ความคิดเห็นที่ 1 ...เข้ามาดูเจ้าพ่อทำโพลแห่ง BP จากคุณ : Athlons - [ 18 มิ.ย. 48 12:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ควรยกเลิกไปครับ ล้วนแต่ ไร้สาระทั้งนั้น จากคุณ : "NooN"NaN - [ 18 มิ.ย. 48 14:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ควรมีค่ะ แต่ควรมีอาจารย์ คอยดูแลอย่างใกล้ชิด การรับน้องเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ถ้ารู้จักทำให้มันดี แต่ส่วนใหญ่พวกมนุษย์ที่เป็นรุ่นพี่ ไม่ได้คิดดีเท่าไรค่ะ คิดแค่สะใจกรูก้อพอ อันนี้ดิฉันบอกตามตรง จากคุณ : เจ้าแม่วังผีเสื้อ - [ 18 มิ.ย. 48 14:17:17 A:61.91.140.128 X: TicketID:067860 ]

ความคิดเห็นที่ 4 การรับน้องที่มีแต่กิจกรรมที่"ดี"และ"มีประโยชน์" ควร"มีต่อไป" แต่ไอที่"แย่"และ"อนาจาร" ควร"ยกเลิก" จากคุณ : newuno - [ 18 มิ.ย. 48 14:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ดีเลยครับ จะได้ชี้แจงซักทีหนึ่ง เห็นหลายๆ คนสงสัยและถามมามากมายครับ ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยกเลิกทุกกิจกรรมรับน้อง ทุกคณะ ทุกวิทยาเขต แล้วครับ ไม่ว่ากิจกรรมนั้นจะดีหรือไม่อย่างไร ก็ยกเลิกทั้งหมดแล้ว วันนี้เป็นวัน Freshy Day Freshy Night ของบางเขนครับ ก็ถือว่าสุดท้ายแล้วหล่ะครับ น้องๆ รื่นเริงเต็มที่ (พี่ๆ ก็มาดูแลน้องๆ เหมือนเดิม) คณะสัตวแพทย์ เป็นคณะหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่ารับน้องได้สร้างสรรค์ที่สุดคณะหนึ่งในวิทยาเขตบางเขน แต่ก็เจอหนังสือพิมพ์ต่างๆ ลงข่าวผิด(พาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง เช้าวันศุกร์สัปดาห์ที่แล้ว) ว่านิสิตที่ฆ่าตัวตายเป็นนิสิตคณะสัตวแพทยศาสตร์ เพราะไม่เคยสนใจ เอาไวเข้าว่า เห็นว่า เป็นสัตวฯ อะไรก็จับให้เป็นสัตวแพทย์ซะหมด จนทำให้เกิดความเสียหายต่อคณะเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่ กิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมแนะนำมหาวิทยาลัย หรือ โครงการบัณฑิตยุคใหม่ ที่กำแพงแสน รุ่นพี่นิสิตคณะสัตวแพทย์ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลยก็ตาม (เพราะที่กำแพงแสน มีนิสิตสัตวแพทย์ชั้นปี 4-6 เท่านั้น ปี 1-3 เรียนที่บางเขน) ส่วนตัวผม ที่ได้เรียนมาเป็นนิสิตที่อีกไม่นานก็จะจบแล้ว ผมก็เห็นการเปลี่ยนแปลงในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในทางที่ดีขึ้นมาทุกปีครับ ไม่ได้มีอะไรที่เสียหาย น่าเกลียดอะไรเลย และ "ไม่มีว้าก" และไม่ได้มีการกดดันน้องครับ อาจารย์ที่คณะจับตามองเต็มที่ครับ อย่างในห้องที่ทำกิจกรรมก็จะมีกล้องวงจรปิดต่อออกมา และเชิญผู้ปกครองมาชมได้เลยครับ และกิจกรรมต่างๆ ในวิทยาเขตบางเขนก็จะมี อ.ปัญญา ถ่ายภาพมาให้ชมกันที่ http://www.kucity.com ครับ โปร่งใสชัดเจน ผมจึงเห็นควรว่า ควรจะมีต่อ แต่ควรสร้างสรรค์ ไม่ใช่อะไรที่บ้าๆ บอๆ และ เรื่องอนาจารครับ บางเรื่อง ผมว่ารุ่นพี่ก็เกินไป บางคนก็ "กระหายเกิน" กระหายจนกระทั่ง คนที่เป็นรุ่นพี่กว่า หลายคน มองว่า มันน่าเกลียดไปหน่ะ แต่ถึงขั้นไม่มีเลย มันก็ได้ครับ แต่กิจกรรมรับน้อง อย่างที่หลายๆ คณะจัด ก็คือ "กิจกรรมสอนน้องร้องเพลงเชียร์" เป็นเพลงคณะของแต่ละคณะ ซึ่งตอนนี้ถูกระงับไปแล้ว จึงประสบปัญหาอยู่ว่า น้องๆ ยังร้องเพลงคณะไม่ได้ ซ้อมหลีด ก็ยังไม่ได้ ซ้อมเชียร์ เพื่อจะแข่งในกิจกรรมประกวดกองเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ ยังไม่ได้เลย (น้องๆ เค้าเล่าให้ฟังมาหน่ะครับ) คราวนี้ถือว่าเป็นคราวแจ๊คพอตแตกมากกว่า เพราะผมเชื่อว่า กิจกรรมของ ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ที่เป็นการแนะนำมหาวิทยาลัย และ การเต้นไก่ย่าง(ใครๆ ก็ว่าน่ารัก หรือว่าพวกนักข่าวไม่เคยเต้น เป็นท่าเบสิกที่ใครๆ ก็เต้นเป็น) คงไม่ทำให้คนถึงขั้นคิดฆ่าตัวตายเป็นแน่แท้ครับ คนจะฆ่าตัวตายต้องมีหลายสาเหตุครับ เรื่องกิจกรรมนี้ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่สาเหตุหลักแน่นอนครับ และผมเชื่อว่า การรับน้องลับหลังที่คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้น้องคนนี้เครียด ก็ไม่น่าจะมี เพราะยังไม่เปิดเทอม และ รุ่นพี่เองก็ไม่ได้สนใจหรอกครับว่า น้องจะอยู่หอใน หรือหอนอก แต่ที่เขาสนใจในตอนเปิดเทอม คือ รุ่นน้องมาตามที่นัดได้ตรงเวลาพร้อมเพรียงกันหรือไม่มากกว่า (ซึ่งคุณน้องก็ได้ตัดสินใจก่อนที่จะเปิดเทอมแล้วครับ) หมายเหตุ : ผมว่า ท่าเต้นบางท่า ของ บางมหาวิทยาลัย ที่ได้ลงหน้าหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ นั่นน่าเกลียดจริงๆ ครับ ขอขอบคุณที่เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 48 15:54:52 จากคุณ : ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์ - [ 18 มิ.ย. 48 15:52:42 ]

ความคิดเห็นที่ 6 50 - 50 ครับผม แต่โดยส่วนตัวผมว่ามันอยู่ที่การ "ปรับตัว" ของแต่ละคนมากกว่าครับ ข้อดีของการรับน้องที่ได้ยินมาผมก็ "เห็นด้วย" ครับ ไม่เถียงหรอกครับว่า ทำให้พี่-น้อง ได้รู้จักกันซึ่งมันอาจจะมีผลต่ออนาคตที่สวยงามของน้อง ๆ อ่ะครับ ........ แต่ลึก ๆ ผมก็ยังคิดว่า "จำเป็นหรอ ????" โดยส่วนตัวเวลาผมเข้าทำงาน หรือ เข้าเรียนที่ใหม่ ๆ ไม่เห็นเคยมีการต้อง "รับน้อง" ผมก็สามารถปรับตัวและเรียนรู้สังคมของสังคมนั้น ๆ ได้อ่ะครับ ......โดยหลักทั่ว ๆ ไปที่สังเกตกันได้ง่าย ๆ ก็คือว่าถ้าคนเงียบ ๆ อยู่ที่ไหนมันก็เงียบ ให้มีกิจกรรมอะไรสนุกแค่ไหนมันก็เงียบ...... คนร่าเริ่งอยู่ที่ไหนมันก็ร่าเริง อยู่กัน 2 คนมันก็ทำให้เป็นเหมือนอยู่กัน 10 คนได้ มันอยู่ที่ตัวคนจริง ๆ ครับ ให้ทุกคนได้มีโอกาส "เลือก" ทางเดินเองเถอะครับ ... ได้รับการศึกษากันถึงขึ้นอุดมศึกษาแล้วผมคิดว่าทุกคน "คิดเองได้" อ่ะครับ อิอิ จะมาบอกว่าการรับน้องเป็นการ "ฝึกระเบียบ" ของน้อง ๆ ก็จริงครับ แต่นั้นมันมีกระบวนการของ "กฏระเบียบ" ของมหาลับ และ คณะ ต่าง ๆ ไว้อยู่แล้วหนิครับ ซึ่งก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วครับว่า ถ้าผิดกฏที่ทาง ม. ได้วางเอาไว้ก็ผิดและจะถูกลงโทษอยู่ดีหนิครับ .......สำหรับในกรณีนี้ผมว่า การฝึกระเบียบโดยการรับน้องนั้น "ไม่จำเป็น"   สมัยเรียนผมมีเพื่อนอยู่คนนึงครับ เป็น Staff รับน้องเนี้ยแหละ มันจะเปรยให้ฟังอยู่เสมอ ๆ ว่า "รุ่นนี้ต้องเอาให้หนักให้สาสมกับที่กรูได้รับมา" .........<------- นี้หรอครับที่หลาย ๆ ท่านเรียกว่า "ประเพณี" นี้มันคือ "การล้างแค้น" ต่างหากหละครับ อิอิ การรับน้องที่ผมชอบคือ "งานที่ทางมหาลัยจัดให้" ครับผม .....ถูกต้องตามประเพณีแน่นอน มีกิจกรรมร่าเริ่ง สนุกสนานตามสมควร ไม่มาก - ไม่น้อยเกินไป ......(กินดีอยู่ดีเงินก็ไม่ต้องเสีย อิอิ) ....... ปัญหาที่เกิด ๆ กันแทบทุกปีที่ผ่านมาเกิดจากการ "รับน้องนอกระบบ" ทั้งนั้นอ่ะครับ .....ว่าไปแค่ผมมองผมก็รู้แล้วหละครับว่ามันต้องมีปัญหาอย่างนี้ต่อไปทุกปี ๆ แน่นอน (ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็เหอะ).......ทั้งนี้ก็เพราะ "วัยรุ่น" ด้วยกันทั้งพี่ทั้งน้องอ่ะครับ <---- ขออนุญาติไม่ขยายความนะครับ อิอิ รุ่นพี่ที่คอยคุม และ ดูแลรุ่นน้อง อย่างมากก็ไม่เกิน 23 ปี .... ยอมรับครับว่าคนอายุ 23 นี้โตแล้ว แต่อย่าลืมนะครับว่าไม่ใช่ว่า พี่ ๆ ทุกคนจะ "มีความคิดที่ดี" .... การรับน้องโดยอาศัยความ "คึกคะนอง" ยังคงมีได้เห็นกันอยู่โดยทั่วไปอ่ะครับ .......... ไม่ได้คิดว่าการรับน้องไม่ดี เพราะผมเชื่อว่าการรับน้องยังมีส่วนดีอีกมากมายครับ ....... แต่ถามว่าจำเป็นมั้ย ผมคิดว่า "ไม่จำเป็น" ครับ   ป.ล. หลาย ๆ คนที่เค้าไม่เคยผ่านการรับน้อง มาก็สามารถเรียนหนังสือให้จบด้วยความสุข รวมถึงสามารถดำรงชีวิตและปรับตัวให้อยู่ในสังคม เพื่อให้ได้หน้าที่การงาน "ที่ดี" ได้อย่างปกติสุขเหมือนคนทั้วไปนะคร้าบบบบบบ จากคุณ : porinter - [ 18 มิ.ย. 48 18:17:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ข่าวมันลงเกินไป  นักข่าวไม่รู้จักจรรยาบัณ  เอาแต่ว่าจะขายได้ก็แต่งเสริมเติมแต่งเข้าไป  ยังไงผมก็ไม่เชื่อแน่นอนว่านิสิตคนนั้นจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องรับรน้องประเด็นเดียว   ผมยอมรับว่าไอประเพณีรับน้องแบบแย่ๆ  มันก็มีเหมือนกัน   แต่ในขณะเดียวกันแบบสร้างสรรคืดีๆ มันก็มี  ทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสียหมด   ทำไมต้องเอาปลาเน่าแค่ไม่กี่ตัวมาตัดสินปลาทั้งเข่งว่ามันดีหรือไม่ดี การแก้ปัญหาไม่ใช่การยกเลิกรับน้องทั้งหมด  แต่ต้องเป็นการที่บุคลากรต่างๆ  ในส่วนของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นคณบดี  อาจารย์  อธิการบดีต่างๆ  ต้องลงมาตรวจสอบดูแลอย่างจริงจัง   ถามว่าถ้าสมมติเกิดเหตุการคนโดนรถเมล์ทับตาย  ต้องยกเลิกไม่ให้รถเมล์วิ่งทั่วกรุงเทพรึป่าว???? VVVVVVV ถ้ายกเลิกรถเมล์ จะเกิดความเดือดร้อน แต่ถ้ายกเลิกรับน้อง จะไม่เกิดความเดือดร้อน ^^^^^^^^^^^^^^ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าเดือดร้อนหรือไม่เดือดร้อน  จะยกเลิกไปเลยก็ได้ถ้าคนส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ดี  แต่การที่จะอ้างเหตุผลโดยเอาการกระทำของคนกลุ่มน้อยมาตัดสิน  แล้วป้ายความผิดให้คนส่วนใหญ่ว่าเค้าไม่ดีด้วย  มันเป็นความคิดที่คับแคบไปหน่อย  เปรียบถึงสมองของคนที่ยังไม่พัฒนา  ไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรดีหรือไม่ ทำไมการรับน้องถึงสืบทอดมาตั้งนาน  รุ่นต่อรุ่น  ทำไมไม่ยกเลิกไปซักที  มันก็เป็นการแสดงให้เห็น  คนที่เคยผ่านการรับน้องมา  ส่วนใหญ่อยากให้มีต่อทั้งนั้นทำไม???? ถ้าคนเราลองเปิดใจกว้าง  มองการไกล  มองทั้งสองด้าน  ให้สมองไตร่ตรองให้ลึกๆ  ก็จะเข้าใจสิ่งต่างๆเอง  ไม่ใช่ว่ามองเพียงแต่ด้านเดียวให้คนอื่นมาจูงจมูกเอาง่าย  ผมเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวมันทั้งนั้น  ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเปิดใจยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 48 21:46:20 จากคุณ : ArCHiLes - [ 18 มิ.ย. 48 18:29:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 "ถามว่าถ้าสมมติเกิดเหตุการคนโดนรถเมล์ทับตาย  ต้องยกเลิกไม่ให้รถเมล์วิ่งทั่วกรุงเทพรึป่าว???? " ถ้ายกเลิกรถเมล์ จะเกิดความเดือดร้อน แต่ถ้ายกเลิกรับน้อง จะไม่เกิดความเดือดร้อน จากคุณ : fedexfc - [ 18 มิ.ย. 48 19:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไอ้การรับน้องแบบดีๆหนะ มันไม่เป็นข่าวหรอกครับ และมีเยอะด้วยไม่ต่ำกว่า 80 % ส่วนการรับน้องแบบแย่ๆหนะ มันเป็นข่าวอยู่ทุกๆปีครับ (เพราะสื่อ Rayum บ้านเรามันชอบ) และมีเพียงแค่ไม่ถึง 20 % อยากทราบว่า คุณๆท่านๆทั้งหลาย ที่เติบใหญ่ได้ดิบได้ดีกันจนทุกวันนี้ ก้อล้วนแต่ผ่านการรับน้องมาทั้งสิ้น ทำไมถึงคิดจะยกเลิกมันเสียหละ?????? นั่นไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ฉลาดเลย อย่าซีเรียสกับเหตุการณ์เพียงแค่ 2-3 วันกันเลยครับ ชีวิตของรุ่นน้องทุกๆคน ก้อคือ 4 ปีในรั้วมหาลัยต่างหาก กรุณาอย่าโดนสื่อ Rayum ในบ้านเมืองนี้ แหกตากันอยู่เลย จากคุณ : เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ - [ 18 มิ.ย. 48 19:54:27 A:61.90.114.44 X: TicketID:100915 ]

ความคิดเห็นที่ 10 "ประเพณีรับน้อง "ที่ดี" ควรมีต่อไปปปปปปปปป..." เป็นคำตอบสุดท้ายจ้า... จากคนที่ เคยโดนรับน้อง เคยโดนน้องรับ (โดนซ่อม) และเคยเป็นรุ่นพี่จัดรับน้อง.. จากคุณ : ke@ - [ 18 มิ.ย. 48 21:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ควรมีต่อไปเพราะเป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าทางจิตใจที่จะหาไม่ได้อีกแล้วในช่วงชีวิตอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตามต้องมีการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงให้มีมาตรฐานมากกว่านี้ แต่เอาจริงๆแล้วส่วนใหญ่มันก็ดีแหละ มีบ้างที่มันไม่ดีและสื่อก๋ประโคมเวอร์ จากคุณ : อิอิ - [ 18 มิ.ย. 48 21:51:57 A:58.10.43.177 X: TicketID:071683 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณรู้หรือเปล่าสัตวบาลรับน้องยังไง แล้วคุณรู้ได้ไงว่า เขาไม่ได้โดนทำร้ายจิตใจมากแล้วถ้าเรื่องที่โดนกระทำมันน่าอับอายมาก จะมีกี่คนที่กล้าออกมาพูด แล้วความอดทนหรือการหาทางออก ต่างคนก็ต่างจิตใจ อย่าระดับความอดทนตัวเองไปวัดคนอื่น ไม่ดี(ลองนึกถึง เรื่องที่โคราชดู รายการสรยุทธ แต่ไม่ได้เอามาเปรียบนะแต่อยากให้นึกถึงใจเขาบ้าง ) คนที่รู้เรื่องก็คือน้องที่เสียชีวิต แล้วที่โคราชถ้าน้องคนนั้นฆ่าตัวตายก็คงไม่มีใครรู้ว่ามีเรื่องอย่างนี้ ยอมรับเพราะจนต่อหลักฐาน(ใครดู ไอทีวี คงนึกออก) เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่ใช่ตัวน้องที่ตายอย่าสรุปแทนมันไม่ยุติธรรม น้องปี 1 ย้ายขึ้นปี 2ต้องเลือกเมเจอร์ ทุกคนรู้ก่อนแล้วว่ารับน้องเมเจอร์เป็นอย่างไร แต่ละเมเจอร์ต่างกันอย่างไร แต่ไม่รู้ว่าปัจจุบันเลือกตั้งแต่เอนทรานส์หรือเปล่า(**อ่านจากข่าวคิดว่าเลือกตรงได้เลย แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษด้วย**อาจยังไม่เคยมีใครบอกว่าแต่ละเมเจอร์หนักต่างกัน ผมสนับสนุนให้มีนะ แต่เดี่ยวนี้โรคจิตมาก น้องคนไหนเจอพวกโรคจิตลามก ก็แย่ มันเป็นเรื่องของจิตใจคน ต้องหามาตรการดูแลไม่ให้พวกโรคจิตแอบแฝงมาทำ (ลองนึกดูว่ารุ่นคุณใครมีอาการบาง) สมัยก่อนหนักก็หนักตามกติกา แต่ดูเดี๋ยวนี้เหมือนโรคจิตเข้าไปทุกที  ผมไม่อยากบรรยายการรับน้องแต่ละเมเจอร์มีวิธีรับและหนักต่างกันอย่างไร แต่ขอเถอะครับในฐานะรุ่นพี่ อย่าไปพูดให้ดูเหมือนว่าเขาฆ่าตัวตายเองแต่โยนบาปให้มหาลัย  ยิ่งพูดคนยิ่งเป็นญาติยิ่งเสียใจ ใจเขาใจเรา คนที่รู้ดีไม่สามารถจะมาบอกได้หรอกครับ ส่วนพวกเราที่หายใจอยู่ก็ได้แค่เอาเรื่องมาประติดประต่อเท่านั้น(แล้วก็เดา) ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรผมก็ถือว่าสูญเสียรุ่นน้องไป  แล้วก็เสียใจกับเหตุการณ์ไม่ว่าจะเสียชีวิตด้วยเหตุผลใดก็ตาม  ขอให้วิญาณไปสู่สุขติ จากคุณ : รพิณ - [ 18 มิ.ย. 48 22:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ประเพณีการรับน้องยังมีอะไรดีๆอีกเยอะค่ะ เห็นด้วยกับอีกหลายๆความเห็นว่าที่สื่อนำเสนอเป็นส่วนน้อยมากๆ ส่วนดีๆมักจะไม่ค่อยนำเสนอ แต่ถ้าเป็นส่วนที่ไม่ดี...แม้เพียงเล็กน้อย..ก็จะนำมาโจมตี โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าการรับน้องเป็นสิ่งที่ดีค่ะ รวมถึงระบบว้ากด้วย แม้จะมีอีกหลายๆคนไม่เห็นด้วยก็ตาม (เคยอ่านบทความของอ.ใจที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องรับน้องแล้วรู้สึกไม่เห็นด้วยค่ะ เพราะมีจุดมุ่งหมายอีกหลายข้อที่แฝงมากับกิจกรรม) พอถึงเวลาต้องรับน้อง..ก็สนับสนุนกิจกรรมนี้เต็มที่ เพราะส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าตัวเองได้รับอะไรมาหลายๆอย่างจากกิจกรรมนี้ ทั้งรู้จักเพื่อน..รู้จักพี่(ที่คงไม่ได้เข้าไปคุยด้วย..ถ้าไม่มีกิจกรรมนี้)..รวมทั้งได้ร่วมกิจกรรมอีกหลายอย่างทั้งของคณะและมหาวิทยาลัยเพราะกิจกรรมนี้ค่ะ (ทั้งนี้..ขอหมายความถึงเฉพาะกิจกรรมของคณะตัวเองนะคะ ส่วนของที่อื่นเป็นอย่างไรไม่ขอออกความเห็นค่ะ) เลยอยากให้รุ่นน้องได้รับอะไรอย่างเราบ้าง พอมีข่าวออกมาว่าจะยกเลิก....รู้สึกเสียดายแทนอีกหลายคนที่จะไม่มีโอกาสได้ร่วมกิจกรรมดีๆเพียงเพราะส่วนเล็กๆของสังคมค่ะ ฝากกระทู้ดีๆเกี่ยวกับการรับน้องให้เข้าไปดูอีกสักหนึ่งกระทู้ค่ะ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3542060/A3542060.html แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 48 09:28:02 จากคุณ : FruiT SaLaD - [ 19 มิ.ย. 48 09:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับกระทู้ร้อนๆ เท่าไร มันเสียวๆ  เดี๋ยวจะเสียคนในวัยอันไม่ควรอีก.. เรื่องยังมีหรือไม่มี ที่เป็นประเด็นในปัจจุบัน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ผู้ปกครองกลัว หรือโกรธหรอก มีหรือไม่มี บรรดาผู้ปกครองเขารับได้ครับ... ยังมีต่อไปก็ไม่เสียหายอะไร ประเด็นอยู่ที่ว่า.. ...ทำไมรุ่นพี่ตามสถาบันต่างๆ ไม่มีความคิดที่ล้ำเลิศ หาวิธีควบคุมตัวเองให้อยู่ในขอบเขต... ไม่ “ห่าม” จนเกินพอดี เมื่อถูกตักเตือนต้องปรึกษาหาวิธีแก้ไขครับ คนที่ห่ามเกินพอดี ไม่มีใครไปห้ามเขาได้ แต่ก่อนหน้านั้น ทุกคนต้องให้สัญญากับตัวเองก่อนซิครับ ว่าจะควบคุมตัวเอง ปัญหาที่มันเกิดเพราะ “รุ่นพี่บางคนไม่ควบคุมตัวเอง” ...ทำไมรุ่นพี่ไม่นำสิ่งที่เป็นปัญหา เช่นการ “ว้าก” ผู้ใหญ่ต่างตักเตือนว่ามันไม่เหมาะ  แทนที่จะนำไปปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสม แล้วนำเสนอผู้ใหญ่ ให้เกิดความสมดุลที่ทุกผ่ายรับได้ เพราะวันข้างหน้าจบไปทำงาน คุณทั้งหลายต้องเจอการบ้านยากกว่านี้จากเจ้านายมากนัก กลับไปคิดซิครับว่า “ทำแค่ไหนแล้วเกิดความพอดีกับทุกฝ่าย” ...ทำไมรุ่นพี่ไม่กำหนดขอบเขต ให้ตัวเองทำงานในช่วงเวลาที่จำกัดท้าทายตัวเราเองกว่าทุกวันนี้ เช่น ให้มีเวลาในการรับน้องทุกรูปแบบ จบแค่ 3 วัน “คุณทำกันได้ไหมล่ะครับ” อย่าเพิ่งโวยว่าน้อยไป คุณอย่าคิดว่า 3 วันน้อยไปนะครับ ถ้าคนเรามีปัญญา มีความคิด มีความสามารถในการวางแผนในการทำงาน เวลาตั้ง 3 วัน ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดครับ ไม่ใช่มีเวลามาก มากจนไม่รู้จะป้อนอะไรให้กับรุ่นน้อง สุดท้ายเติมความพิเรณเข้าไป จนเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา... เวลาที่จำกัดจำเขี่ย มันไม่เหลือเวลามาเล่นพิเรณหรอกครับ.. น้องๆ ครับ... นึกถึงหัวอกพ่อ ที่รอลูกสาวส่งเสียงหน้าบ้านดึกๆ ว่า “พ่อขา หนูกลับมาแล้ว” เวลาที่คอยเสียงนี้ ในความเป็นพ่อ มันเนิ่นนานนะครับ มันทรมาน... แต่ฟังจากการให้ข้อคิดของนักศึกษา ในการแสดงทัศนะ ความคิดความอ่านของแต่ละคน จากรายการโทรทัศน์ต่างๆ แล้ว ท้อครับ.. แต่ละคนก็หาแต่ข้อแก้ตัวต่างๆ นาๆ  บ้างก็ตอบสวนกลับมาทันทีว่า.. สถาบันตัวเองรับน้องดีมาก ไม่เคยมีเรื่องเสียหาย... ท่าเต้นไม่ได้เสียหายอะไร... ว้ากไม่เห็นเสียหายอะไรยังต้องมี... ดูแล้วเหมือน เถียงคำไม่ตกฟาก ตอบกันสักนิดซิครับ ว่าพวกเราจะนำไปร่วมหารือ แก้ไขปรับปรุงสิ่งที่เห็นว่าไม่เหมาะ “เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในสังคม” ... ส่วนเรื่องดีๆ ที่มีอยู่มาก.. ผู้ใหญ่เขาก็ไม่ได้ติติงอะไร ที่เขาไม่พูด ก็เพราะว่าเขารับได้ในสิ่งนั้น... ทั้งๆ ที่แต่ละคนก็โตๆ กันขนาดนั้น แต่ตัดพ้อแบบเด็กๆ ว่า “สิ่งดีๆ ที่มีอยู่มาก ทำไมผู้ใหญ่ไม่พูด กลับพูดถึงจุดเล็กๆ” อ่านแล้วคงเข้าใจนะครับว่า รับน้องจะมีต่อไปหรือไม่มี ไม่เป็นไรหรอกครับ... แต่รุ่นพี่ครับ... หัดทำงานที่ท้าทายตัวเองบ้างเถอะครับ... ทำงานแล้วเกิดปัญหา มันเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่การแก้ปัญหา มีไม่กี่คนที่แก้ได้ คุณจะเลือกเป็นคนกลุ่มไหนล่ะครับ... จากคุณ : หมอนทองแท้ - [ 19 มิ.ย. 48 13:04:51 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ่านมาหลายกระทู้ หลายความเห็น เห็นด้วยกับหลายๆความคิดเห็นส่วนใหญ่ เรื่องการรับน้องแบบสร้างสรรค์นั้น ยังมีอยู่มาก ไม่ควรพูดอะไรด้านเดียว เอะอะ ก้อเลิกซะ  จะได้หมดปัญหา หลายๆท่านพูดถึงวิธีการแก้ไข มองที่มหาวิทยาลัยต้องควบคุม อาจารย์ต้องดูแล รุ่นพี่ต้องเป็นแบบนี้ การรับน้องต้องเป็นแบบนั้น ซึ่งมันควร "ต้อง" เป็นเช่นนั้นอยู่แล้วนะคะ แต่อีกประเด็นที่ดิฉันอยากพูดถึง ว่านอกจากทางมหาวิทยาลัย อาจารย์ และรุ่นพี่ จะต้องมีขั้นตอนการดำเนินการ ขอบเขต และรูปแบบแล้ว น้องใหม่เอง ก็ควร มีวุฒิภาวะ พอที่จะปฏิเสธ เมื่อไม่พอใจ และสามารถตัดสินใจเลือกได้เอง ว่าอยากร่วมกิจกรรมหรือไม่ สรุป คือ นอกจากจะจี้ไปทางสถาบัน และรุ่นพี่แล้ว อยากให้น้องใหม่ รู้จัก สิทธิ และหน้าที่ของตัวเองด้วยค่ะ ถึงขนาดสอบเข้ามาเรียนระดับอุดมศึกษาได้ ต้องรู้จักเอาตัวให้รอดนะคะ ต่อไปในชีวิต จะเจออะไรที่หนักหนาสาหัสกว่านี้อีกค่ะ ทั้งชีวิตการทำงาน เจ้านาย -เพื่อนร่วมงาน ซึ่งอาจจะยิ่งกว่ารุ่นพี่ที่คุณเจอ ความรับผิดชอบ คือรับทั้งชอบ และรับทั้งผิด ภาระต่างๆ ที่ต่อไปคุณจะต้องมี   และสุขภาพร่างการ การเป็นอยู่ และจากไป ของคนที่คุณรัก ถ้าปัญญาชนของชาติ ยังไม่สามารถเอาตัวรอดได้ จากการรับน้อง ดิฉันว่า โลกภายนอก ยังน่ากลัวกว่านี้อีกเยอะค่ะ อยากให้การศึกษาไทย ทำให้นักเรียนที่จบชั้นมัธยม ใช้สมองได้มากกว่า ทำข้อสอบน่ะค่ะ อีกนิดนะคะ ดิฉันคิดเล่นๆ ว่า ถ้าเดินออกไปนอกบ้าน แล้วไปเจอคนบ้า เราต้องรู้จักเดินหลบคนบ้า มากกว่าสั่งให้คนบ้าหลบ หรือเปลี่ยนเป็นเราหลบอยู่แต่ในบ้าน จะได้ไม่ต้องเจอคนบ้า จะเลือกเอาแบบไหนดีคะ จากคุณ : letsgokrabi - [ 19 มิ.ย. 48 14:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 16 น่าจะมีการรับน้องต่อไป แต่อยากให้มีรูปแบบการรับน้องที่แน่นอน โดยรุ่นพี่เสนอแผนและระยะเวลารับน้อง มีรายชื่อรุ่นพี่ ที่ดูแลรับผิดชอบกิจกรรมรับน้อง ให้หัวหน้าคณะวิชาอนุมัติและสั่งให้มีอาจารย์เข้ามาดูแล ถ้าเกิดเรื่องรับน้องเกินจากที่ตกลงรุ่นพี่ที่มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถ้าให้ดีกิจกรรมรับน้องน่าจะเป็นหน้าที่รุ่นพี่ปี3 หรือ ปี4 เป็นผู้ดำเนินการจะดีกว่า ให้ปี2จัดการ มักจำเรื่องเก่ามาระบายรุ่นน้อง ครับ จากคุณ : ส/305 - [ 19 มิ.ย. 48 15:21:56 ]