PANTIP.COM : O4782894 cibachrome [ชมรมกล้องเก่า]

ความคิดเห็นที่ 4

ขอบคุณมากที่ให้เกียรติ...ผมยังมีภาพที่อัด-ล้าง ด้วยวิธีกรรมของ Cibachrome เป็นครั้งแรกอยู่ ทำไว้ตั้งแต่ปี 1968 ดูไม่มีร่องรอยของความเสื่อมทางสีแม้แต่น้อย...พอดีผมมีข้อมูลที่เก็บเอาไว้ ลองอ่านดูครับ

อะไรคือ Ilfochrome

โดยปรกติทั่วไปแล้ว การอัดภาพจากสไลด์จะทำกันสองวิธีคือ ทำ internegative เพื่อแยกสีแล้วนำเนกาตีฟไปอัดเป็นภาพอีกต่อหนึ่ง แล้วก็ล้างตามปรกติ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้กันเมื่อต้องการคุณภาพของภาพสูง และในการทำงานโฆษณา อีกวิธีหนึ่งคือการอัดลงบนกระดาษสำหรับอัดภาพจากสไลด์โดยตรงและนำไปล้างตามขั้นตอน ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดย Kodak และได้รับการนำไปใช้โดยแล็ปทั่วไป อย่างเช่น Fuji และผู้ผลิตฟิล์มยี่ห้ออื่นๆ วิธีนี้เป็นการล้างที่คล้ายๆกับขั้นตอนของการทำจากเนกาตีฟ เรียกว่า chromogenic processes ซึ่งเป็นการใช้ color dyes ซึ่งอยู่ในน้ำยาให้ไปทำปฏิกริยากับกระดาษและเกิดเป็นภาพสีขึ้นมา เรียกกันว่าเป็นวิธีการผลิตแบบ "Type R" หรือ R Print (Reversal Print) คุณภาพที่ได้ไม่ค่อยจะดีเท่าไรนัก แต่ก็เป็นวิธีที่แล็ปทั่วไปจะทำและถูกที่สุด

ในราวต้นๆของยุค 1960's Ciba-Geigy Corporation จากประเทศ Switzerland ได้พัฒนากรรมวิธีของการล้างภาพซึ่งอัดโดยตรงจากสไลด์ขึ้นมา โดยให้มีคุณภาพสูงขึ้นกว่า "Type R" ซึ่งเรียกว่า Cibachrome ซึ่งเป็นระบบการอัด-ขยายภาพ ลงบนกระดาษโดยตรงจากสไลด์ เหมือนกับ "Type R" แต่ในกรรมวิธีของ Cibachrome นั้น ทางCiba-Geigy Corporation ได้ทำการเคลือบ dyes ที่เรียกว่า AZO dyes ซึ่งมีคุณสมบัติในความถาวรสูงลงไปบนกระดาษเรียบร้อยแล้ว และส่วนที่ไม่ได้ใช้ก็จะถูกกัดออกในขั้นตอนของการล้าง

ภาพที่ได้รับการล้างด้วยกรรมวิธีของ Cibachrome จะเป็นภาพที่ใด้รับสีที่ถูกต้องแม่นยำ และถาวร นอกจากนั้นยังมีความคมชัดกว่า Type R อีกด้วย เนื่องจากว่า dyes ได้รับการเคลือบอยู่บนกระดาษ ไม่ได้อยู่ในน้ำยา และด้วยการใช้ AZO dyes บนเยื่อสร้างภาพ ยังช่วยทำให้แสงไม่กระจาย ทำให้แสงรวมตัวกันได้ดีกว่าในระหว่างการอัด-ขยายภาพ จึงทำให้ได้สีที่ดีกว่า เนื่องจาก dye ทั้งหมดอยู่บนกระดาษ จึงประหยัดน้ำยาได้ดีกว่าระบบ chromogenic ของ Type R ซึ่งจะสูญเสียน้ำยามากกว่า...น้ำยาสร้างภาพที่ใช้ล้าง Cibachrome ก็คล้ายกับในการล้างภาพขาวดำ เพียงแค่เพิ่มขั้นตอนของการใช้ bleach เข้าไปกัดสีเท่านั้น และเนื่องจากว่า Cibachrome ได้ใช้ polyester backing ซึ่งเป็นพลาสติคทั้งหมด จึงทำให้ภาพมีความมัน และความคมชัดสูง และมีกระดาษให้เลือกอยู่สอง contrast grades ด้วยกันคือ medium และ high contrast

ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่าทำไมจึงได้เปลี่ยนชื่อจาก Cibachrome มาเป็น Ilfochrome นั่นก็เป็นเพราะว่า Ilford ได้ซื้อกิจการของ Cibachrome มาเป็นของตนเอง และได้ทำสัญญากับ Ciba-Geigy ซึ่งเป็นเจ้าของเดิมว่าจะยังคงไว้ซึ่งชื่อ Cibachrome จนกว่าผลิตภัณท์ที่ได้ผลิตออกมาก่อนแล้ว จะออกหมดไปจากตลาด ซึ่งก็ได้ใช้เวลาประมาณ10 ปี เมื่อได้มีการส่งผลิตภัณท์ Cibachrome ที่ออกมาใหม่วางขาย จึงเรียกว่า Ilfochrome แทน Cibachrome

ดังนั้น Ilfochrome หรือ Cibachrome ก็คือผลิตภัณท์เดียวกัน เพียงแต่ว่าทาง Ilford ไม่ได้แจ้งให้ผู้บริโภคทราบอย่างเป็นทางการถึงเหตุผลของการเปลี่ยนชื่อเท่านั้นเอง หากแต่ได้ใช้วิธีโฆษณาว่า "Ilfochrome the next generation of Cibachrome" ซึ่งอาจจะทำให้ผู้บริโภคสับสนนิดหน่อย และคิดว่าเป็นของใหม่ จะว่าไปแล้ว Ilford ก็ได้ทำการปรับปรุงผิวของกระดาษให้ดีขึ้น ซึ่งก็ยอมรับได้ว่าเป็น next generation

ก่อนที่เราจะอัด-ขยายและล้างภาพ ในระบบ Ilfochrome ได้ เราจะต้องมีฟิล์มที่จะใช้ในการอัด-ขยายเสียก่อน และฟิล์มที่ว่านี้ก็จะต้องเป็นสไลด์ฟิล์ม เพราะ Ilfochrome คือ positive printing process ซึ่งจะต้องอัด-ขยายด้วย slides หรือ transparencies เท่านั้น จะใช้ negatives ในการอัดเพื่อให้ได้ภาพ positives ไม่ได้ แม้ว่าเราสามารถที่จะใช้ color negative อัด-ขยายจากเครื่องที่ใช้ในการอัด-ขยายได้ แต่มันก็จะออกมาเป็น negative เพราะใช้กระดาษคนละประเภท และจะได้สีที่กลับกัน

จะใช้ฟิล์มอะไรจึงจะได้ภาพที่ดีในการอัด-ขยายแบบ Ilfochrome ...ผมว่าไม่มีฟิล์มใดที่จะดีไปกว่าใคร แต่ละฟิล์มจะมีบุคคลิคที่ต่างกัน ซึ่งก็จะสามารถเห็นได้ชัดเจนเมื่อได้รับการอัด-ขยายออกมาแล้ว หากว่าเราต้องการภาพที่มีสีสันเข้มข้น ก็อาจจะเลือกใช้ Kodachrome หรือ Fuji Velvia แต่ฟิล์มที่มี ISO ต่ำอย่าง Kodachrome และ Velvia จะมี contrast สูง หรือ contrastier กว่าฟิล์มที่มี ISO สูงกว่า

การถ่ายภาพที่แสงค่อนข้าง contrasty จะทำให้ส่วนที่เป็นเงาสูญเสียรายละเอียดไปมาก จึงควรระวังเรื่องนี้หากจะใช้ฟิล์มในการอัด-ขยาย ควรจะให้ฟิล์มได้รับแสงที่ปรกติ หรือ over เพียงนิดหน่อย...เมื่อยามที่แสงนุ่ม หรือเป็นภาพที่ไม่มีส่วนที่มีเงามืดทึบมาก contrast จะมีน้อย ดังนั้นภาพที่ under มานิดหน่อยก็สามารถที่จะใช้ในการอัด-ขยายได้ดี

ฟิล์มแต่ละยี่ห้อจะมีสีและบุคคลิคของมันเอง ดังนั้นการเลือกใช้ฟิล์มจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของเรามากกว่า เรื่องของความคมชัดและเกรน ก็เป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสนใจมาก นอกเหนือไปจากว่าจะขยายภาพได้ใหญ่เท่าไร!...เรื่องอย่างนี้ ตอบได้ยาก สำหรับตัวผมเอง หากว่าสิ่งที่เป็น subject ที่ผมต้องการ อยู่ในโฟกัส มีความคมชัดดี ก็พอใจแล้วครับ เพราะนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ผมต้องการ แต่ละฟิล์มมีบุคคลิคของมันเองทั้งนั้น หากเราไม่ชอบเกรน หรือสีที่จัดจ้าน ก็อย่าใช้ฟิล์มนั้น

ส่วนในเรื่องของขนาดภาพ มันก็อยู่ที่ว่าเราจะใช้ภาพนั้นทำอะไร หากจะใช้แขวนโชว์ ก็ควรจะต้องรู้ระยะของการดูภาพด้วยว่าใกล้หรือไกลเพียงไร ภาพขนาด 8X10 จะดูดีก็ในระยะแค่เอื้อม ซึ่งก็จะดูดีเหมือนกับภาพที่ใหญ่กว่า ที่ต้องใช้ระยะในการดูที่มากขึ้น Kodak เคยอัด-ขยายภาพใหญ่ขนาด 60 ฟุต จากฟิล์ม 35 มม. ครับ ภาพนั้นดูใกล้ๆก็คงจะไม่รู้ว่าเป็นภาพอะไร

ผิดพลาดอย่างไรก็ขออภัยด้วย wink

ลืมบอกไปว่า ไม่ทราบว่าใครยังรับทำบ้าง เพราะว่าผมได้ย้ายไปอยู่เชียงใหม่นานมาแล้ว และทำภาพเอง
แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 49 18:57:06

จากคุณ : tnu - [ 12 ต.ค. 49 18:34:19 ]