ความคิดเห็นที่ 1 หุหุหุ ผ่านฐานทัพเรือด้วยครับ...เห็นเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพอินเดียด้วยอ่ะ ใหญ่มากๆเลย (รู้สึกจะใหญ่กว่า รล.จักรีนฤเบศร์นะครับ)....ตามปกติเค้าห้ามถ่ายรูปครับ ตอนนั้นผมยังไม่ทราบก็ถ่ายวิวมาเรื่อยๆ พอถึงตรงฐานทัพเรือก็กดไปแชะนึง ถึงมีคนในเรือมาห้ามครับ...บ่เป็นหยัง ถ่ายติดมาใบนึงก็ยังดีครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:48:46 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรือที่เรานั่งมาเนี่ยเป็นเรือไม้ครับ แล่นฉิวไปเรื่อยๆไม่มีคลื่นลมให้กังวล บรรทุกคนได้ประมาณ 50 คนครับ บนเรือวันนี้มีเด็กนักเรียนกลุ่มนึงมาทัศนศึกษามีคุณครู (อจ.แม่แว่นสีดำ) คุมมาครับ...อยู่บนเรือว่างๆเค้าก็เลยจับกลุ่มกันร้องเพลง อาจารย์แม่นำขึ้นเพลงเองเลยครับ...อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:49:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รู้สึกว่าร้องอย่างเดียวจะไม่มัน น้องๆวัยแรกรุ่นเลยลุกขึ้นเต้นโชว์เลยครับ ของจริงนี่น้องเค้าเต้นอย่างมันเลยอ่ะ เข้าใจเลยว่าทำไมนางเอกหนังแขกเต้นเก่งจัง 5555 .จะบอกเพลงที่เค้าร้องกันน่ะ ก็เพลง “Dhoom Dhoom” ไงล่ะครับ แต่ที่นี่เค้าฮิตเวอร์ชั่น Hindi ครับ ทำนองคล้ายเวอร์ชั่น Eng ของทาทา แต่รู้สึกว่าเค้าจะมันกว่าเยอะ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นั่งเรือเพลินมาประมาณ 45 นาทีก็จะถึงเกาะ Elephanta แล้วล่ะครับ...น่าจะใหญ่ประมาณเกาะล้านพัทยาได้อ่ะครับ...สำหรับน้ำทะเลของอ่าวหน้าเมืองมุมไบเนี่ยไม่ค่อยสวยครับ ขุ่นยังกะแม่น้ำ ทะเลตรงนี้อยู่คนละฝั่งกะหาดโชพพัตตี้ที่คนมุมไบชอบไปเดินเล่นกันนะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:50:04 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พอเรือเทียบท่า เราก็ตั้งเปลี่ยนยานพาหนะมาขึ้น “รถไฟจิ๋ว” กันครับ เป็นของการท่องเที่ยวรัฐมหาราษฏระครับ หน้าตารถไฟเนี่ยน่ารักสุดๆเลยอ่ะครับ.... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:50:30 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความจริงระยะทางจากท่าเรือมายังทางขึ้นถ้ำเนี่ย มันก็ไม่ไกลนะครับไม่ถึงกิโลอ่ะ แต่แดดร้อนๆยังงี้หลบขึ้นมานั่งร่มๆบนรถไฟจิ๋วก็ดีเหมือนกันครับ...แต่ที่หน้าประหลาดก็คือ รถไฟมันวิ่งโดยไม่มีคนขับอ่ะครับ!!! จะว่าเป็นระบบคอมพิวเตอร์เนี่ยก็ไม่ใช่แน่ๆ มองทั้งหัวขบวนยันท้ายก็ไม่เห็นมีใครเป็น พขร. สงสัยเป็นรถไฟผีสิง...อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 รถไฟจะพามาลงที่ตรงบันไดทางขึ้นครับ เพราะ Elephanta Cave อยู่บนยอดเขา เลยต้องขึ้นบันไดไปอีกต่อนึง...สองข้างทางจะเป็นแผงขายของที่ระลึกสารพัดแบบครับ ทั้งโปสการ์ด สร้อยแหวนกำไล ตุ๊กตาหินอ่อนแกะสลัก พวงกุญแจ จานรองแก้ว...สาวๆมาเที่ยวคงจะชอบ แต่เผอิญผมเป็นคนไม่ค่อยซื้อของอ่ะครับ ก็เลยเดินดูผ่านๆละลานตาดีครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:51:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เดินขึ้นเขามาพักใหญ่...เราก็มาถึงถ้ำในตำนานแล้วล่ะครับ “Elephanta Cave” ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขากลางเกาะนี้นี่เองครับ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:52:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หน้าถ้ำครับ....ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า...ถ้ำแห่งนี้ ไม่ใช่ถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินะครับ....เนื่องจากภูเขาแถวนี้ไม่ใช่หินปูน และไม่เคยมีถ้ำมาก่อน...ดังนั้น ถ้ำทุกห้องที่เราจะเห็นต่อไปนี้ เกิดขึ้นจาก “ฝีมือมนุษย์” ขุดเจาะไว้เมื่อพันกว่าปีก่อนครับ!!! ย้ำนะครับว่าเป็นฝีมือมนุษย์จริงๆ มหัศจรรย์มากๆเลย...ประวัติของถ้ำแห่งนี้ ย้อนหลังยาวนานไปถึงช่วงราว พ.ศ.1000 กว่าๆ กษัตริย์ราชวงศ์ไตรกูฏกะ ที่ปกครองดินแดนที่ราบสูงเดคข่านตะวันตก ได้สร้างสรรค์ถ้ำมหัศจรรย์แห่งนี้ขึ้น เพื่ออุทิศถวายเป็นเทวสถานแด่องค์พระศิวะ....(ช่วงเวลาเดียวกันนี้ อาณาจักรขอมยังไม่เกิดเลยอ่ะครับ!!!)...เนื่องจากตรงนี้เป็นภูเขาหินล้วนๆ นายช่างยุคโน้นจึงคิดการใหญ่ ใช้กำลังคนจำนวนมาก พร้อมทั้งสิ่วและค้อน รวมไปถึงอุปกรณ์โลหะต่างๆที่หาได้ ค่อยๆขุดภูเขาหินนี้ทีละขั้นทีละตอน จนกระทั่งเริ่มกลายเป็นอุโมงค์โถงถ้ำใหญ่โตมโหระทึก...จากนั้นก็ลงมือ “ตกแต่งภายใน” ให้กลายเป็นเสาหินลายริ้วๆ เป็นผนังสลักเล่าเรื่องเทพเจ้า เป็นคูหาใส่พระศิวลึงค์...สุดแต่จะจินตนาการได้...จนกลายมาเป็นสิ่งมหัศจรรย์ให้คนยุคใหม่อย่างเราได้ทึ่งจนถึงทุกวันนี้.... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:52:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แผนผังภายในถ้ำครับ ช่างอินเดียโบราณออกแบบให้มีห้องโถงใหญ่ตรงกลาง สำหรับประดิษฐานพระศิวลึงค์ ผนังห้องก็จะแกะสลักเป็นเรื่องราวเทพปกรณัมในศาสนาฮินดูมากมาย ด้านข้างก็จะมีโถงถ้ำขนาดเล็กขนาบข้างอยู่เช่นกันครับ....อย่างรู้ว่าผนังไหนสลักเป็นเรื่องอะไรก็ดูตามแผนผังนี่ล่ะครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนนี้อยู่ในห้องโถงใหญ่กลางถ้ำครับ....กว้างขวางกว่าที่คิดไว้มากๆ ในสมัยที่อังกฤษปกครองอินเดีย พวกข้าราชการชั้นสูงชาวอังกฤษเคยมาตั้งโต๊ะกินเลี้ยง “Banquet” กันในถ้ำนี่เลยอ่ะ....เสาหินแต่ละต้นในห้องโถงเนี่ย เค้าจะดีไซน์เป็นรูปคล้ายๆดอกเห็ดอ่ะครับ แปลกดี...ในรูปจะเห็นเจ้าหน้าที่กรมโบราณคดี คอยเดินสอดส่องดูแลไม่ให้มีการทำลายรูปสลักต่างๆในถ้ำ และยังห้ามไม่ให้ใช้ “ขาตั้งกล้อง” ด้วยอ่ะครับ...กฎระเบียบเค้าก็พิลึกดีนะ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผนังถ้ำส่วนแรกครับ...เป็นภาพสลักตอน “ศิวนาฏราช” พระศิวะเจ้าทรงฟ้อนรำโดยกระบวนท่านาฏยศาสตร์ 108 ท่า เพื่อดำรงวัฏจักรให้ทุกสิ่งในจักรวาลเคลื่อนที่ต่อไปอย่างสมดุล....รูปนี้คล้ายๆที่ปราสาทพนมรุ้งบ้านเรานะครับ แต่รูปสลักในถ้ำที่นี่จะมีขนาดใหญ่กว่ามาก และรายละเอียดก็ดูพลิ้วไหวราวกับท่านมาเต้นอยู่ตรงหน้าเราจริงๆ...จะเสียดายก็เมื่อสังเกตเห็นร่องรอยชำรุดหักพังตามส่วนต่างๆของภาพสลัก นั่นเป็นเพราะเมื่อหลายร้อยปีก่อน พวกฝรั่งโปรตุเกสในยุคล่าอาณานิคม เข้ามาทุบทำลายไปตั้งเยอะ เพราะเค้าถือว่าขัดกับหลักคำสอนของคาทอลิค...โดยลืมไปว่านี่คือมรดกทางวัฒนธรรมของชาวโลก เวงกำกำเวงจริงๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:54:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตรงนี้เป็นห้องคูหาประดิษฐาน “พระศิวลึงค์” สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์แทนองค์พระศิวะครับ...บางท่านคงจะฉงนสนเท่ห์ว่า เหตุใดชาวฮินดูจึงนับถือ “สัญลักษณ์บุรุษเพศ” นี้ว่าเป็นเทพเจ้า...ก็เพราะว่า เค้านับถือว่าพระศิวะท่าน “สร้าง” ทุกสรรพสิ่งในจักรวาลครับ...รวมทั้งชีวิตและลมหายใจของมนุษย์ด้วย...ดังนั้น เค้าเลยสร้างเป็นสัญลักษณ์ “การก่อกำเนิดชีวิต” ไว้สักการะแทนองค์พระศิวะไงล่ะครับ.....อ้อ ลืมบอกไป ตามปรกติ “ศิวลึงค์” เค้าจะสร้างเป็นรูปทรงเรขาคณิตครับ ไม่ได้ทำแบบ “เหมือนจริง” หรอกนะ ไม่งั้นสาวๆยกมือไหว้ไปตกใจกันแย่เลย อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 14 รอบๆห้องคูหาพระศิวลึงค์ เค้าก็จะแกะสลักเป็นรูป “ทวารบาล” หรือพวกเทพยดาผู้คอยปกปักรักษาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ครับ...ดูน่าเกรงขามไม่ใช่เล่นเลยนะเนี่ย... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:54:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขนาดของรูปแกะสลักทวารบาลในถ้ำ Elephanta Cave เนี่ยใหญ่โตมากๆเลยล่ะครับ...ลองเทียบขนาดกะคนตัวโตๆอย่างผมดูดิครับ...ยังกะยักษ์วัดแจ้งเลยง่ะ อลังการสุดๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 16 หน้าตาพ่อทวารบาลครับ...โห..มีเขี้ยวแถมตาถลนยังกะผีดิบแวมไพร์ ยังงี้แหละพวกสิ่งชั่วร้ายจะได้เกรงกลัว ไม่กล้าเข้ามายังเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำนี้ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แต่จะว่าไป พวกทวารบาลเหล่านี้เค้าก็ “แฟชั่น” กันน่าดูเรย...เครื่องประดับงี้ขนใส่กันเพียบ แบบว่าถึงจะดูโหด แต่ขอแต่งเต็มยศแบบหรูๆหน่อยล่ะกัน อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผนังอีกฟากนึงในถ้ำเป็นรูปแกะสลักตอน “พระศิวะปราบอันธกาสูร” ครับ...เจ้าอันธกาสูรเป็น “ปิศาจแห่งความมืด” พระศิวะท่านเลยต้องแผลงฤทธิ์เปล่งรัศมีแยกเขี้ยวเข้าขู่ จนสุดท้ายก็ทำลายเจ้าอสูรนั้นได้สำเร็จครับ...ในภาพจะเห็นพระศิวะท่านกำลังออกอาการ “บู๊” แบบสุดพระองค์ เหอๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:56:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 กลางถ้ำ Elephanta Cave นี้จะมีประติมากรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดครับ นั่นคือรูป “มเหศวรมูรติ” หรือพระศิวะ 3 หน้าครับ....เด๋วเข้าไปดูใกล้ๆกัน จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 รูปมเหศวรมูรตินี้ จะเป็นรูปที่แสดงความยิ่งใหญ่ขององค์พระศิวะครับ...พระพักตร์ตรงกลางนั้น จะเป็นพระศิวะผู้เมตตากรุณา เรียกว่า “จันทรเศขรมูรติ” (พระเป็นเจ้าผู้ทัดพระจันทร์เป็นปิ่น)...พระพักตร์ด้านซ้ายจะเป็นพระศิวะปางดุร้าย เรียกว่า “ไภรวะ” ส่วนพระพักตร์ทางด้านขวาจะเป็นใบหน้าสตรีครับ อันหมายถึง “พระอุมาภควดี” อัครมเหสีของพระองค์นั่นเอง... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 รูปแกะสลักนี้ใหญ่โตมากๆครับ ตัวผมเองสูงแค่ปากท่านมั้งเนี่ย...ถือกันว่าเป็น “พระประธาน” ประจำถ้ำแห่งนี้ล่ะครับ.... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:58:07 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พูดถึงพระอุมา ก็ต้องมาชมภาพนี้กันต่อเลยครับ...Royal Wedding ระหว่างพระศิวะกับพระอุมาครับ...อูย คู่นี้นะรักกันมาแต่ชาติทีแล้ว ยังกะละคร “แต่ปางก่อน” เลยอ่ะ...แต่เผอิญชาติก่อนโน้น พ่อตาพระศิวะเกิดรังเกียจลูกเขยเข้าเลยไปพูดเยาะเย้ยถากถาง ทำเอาพระสตี (ชาติที่แล้วของพระอุมา) น้อยใจโดดเข้ากองไฟสละชีพปกป้องเกียรติพระสวามีซะ พระศิวะท่านทราบเข้าก็เลยแผลงฤทธิ์ด้วยแรงแค้นไปสังหารที่คนที่ทำให้หญิงคนรักท่านสิ้นไป...แก้แค้นเสร็จ พระศิวะท่านก็ “เฮิร์ท” หนักมาก ถึงขนาดแบกศพนางสตีวิ่งร่ำไห้ไปรอบจักรวาล ปานประหนึ่งว่า “รักข้ามีแค่นางเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น”....หลังจากนั้นท่านก็ไม่ชายตามองหญิงอื่นใดเลย จนกระทั่งพระสตีกลับชาติมาเกิดเป็นเทพธิดาแห่งภูเขาหิมาลัย นามว่า “อุมา” จึงได้กลับมา Happy Ending กับพระศิวะในที่สุด....นี้แค่เรื่องย่อนะครับ เรื่องจริงยาวกว่านี้อีก เหอๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พวกเทพยดานางฟ้า เหล่าฤๅษีและคนแคระตัวตุ้ยนุ้ย ต่างมาร่วมแสดงความยินดีกะงานอภิเษกสมรสครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ้าว รูปเมื่อกี้ พระศิวะกะพระอุมา ยังหวานชื่นกันอยู่ดีๆ ไหงมาถึงรูปนี้...พระอุมาดันหันพระพักตร์หนีไปซะงั้น ยังกะว่า “ทรงงอน” พระศิวะงั้นเลย...ก็เพราะตอนนี้เป็นเรื่อง “คงคาธรมูรติ” คือพระศิวะรับ “เจ้าแม่คงคา” เป็นพระชายาอีกหนึ่งนางไงล่ะครับ....แหม เจอยังงี้ “เบอร์หนึ่ง” ก็ต้องมีงอนเป็นธรรมดาล่ะครับ...อิอิอิ บางคนจะงงว่า “เจ้าแม่คงคา” อยู่ตรงไหน...สังเกตที่บนพระเศียรพระศิวะสิครับ จะเห็นเทพธิดา 3 หน้าอยู่ตรงนั้น นั่นแหละครับเจ้าแม่คงคา...เหตุที่ท่านไปอยู่บนเศียรพระศิวะ ก็เพราะเจ้าแม่คงคาท่านจะ “ไหล” จากสรวงสวรรค์ลงมายังโลก เผอิญกระแสน้ำท่านเนี่ย “แรง” มากๆ เกรงว่าถ้าตกถึงพื้นโลก จะทำให้เกิด Deep Impact โลกจะแตกซะก่อน...พระศิวะท่านเลยอาสาให้เจ้าแม่คงคามา “ไหลผ่าน” พระเศียรท่านซะก่อน จะได้ชะลอความแรงของแม่น้ำคงคาซะก่อนจะลงสู่พื้นโลก...ไม่รู้ว่าท่าน “ชะลอ” กันยังไงถึงได้เป็นพระชายาอีกองค์ละเนี่ย...แฮ่ๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:59:29 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ด้านข้างตัวถ้ำมีโพรงใหญ่ใต้พื้น เป็นแอ่งน้ำธรรมชาติเขียวใสบริสุทธิ์ คนอินเดียเค้าก็ถือว่าเป็น “น้ำศักดิ์สิทธิ์” ล่ะครับ เพราะอยู่ใต้ถ้ำนี้พอดี... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 27 ก.ค. 48 23:59:55 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ด้านข้างกันนี้ก็มีถ้ำเล็กๆอีกแห่งนึงครับ...หน้าตาเหมือนถ้ำใหญ่เลย... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:00:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ข้างในมีรูป “พระพิฆเนศร์” เทพเจ้าเศียรช้าง ผู้เป็นโอรสแห่งพระศิวะและพระอุมาครับ...ในฐานะที่ผมก็เป็น “ลูกพระพิฆเนศร์” ก็ต้องสักการะท่านเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นสิริมงคลล่ะครับ... “โอมพระศรีทรงองค์คเณศวร ข้าทั้งมวลประณมกรขอบูชา...” เพลงนี้ตั้งแต่สมัยเรียนอ่ะผมจำได้ลางๆเท่านี้เองครับ ท่านกำมะเกินจำเนื้อเพลงเต็มๆได้ป่ะครับ...อยากได้จัง รู้แต่ว่าเพราะมากๆเลยครับ... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:01:05 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เสร็จภารกิจชมถ้ำ Elephanta Cave เราก้ออกมาข้างนอกกันครับ...เจอลิงน้อยกำลังหาเห็บตามก้นอยู่ ดูน่ารักดีเลยถ่ายมาฝาก....ดูเจ้าตัวที่นอนสิครับ คงจะสุขียิ่งนัก หลับตาพริ้มเชียวอ่ะ...55555 จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:01:33 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มองจากหน้าถ้ำบนนี้จะเห็นท่าเรือข้างล่างอ่ะครับ...สูงเหมือนกันนะเนี่ย... จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:01:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตอนนี้เที่ยงพอดี หาอะไรกินก่อนล่ะกันครับ...ตรงใกล้ๆกับถ้ำจะมีร้านอาหารของการท่องเที่ยวรัฐมหาราษฏระครับ หน้าตาดูดีน่าจะฝากท้องมื้อเที่ยงที่นี่ได้ เลยแวะเข้ามานั่งสั่งก่อนเลย...ตรงทางเข้าร้านก็มีนี่ล่ะครับ...เป็นแป้งสีโรยเป็นลวดลายสวยงามไว้ นัยว่าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ทางร้านเค้าล่ะครับ....สวยดีนะ มั้ย จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:02:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มื้อเที่ยงนี้ของผมก็นี่เลยครับ...”Chiken Briyani” ข้าวหมกไก่สไตล์ฮินดูครับ...เครื่องปรุงเครื่องเทศจะต่างจากข้าวหมกไก่ในเมืองไทยพอสมควร กินอิ่มท้องอร่อยมากๆๆๆๆๆเลยครับ...แบบเป็นเนื้อแพะก็มีนะครับ เป็น “Mutton Briyani” ....ตามปรกติถ้าเป็นร้านที่ทำอร่อยๆ จะใส่เครื่องเทศจริงๆจังๆครับ มาเป็นใบๆเม็ดๆเลย....อย่างที่เห็นในภาพนี่หล่ะ....หอมมั้ย อิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 จานนี้ของเพื่อนผมครับ เป็นแบบมังสวิรัติที่ชาวอินเดียโปรดปรานกันมาก (แต่คนไทยที่ติดรสชาติเนื้อสัตว์คงจะถอย) เรียกว่า “ถาลี” (Thali) ครับ...เค้าจะเสิร์ฟมาในถาดกลมๆ มีโรตีหรือจะปาตีเป็นหลัก (กินหมดมีเติมตลอดครับ) บางครั้งก็นิยมใส่ข้าวสวย หรือข้าวเกรียบอินเดียที่เรียกว่า Papad ด้วยครับ...ถาลีปรกติจะมีแกงถั่ว มันบด มะเขือเทศดอง และโยเกิร์ตแบบอินเดียมาให้ทานคู่กับโรตีครับ....เป็นอาหาร pure veg ล้วนๆ กินอิ่มดีครับ แม้ว่าจะไม่ถูกปากเท่าไหร่นัก จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:03:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อิ่มอร่อยแล้วก็ลงไปรอเรือกลับกันครับ...ใช้เวลาเดินทางเท่าขามาล่ะครับ...เผอิญว่าวันนี้เดินขึ้นเขาลงเขาเยอะหน่อย พอขึ้นเรือปุ๊บก็หลับกันคร่อกๆเลยครับ แหะๆๆๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กลับมาถึงฝั่งนครมุมไบซะที...เป็นอันจบการเดินทางไปเที่ยวถ้ำ Elephanta Cave เพียงเท่านี้ล่ะครับ ขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชมนะครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ป.ล. ถึงท่านกำมะเกินที่น่ารักครับ... แม้ว่ากระทู้ของผมนี้จะโพสยาวเกินเวลามา 5 นาที...แต่ก็เริ่มต้นกระทู้ภายในเวลาที่กำหนดนะครับ...เนื่องจากผมไม่อยากทำเร็วๆอ่ะครับ กลัวจะดูไม่เห็นอะไร...ก็เลยมัวแต่บรรยายมากไปหน่อย เพราะอยากให้ทุกคนที่เข้ามาดู จะได้ดู "สนุก" กับเรื่องราวต่างๆในถ้ำนี้ไปด้วย...เลยช้าเกินเวลาไปนิดนึง...หวังว่าท่านกำมะเกินจะเมตตานะครับ...ขอคะแนนสุดท้ายดื้อๆละกันครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อืมม...อีกเรื่องที่ดีใจ...กระทู้นี้ไม่มีใครมา "ปาดดดดดดหน้า" เลยครับ อิอิอิ จากคุณ : หนุ่มเมืองกรุง (NMkrung) - [ 28 ก.ค. 48 00:14:00 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ข้อมูลแน่นมาก  เลยไม่กล้าปาด  จ้ะ  อิอิ มนน.  ให้คะแนน ความตั้งใจจริงหน่อยเน้อ   วันนี้  อาจารย์หนุ่ม  มีอ้อน  ขอคะแนน ด้วยวุ๊ย  อิอิ จากคุณ : อ้อแอ้เอง - [ 28 ก.ค. 48 00:53:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38 พี่หนุ่มฮับ วันหลังมาเที่ยวพวก พนมรุ้ง เมืองต่ำบ้างดิฮะ ขอตามไปฟังบรรยาย ด้วย อิอิ ชอบๆๆๆ กำมะเกินจ๋า  ได้โปรดเมตตาด้วยเถิดคร้าบบบ จากคุณ : *Evil Curse* - [ 28 ก.ค. 48 01:15:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตามมาอ่านค่า จากคุณ : ป้านิด - [ 28 ก.ค. 48 01:17:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เย่ๆ พี่หนุ่มโพสทำคะแนนให้สีหัวงูด้วย จากคุณ : คนข้างใจ - [ 28 ก.ค. 48 02:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณครับ  ได้ความรู้อีกเยอะเลยครับ จากคุณ : aeaw - [ 28 ก.ค. 48 06:07:52 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ดีจิง..เอาไว้เป็นความรู้เผื่อได้ไป จากคุณ : ครีเอทีฟ หัวเห็ด - [ 28 ก.ค. 48 06:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณอาจารย์หนุ่มมากครับ มาแต่ละครั้ง ทั้งสวย อลังการและความรู้แน่น ขอบคุณครับ จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL - [ 28 ก.ค. 48 07:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณพี่หนุ่มมากคับ  มาแต่ละที ความรู้แน่นปึ๊กทุกครั้งเรยคับพี่ ชอบ ๆ  คราวหน้าไปลุยยุโรปบ้างนะพี่ อิอิ ปล. กำมะเกินเขรอออ ขอคะแนนสุดท้ายด้วยเด้อ ถ้าไม่ให้จะจับเฮียโอ๊ตนั่งยางเรย จากคุณ : Ryan Golf - [ 28 ก.ค. 48 09:04:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ตามมาอ่านผลงานพี่หนุ่มเหมือนกันครับ จากคุณ : ฮิมดอย - [ 28 ก.ค. 48 09:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบคุณหนุ่มมากๆครับ ติดตามอ่านมาตลอด ไม่รู้มีแฟนยังครับ จะได้แนะนำเพื่อนให้คนหนึ่ง นิสัยดี น่ารัก จริงใจ แม้จะไม่อาร์ตเหมือนคุณหนุ่ม แต่น่าจะเข้ากันได้ครับ....อิอิ สาวๆท่านไหนที่หัวใจยังว่าง อย่ารีรอเลยครับ ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะ....ฮึม....ไม่รอด..... ***** tex ***** จากคุณ : [[[tes]]] - [ 28 ก.ค. 48 09:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ให้ค้าบให้ ทู้นี้ไม่หัก อารมณ์ประมาณพระฉันเพล... แม้จะฉันเนิ่นนานเลยเพล แต่ถ้าเริ่มก่อนเพล ก็ถือว่าอยู่ในเพลค้าบ ฉันใดก็ฉันเพล... รับไปหนึ่งแสนสุดท้ายของกีฬาสีซีซั่นแรกค้าบบบบบ... จากคุณ : แม่หนูนวล - [ 28 ก.ค. 48 10:28:16 ]

ความคิดเห็นที่ 48 โอว...ชอบคำบรรยายมั่กๆ.. ไปเองยังไม่รู้จะได้ความรู้เท่าเสี้ยวของทู้นี้รึเปล่าเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ++แขวน++ - [ 28 ก.ค. 48 12:50:10 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาชม จากคุณ : A_340_350 - [ 28 ก.ค. 48 14:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณมากๆ ค๊า แค่นั่งหน้าคอมก็ได้ไปเที่ยวอินเดียแล้ว คำบรรยายก็สนุก เข้าใจง่ายดีค่ะ จากคุณ : อยากเห็นท้องฟ้าเป็นอย่างในฝัน - [ 28 ก.ค. 48 16:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ชอบทู้ อ.หนุ่ม จังเลยค่ะ ความรู้ปึ๊ก ... ไปเที่ยวเอง ยังไม่รู้อย่างงี้เลย ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ได้มั้ยคะ แหะๆ จากคุณ : BBwindy - [ 29 ก.ค. 48 09:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อยากกินข้าวหมกไก่ จากคุณ : nookig - [ 29 ก.ค. 48 10:27:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เต็มสิบให้ยี่สิบเลยเอ้า... ขอบคุณนะคะ อยากไปจัง จากคุณ : babie - [ 29 ก.ค. 48 16:16:10 ]