ที่บอกว่า แบบลูกครึ่งก็คือ กิน อยู่ เดินทางแบบถูกๆแต่บางครั้งก็ขอแบบสบายๆหรือรวดเร็วทันใจน่ะครับ
ผมเริ่มต้นสะพายเป้จากหัวลำโพง นั่งรถไฟชั้นหนึ่ง ค่ารถไฟ 1117 บาทต่อ1ท่าน สายกรุงเทพ-หนองคาย ออกก่อนสามทุ่มเล็กน้อย ไปปลายทางถึงที่นั่นก่อน9โมงเช้า รถไฟไทยยังน่านั่งเหมือนเดิม ถึงแม้สายนี้จะใหม่และสะอาด ซึ่งสู้รถด่วนนครพิงค์ไปเชียงใหม่ไม่ได้ก็ตาม
แต่เสน่ห์ก็ยังอยู่ที่ตู้เสบียง ผมเอาไวน์ไปเปิด คิดค่าเปิด100บาทต่อ1ขวดและ ดื่มเบียร์ด้วยครับ (สั่งต้มยำกุ้งมาอร่อยใช้ได้เลยล่ะ) ท่ามกลางบรรยากาศไทยๆ แต่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวฝรั่ง
พอถึงปลายทาง9โมงเช้า นั่งรถสามล้อไปบขส คนละ20บาท ต่อรถไปเวียงจันทร์ รถออก10โมง ราคาค่ารถคนละ30บาท แต่ถ้าไม่ทันเที่ยวนี้ต้องไปบ่ายๆเย็นๆเลยล่ะครับ ไปถึงท่ารถที่โน่น11โมงกว่า แล้วนั่งรถสามล้อของลาว ไปguesthouse แถวริมโขงคนละ20บาทไม่ไกลเท่าไหร่ ที่นี่ค่ารถจะแพงกว่าฝั่งไทยมากเพราะน้ำมันลิตรละเกือบ40บาท
แถวนั้นจะมีรถไปวังเวียง ออกประมาณบ่าย2 นั่งรถตู้ หรือที่นั่นเรียก รถvip ค่ารถคนละ200 บาท ใช้เวลาเดินทาง2ชั่วโมงครึ่ง ทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รถวิ่งน่าหวาดเสียว เพราะมีทั้งมอเตอร์ไซร์ จักรยาน คนเดินข้ามตัดหน้า รวมหมา และหมูด้วย หมูที่นี่จะเลี้ยงแบบหมา ปล่อยให้วิ่งเล่นกันตามใจ มีทั้งแม่หมูและลูกหมูตัวเล็กๆเต็มไปหมด ดูน่าสนุกดี กว่าจะถึงวังเวียง มืดพอดีครับ รถตู้คันที่ผมนั่งขับเข้าไปส่งรีสอร์ทแห่งหนึ่ง คงมีเอี่ยวกันน่ะครับ แต่ปรากฎว่าดีมากเลยครับ ถูก ทำเลสวย และสะอาด ชื่อ Les jardin du wang vieng บังกะโล หลังละ 600 บาท มีทุกอย่างพร้อม ยกเว้นทีวี ต่างกับถาวรสุข คืนละ 1400 บาท คล้ายกันและวิวก็สวยสู้ไม่ได้ ส่วนที่ Les jardin อาหารอร่อย สั่งลาบไก่ pizzaหน้าต่างๆ ขอแนะนำว่าอร่อยมาก คืนนั้นสองทุ่ม ผมหลับยาวเพราะเดินทางเหนื่อยด้วย จริงๆตัวผมเริ่มต้นเดินทางมาจากลอนดอน ไม่ได้เริ่มจากกรุงเทพ เดินทางเกือบ36ชั่วโมง ไม่หลับเป็นตายก็ให้รู้ไป
วันที่สอง
ตื่นเช้ามาเจอวิวสวยที่นี่ ทำเอาอาหารเช้าอร่อยกว่าปกติ ผมขนของกินมาจากบ้านด้วยครับ รวมทั้งสโคนกับแยมสตอเบอรรี่และครีม กินกับกาแฟมา1แก้วใหญ่
ระหว่างนั้นเห็นชาวบ้านใช้รถอีแต๋นบรรทุกของจากฝั่งตรงข้าม วิ่งข้ามแม่น้ำซอง มาฝั่งในเมือง รถบางคันก็ติดเนินกลางน้ำ บ้างเหมือนกัน คนขับรถอีแต๋นที่เป็นผู้ชาย ลุกขึ้นถอดกางเกงออกหน้าตาเฉย เหลือกางเกงในกระโดดลงมาเข็นรถ ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวพอควร ทำเอาสาวๆในกลุ่มผมหน้าแดงด้วยความอาย แต่จริงๆแล้วที่นี่เป็นเรื่องปกติมากครับ ไม่ได้อนาจารอะไรก็ไม่ต่างกับกางเกงว่ายน้ำเท่าไหร่หรอก
วันนี้ผมมีโปรแกรมไปคายัก ราคาคนละ10 $ นั่งรถขึ้นเหนือไปอีก20กม. มีพาไปลอยห่วงยางชมถ้ำน้ำ น้ำเย็นโคดๆ รวมอาหารกลางวัน หลังจากนั้นไปพายเรือคายักไปวังเวียง ระหว่างทางแวะบาร์เบียร์ริมน้ำ กระโดดน้ำจากยอดไม้ สนุกดีครับ หวาดเสียวมากๆ ประเภทคนข้างๆไม่ให้ลอง ยิ่งอยากลอง อาหารค่ำเย็นนั้นไปกินข้างนอกโรงแรม ไม่ค่อยอร่อย ยกเว้นปลานิลแม่น้ำซอง
วันที่สาม
เตรียมตัวไปหลวงพระบาง ใช้บริการรถvip หรือรถตู้นั่นแหละครับ จ่ายไปอีกคนละ8.5 $ นั่งไปเกือบ6ชั่วโมง ระยะทางไม่ถึง250กม. วิวข้างทางสวยมากๆ ช่วงแรกๆที่ออกจากวังเวียง สวยน้องๆนิวซีแลนด์เลยล่ะครับ เป็นเขารูปทรงแปลกตา แทงสูงเสียดฟ้า แต่ก่อนถึงหลวงพระบาง กับกลายเป็นเขาสูงหัวโล้นไปซะรถจอดให้กินข้าวและเข้าห้องน้ำเป็นช่วงๆ ห้องน้ำเป็นแบบธรรมชาติ ผู้หญิงแย่หน่อยนะครับ หรือบางคนอาจจะชอบ เพราะไม่เห็มนส้วมดี ถึงหลวงพระบางจอดท่ารถ ต้องต่อรถเข้าเมืองอีกคนละ30บาท ประมาณ3-4กม.เอง รถตู้ไม่สามารถไปส่งในเมืองได้ คงแบบแบ่งผลประโยชน์ให้คนท้องถิ่นมีรายได้บ้าง ที่พักที่เล็งๆก็มีsala prabang สวยมากแต่60$ ผิดนโยบายbackpackerได้อยู่ที่นึงอยู่ตรงหัวโค้งใกล้ๆ sala prabang ราคา 10$ เอง ห้องสะอาดแต่........มีแต่ครับ เข้าไปตอนแรกคิดในใจทำไมที่นี่ถูกจังแฮะ ถูกเกินไปเทียบกับคุณภาพ เหมือนต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆเลย หลังจากเก็บของ ก็พากันไปเดินชมเมืองในช่วงเย็นที่หนาวใช้ได้เลย ต่ำสุดที่นี่7-8องศา สูงสุด19
ถนนสายกลางของหลวงพระบางเห็นตอนแรกตะลึงในความสวยงามมาก แต่พอมองเข้าไปลึกๆน่าผิดหวังเอาการ เพราะมันดูเฟค หรือพูดง่ายๆ เขาปรุงแต่งให้ดูดีมีระดับ ไม่ใช่วิถึชาวบ้านที่แท้จริง ร้านค้าถนนสายเมนมีแต่ร้านอาหารเก๋ๆ ร้านของที่ระลึก บริษัททัวร์ไว้บริการให้กับนักท่องเที่ยว ร้านของชาวบ้านที่ใช้ชีวิตแบบปกติกันจริงๆไม่มีเลย แต่เย็นๆก็มีชาวบ้านนำของมาขายบนถนนเหมือนที่ไนท์บาซาร์เชียงใหม่ ของที่นำมาขาย ก็เป็นประเภทสินค้าหัตถกรรมทั้งหลาย ประเภทผ้าปัก ถุงผ้าปักลายแบบชาวเขา ย่ามสวยๆ ผ้าคลุมเตียง สวยดี ถ้าจะซื้อให้แนะนำซื้อที่เป็น Hand made ราคาไม่แพงมากด้วย เครื่องเงินลาวไม่แนะนำครับ เพราะสวยสู้ของเชียงใหม่บ่ได้ แต่ถ้าดูเป็นอาจจะเจอของแท้ ดีและราคาถูก
เย็นนั้นมื้อเย็นเป็นอาหารfarang เพราะราคาถูกและอร่อย สปาเก็ตตี้ cabonara 80 บาท beerlaoขวดใหญ่30บาท cocktail แก้วละ100 แต่เฝอหรือก๋วยเตี๋ยวชามละ40-60บาท ร้านที่แนะนำ จำชื่อไม่ได้แต่จำได้ว่าอยู่ตรงข้ามร้าน ขอบใจ เจ้าของเดียวกัน แต่งสไตล์แบบสวยอาหาร เล่นstepขึ้นไป ข้างบนเนิน มีกองไฟ ล้อมรอบด้วยบาร์แปลกดีครับ ที่นี่หมูกระทะก็น่าสนใจดีนะ พอกินเสร็จก็เดินไปอีกนิดเดียวเจอ ผับดังของหลวงพระบางชื่อ Hi-ve bar แต่งแบบLao-modern สวยมากๆเคยลงหนังสือ wall paper มาแล้วนะ (ไม่ใช่shit shit นะพี่)ทีนี่เปิดเพลงChilled เท่ๆ ฝรั่งตรึมแต่ก็มีแม่หญิงลาวนุ่งผ้าซิ่น มานั่งดื่มเป็นกลุ่มใหญ่กับบ่าวลาวเหมือนกัน
พอดื่มได้เวลาปิดของที่นี่คือเที่ยงคืน ก็กลับGuest house พอมาถึงก็ได้คำตอบเลยครับว่าทำไมที่นี่ถึงถูกมาก ถ้าเทียบคุณภาพ..............คำตอบคือ..........................................คน ครับไม่ใช่ผี อย่างที่ผมคาดไว้แต่แรก บ้านฝั่งตรงข้ามguesthouse แหกปากร้องเพลง ดีดกีตาร์ ตบมือเสียงดังแบบไม่เกรงใจชาวบ้านที่กำลังนอนอยู่เลย เวลานั้นก็เป็นเวลาดึกมากแล้วด้วย เจ้าของguest house คงไปเตือนหลายครั้งจนเอือมแล้วล่ะ ผมว่า จนกระทั่งตี1 พวกผมเริ่มทนไม่ไหว เพราะเหนื่อยมาก จึงตัดสินใจย้ายที่พักกลางดึก พอผมลงมาข้างล่าง เจ้าของบอกว่าไปต่อว่าแล้ว และเงียบแล้วด้วย ไม่ต้องย้ายหรอก ก็เลยไม่ย้าย พวกผมก็กลับขึ้นห้องนอน นอนไปได้20นาที กลุ่มที่ดื่มเหล้าไม่พอใจ เข้ามาในที่พักผม จะเอาเรื่องกับแขกที่โวยว่า พวกเขาเสียงดัง โดยพยายามเข้ามาใน guesthouse ถามเจ้าของว่าห้องไหนที่โวยและจะขึ้นมาชั้นสอง เพื่อพังห้องเข้ามาทำร้าย ดีที่ว่าเจ้าของร่างใหญ่สามารถกั้นไม่ให้ลาวซ่าส์ร่างเล็กไว้ได้ ไม่งั้นงานนี้ไม่รู้ว่าตำรวจลาวจะเข้าข้างฝ่ายไหนดี มีคนเคยบอกว่ามีเรื่องที่ลาว ต่อให้เขาผิด ตำรวจก็เข้าข้างพวกเดียวกัน
พอเช้ามาทุกห้อง ไม่ว่าไทย ฝรั่ง ญี่ปุ่นกระเจิงครับ check out ออกทุกห้อง เจ้าของหน้าจ๋อยไปเลย เข้าใจว่าลาวซ่าส์คนนั้น ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐแน่ๆเลย ไม่งั้นไม่ซ่าส์ขนาดนี้หรอกครับ
ดังนั้น ที่พัก2-3แห่งที่อยู่แถวปากซอย เลยsala prabang ไป50เมตร ควรเลี่ยงนะครับ บ้านเจ้าปัญหาที่อยู่ตรงกันข้ามที่พักผม เป็นบ้านตึกสีขาวชั้นเดียว ประตูหน้าต่างสีดำ
วันที่สี่
ตื่นเช้าก็หาที่พักเลย ไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่จากที่เก่า ชื่อ Nam sok 2 เป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นบนมีระเบียงเห็นน้ำโขง สวยดีและสะอาด ราคาคืนละ500 บาทเอง
วันนี้ผมซื้อทัวร์ไปน้ำตก ตาดกวางสี เหมาเรือไปลำละ800บาท ต่อรถที่ท่าเรือเหมาไปกลับ รวมให้รอด้วยคันละ200 บาท น้ำตกสวยดีครับ มีไม่กี่คน รวมทั้งผมที่กล้าลงเล่นน้ำเพราะน้ำเย็นสนิท เยือกถึงหัวใจ แต่แปลกพอลงได้ซักพักไม่กล้าขึ้น อยู่ในน้ำ อุ่นกว่าข้างบน เป็นงั้นไป
วันกลับ
ตอนเช้าไปเที่ยววัดเชียงทอง วัดคู่บ้านคู่เมือง สวยมากๆ ไปพระราชวัง ซึงว่ากันว่าสร้างโดยไทยและฝรั่งเศสใน รัชกาลที่5 โดยเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเป็นคนสร้าง หลังคาจะออกแบบคล้าย จักรีมหาปราสาท หรือแบบรัตนโกสินทร์ ตัวตึกแบบฝรั่งเศส เหตุผลที่ร่วมกันสร้างขึ้นมา จำไม่ได้จริงๆ คือ หลวงพระบางเคยเป็นหัวเมืองของไทยในอดีต แต่ปกครองโดยเจ้าของคนท้องถิ่นน่ะครับ พอฝรั่งเศสเข้ามา ก็มีปัญหากัน
ส่วนอีกที่ที่ไปเช้านั้นคือวัดพูสี อยู่บนดอยกลางเมืองหลวงพระบาง ในวัดนี้จะมีพระพุทธรูปขนาด1ศอกไว้ให้เสี่ยงทาย เห็นคนลาวก่อนหน้าผม เขาเสี่ยงทายไปสองข้อ ยกได้ แสดงว่าสมพรปรารถนา แต่ครั้งที่สาม ดันบอกว่า ถ้าศักดิ์สิทธิจริง ขอให้ยกไม่ขึ้น ได้ผลครับ ยกไม่ขึ้นจริงๆ 555555555555
พอเที่ยง ทุกคนลงความเห็นว่า ควรกลับเวียงจันทร์วันนี้โดยเครื่องบิน จะได้ไปนอนเล่น ลองเข้าเธคที่โน่นบ้าง งานนี้backpackerตะบะแตก แบกเป้ขึ้นเครื่องแทบไม่ทัน 555555555555555555 ยอมแพ้ นั่งรถกลับ9ชั่วโมงบนทางหลวงร่วมด้วยช่วยกัน (เป็นทั้งที่เลี้ยงหมู ลานหน้าบ้าน สนามเด็กเล่น ไหนจะเจอรถแซงแบบจะแซงซะอย่าง ใครจะทำไมแต่คุณต้องหลบนะ รวมทั้งสวนสุขภาพประจำหมู่บ้าน......อิ อิ อิ แดกซะ)
พอมาถึงเวียงจันทร์หาที่พักแถบริมโขง ราคาไม่แพง คืนละ500 เอง ตอนเย็นไปกินร้านชาวบ้านตรงริมโขง ราคาไม่ถูกนัก พอๆกับกินในร้านดีๆ แต่บรรยากาศสุดยอดครับ
ตกกลางคืน ยังคัน ไม่อยากนอนเร็ว บอกสามล้อไปผับชื่อ สรดิษฐ์ แถวถนนดงป่าลาน สามล้อรู้จักดี ที่นี่เปิดเพลงไทยกับฝรั่งล้วน เบียร์ถูกมาก ขายขวดใหญ่ ขวดละ40บาทก่อน4 ทุ่ม หลังนั้น ขาย60 บาท วัยรุ่นลาวเพียบ หน้าตาดีๆทั้งนั้น.........(เฮ้อ.... ไปกะแฟน)
วันสุดท้าย
ไปเดินตลาดข้างบขส ได้ของมาเยอะเหมือนกันครับ
ได้ผ้าไหมอย่างดีสวยและราคาไม่แพง ฝากแม่1ผืน
ได้ถุงผ้า ปักรูปวิถีชีวิตชาวเขา 2ใบ dvdอีก4แผ่น ราคาแผ่น60บาท อย่าลืม ลองเปิดดูภาพและเสียงก่อนซื้อนะครับ
จากนั้นนั่งรถเข้าฝั่งไทยคนละ30บาท ส่งถึงบขสเลย ตรงด่านมีไวน์ดีๆขายเยอะเหมือนกัน
ก่อนขึ้นรถไฟชั้นหนึ่งกลับบ้าน ตามประสาbackpacker ตะบะแตก ได้ลองกินแหนมเนืองร้านแดง อร่อยจนกินแทบไม่ทัน เพราะเป็นมื้อที่อร่อยทีสุดของtripนี้ จริงๆพับผ่าเถอะน่า
สรุป มาเที่ยวที่ลาว ประทับใจวังเวียง...........ผิดหวังหลวงพระบาง........แต่surprise เวียงจันทร์
ที่ประทับใจมากที่สุดคือ น้ำใจคนลาว ทั้งความสุภาพ และความซื่อ อีกอย่างผู้ชายที่นี่ พูดแทนตัวเองว่า ข้าเจ้า และลงท้ายประโยคด้วยเจ๊าเหมือนผู้หญิงเลย........แปลกดี
จากคุณ :
studsie
- [
20 ธ.ค. 48 13:28:11
]