แฟลชมีพัฒนาการมายาวนาน ไม่ขออธิบายละกัน เพราะขี้เกียจพิมพ์

http://en.wikipedia.org/wiki/Flash_%28photography%29

สรุปว่า แฟลชทำงานโดยปล่อยไฟ high voltage เข้าไปในหลอดบรรจุ xenon ทำให้เกิดแสงวาปมาในช่วงสั้นๆ เน้นว่าสั้นมากๆ ด้วยเวลาประมาณ 1/1000 วินาที (แปลถูกมั้ยเนี่ย)

ทีนี้เราเอา high voltage มาจากไหน ก็แบตเตอรี่ที่เราใส่เข้าไปนั่นแหละ (แถวบ้านยังเรียกถ่านอยู่เลยอ้ะ) แต่เอ๊ะ 1.5 volt เนี่ยนะ คือว่า มันจะมีตัวเก็บประจุอะไรซักอย่าง ทำหน้าที่ค่อยๆสะสมไฟฟ้าไว้ (charge) แล้วตอนปล่อยไฟฟ้า ก็ปล่อยออกมาอย่างเร็วๆ (discharge) นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราจึงใช้แฟลชถ่ายต่อเนื่องไม่ได้ หรือถ้าได้ ก็ได้ไม่กี่ครั้ง สังเกตดีๆ ตอน charge มันจะมีเสียงวี๊ๆ เบาๆด้วย

แสงแฟลชนั้นโดยปกติจะกระจายไปทุกทิศทุกทาง ให้นึกถึงหลอดไฟธรรมดาอันนึง ถ้าเราเอาหลอดไฟเข้าไปใกล้วัตถุจะทำให้สว่าง ยิ่งห่างก็ยิ่งมืดลง มืดลง เมื่อถึงจุดนึง ก็มองไม่เห็น เป็นที่มาของ ระยะทำงานของแฟลช (distance) ซึ่ง f/number และ ISO (รูรับแสงและความไวแสง ถ้ายังจำได้) มีผลโดยตรงกับระยะทำงานของแฟลชด้วย (รู้แค่ว่ารูรับแสงยิ่งแคบ ทำให้ระยะทำงานแฟลชยิ่งลดลง) จึงเกิดเป็น GN (guide number)

GN นั้น เกิดจากความสัมพันธ์อันวุ่นวายของหลายๆค่า จริงๆแล้วนำมาใช้ในการปรับแฟลชแบบ manual ซึ่งมันยากเกินไปสำหรับมือใหม่อย่างผม จึงนำ GN เอาไว้ใช้เปรียบเทียบ spec ของแฟลชแต่ละรุ่นเท่านั้น ยิ่ง GN มาก ทำให้ระยะแฟลชมากขึ้น

จากการที่แสงแฟลชกระจายไปทุกทิศทุกทาง จึงมีการเพิ่มแผ่นสะท้อนแสง เพื่อให้แสงวิ่งไปด้านหน้ากล้องอย่างเดียว นอกจากนี้ แฟลชบางรุ่นสามารถปรับแผ่นสะท้อนแสงเหล่านั้น เพื่อบังคับลำแสงของแฟลชไม่ให้กระจายมากเกินไป บางทีเราเรียกว่า ซูมแฟลช ซึ่งก็เป็นการเพิ่มระยะทำงานของแฟลชนั่นเอง

การทำงานร่วมกันของกล้องกับแฟลชก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังที่กล่าวไว้แล้วว่า เมื่อกล้องได้ค่าแสงมาแล้ว จะนำมาคำนวณหา shutter speed, f/numer และ ISO อ้าว นั่นไม่ได้คิดเผื่อสำหรับแฟลชเลยนะ สำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลช ตัวกล้องจะทำการล็อกค่าบางค่าเอาไว้ ยอมให้ภาพมืดลงไป โดยคิดเอาเองว่าแฟลชจะช่วยให้สว่างขึ้นมาเอง มือใหม่ที่ถ่ายภาพด้วยแฟลชส่วนใหญ่ จึงมักได้ภาพที่ออกมาไม่สวยดังใจ

แฟลชในปัจจุบัน เราสามารถปรับความแรงของแฟลชได้ แต่ก็มีปัญหาอีก คือเราจะปรับไว้ที่เท่าไหร่ล่ะ ในแฟลชรุ่นใหม่ๆ จึงใช้เทคนิค preflash คือ ก่อนจะเก็บภาพจริงๆ จะมีการยิงแฟลชทดสอบออกไปก่อน เพื่อวัดว่าในการยิงแฟลชจริง ควรจะใช้ความแรงเท่าใด แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก จนมองไม่ทันกันเลยทีเดียว

ทั้งหมดที่กล่าวมาไม่ได้หมายความว่าแฟลชทุกรุ่นทำได้นะครับ สำหรับแฟลชติดกล้อง (บางทีก็เรียกว่า แฟลชหัวกล้อง หรือ แฟลชป๊อปอัพ) มักจะใช้ได้ดีในระยะ 2-3 เมตร ซูมแฟลชไม่ได้ ปรับความแรงไม่ได้ หรือได้ไม่กี่ระดับ (ส่วนใหญ่ 3) ไม่มี preflash บางคนยังบอกว่า สีของแฟลชเพี้ยนด้วย จึงมีการทำแฟลชแยกต่างหากออกมาขาย เพิ่มออพชั่นต่างๆเข้าไปมากมาย พร้อมทั้งราคาอันแสนแพง

จบดีกว่าครับเรื่องของแฟลช
หวังว่าคงเข้าใจเรื่องของแฟลชมากขึ้นนะครับ ตรงไหนผิดพลาดก็ช่วยๆกันแก้ไขด้วยนะครับ

แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 11:59:37