขาดินโดนช้างตืบ อ่ะน้อง มะเห็นเคยรู้เลย มั่วเป่า จากคุณ : อึม (Bougainvillea) - [ 27 มี.ค. 48 11:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 83 รักช้าง แต่น่าเสียดายที่นัวเนียกับมันไม่ได้ กลัวโดนตึ๊บ จากคุณ : PatPDX - [ 28 มี.ค. 48 08:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณ มากๆ ครับ จากคุณ : you (nymp) - [ 29 มี.ค. 48 15:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ เรื่องการฝึกงานที่นี่ (คุณ มีวิตามินบี1) ลองติดต่อไปก่อนก็ได้ครับ จะส่งเบอร์มือถือพี่หมอไปหลังไมค์ แล้วให้ทางคณะส่งหนังสือไปครับ จะแฟกซ์ หรือส่งไปรษณีย์ไปก็ได้ โดยทาง รพ. จะรับหนังสือที่มาก่อน เพราะในแต่ละช่วงปิดเทอม ก็จะมีนิสิต/นักศึกษาสัตวแพทย์ มาฝึกงานที่นี่เป็นจำนวนมาก ปกติที่นี่ก็มีหลายสถาบันมาฝึก มักจะเป็น ม.เทคโนโลยีมหานคร, ม.ขอนแก่น, ม.เกษตร ตามลำดับ ส่วน ม.เชียงใหม่ ก็มีแต่น้อย และ ที่ยังไม่เคยมีมาเลยคือ จุฬาฯ และ มหิดล ครับ สิ่งหนึ่งที่ผมสัมผัสได้จากที่นี่ ถึงแม้พี่หมอที่นี่จะไม่ได้เป็นรุ่นพี่สถาบันเดียวกับผม แต่พี่ๆ ทุกคนก็เอาใจใส่ดูแลเราดีมากๆ ไม่มีการแบ่งแยกสถาบันครับ ทำให้มองเห็นชีวิตในอนาคตมากขึ้นว่า จะมาแบ่งสีกันก็คงไม่ได้แล้วครับ เพราะจบ สพ.บ. (สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต) มาก็ต้องทำงานร่วมกันให้ได้อยู่ดีครับ ปล. เตรียมชมภาค 2 ได้เร็วๆ นี้ครับ จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 29 มี.ค. 48 20:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 86 เพิ่งจะได้เข้ามาดูครับ..เป็นกระทู้ที่ดีมากๆๆ...ทำให้รู้จัก "ช้าง" มากขึ้นเยอะเลยครับ ขอบคุณน้องหมอยุ่งฯมากๆนะครับ...อย่าลืมไปทำรีวิว SIN ล่ะครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 30 มี.ค. 48 14:02:01 ]