ความคิดเห็นที่ 1 ศักยภาพอย่างนึงของเลนส์ Leica M คือให้คุณภาพสูงมากๆ ที่เอฟกว้างๆ ครับ ภาพจาก Leica M ที่ถ่ายในสภาพแสงน้อยๆ ที่ ISO เท่ากัน จะให้ภาพที่มีคุณภาพสูงกว่า (ความงาม...แล้วแต่พิจารณาครับ) นี่อาจเป็นศักยภาพ หรือข้อได้เปรียบของเลนส์ Leica M เหนือยี่ห้ออื่นๆ ... และเมื่อ เอฟ กว้างๆ ยังให้คุณภาพสูง ที่เอฟแคบๆ ก็น่าจะให้คุณภาพสุดๆ ไปเลย ในความคิดผม เลนส์ Leica M มันให้มวลมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ ครับ มันไม่แบน มันมีเนื้อให้กิน มีหนังให้รองนั่ง ... ???   เรื่องของเล่นคนรวยนั้น... อย่าไปเสียเวลาอธิบายครับ ถ้าไม่เคยลอง ไม่ได้ลอง ชาตินี้พูดไปก็ไม่เข้าใจ ขอให้คุณ ong มีความสุขกับ Leica M ครับ ... (ผมขายไปแล้ว :P) ถ้าชอบโทนสวยๆ เนียนๆ อย่าลืม Rolleiflex นะครับ แล้วถ้าชอบรายละเอียดยิบๆ เข้าไปอีก โทนสวยๆ ควบคุมปรับแต่งทุกขั้นตอน ก็ต้อง Large Format ครับ ... ตอนนี้ผมกำลังทำความเข้าใจอยู่เหมือนกันครับ *พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 50 00:45:53 จากคุณ : Rangefinder - [ วันเข้าพรรษา 00:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมมีข้อมูลมาให้ดูครับ เป็น MTF Chart ของเลนส์ สามตัว ยุคเก่า กับ ยุคใหม่ ของ Leica M น่าเศร้าที่ผมดู MTF Chart ไม่ค่อยจะเป็น จึงไม่สามารถอธิบายอะไรได้มากครับ แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ 35 1.4 ASPH จากคุณ : Rangefinder - [ วันเข้าพรรษา 01:00:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 35 1.4 เวอร์ชั่นเก่าหน่อย ลองอ่านข้อความดูนะครับ จากคุณ : Rangefinder - [ วันเข้าพรรษา 01:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ลืมบอกไป ข้อมูลมาจากหนังสือ LFI ฉบับ 2/2006 February/March นะครับ หวังว่าเค้าคงไม่มาฟ้องผมนะ :P มาหาลูกค้าให้นะเนี่ย! ตัวนี้ 35 2.0 ASPH เลนส์ตัวที่ผมชอบมากที่สุด ... แต่ดันทะลึ่งขายไปเพราะความเบื่อ จากคุณ : Rangefinder - [ วันเข้าพรรษา 01:02:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สุดท้ายครับ Isolation Capability ของเลนส์สองตัว (35 1.4 ASPH กับ 35 2.0 ASPH) หวังว่าจะเป็นข้อมูลได้นะครับ :) จากคุณ : Rangefinder - [ วันเข้าพรรษา 01:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาทีได้ประโยชน์ จริงๆ จากคุณ : heronop2003 - [ วันเข้าพรรษา 10:10:33 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่เห็นยาก ก็จับถ่ายพร้อมกันกับเลนส์ตัวอื่น ๆ ฟิล์มอย่างเดียวกัน ล้างเหมือนกัน อัดหรือสแกนในคอนดิชันเดียวกัน เดี๋ยวก็รู้เอง ว่าแต่ ยังไม่เคยเห็นมีใครทำให้ดูสักกะที ใครว่าง ๆ ลองทำให้ดูหน่อยดิ สิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น จากคุณ : nop0611 - [ วันเข้าพรรษา 10:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยกมือโหวดให้ คห1 สำหรับข้อความสองย่อหน้าแรก ไม่เคยเล่นไม่เคยสัมผัสจะมาอธิบายให้กันฟังมันเป็นเรื่องยากครับ (ห้ามบอกว่าไม่มีปัญญาจะเล่นนะ เพราะหลายคนมีกล้องฟิลม์ กล้องดิจิตอลรวมราคาแล้วแพงกว่าleicaอีก) "ภาพขาวดำมีมวล ไม่แบน" อันนี้จริงซะยิ่งกว่าจริง ถ่ายขาวดำยิ่งเห็นชัดครับ เคยโพสรูปตัวอย่างระหว่างContaxT2 กับMiniluxให้อีตาคห1 ดูไปรอบนึงแล้ว จึงไม่อยากโพสอีกเดี๋ยวโดนโห่ว่าชอบฉายหนังซํ้า จากคุณ : TTT (เสือตุ๋งติ๋ง) - [ วันเข้าพรรษา 13:28:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 แปลกใจไม๊ว่า ของเก่าบางอย่างมันจึงยังขายกันได้อยู่ เมื่อก่อนคนขี่Vespa มีแต่อาบังโพกผ้าบรรทุกผ้าไปส่ง วัยรุ่นที่ไหนจะขี่..เชยตายห่- เพื่อนฝูงเลิกคบแหงๆ แต่เดี๋ยวนี้กลับตรงกันข้าม  หายากครับอาบังที่ไหนขี่Vespa(เพราะอาบังหากไม่ตายไปก่อน ก็คงเป็นนายห้างกันหมดแล้ว)    คำตอบคือ เพราะของสิ่งนั้นมี"คาแรคเตอร์" การมีคาเรคเตอร์ทำให้สิ่งนั้นมีความแตกต่าง  เลนส์ก็เหมือนกันแต่ก็ตัวก็มีคาแรคเตอร์เฉพาะตัว  การได้รู้ถึงคุณสมบัติเฉพาะเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่เรามีความจำเป็นจะต้องมาลงทุนเสียเงินเสียเวลามานั่งเทสเชียวหรือ?                       เลนส์leitzออกมาไม่กี่รุ่นเองครับ แต่มีคนทั้งโลกช่วยกันใช้ ช่วยกันวิจารณ์กันหมดแล้ว เราแค่ตามอ่านและทำความเข้าใจสิ่งที่เค้าทำกันไว้ก็น่าจะเพียงพอ ไหนๆก็ลงทุนซื้อมาใช้แล้ว ก็ใช้ให้คุ้ม อย่าไปเน้นตั้งโจทย์ กฎกติกาอะไรมากมาย ได้ใช้-ได้ถ่ายบ่อยๆก็รู้คาแรคเตอร์มันเองแหละครับ จากคุณ : TTT (เสือตุ๋งติ๋ง) - [ วันเข้าพรรษา 13:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 โจทย์เดิม ภาพที่คุณเสือ โพสทฺมันก็ยังไม่ได้ตอบคำถามผมอีกอยู่ดี ตามที่คุณว่ากันมา คุณภาพขอแงขาวดำม้นเริ่มตั้งแต่เลนส์ ฟิล์ม น้ำยา การล้าง การควบคุมอุณหภูมิในการล้าง   ที่คุณถ่ายมา มันมีแฟคเตอร์พวกนี้อยู่บ้างไหม สภาพแสงเหมือนกันไหม เปิดที่หน้ากว้างเหมือนกันไหม ก็ให้ช่วยตอบหน่อย ตอนนั้นคุณแค่ถาม แต่ไม่ได้บอกสภาวะในการถ่าย หรือจะให้กวนกันให้ไปอีก ที่โพสท์กัน ทั้งในนี้และมัลติพลาย มันก็ดูกันยาก ภาพเล็กนิดเดียว จะให้ดูยังไง คุณภาพเลนส์ระดับนี้ คงไม่ให้มาดูภาพขนาดจัมโบ หรอกมัง รสนิยมคนไม่เหมืนอกัน ไอ้เวสปานั่น ไม่เคยได้อยู่ในความสนใจของผมเลยน่ะ ถ้าเป็นอัลฟา โรมิโอ ก็ว่าไปอย่าง อีกครั้ง สิบป่ากว่า ไม่เท่าตาเห็น ถ้ามีเวลาทดลอง ก็ไม่เสียหาย แล้วจะได้รู้ว่า เลนส์ตัวเอง มีข้อดีข้อด้อยอย่างไร ตัวเองชอบอย่างไร และ คนอื่นชอบอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องโกลส์,แฟลร์ เพราะอย่าลืมว่า RF มันไม่ได้มองภาพผ่านเลนส์น่ะ ตรงนั้น คุณไม่มีทางจะรู้ นอกจากจะป้องกันไว้ก่อนด้วยการใส่ฮูด แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 50 17:07:03 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ค. 50 16:57:00 จากคุณ : nop0611 - [ วันเข้าพรรษา 16:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อื่ม..คำถามที่ผมถามเนื่องจากว่าผมอ่านๆมาจากหลายๆที่แล้วแต่ละwebเขาตั้งเกณฑ์ในการหาศักยภาพที่ไม่เหมือนกัน นานมาแล้วผมคุยกับเพื่อนที่เป็นตากล้องอาชีพ เขาก็พูดว่าพื้นฐานเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำทุกอย่างการถ่ายภาพเป็นวิทยาศาสตร์ 1ใน 3 เป็นศิลปะ 2ใน3 ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้การเริ่มต้นทำได้ทุกทาง แต่ควรที่จะมีความรู้พื้นฐานก่อนเนื่องจากจับต้องได้ ศิลปะ มุมมอง ประสบการณ์ ต้องใช้เวลา โชค และความพยายาม (ยังไม่นับเงิน) ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนที่ถ่ายรูปมีสิทธิในการเรียนรู้ได้เท่าเทียมกันเมื่อมีอุปกรณ์เหมือนกันคือ เทคนิคและพื้นฐานของเครื่องมือนั้นๆ ส่วนที่เหลือต้องใช้เวลา ดังนั้นที่ผมถามเนื่องจากว่าส่วนพื้นฐานนี้มันแบ่งปันกันได้ เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่นได้ จะได้เปลืองทรัพยากรอื่นน้อยลง ก็ขอบคุณที่ให้คำแนะนำอันดีนะครับ จากคุณ : ong - [ วันเข้าพรรษา 18:16:37 A:58.8.105.230 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมเคยทดลองครับน้า nop ทำโดยการใช้ฟิล์ม Lot เดียวกัน ทดสอบกับแสงไฟนีออน ในสภาวะปิด ถ่ายที่ F Number กว้างสุด (เพราะส่วนใหญ่จะใช้ที่กว้างสุด) กล้องสองตัว สองยี่ห้อ เลนส์ช่วงเดียวกัน F กว้างสุดเท่ากัน ... หลังจากนั้นล้างพร้อมกัน ในแทงก์เดียวกัน สุดท้ายอัดบนกระดาษจากซองเดียวกัน อัดต่อกันในน้ำยาเดียวกัน เวลาเท่ากัน อุณหภูมิเท่ากัน ล้า่งน้ำเท่ากัน Dry Down เท่ากัน ผลคือผมขาย กล้องชุดหนึ่งไป เก็บอีกชุดหนึ่งไว้ แต่ตอนนี้ถ้าให้มาทดสอบก็ขี้เกียจแล้วอ่ะครับ เหมือนกับได้ข้อสรุปให้ตัวเองแล้ว (เห็นแก่ตัว :P) ครั้นจะเอารูป หรือฟิล์มมาโพสต์ให้ดู ก็เข้าใจว่าคุณภาพ 150kb อาจจะไม่พอ ... สำคัญที่สุดคือ จำไม่ได้แล้วว่าเก็บฟิล์มไว้ที่ไหน สำหรับคุณ Ong ถ้าสนใจวิธีการลองสอบถามเข้ามาครับ ที่จริงมันก็ไม่ยากมากครับ เท่าที่บอกไปคิดว่าน่าจะเป็นวิธีการที่ดีพอสมควรที่จะหาศักยภาพของเลนส์แล้วครับ ปัญหาที่น่าจะมีก็คือ (เช่นที่ผมเคยมี) คือการมีกล้องไว้ในมือสองชุด มันเสี่ยงมากครับ ถ้าวันนั้นผมขายอีกชุดไม่ออก ... อาจจะไม่มีผมวันนี้แล้วก็ได้ ...สำหรับผม วิทยาศาสตร์ 0.5 ที่เหลืออีก 9.5 ให้เป็นศิลปะหมดครับ (อันนี้น่าจะต่างมุมมองกัน ไม่เป็นไรครับ ) ทุกอย่างน่าจะมาจากประสบการณ์ โดยเฉพาะความผิดพลาด ... ผมว่า ยิ่งถ่าย มันก็ยิ่งมาเองน่ะครับ กลับกันผมกลับคิดว่าความรู้พื้นฐานด้านศิลปะกลับมีความสำคัญมากกว่า โดยเฉพาะรสนิยม ซึ่งหากไม่รีบพัฒนา อาจจะไม่ได้พัฒนาอีกเลย แล้วก็ต้องอาศัยรสนิยมของคนอื่น ซึ่งวิธีการนี้ไม่ใช่รสนิยมของผมเลย โม้เข้าไป... เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต แต่ ณ วันนี้ ผมขอเสนอไว้แบบนี้ครับ จากคุณ : Rangefinder - [ วันเข้าพรรษา 20:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เคยอ่านจากเวปส้ม ๆ ครับ ประมาณว่าการทดสอบเลนส์ทั้งหมด เชื่อถือไม่ได้เลย เพราะมันต่างกันทุกอย่างครับ เลนส์รุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน บางทีก็ต่างกันครับ แม้แต่การกดฟิลม์ของกล้อง (แผ่นกดฟิลม์) ก็มีผลต่อภาพได้เหมือนกัน ดังนั้น ยากมากครับที่จะฟันธงไปได้ ทุกวันนี้เรามี MTF chart เป็นตัวบ่งชี้คุณภาพของเลนส์ แต่นั่นก็ยังไม่สามารถบอกได้ครับว่าเลนส์ตัวนี้ กับตัวอื่น ดีหรือแย่กว่ากันอย่างไร แต่ก่อนผมพอว่างก็นั่งมอง MTF Chart ของ EOS Lens work มองแล้วก็ฝันไปว่าได้เลนส์ตัวนั้นตัวนี้มาครองแล้ว คมกริบ ๆ แน่นอน ซึ่งก็ไม่แน่นอนเสมอไปครับ เพราะบางตัวลองแล้วดีกว่าหรือสวยกว่า เป็นเรื่องของรสนิยมและภูมิหลังของแต่ละคนครับ คนชอบไม่เหมือนกันจริง ๆ เดี๋ยวนี้จึงเลิกมองแล้วครับ แล้วหาเวลาพาเมียไปเที่ยวดีกว่า เมียก็สนุก ไม่ค่อยได้เที่ยว ผมก็ถ่ายภาพใหม่ ๆ ได้ด้วย วิน วินครับ จากคุณ : จอมมารพุงโต - [ วันเข้าพรรษา 21:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นหัวข้อทีแรกก็ว่าจะไม่เข้ามาแจมด้วยแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็มีเหตุให้ต้องแสดงทัศนะส่วนตัวอีกจนได้ สำหรับผม การทดสอบเลนส์โดยวางกล้องบนขาตั้งแล้วมานั่งเปิดเอฟ หรี่เอฟ พร้อมกันนั้นก็พยายามควบคุมปัจจัยหลายๆอย่างให้ใกล้เคียงกันทุกครั้งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันของเลนส์แต่ละตัว  - สิ่งเหล่านี้ ไร้สาระ อย่างที่สุดและไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆกับคนที่เป็นนักถ่ายภาพ"ตัวจริง"แม้แต่นิดเดียว ขอถามสักนิดว่า ในสถานการณ์จริง ก่อนจะตัดสินใจกดชัตเตอร์บันทึกภาพอะไรสักอย่าง มีใครในนี้เคยควบคุมอะไรได้เหมือนอย่างตอนทำเทสต์บ้างครับ ในสภาพการณ์ที่เราควบคุมอะไรเลยไม่ได้ต่างหาก เลนส์ที่ดีถึงจะแสดงศักยภาพของตัวมันเองออกมา ดังนั้น ตอบสั้นๆได้เลยว่า วิธีทดสอบเลนส์ที่ดีที่สุดคือ การออกไปถ่ายรูปครับ  (อาจฟังดูง่ายเกินไปสำหรับคนที่กำลังรอคำตอบ แต่ในความเป็นจริง มันก็เป็นอย่างนั้น ) จากคุณ : Sonnar Devotee - [ 31 ก.ค. 50 11:00:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 สมองคนเราเมื่อได้พบเจอหลายสิ่งหลายอย่างที่เข้ามา จะจัดลำดับได้เองอยู่แล้วครับว่าอะไรดีที่หนึ่ง อะไรอยู่ในลำดับรองลงมา การทำเทสต์ที่มักทำๆกันเหมือนที่กล่าวในตอนแรก นอกจากจะไม่ทำให้ใครฉลาดขึ้นแล้ว ยังเหมือนเป็นการดูถูกสิ่งที่ธรรมชาติให้ติดตัวเราทุกคนมาเท่ากัน นั่นคือ "ประสาทสัมผัส" อย่าให้กราฟยากๆกับตัวเลขยุ่งๆพวกนั้นหลงทำให้คุณดูแคลนประสาทสัมผัสของมนุษย์เราเกินไปนักเลยครับ นักชิม นักดมกลิ่น ทำเป็นอาชีพได้มั่นคงในบริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลก แถมมีประกันกรณีเผื่อเกิดทุพพลภาพกันคนละเรือนล้าน ใครเติบโตมาในถิ่นใต้ คงพอคุ้นเคยการแข่งขันนกเขาเสียง  นกเขาที่เราๆดูความแตกต่างไม่ออกนี่แหละครับ จับใส่กรงเอาไปแขวนไว้กลางลานปะปนกันเป็นสิบๆตัว แชมเปี้ยนมักเป็นนกตัวเดิมๆที่ค่าตัวสูงเหยียบแสน กรรมการคนเก่งให้คะแนนน้ำเสียงนกแต่ละตัวออกมาได้อย่างแม่นยำทุกทีโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ซับซ้อนที่ไหน อาศัยก็แค่หู แล้วอะไรทำให้บางคนแยกแยะความแตกต่างระหว่างดี แย่ไม่ออก ตัวแปรคือชั่วโมงของประสบการณ์และการฝึกฝนครับ เอาแค่ในวงถ่ายภาพ ถ้าคุณจำกัดให้มันเป็นแค่งานอดิเรก บอกได้เลยว่าอีกนานกว่าจะเข้าใจมันได้ลึกซึ้ง น้ำแข็ง คำเดียวในภาษาเรา ถ้าเป็นเอสกิโมมันแตกแยกย่อยออกมาเป็นคำที่บ่งบอกถึงน้ำแข็งเหมือนกันแต่ต่างชนิดกันอีกได้หลายสิบคำ นั่นเพราะเขาคลุกคลีอยู่กับมัน น้ำแข็งเป็นส่วนนึงของวิถีชีวิตพวกเขา ในขณะที่พวกเรา ยังไงน้ำแข็งก็เป็นแค่น้ำแข็งวันยังค่ำ ไม่ฝึก ไม่ลอง ก็ย่อมอ่อนประสบการณ์  "เรื่องของเล่นคนรวยนั้น... อย่าไปเสียเวลาอธิบายครับ ถ้าไม่เคยลอง ไม่ได้ลอง ชาตินี้พูดไปก็ไม่เข้าใจ" ขอยกข้อความในเครื่องหมายคำพูดนี้เป็นวาทะแห่งปี และผมเลือกแล้วว่าเหมาะแก่การนำมาปิดความคิดเห็นที่สุด จากคุณ : Sonnar Devotee - [ 31 ก.ค. 50 11:17:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 น้าจ๊อดตอบได้ตรงใจครับ สมัยก่อน ผมก็หมกมุ่นกับการเทตส์เลนส์พวกนี้มาก ๆ ครับ ดู MTF แล้วตาวาว โอ้วมันต้องยอดแน่ ๆ เอฟเท่านั้นเท่านี้ มุมรับภาพต้องเท่านั้นเท่านี้ จึงจะเทพ คม งาม ฯลฯ "ในสภาพการณ์ที่เราควบคุมอะไรเลยไม่ได้ต่างหาก เลนส์ที่ดีถึงจะแสดงศักยภาพของตัวมันเองออกมา" นี่แหละครับจี๊ดเลย จากคุณ : จอมมารพุงโต - [ 31 ก.ค. 50 11:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพดีไม่ดี รูปดีไม่ดี  +-+-+- ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเลนส์เสมอไป  มันเป็นสิ่งสมมุติ+-+- ลองดูครับ  ถ้าเราชอบภาพที่ออกมาก็ถือว่าโอเค+-+-  ลองถ่ายดู+-+-ในสภาพแสงต่างๆ+-+-แล้วมาดูด้วยตาของเรา+-+- จากคุณ : punam02 - [ 31 ก.ค. 50 12:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่อยากโพส คห นี้ แต่เนื่องจากมันพาดพิงถึงผมโดยตรง ตรงมากๆ ปรกติผมไม่ชอบต่อความในกระทู้เดียวกัน หากมันไม่เป็นคำตอบที่สร้างสรรค์ที่(อาจจะ)เป็นความรู้ให้กับคนอื่น ถึงคุณnop ว่าด้วยเรื่องภาพที่เคยโพสครั้งนั้น(ซึ่งนานมากแล้ว) ผมไม่เคยตั้งกระทู้ถามใคร ผมจำได้แม่นว่ารูปพวกนั้นเป็นรูปแรกๆที่ผมมีloginที่นี่ใช้ จำได้ว่าตอนนั้นนายRF ต้องการทราบความแตกต่างในเรื่องภาพขาวดำทีได้จากเลนส์ทั้งสองค่าย เค้าใช้Contax Gอยู่แต่เริ่มเอนเอียงไปทางLeica ผมมีรูปที่ถ่ายจากกล้องจากเลนส์ที่อยู่ในระดับเดียวกันอยู่จึงโพสให้ดู เผื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจของเค้าบ้าง หากอยากทราบข้อมูลก็ตอบได้ครับ กล้องT2กับMinilux ถ่ายที่F2.8และF2.4 ตามลำดับ ถ้าคนเคยใช้ก็จะบอกได้เลยว่า ที่Fดังกล่าวกล้องทั้งสองจะใช้speedสูงสุดที่ตัวมันใช้ได้คือ1/500และ1/400 ฟิลม์Tmax100ล้างอัดเหมือนกันทุกอย่าง แต่ถ่ายสถานที่ ตัวแบบ และเวลาไม่เหมือนกัน แม้ไม่ครบเหมือนกันทุกองค์ประกอบ(ซึ่งมั่นใจมากว่าคุณต้องจับเอาประเด็นความแตกต่างนี้แย้งมาแน่นอน) แต่ด้วยข้อมูลเพียงเท่านี้กับภาพที่ออกมาก็ทำให้หลายคน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จขกท ขณะนั้น คือ นายRF)เข้าใจในความแตกต่างของเลนส์ทั้งสองค่ายได้ จากคุณ : TTT (เสือตุ๋งติ๋ง) - [ 31 ก.ค. 50 13:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ในส่วนที่โพสไว้ที่มัลติพลาย(รวมถึงในนี้ด้วย)ไม่มีใครเค้าเอารูปที่เว็บนั้นไปอ้างอิง ผู้ที่เข้ามาก็แค่มีความต้องการอยากจะเห็นรูปของกล้องนั้น,เลนส์ตัวนั้นว่าถ่ายออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร  ได้ดูแล้วก็จบ ไม่มีใครนำไปขยายความต่อ และยังไม่มีใครโพสรูปเพื่อเจตนาจะเปรียบเทียบ หากยังข้องใจกรุณากลับไปอ่านคำนำหน้าแรกซึ่งผมเขียนไว้เองอีกครั้งว่าเจตนาทำขึ้นมาเพื่ออะไร  รูปในส่วนของผมที่ผมเริ่มต้นไว้ ผมพยายามบอกประวัติความเป็นมา  คุณสมบัติ และหลักการแยกแยะรุ่นไว้ด้วย ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ศึกษาต่อๆไป ที่คุณข้องใจว่ารูปแค่4x6แยกแยะได้ชัดเชียวหรือ? ผมขอตอบนะครับกรุณาอ่านให้ชัดหลายๆรอบด้วย"แม้ว่ารูปขนาดจัมโบ้ก็แยกแยะความแตกต่างได้ครับ" ผมเคยอยากใช้ครับ ในที่สุดก็ขวนขวายจนได้ใช้ และขณะนี้ก็ยังใช้อยู่  จึงกล้าวิจารณ์และตอบได้ชัดเจน ผมทราบครับว่าถึงผมจะตอบหนักแน่นขนาดไหนคุณก็ยังไม่ชัดเจนอยู่ดี  นั่นเพราะคุณยังไม่ได้ใช้และยังไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง          เรื่องการเทสเลนส์ ผมไม่สามารถหรือมีเวลามาทำให้ได้ หากคุณมีแนวทางและความสามารถทำได้ จงทำ ถ้าไม่ทำกรุณาอย่ามาท้าทายหรือเรียกร้องให้คนอื่นทำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ อย่ามานั่งจับผิดสิ่งที่คนอื่นเค้าทำไว้แล้วในขณะที่ตัวคุณเองยังไม่ทำ จากคุณ : TTT (เสือตุ๋งติ๋ง) - [ 31 ก.ค. 50 13:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โอ...นานจริงๆ แฮะ (ขอบคุณน้าเสือฯครับ) ตั้งกะผมพึ่งจะเข้ามา ช่วงนั้น...เพี้ยนหนักจริงๆ ครับ อยากได้นู่นอยากได้นี่ เยอะไปหมด (ตอนนี้น้อยลงหน่อย เหลือซัก 19.5%) แต่มานั่งคิดดู ผมกลับรู้สึกว่าทำไมถ่ายรูปแบบแต่ก่อนมันถึงมีความสุขนักวะ เพราะผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร หรือเพราะผมยังไม่มี Attitude แบบทุกวันนี้ หรือเพราะเรามีความอยาก กระหาย มากกว่าทุกวันนี้ ... ทุกวันนี้ยิ่งถ่ายยิ่งน้อยอ่ะครับ ... 36 รูป มาเหลือ 12 รูป สุดท้าย เหลือทีละ 1 รูป แล้วครับ (อันหลังเหมือนเริ่มต้นเรียนรู้การถ่ายภาพอีกครั้งเลยครับ ผมถึงกับต้องไปหาหนังสือมาอ่าน ทั้งที่ไม่เคยคิดจะศึกษาอะไรจริงจังเกี่ยวกับ"วิทยาศาสตร์"ของการถ่ายภาพ) ผมรู้สึกว่า ... การตกงานอยู่เฉยๆ มันก็ทำให้ไฟอันนึงมอดไป ขณะที่ไฟอีกอันก็สุมขึ้นมา ...สรุป จนวันนั้นถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้ครอบครองทั้ง Minilux และ Contax T2 ครับ ร่ำๆ ว่าจะซื้อๆ อยู่เป็นปี สุดท้าย เจออยู่ตรงหน้า ราคาหกพัน สภาพดี ... "ไม่เอา!" บอกตัวเองว่า ... เราต้องพอเพียงๆ แล้วเป็นไง อีกสามวันต่อมาซื้อ Rolleiflex ซะงั้น ทั้งๆ ที่ก็มีอยู่แล้วด้วยสิ ฮ่าๆ เพี้ยนจริงๆ ผมมีเรื่องตลกจะเล่าให้ฟังครับ นับตั้งแต่ที่ผมเข้ามาจริงจังกับการถ่ายภาพ วันนั้นถึงวันนี้ไม่รู้กี่ปีแล้ว (ไม่ได้นาน แค่ไม่ได้นับ) กล้องที่ผ่านมือเข้ามา และผ่านไปมีมากมายนับไม่ถ้วน ... เชื่อมั๊ยครับ หนึ่งตัวที่อยู่ยงคงกระพันที่สุด ให้ทาย... Canon EOS 350D ครับ ฮ่าๆๆๆ ผมมาดูแล้ว อุปกรณ์ในมือผม วันนี้ กับวันนี้เมื่อปีก่อน เป็นคนละชุดกันเลย ... แต่อีตัวเนี้ย มันอยู่กับผมมานานแล้ว จำได้ถนัดเลยว่าวันที่ไปซื้อน่ะ ซื้อของมือสองมาซะด้วย ซื้อมาเพื่อถ่ายรูปไว้ขายของอย่างเดียว เอาไปรับงานบ้างประปราย อิอิ สรุปว่าไอ้ตัวนี้แล่ะครับ ทำเงินได้หลายเลย วันนี้...คิดว่าจะซื้อ Tamron 17-50 F/2.8 มาประดับมันซะหน่อย ให้สมกับเป็นกล้องคู่ใจที่อยู่กันมานาน ฮ่าๆๆๆ ปล. ขอบคุณน้า George ครับ จากคุณ : Rangefinder - [ 31 ก.ค. 50 14:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณคุณ Sonnar สำหรับคำตอบที่โดนมากๆ เออแต่ผมจริงจังกับงานอดิเรกมากกวว่าที่คนปกติจะเรียกมันว่างานอดิเรกครับ เพราะงานที่ผมทำต้องใช้แรงบันดาลใจจากงานอดิเรก ทำให้มันสำคัญกับผมมากๆ จริงๆที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะอยากเรียนลัดซึ่ง ผมลืมไปว่าทางลัดมันไม่มีไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ส่วนที่มีความเห็นขัดแย้งกันบ้างก็คงไม่ว่ากัน ขอบคุณอีกที จากคุณ : ong - [ 31 ก.ค. 50 21:08:22 A:124.121.46.152 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 สรุป เป็นที่เข้าใจว่ามีการทดสอบแล้ว แต่ขอแย้งคุณจอร์จหน่อยนะ ถ้าคุณทดสอบจนเข้าใจศักยภาพของเลนส์มากที่สุดแล้ว ไม่ว่าในสถานการณืมันจะเลวร้ายปานใด มันก็คง จะมีข้อมูลในหัว เพียงพอระดับหนึ่ง ไม่ใช่ เดาหรือเสี่ยงดวงไปเรื่อย ผมอาจจะพูดตรงและแรง แต่ท่านทั้งหลายอย่าปฏิเสธว่า เลนส์มันแพง ตัว 35/2.0 ตัวเดียวเกือบจะซื้อชุดคอนแท็กซ์ทั้งหมดที่ผมมีได้แล้ว ภาพในชุดสุดคุ้มของคุณจอร์จ ก็ไม่ประทับใจผม อย่าเพียงแต่พูดว่า ไม่เคยเล่น ก็ไม่รู้ ถ้าคุณ RFจะหาให้เจอ แล้วมาโพสท์ดูเล่น ก็จะเป็นความรู้ใส่หัวที่สมองน้อย ๆ เทียวว่าเขาไปเรื่อยโดยไม่ยไม่ยอมไปซื้อของทดสอบก่อนอย่างผม อย่างว่า ตอนผมเรียน Six sigma มันบอกว่า ทุกอย่างต้องมีกฎเกณฑ์ ,สถิติ อย่าไปใช้แต่ความรู้สึก ก็เท่านั้น ถึงคุณเสือ ผมไม่ได้ท้าทายคุณหรอกน่ะ แต่ถ้าคุณจะให้ผมทดสอบโดยให้ผมยืม ก็ได้น่ะ แต่คิดว่า คงจะไม่ได้ แบบว่าของรักของหวงหึ หึ แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 50 21:21:35 จากคุณ : nop0611 - [ 1 ส.ค. 50 20:14:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จะพยายามครับน้า ตอนนี้กำลังเก็บรวบรวมฟิล์มแทบทั้งหมด เพราะว่ากำลังจะย้ายที่อยู่ใหม่ (อีกแล้ว) ถ้าเจอจะพามาให้ดูครับ แต่อาจจะนานหน่อยนะครับ ปล. Six Sigma คืออะไรครับน้า? จากคุณ : Rangefinder - [ 1 ส.ค. 50 22:12:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นกระบวนการควบคุมคุณภาพ,แก้ปัญหา โดยใช้หลักสถิติมาควบคุมเป็นอย่างมาก เรียนจบคอรส์ เขาจะให้เป็นพวกสายเขียว หมายถึง มีความรู้ความสามารถที่จะนำความรู้ไปใช้ในงานได้ เก่งหน่อย สามารถแนะนำ,ควบคุมงานของคนอื่นได้ จะได้เป็นสายดำ เก่งสุด จะได้เป็นอาจารย์โยดา,MBB ในขั้นตอนที่สาม (ปกติจะมี 9 ขั้นตอน) จะมีเรื่อง Gage Reproducibility & Repeatability (GR&R) ว่าด้วยมาตรฐานในการวัดคุณภาพ อาทิเช่น ทานจะแน่ใจได้อย่างไรว่า คนงานสองคนมันวัดความยาวได้เท่ากัน ไม่ผิดเพี้ยน, คนสองคนจะมองภาพได้เหมือนกันหรือ คำว่าสีตรง ที่ชอบใช้กัน จะใช้อะไรเป็นนิยาม อะไรทำนองนี้ ที่ผมถาม มันก็แค่จะลองพวก GR&R เท่านั้น ซึ่งมันต้องเริ่มจากขบวนการที่คุณทำก่อน แล้วค่อยมาดูเปรียบเทียบ จากคุณ : nop0611 - [ 2 ส.ค. 50 08:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 vbvb ผมว่าฝรั่งมันหลอกให้เราเรียน 6 sigma อดีต SBU ที่ผมอยู่ ไม่ค่อยเห็น Green belt ที่ได้เรื่องสักคนเลย 555 ส่วนผมไม่ค่อยสนใจกับ MTF เท่าไหร่ สนใจแต่เรื่องราวบนภาพมากกว่าคับ แก้ไขเมื่อ 02 ส.ค. 50 22:13:33 จากคุณ : 124 - [ 2 ส.ค. 50 22:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 จำคำเขาพูดมา BEAUTIFUL IS BELONG TO THE EYE OF THE BEHOLDER. หรือ สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งเด็นดาราพร่างพราย คนหนึ่งเห็นแต่โคลนตม สรุปง่ายสุด ต่างจิตก็ต่างใจ จากคุณ : nop0611 - [ 3 ส.ค. 50 07:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 serious เกินไปหน่อยมั๊งคับ จากคุณ : 124 - [ 3 ส.ค. 50 10:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่มังครับ แค่ย้ำว่า ต่างคนต่างคิด อย่าไปว่าอะไรเขาไม่ดีเลย ถ้าคุณเห็นที่ผมเขียนทั้งหมด ผมยังไม่คำหลุดอะไรออกมาเลยว่า ดี หรือ ไม่ดี, หลอกหรือไม่หลอก ถ้าแค่นี้หาว่าซีเรียส เล่นสังคมในเน็ทลำบากมังครับ จากคุณ : nop0611 - [ 3 ส.ค. 50 10:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คำตอบคงเห็นอยู่แล้วนะคับ ถ้าผมไปสะกิดใจอะไร ก็ขอโทษละกันคับ ต้องอยู่กันไปอีกนาน... จากคุณ : 124 - [ 3 ส.ค. 50 10:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เช่นกันครับ สำหรับผมใน คคห.ที่ 26 ผมว่ามันธรรมดามาก ถ้าสะกิดคุณ 124 ก็ต้องขอโทษด้วยครับ จากคุณ : หนึ่งใน GB ที่ไม่ได้เรื่อง (nop0611) - [ 3 ส.ค. 50 10:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ดีใจคับ มีมิตรดีกว่ามีศัตรูคับ จากคุณ : 124 - [ 3 ส.ค. 50 10:59:20 ]