ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อถึงสิงคโปร์   ก็สามารถรู้สึกได้ถึงความเป็นประเทศที่มีหลายชนชาติ  แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสมานฉันท์ ไม่ว่า  คนจีน  คนมาเลย์  คนอินเดีย หรือ คนฝรั่ง  ต่างพูดภาษาเดียวกัน  คือ ภาษา Singlish (Singapore English) คิดถึงปัญหาของ 3 จังหวัดภาคใต้แล้ว   คณะกรรมการสมานฉันท์ฯของท่านนายกน่าจะลองไปศึกษาดูงานบ้าง จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นั่งแท็กซี่จากสนามบินเข้าตัวเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก   สองข้างทางปลูกต้นไม้ร่มรื่น   สมแล้วกับชื่อที่ว่า City in the Garden สิงคโปร์ไม่มีมาเฟียมาเรียกเก็บค่าจอดรถหรือค่าที่เหมือนโบ้เบ้บ้านเรา    ทุกอย่างรัฐบาลเข้ามาจัดระเบียบหมด   ไม่ว่าจะไปจอดรถตามซอกตามซอยที่ไหน   ต้องฉีกบัตรค่าจอดรถทิ้งไว้ให้เห็น    แม้บางที่อาจไม่เห็นมีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจก็ตาม    แต่ทุกคนก็ถูกฝึกให้ซื่อสัตย์   เพราะถ้าถูกจับได้ว่าโกงละก็เรื่องใหญ่   นอกจากถูกปรับหนักแล้ว  อาจถูกลงโทษให้ไปกวาดถนนอีกด้วย หาบเร่ที่เคยอยู่ตามท้องถนน    ถูกย้ายเข้าไปอยู่ตามศูนย์อาหารต่างๆที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆในย่านชุมชน     ใกล้ๆโรงแรมที่พัก  ก็มีอยู่จุดหนึ่ง(ด้านซ้ายมือ)  พอให้ได้ฝากท้อง   เป็นที่เดียวกับคุณยุ่งชะมัด...สัตวแพทย์ ได้แนะนำไว้ในกระทู้   http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E3401001/E3401001.html แต่ที่น่าแปลกใจ คือ  สิงคโปร์เขายังอนุรักษ์สามล้อถีบให้คนเก่าคนแก่ได้มีงานทำ จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เดินจากโรงแรมไปสถานีรถไฟฟ้า Bugis   จะต้องผ่านศูนย์อาหารนี้อยู่แล้ว  เลยแวะทานข้าวกันให้อิ่ม   เพราะรู้ว่าที่จะไปคืนนี้นั้น แพงกว่าเยอะ เครื่องบินมาถึงบ่าย  เลยไม่มีเวลาไปเที่ยวที่ไหนไกล   นอกจากศูนย์การค้า และร้านแบกะดินใกล้ๆสถานีรถไฟฟ้า   พอไกล้เวลาโพล้เพล้  ก็เริ่มเดินทางขึ้นรถใต้ดินไปต่อรถเมล์มุ่งสู่ Night Safari  ตามที่คุณยุ่งชะมัด...สัตวแพทย์ ได้แนะนำไว้    เครื่องหยอดเงินซื้อบัตรรถไฟฟ้าเขาทันสมัยมาก    เป็นระบบสัมผัส   แต่กว่าจะใช้เป็น   ก็ทำให้คนที่มาต่อคิวข้างหลังต้องรอกันเหงือกแห้ง จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไปภึง Night Safari  เวลา 6 โมงกว่า    ฟ้ายังไม่มืดเลย   ต้องรอให้ฟ้ามืดก่อน   เขาถึงจะเปิดบริการให้คนเข้าตอน 7 โมงครึ่ง เหตุที่ฟ้าไม่มืด   เพราะสิงคโปร์กำหนดเวลาของประเทศเขาเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง   ทั้งที่น่าจะอยู่ในโซนเดียวกัน ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่นายกทักษิณคิดอยากเลื่อนเวลาเมืองไทยให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง  เพื่อความได้เปรียบ   รู้และทำอะไรได้เร็วกว่าประเทศอื่น แต่ก็โชคดีที่ไปเร็วก่อนฟ้ามืด    เพราะพอไปถึง คิวที่รอรถลากนำเที่ยวในซาฟารีก็ยาวแล้ว  แม้เป็นวันธรรมดาก็ตาม ภายใน มีสัตว์หายากที่ออกมาหากินตอนกลางคืนให้ดูมากมาย  ที่น่าสนใจก็มีสุนัขพื้นบ้านแถบนี้ที่เขาบอกว่าเป็นต้นกำเนิดของสุนัขดิงโก้ในออสเตรเลีย เสียดายเขาห้ามใช้แฟลช   เลยไม่รู้ไปถ่ายติดอะไรมา    มีผู้สันนิษฐานอยู่เหมือนกันว่าบรรพบุรุษของหมาบางแก้วกับของสุนัขดิงโก้อาจมาจากที่เดียวกัน ดูรายละเอียดที่  http://www.bangkaew.com/webboard/view.php?No=327 จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากนั่งรถลากแล้ว   เขายังมีคอร์สให้เดินชมป่ายอมราตรี   โชคดีที่บ้านเมืองเขาไม่มียุงมาไตร่ตรอมให้รำคาญใจ (โดนปราบซะสูญพันธุ์) และยังมีเวทีแสดงความสามารถของสัตว์ให้ชมกันภายใต้แสดงจันทร์   ห้ามใช้แฟลช   เพราะเดี๋ยวสัตว์ตกใจ ต้องชมว่านอกจากเขาจะฝึกสัตว์มาร่วมแสดงได้ยอดเยี่ยมแล้ว    เขายังได้พยายามปลูกฝังแนวคิดดีๆให้กับผู้ชม  เช่น เรื่องการอนุรักษ์สัตว์  การรักษาสิ่งแวดล้อม จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์ ตอนแรกคิกว่าไม่มีกระเช้าบริการไปเกาะเซนโตซ่า   แต่พอไปถึงก็มีคนเข้าคิวอยู่ก่อนหน้าแล้ว   ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์คงจะแน่นกว่านี้ จุดตั้งต้นของกระเช้าลอยฟ้าอยู่ที่เขา Mount Faber   โยงสายเคเบิ้ลแขวนกระเช้าสูงละลิ่วข้ามไปยังเกาะเซนโตซ่า ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว มองจากกระเช้าไปยังในเมือง  จะเห็นตึกสูงมากมายอันเป็นคอนโดมีเนียมที่พักอาศัยของชาวสิงคโปร์ ถามหนุ่มจีนคนขับแท็กซี่ที่มาส่ง   เขาบอกว่าชีวิตในสิงคโปร์ค่อนข้างลำเค็ญ  การมีบ้านพร้อมที่ดินเป็นสิ่งที่ไกลเกินฝัน   เขาเองทำธุรกิจสำนักพิมพ์  แต่งานหนีไปประเทศอื่นหมด   เพิ่งมาขับแท็กซี่หารายได้เสริมได้เพียง 3 วัน   เลยขับพาหลงไปบ้าง   แต่เขาก็แสดงความรับผิดชอบ   จะลดราคาให้ จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ในเกาะเซนโตซ่ามีแหล่งท้องเที่ยวหลายแห่ง   จะเที่ยวเองก็ได้   แต่ซื้อเป็นแพคเกจจะถูกกว่าและสะดวกกว่า ที่เห็นในรูปเป็นสถานีปลายทางของรถกระเช้าลอยฟ้าบนเกาะ    ตรงกลางจะเป็นหอคอยสูงให้นั่งวนขึ้นไปชมวิวได้ ซ้ายมือเป็น Merlion หัวสิงโตหางปลา   สัญญลักษณ์ของสิงคโปร์   กลางคืนจะมีการแสดงระบำน้ำพุ  พ่นแสงเลเซอร์จากปากสิงโตเป็นลำยาว จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:21:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สิ่งที่พลาดไม่ได้คือ  อุโมงค์ใต้ทะเลให้คนเดินลอดไปชมชีวิตสัตว์ใต้น้ำ  มีปลาหายากหลากหลายชนิดเอามาให้ชมกันจะๆ จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:22:39 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากนั้น  ก็ไปนั่งไฟเหาะ  ซึ่งเป็นโรงภาพยนต์แบบเสมือนจริง   บูทที่นั่งจะโยกขึ้นลงให้หวาดเสียวเล่นตามฉากบนจอ ตบท้ายด้วยการไปดูโชว์ของปลาโลมาแสนรู้สีชมพู   ใช้เวลาไปเกือบทั้งวันได้อย่างคุ้มค่ากับเวลา เสียดายไม่ได้อยู่ดูการแสดงระบำน้ำพุ  และการพ่นแสงเลเซอร์จากปากสิงโต   เพราะต้องรอให้ฟ้ามืดเสียก่อน จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:25:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขากลับ  นั่งรถกระเช้าไปลงที่ตึก Habour Front  ข้างล่างเป็น Shopping Center ขนาดใหญ่   มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและคนไทยมากมาย ต่อรถใต้ดินไปอีก 2 ป้าย    ก็ถึง China Town  เลยแวะลงไปเดินเที่ยวหน่อย ฟังว่า China Town  ดั้งเดิมนั้นทรุดโทรมจนจะกลายเป็นสลัมอยู่แล้ว   รัฐบาลพัฒนาขึ้นมาใหม่ท่ามกลางเสียงคัดค้านของกลุ่มอนุรักษ์    ย้ายร้านรวงต่างๆขึ้นไปบนห้างหมด     ที่ยังเหลืออยู่ตามซอกตามซอย   ก็จัดระเบียบเสียใหม่ให้ดูดี     แวะซื้อกอเอี๊ยตราเสือมาแปะเข่าแก้เมื่อย    เป็นเจ้าของเดียวกับยาหม่องตราเสือที่สร้างความร่ำรวยให้กับชาวจีนผู้คิดค้นสูตรขึ้นมา  จนเขาสร้าง   Tiger Balm Garden ขึ้นมาเป็นการคืนกำไรให้สังคม   และยังขึ้นป้ายโฆษณาเป็น พ่อทูนหัว (Adopter) ให้กับ Malayan Tiger ใน Night Safari อีกด้วย จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:27:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ที่หน้าศาลาประชาคม   มีการแสดงกายกรรมจีนเรี่ยไรเงินบริจาคด้วย กลับถึงโรงแรมก็ค่ำพอดี    ตอนแรกคิดว่าจะไปดูทัศนียภาพยามราตรีของแม่น้ำสิงคโปร์ แต่ปวดเข่าเสียก่อน    เลยต้องแช่น้ำร้อน   ติดกอเอี๊ย  นอนเอาแรงไว้วันรุ่งขึ้น จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 รุ่งเช้าวันเสาร์   จัดโปรแกรมไปดู  Science Center , Jurong Bird Park  และเยี่ยมญาติที่อยู่แถบ Jurong ก่อนไป   ระหว่างทางก็แวะไปเดินเล่นที่ถนน Orchard  สักหน่อย    ซึ่งเป็นย่านขายของ Brand Name คล้ายถนน Ginza ในญี่ปุ่น จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Science Center อยู่ใกล้สถานี Jurong East   พัฒนาขึ้นมาด้วยภาระกิจอันยิ่งใหญ่ที่อยากฝากให้ผู้นำในประเทศเราได้อ่านกัน จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ภายใน   นอกจากจะมีการแสดงทางด้านวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆแล้ว สิ่งที่น่าสนใจมีอีก 2 อย่างคือ   1. เมืองหิมะ  ซึ่งเป็นห้องเย็นขนาดใหญ่    มีเนินหิมะให้คนได้เข้าไปเล่นสไลด์กัน เขามีบริการเสื้อกันหนาวและรองเท้าบูทให้ยืม     เสียดายไม่มีการทำหิมะโปรยปรายให้เหมือนจริง จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:33:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อย่างที่ 2  คือ  ท้องฟ้าจำลอง   ซึ่งเขาใช้เป็นที่ฉายภาพยนต์จอยักษ์รูปครึ่งวงกลม    ทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกับตกเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริง อย่างวันที่ไปดู เป็นเรื่องความพิสวงของแม่น้ำไนล์    คนดูจะรู้สึกตัวอียงซ้ายเอียงขวาไปตามฉากการท่องแม่น้ำไนล์   นับเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดจริงๆ จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:34:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เทคโนโลยีที่เขาใช้   ก็ไม่ได้ปิดเป็นความลับ   ทำห้องฉายเป็นห้องกระจกให้เห็นกันจะๆเลยว่า  ฟิลม์มีกี่ม้วน  ฉายไปที่มุมไหนบ้าง จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ช่วงบ่าย ไปดูสวนนกที่  Jurong Bird Park  ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน   ลงรถไฟฟ้าที่สถานี  Boonlay สถานีรถเมล์จะอยู่ติดกับสถานีรถไฟ    เรียกว่าเป็นชุมทางรถเมล์อันหนึ่งในหลายๆชุมทาง ต้องชมเขาว่าออกแบบได้ดี     มีช่องให้ต่อคิวแยกตามสี     แถมมีราวให้หย่อนก้นสำหรับคนขี้เมื่อยได้    ตามรูป ขึ้นสาย 194  เส้นสีแดง จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 การขึ้นรถเมล์ต้องเตรียมเศษเงินให้พร้อม    เพราะไม่มีกระเป๋ารถเมล์     มีแต่คนขับคนเดียวทำทุกอย่าง บนรถเมล์ยังมี Mobile TV  ให้ดูอีกด้วย  และแน่นอน  มีโฆษณาแถมให้ดู   เรียกว่าทุกอย่างทำเป็นธุรกิจได้หมด จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ที่   Jurong Bird Park   สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ  สวนนกเพนกวิน   ซึ่งอยู่ในห้องกระจกรักษาอุณหภูมิ ตอนไปถึง  เขากำลังสาธิตการให้อาหารอยู่ จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:37:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 มีรถโมโนเรลพาเที่ยวชมนกรอบสวน   พอที่จะให้คนไทยได้ภูมิใจบ้าง    แต่ไม่รู้ว่าการบินไทยเสียเงินไปเท่าไหร่ จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 21 และจะมีเวทีแสดงความสามารถของนกให้ชมกันหลายๆชนิด   ฝนตกพอดี  เลยต้องรีบจบ จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:38:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ในฐานะสมาชิกของห้องจตุจักร    ขอพูดถึงเรื่องหมาแมวหน่อย มาสิงคโปร์ 3  วัน   ไม่ได้เห็นหมาจรสักตัว   แต่มีแมวจรอยู่บ้าง ตอนไปเยี่ยมญาติที่คอนโด  ได้ยินเสียงหมาเห่าจากห้องใกล้เคียง     เพิ่งรู้ว่าคอนโดเขาให้เลี้ยงหมาได้   แต่ห้ามเลี้ยงแมว ฟังว่า  แมวเวลาติดสัด   ส่งเสียงร้องน่ารำคาญกว่าหมา จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:40:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนเกิดโรคซาส์     แมวถูกกำจัดไปเกือบหมดเกาะ   ด้วยความสงสัยว่ามันจะเป็นตัวแพร่เชื้อโรค จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ก็มีผู้รักสัตว์ให้ความอุปการะต่อหมาแมวที่ถูกทอดทิ้งอยู่ แต่โศกนาตกรรมของหมาแมวที่นั่นคงไม่เท่ากับเมืองไทยที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เช้านี้  ออกจากโรงแรมแต่เช้า   ขึ้นเครื่องกลับเมืองไทย ข่าวดังบนหน้าหนังสือพิมพ์ของสิงคโปร์เช้านี้คือ เรื่องที่รัฐบาลจะลงมติว่าควรจะเปิดบ่อนคาสิโนในประเทศหรือไม่ในวันจันทร์นี้ แม้จะมีประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยออกมาคัดค้านจำนวนมาก   แต่ก็ไม่มีอะไรที่รัฐบาลสิงคโปร์ทำไม่ได้ แม้แต่อดีตผู้นำประเทศอย่างนายลีกวนยูก็ออกมาสนับสนุน จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ที่น่าสนใจ  ก็คือ นายลีกวนยู  บอกว่า ถ้าสิงคโปร์ไม่รีบทำ    เมืองไทยภายใต้การนำของนักธุรกิจที่ชาญฉลาด(อย่างนายกทักษิณ)  ก็จะทำอยู่แล้ว ก็ขอฝากแง่คิดจากการไปเที่ยวสิงคโปร์ให้ผู้อ่านได้คิดกันต่อไป   เผื่อเมืองไทยจะมีทางออกที่ดีกว่านี้บ้าง จากคุณ : vichien_b - [ 17 เม.ย. 48 21:43:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 บทความ ที่คุณ vichien_b ยกมา น่าอ่านจังครับ อยากอ่านต่อที่ Lee พูดเรื่อง pop culture ครับ ( shrewd นี่แปลแบบ pop culture ผมว่าแปลว่า "เขี้ยว"นะ เบื่อจังพวกสิงค์โปร์งกๆ ชอบแขวะคนไทย ) จากคุณ : wildscreen - [ 17 เม.ย. 48 22:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ทำสคูปได้มืออาชีพเลยค่ะ ถ้าถ่ายรูปของกินมาด้วยละก็ ไปตั้งที่ห้องอาหารที่จตุจัตรด้วยนะค่ะ ว่าแต่หมาไปไหนหมด? จากคุณ : น้องต๋าว - [ 18 เม.ย. 48 01:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ทักษิณคงจะเขี้ยวจริงๆ  ไม่ใช่ฉลาดอย่างเดียว อาหารที่น่าสนใจ ข้าวมันไก่ทอดแบบมาเลย์    แต่ข้าวคลุกกระทิมา  รสชาติหอมหวานชวนกิน   คุณต๋าวน่าจะนำมาทำขายในเมืองไทยได้ และ ที่ Science Center มีบอร์ดแนะนำ Water Bear  แมลงตัวจิ่วที่สามารถคืนชีพได้หลังจากหยุดปฏิกริยาทางชีวเคมีเป็นร้อยๆปี ขอเพียงมีหยดน้ำมากระตุ้นชีวิตสักหยด สามารถอยู่ได้ในปล่องภูเขาไฟและยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม อ่านแล้วน่าสนใจมาก   คล้ายสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ได้ในจักรวาล   เลยไปลองค้นมาให้ดู ดูวิดิโอของจริงได้ที่ http://www.bangkaew.com/elearning/mod/forum/discuss.php?d=595#4390 จากคุณ : vichien_b - [ 18 เม.ย. 48 09:43:12 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณคับที่นำภาพมาฝากกัน....แต่ขอตินิดนึงเรื่องการถ่ายถาพ.....ไม่ค่อยชัด....และองค์ประกอบของภาพไม่ค่อยน่าสนใจ....ปรับปรุงนิดนึงนะคับ จากคุณ : ต้นก๊าบ - [ 18 เม.ย. 48 10:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขออนุญาตตอบตามความเข้าใจนะคะ คนที่นี่มีคนมุสลิมอยู่มากเหมือนกัน คนมุสลิมจะไม่สามารถสัมผัสน้ำลายหมาได้ค่ะ เขาถือว่าเป็นบาป อาจจะทำให้ไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้เลย เราก็เลยจะเห็นหมาจรจัดน้อยมากค่ะ เมื่อเทียบกับแมว (ไม่อยากนึกเลยว่าเขากำจัดยังไง) สำหรับคนรักหมาทั้งหลาย ที่นี่เขาก็จะมีกฎด้วยว่า ที่อยู่อาศัยส่วนมากที่เรียกว่า HDB หรือว่าแฟลตของรัฐบาลเนี่ย จะผู้อาศัยจะสามารถเลี้ยงได้แต่หมาพันธุ์เล็กที่รัฐบาลกำหนดให้เท่านั้นค่ะ พวกพันธุ์ใหญ่ๆ ห้ามเลี้ยงโดยเด็ดขาด เพราะจะทำความรำคาญให้ข้างห้องได้นะคะ จากคุณ : Nung+Ning+ - [ 18 เม.ย. 48 23:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณ คุณ : ต้นก๊าบ และ คุณ : Nung+Ning+  ที่มาให้ความรู้ครับ จากคุณ : vichien_b - [ 19 เม.ย. 48 10:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 กระทู้ดูเรื่อยเปื่อย แต่แฝงข้อคิดดี ผมเองก็เพิ่งกลับจากเที่ยวสิงคโปร์ได้สัปดาห์นึง ไปที่เดียวกับ จขกท. อยู่บ้างเหมือนกัน จากคุณ : mekin - [ 20 เม.ย. 48 12:35:13 ]