ความคิดเห็นที่ 1 ว่ากันที่ ระบบวัดแสงแบบต่าง ๆ   ระบบเฉลี่ยหนักกลาง (center-weighted average metering) ของแคนนอน จะเป็น รูปสี่เหลี่ยมเรียบ ๆ  เป็นระบบ พื้นฐาน ของกล้อง ที่พัฒนามาอย่างยาวนาน เหมาะสมกับการถ่ายภาพ แบบทั่ว ๆ ไป ซึ่งในอดีต กล้องทั่วไป จะมีระบบนี้ ระบบเดียวด้วยซ้ำ แต่ต่อมาพบว่าปัญหาของการใช้งาน ในกลุ่มลูกค้าทั่วไป คือ ในบางครั้งเราจะถ่ายภาพ ที่เน้นแสงเงา เช่น ใบไม้ย้อนแสง ที่มีพื้นหลัง เป็นพุ่มไม้ในร่ม แสงแตกต่างกันมาก 2 stop ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไป ที่ถ่ายภาพ ด้วยฟิล์ม สมัยนั้น เกิดปัญหา ภาพออกมา Over  ซึดจาง รู้มั้ยครับ ทำไม เพระกล้องมันรู้จักค่าแสงสะท้อน อิงจากสี เทากลาง 18% แต่วัตถุที่เราถ่ายนั้น โดนแสงเพียง ไม่ถึง 15 % ของพื้นที่ ในช่องมองภาพ ที่เหลือ อยู่ในเงามืด ห่างกันมากมาย สิ่งที่ตามมา คือ ระบบจะทำการวัดแสง 60-70 % จากกลางภาพ (แล้วแต่รุ่น) และนำส่วนที่เหลือ นอกกรอบพื้นที่มาคำนวณ เป็นเรื่องรอง แบบมีสัดส่วน จนถึงขอบ เพราะคนส่วนใหญ่ ชอบถ่ายภาพ ให้วัตถุนั้นๆ  อยู่กลางภาพไง เช่นถ่ายคน ถ่ายสัตว์เลี้ยง ดอกไม้โตๆ  เป็นต้น ซึ่ง ถ้าเรารู้แล้วว่ากล้องมันจะวัดและอิงค่าสีเทา ในภาพฉากหลังมืด ๆ และมีส่วนสว่างเล็ก ๆ มันจะเอาค่อแสงส่วนที่มืด เป็นหลักครับ และเอามาคำนวณ บอกเราว่าตอนนี้ Under ก็ มันมืดนี่ หลังจากนั้น เราก็ จะพยายามปรับไป ทาง Over หรือ ถ้าเราใช้ระบบ ออโต้ ทั้งหลาย แล้วดันปรับ สเกลวัดแสงไปที่ 0 ผมก็ คือ กล้องมันจะหาค่าแสงสุดท้าย ที่วัดแล้วได้ 0 นั่นคือ ค่าแสงสีเทา คิดง่าย ๆ ฉากหลังดำ ๆ ออกมาเป็นสีเทา แล้วใบไม้ใบนั้น จะสว่าง ขนาดไหน หุ หุ ... นั่นหล่ะ ครับ คือ ที่มา ของการต้อง ชดเชยแสง อย่างที่บอกไป กล้องไม่รู้จักสี รู้แต่แสง ทำให้มันไม่อาจจะรู้ได้ว่า  เราต้องการภาพ ออกมาแบบใด มันเที่ยงตรงเสมอครับ เราต้องเข้าใจมันหน่อย จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 15:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปัญหามา ปัญาเกิด ผู้ผลิตกล้องบางราย เลยผลิตระบบวัดแสงแบบใหม่ ขึ้นมา การลดปัญหาการคาดเดา ว่ามันต้องชดเชยเท่าไรกันแน่ เพราะเห็นคนเถียงกันมาก ว่าตัวข้าเจ๋ง มองแสงออกว่าต้องเท่านั้น เท่านี้ มันขึ้นกับความต้องการ และแนวทางของภาพครับ ถ้าศึกษามาก ๆ โทนภาพ จะมีครับ ว่าควร สว่าง หรือ มืด หรือ พอดี ปัญหา เลยหมดไป เมื่อเจอกับ ระบบวัดแสง เฉพาะจุด spot metering  (ในนิคอน) มีสัญลักษณ์ เป็น จุด กลม ๆ เล็ก ๆ ตรงกลางสี่เหลี่ยมครับ  0 พื้นที่วัดเพียง 1-3% ความแม่นยำ สูงมากๆ แต่ความผิดพลาดจากผู้ใช้ มากยิ่งกว่า เพราะผู้ใช้ที่มี ประสบการณ์ ไม่มากพอ ขนาดที่มองไม่ออกว่าส่วนใด สีใด ควรจะเอาเป็นหลักวัดแสง เพื่อล็อคค่าแสง ซึ่งระบบนี้ มืออาชีพเท่านั้นครับ ที่จะรู้ เพราะพวกเขามี แววตาพิเศษ สามารถมองแสง วัตถุ สี แล้วรู้ว่า ค่าแสงตรงไหนต่างกันยังไง คนธรรมดาอย่างเราๆ  ทำไม่ได้ ครับ ตาไม่ดีพอ 555 แต่แล้ว แคนนอน ก็ ใจดี ทำ ระบบ Partial metering หรือ ระบบวัดแสงเฉพาะส่วน สัญลักษณ์ เหมือนกัน จุดตรงกลาง สี่เหลี่ยม ที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่า เฉพาะจุด แต่เล็กกว่าเฉลี่ยหนักกลาง ประมาณ 15-8 % แล้วแต่รุ่น เพื่อให้เราสามารถวัดแสงที่วัตถุใด ๆ ในภาพ และยังมีพื้นที่มากพอ กันความผิดพลาด ในส่วนมืด ส่วนสว่างนิดหน่อย ที่ติดกัน เพราะเอามารวมกันหมดแล้ว ทำให้ช่างภาพ ที่อยากวัดแสงเฉพาะจุด ที่ไม่มีความชำนาญมากขนาดระบบแรก สามารถ มีความเสี่ยงต่ำ ในการวัดแสง ในภาพได้มากกว่าอีกนิด โดยระบบนี้ หลัง ๆ มักนิยม ทำแบบติดตามจุดโฟกัส ถ้ามีการปรับตำแหน่ง แต่ถ้าใช้ทุกจุดโฟกัสแบบแอคทีฟ มันจะย้ายไปอยู่ตรงกลางซะมาก และมักเอามาพัฒนา กับระบบแฟลชด้วย ให้วัดแสงวัตถุ ผ่านจุดโฟกัส นั่นเอง จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:11:24 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้เพิ่มเติมด้วยคนคะ จากคุณ : เนเวอร์แลนด์ - [ 25 เม.ย. 51 16:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 หลายคน บอกว่า อ้าวยังงี้ กล้องก็ตาบอดสี สิ อิ อิ ยังงี้ครับ อย่าลืมว่ากล้องมันเป็นเพียง อุปกรณ์ ชนิดหนึ่งไม่มีประสบการณ์ในการเรียนรู้สี ไม่มีสมองที่ซับซ้อน และไม่มีชีวิต เราต้องควบคุมมันให้ได้ดังใจ ไม่ใช่ไปให้มันควบคุมเรา หวังพึ่งพาแต่มัน ระวังเซลล์สมองจะทำงานน้อย อัมพาตธเชียวนะครับ อิ อิ ดังนั้นเพื่อแก้ไขปัญหา ว่า แสงวัดไปแล้ว วัตถุ สีเงิน หรือ สีทอง ซึ่งเป็นสีที่มีความมันวาวและสะท้อนแสงได้มาก เวลาแสงตกกระทบ กล้องเราจะวัดแสงเพี้ยนทันที ดังนั้น นิคอน จึงเอาใจพวกช่างภาพ มืออาชีพ (ต้องยอมรับครับ ว่าก่อนหน้านี้ นิคอน เขาครองตลาดนักถ่ายภาพ มืออาชีพจริง ๆ ) ซึ่ง พวกนี้ มักอ้างโน่นอ้างนี่ ความอดทนต่ำหรือไรไม่ทราบ ทราบแต่ว่า มันชอบมีปัญหามาเรื่อย 555 ดีที่เราไม่เป็นแบบนั้น เพราะเรา มือสมัครเล่น อิ อิ เลยทำให้เกิดการพัฒนา ระบบวัดแสงสี 3 มิติ หรือ  3D metrix metering นั่นเอง ซึ่งระบบนี้ มีมีการใส่ CPU จดจำ ค่าแสงสี ในการถ่ายภาพ ไว้ นับหมื่นๆ  รูปแบบ จากนักถ่ายภาพ ทั่วโลก ครอบคลุมทุกประเภท ทุกแนวการถ่าย ฟังดูดีครับ แต่ผมเองก็ ยังไม่เคยลองจริง ๆ ว่ามันจะเข้าใจเรามากขนาดไหน ที่ว่า ฉลาด ๆ นี้ ทำให้มันสามารถ วิเคราะห์ แสงบนวัตถุ มันวาวที่ว่า ทำให้ถ่ายภาพออกมาแล้วไม่ต้องชดเชยแฟลช แบบทุกครั้ง ซึ่งนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดี แต่ ไม่รู้จะพัฒนาได้ถึงไหน จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:18:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในสมัยก่อนนั้น กล้องยี่ห้อ minolta ก็ ได้ ริเริ่ม ระบบ วัดแสง แบบใหม่ ที่ให้ความแม่นยำสูงกว่า ในกรณี ที่วัตถุในภาพ กระจายตัวอยู่ ทุกจุด เช่น มุมบ้าง กลางบ้าง ขอบๆ  บ้าง แถมค่าแสงนั้นก็ ยุ่งยาก ชวนสับสน วิธี ที่ง่ายที่สุด คือ การวัดแสงแบบหลายจุด แล้วเอามารวมกัน หาค่าเฉลี่ยกลาง ให้ได้ ภาพ ที่ออกมาแล้ว กลาง ๆ ที่สุด บางส่วน อาจจะมืดไปนิด บางส่วนอาจจะสว่างไปหน่อย แต่รวม ๆ แล้วใช้ได้  ถ้ายิ่งแสงในภาพ แต่ละจุด มีความเปรียบต่างไม่มาก รับรองครับ แสงเสมอกัน ถ่ายง่ายๆ  เลย นั่นคือ ระบบ วัดแสงแบบหลายส่วน (Evaluative metering) ในแคนนอน จะเป็นรูป สี่เหลี่ยม ที่มีจุดตรงกลาง และมี วงเล็บ ล้อมรอบ แบบนี้ (0) โดยในมินอลต้า จะเป็นรูปรังผึ้ง ระบบนี้ ปรับปรุงมา จากกล้องเยอรมัน สมัยเก่า ที่มี การใช้ เซลล์ วัดแสง แบบเป็น แผงใหญ ๆ ด้านหน้ากล้อง วิวไฟน์เดอร์ ซึ่ง แผ่นแสงนี้ จะมีลักษณะ เป็น พลาสติก ใส แต่มี รูปสี่เหลี่ยมนูน ๆ หลายอันต่อ ๆ กัน เพื่อ ให้แสงเข้ามา เกิดการ รวมตัว กระจายกันอย่างทั่วถึง นั่นเอง โดยครั้งนั้น มินิลต้า ใช้ระบบรังผึ้งมากถึง 16 จุด ด้วยกัน ภายหลัง แคนนอน ก็ เอาระบบนี้ มาดัดแปลง เป็น ระบบโฟกัส แบบอายคอนโทร แบบแอคทีฟ ครั้งแรก ใน EOS 3 นั่นเอง ซึ่งมีมากมาย เป็น สิบๆ  จุดเช่นกัน ครอบคลุมพื้นที่ ตรงกลาง เวลาทำงานจะแอคทีฟแบบกลุ่ม เพื่อเพิ่มความเร็ว และแม่นยำ ในการหาโฟกัส และยังใส่ระบบวัดแสงหลายส่วน มาก ๆ แบบนี้ ลงไปด้วย เพียงแค่การเรียงตัว ไม่ได้เป็นแบบรังผึ้งเท่านั้น   ส่วนมาก ระบบวัดแสง หลายส่วน จะมี 6-8 ส่วน แต่ ในกล้อง มืออาชีพ (อีกหล่ะ) มักจะมี ระบบนี้ ไม่ต่ำ กว่า 20 - 50 เซลล์ ครับ จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:22:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องการ ล็อคค่าแสง กะ การชเชยแสงนั้น ฟังเผิน ๆ มันเหมือนกัน แต่จริง ๆ มันก็ ต่างกัน หาก คุณ เป็นนักถ่ายภาพ ที่ใช้แต่ระบบ ออโต้ วัดสง ที่ 0 stop  เปะ ... งานนี้ คุณ ต้อง ใช้การวัดค่าแสงโดยการล็อคค่าแสงครับ ส่วนคนที่ถ่ายภาพ เก่งหน่อยเริ่มปรับนู่นนี่ มากมายและเข้าใจเรื่องการวัดแสง เลยทำให้มัก จะเกินความไม่พอใจในการถ่ายภาพ แบบธรรมดา ๆ เช่น ถ่ายเพื่อเน้นแสงเงา ถ่ายโดยให้ค่าแสง มาก หรือ น้อยกว่า ปกติ เพื่อผลของแสงที่ดีที่สุด ของช่างภาพคนนั้น ฉะนั้น ช่างภาพ เหล่านั้น จะใช้การชดเชยแสงแทนครับ แต่ในกรณี ที่ช่างภาพนั้น มีความเข้าใจแสงมาก ถึงมากที่สุด ก็ จะใช้การ วัดแสงพอดี แล้วล็อคค่าแสง กับวัตถุ หรือ บริเวณ ที่มีค่าแสงสะท้อน ไม่ใช่ แสงมากน้อยนะครับ คนละเรื่องกัน ถ้าไม่เมื่อยจะอธิบายตอนท้าย ในขณะที่บางครั้ง ช่างภาพเหล่านี้ ก็ สามารถ ใช้การชดเชยแสง ได้ ตามความต้องการ แล้วแต่สถานะการณ์ บางครั้ง เขาอาจจะล็อคค่าแสง แล้ว มาหมุนวงแหวน ชดเชยแสง อีกครั้ง ซึ่ง ค่าแสงในกล้อง จะปรับเปลี่ยน ตามสัดส่วน ที่ล็อคค่าไว้แต่แรก จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 7 stop เป็น หน่วยของค่าแสง แบบอนุมาน หรือ สมมุติ ว่า ถ้าเรา ปรับ ความเร็วชัตเตอร์ เพิ่มขึ้น 1 ครั้ง อิงจากกล้องแมนนวล หรือ ปรับรูรับแสง เพิ่ม 1 ครั้งเต็ม  ในกล้องแมนนวล  จะเรียกว่า ค่าแสง ที่เปลี่ยนไป ต่อ ครั้ง ว่า 1 stop ครับ เช่น 1/125s เป็น 1/250 s แสงลดลง 1 stop นะครับ เพราะภาพจะมืดลงนั่นเอง *** เมื่อ เรากด * ที่ค่าแสง 125 s f/5.6 และรู้สึกว่า แสงตรงนี้ น่าจะ ถ่ายออกมามืดกว่าเดิม สัก 1 Stop เราสามารถ ปรับวงแหวน ชดเชยแสงให้ติด อันเดอร์ สัก 1 stop  (ติดลบ 1 บนเสกลในจอนะครับ) ซึ่งแน่นอน ถ่ายออกมา แสงเมืดลงกว่าแสงที่ได้ตอนแรก 1 stop แน่นอน เพิ่มความ งง อีกนิด ในกรณี ที่ถ่ายภาพ ด้วยโหมด Tv และ P ถ้าเรา ปรับ แป้นหมุน ตรงปุ่มกดชัตเตอร์ หลัง จากล็อคค่าแสงแล้ว จะทำให้เรา ชิพ ค่าความเร็วชัตเตอร์ และ รูรับแสง ให้ เปลี่ยนไปจากเดิมโดยค่าแสงเท่าเดิมได้ด้วยนะครับ เออ ลองเล่นดู จะได้ งง ด้วยกัน 555 การล็อคค่าแสงนั้น มันจะจดจำ ค่าแสง ในบริเวณ ที่เห็นในกล้อง ตามระบบ วัดแสงต่าง ๆ ที่เราตั้งไว้ ซึ่ง มี อยู่ 3-4 ระบบ แล้วแต่กล้อง เมื่อกดแล้ว ตราบใด ที่ สัญลักษณ์ * ยังปรากฎอยู่ แสดง ว่าค่าแสงจะถูก จดจำไว้ ไม่ว่าเราจะหันกล้องไป ทางไหน ก็ตาม จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อีก 1 ทริค ที่อยากแนะนำ เพื่อน ๆ คือ การกดค่าล็อคแสง ที่ต้องการอิง แล้วหันมาจัดองค์ ประกอบ (อย่านานเกินจด ข้อมูลในจอดับหล่ะ มันต้องมาล็อคค่าแสงใหม่นะครับ) ซึ่ง ตอนนี้ เราสามารถ ปรับ วงแหวน ให้เลือก รูรับแสง หรือ ความเร็วได้ใหม่ กับ ระบบ การถ่ายนั้น ๆ ได้เลย ยกเว้น ระบบแมนนวลนะครับ และนอกจากนั้น คุณยัง สามารถ โฟกัส โดยการกด ปุ่มชัตเตอร์ แบบปกติ ได้เลย ตามสบาย ไม่มีผลต่อค่าแสงที่ล็อคนะครับ หลายคนใจข้าใจ ว่า ล็อคค่าแสงแล้ว กดปุ่มชัตเตอร์ เบา ๆ เพื่อหาโฟกัส แบบปกติ จะเป็นการวัดแสงใหม่ อันนี้ ผิดนะครับ ลองไป ฝึกเล่นดู จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:29:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คราวนี้ มาดู การชดเชยกันบ้างนะครับ การขดเชยแสง คือ การเติมเต็ม หรือลดทอนแสง ที่เราจะถ่าย ให้ มากหรือ น้อยกว่า ปกติ หรือ 0 stop นั่นเอง โดยการชดเชย มี 2 ลักษณะ คือ over การถ่ายให้สว่างมากขึ้น และ under คือ การถ่ายให้ภาพมืดลงกว่าปกติ นั่นเอง การชดเชยแสง ก็จะใช้ค่าแสง เรียกว่า stop นั่นเอง ลองไปอ่านดู ตอนแรก อีกรอบ จะเพิ่มความ งงครับ หลังจากนั้น เราก็ จะเห็น สเกล บนหน้าจอ ที่มี -2 -1 0 +1 +2 นั่นเอง โดยถ้า มาทางบวก คือ over  นะครับ ลบ คือ  under  0 ก็ ปกติ ไงครับ คราวนี้ ถ้าเรา จะชดเชยแสง เราจะทำไง มัน มี 2 วิธี ครับ 1. คือ การ ปรับ ในระบบ แมนนวล เช่น ค่าแสง ในสเกลที่ 1/125 s กับ f/ 8 เป็น 0 พอดี ถ้าเรา ปรับ รูรับแสง เป็น 5.6 หรือ ความเร็ว เป็น 1/60 s ค่าแสง ที่ได้ ออกมา จะ over 1 stop ทันทีครับ แต่ ถ้าเรา ปรับ มืด ลง เป็น 1/250 s หรือ รูรับแสง ที่ 11 ภาพจะติด under 1 stop ครับ 2. คือ การปรับวงแหวน ชดเชยแสง ตรงด้านหลังกล้อง  สำหรับ 350D 400D กด ปุ่ม AV ควบคู่ กับ เลื่อน วงแหวนที่ปุ่มชัตเตอร์  จะเห็นว่า ค่าแสง ในสเกลจะเลื่อน จาก 0 เป็น + หรือ - นั่นเอง แต่ ถ้า 20D 30D 40D 5D 1D จะใช้ แป้นกลม ๆ ด้านหลังกล้อง หมุนแล้ว มันจะ เลื่อน สเกลเองได้ครับ แต่ การหมุนแป้น หรือ การกด แบบนี้ จะใช้ได้กับ ระบบ TV AV P ครับ เพราะระบบพวกนี้ มันจะอิงการวัดแสง แบบอัตโนมัติครับ ปกติ สเกลจะตั้ง ที่ 0 นะครับ ถ้าใคร เป็น + เป็น - ก็ แก้ไขซะ อาจจะเก็ทได้ว่า ทำไม ถ่ายทีไร ติดมืด ติดสว่างตลอด นั่นเอง จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คราวนี้ มาดู เรื่องแสง ที่ใช้ในการวัดกันนะครับ แสง ที่ใช้กัน มี  2 แบบ นะครับ คือ แสงตกกระทบ และแสงสะท้อน นักถ่ายภาพ รุ่น เก่า ๆ  จะรู้จักเครื่อง วัดแสง แบบ พกพา ที่เวลาถ่ายสตูแล้ว เอามากด ๆ กัน มี ลูกปิงปอง สีขาว ด้วยไง อันนั้น จะวัดแสง ตกกระทบนะครับ คือ วัดแสง ที่ลงมาบนพื้นที่ นัน ๆ ที่เราจะถ่ายโดยตรง แต่ด้วย ความลำบากในการใช้งานจริง เช่น ถ่ายกีฬา ด้วยเลนส์ เทเล  เราคงไม่วิ่งไปวัดแสงตรงนั้น แล้วกลับมาแน่นอน จึงก่อกำเนิด ระบบ วัดแสง แบบใหม่ โดยอาศัย แสงที่สะท้อน จากวัตถุนั้น ผ่านเข้ามาในกล้องจริง ๆ เหมือนแสง ที่เราถ่ายจริงๆ  นั่นเอง ซึ่งแม่นยำกว่า และการที่ระบบ วัดแสง ผ่านเลนส์ ที่เข้ากล้องแบบนี้ จึงเรียกว่า ระบบ TTL (Through The Lens) ซึ่ง เป็นระบบ ที่เราต้อง รู้จัก เพราะใช้และพัฒนา มาอย่างแพร่หลาย แม้ในระบบแฟลช นั่นเอง แสงสะท้อน จะมี ค่าความเพี้ยนสูงกว่า แสงตกกระทบ แต่ แม่นยำสำหรับการถ่ายภาพ ของเรา เพราะวัตถุนั้นๆ  จะดูดแสงแดด ซึ่งเป็น แสงสีขาว อุณหภูมิ 5500 องศาเคลวิน (อุณหภูมิแสงนะครับ) แสงแบบนี้ จะประกอบด้วย สเปกตรัม 7 แสงสี ครับ เรียงแบบรุ้งเลย ซึ่ง ถ้าตกลงใบไม้ ใบไม้ จะดูดกลืน แสงคลื่นต่ำ พวก แดง ส้ม แล้ว สะท้อนออกมา ในช่วง แสงเขียว เราเลย เป็น ใบไม้ เป็นสีเขียว นั่นเอง ฉะนั้น แสงของสี แต่ละสี จะมีความสว่างไม่เท่ากัน ทำให้ ช่างภาพ ที่พยายามจะวัดแสงให้แม่นยำ จึง ปวดหัวมาก ๆ เพราะ แต่ ละเฉดสี นั้น มี ค่า % ของแสง แตกต่างกันไป และจำเป็นมากกับ คนที่ถ่ายระบบ แมนนวล หรือ ฟิล์มดิจิตอล แต่ถ้า ใช้ โหมด ออโต้ แล้ว รู้หลักวัดแสงได้ จะเยี่ยม ครับ อย่างที่เรารู้ ๆ กัน ว่ากล้องนั้น พัฒนา มาจากระบบถ่ายภาพ ขาวดำ จึงมีพื้นฐาน การวัดแสง สะท้อน อิงสีเทากลาง ซึ่ง มี ค่าของแสงสะท้อน 18%  หลายคนเข้าใจว่า คือ สี เทาเข้ม 18 % จาก ขาวไป ดำ   อันนี้ ผิดนะครับ 18%  จากค่าแสงที่สะท้อน ไม่ใช่ความเข้มสีเทา ทำให้ ช่างภาพ มืออาชีพ ตัดความยุ่งยาก ด้วยการซื้อ กระดาษเทากลาง ซึ่งมีขาย ของโกดัก มาวางหน้ากล้อง เวลาจะถ่าย เพื่อหาค่าแสงที่ดีที่สุด แต่ในกรณี ที่เราไม่มีกระดาษเทากลางนั้น เราต้อง ใช้แววตาหาเรื่อง ระดับเทพ ของเรา ๆ  ในการกะเกณฑ์ว่า สีของวัตถุอะไรบ้าง ที่สะท้อน แสง 18% หรือ ใกล้เคียง จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 11 บางคน จำมาว่า วัดแสง ท้องฟ้า ใส ๆ สิ บางคนว่า แสงใบไม้สีเขียวสิ พุ่มไม้หน่ะ กลางชัวร์ บางคน เห็นเพื่อน ใส่เสื้อเทา  ก็ วัดเลย 5555 หนักกว่านั้น วัดแสงที่มือ  ซึ่ง ต้องวัดที่หลัง มือ นะครับ หน้ามือ ไม่เอา ผิวต้อง กลาง ๆ ขาวมาก ดำจัด ออกแดงก็ ไม่เอา 555 แต่ ถ้าจะยืมมือ สาว ๆ ขาว ๆ ที่เดินผ่านมา อันนี้ ผมทำประจำ 5555 คิดง่าย ๆ ว่า สี ที่เราจะ ถ่ายนั้น มันโดนแสงมากมั้ย ถ้า วัดแสงพุ่มไม้ หนา ๆ ในเงามืด ๆ แน่นอนครับ ภาพออกมา โอเว่อร์ กระจาย หรือ วัดแสง ท้องฟ้า ใส ไร้เมฆ ยามใกล้ เที่ยง หรือ ทิศทางใกล้ดวงตะวัน งานนี้ ก็ จะได้ ซิลลูเอท เป็นเงามืด มาแทน อิ อิ อันนี้ไม่รู้ จะพูดยังไง สมัยก่อน ที่ผมถ่ายสไลด์ มันจะมี ชาร์ต บังคับ แสงมาครับ ว่าสีอะไร เฉดไหน สะท้อนเท่าไร เดี๋ยวนี้ หายากครับ เอาง่ายๆ  ว่า แดงเลือกนก เข้ม ๆ น้ำเงินกรมท่าเข้ม ๆ เขียวเข้ม ๆ สี เทาเข้ม ๆ กับ สีดำ เข้ม ๆ มันจะมี ค่าสะท้อนแสงต่ำ มากพอ ๆ กันนะครับ แต่ สี เขียวสว่าง กลางแดด สี เหลือง สว่างกลางแดด ฟ้าอ่อนกลางแดด ชมพูกลางแดด และ สีขาว มันจะสะท้อนแสงมาก พอ ๆ กัน ฉะนั้น ต้องดู เฉด สี และปริมาณแสง ที่ตกกระทบ ด้วยนะครับ ว่ามากน้อยแค่ไหน จึงจะชดเชยถูก ฉะนั้น ถ้า คุณ มั่นใจ ว่า เข้าใจว่า แสงนั้น ๆ สะท้อนมากหรือน้อย แล้วรู้ว่า ต้องเพิ่มแสง กี่ สตอป ก็ สามารถ วัดแสงได้ทุกที่ แล้ว ปรับเพิ่มเอา เองว่า ต้อง + - กี่ stop สรุป ถ้าปวดหัวนัก ตั้ง auto  แล้ว กดมา ถ้า มืดลง ก็ หมุนให้สว่างไปทาง + ครับ 5555 ง่ายดี อิ อิ ว่าแล้วก็ ไป ดีกว่า เดี๋ยว พาเพื่อนๆ  งง ไปกันใหญ่ งานนี้ เอามะพร้าวห้าวมาขายสวยซะแล้ว ตรู ภาพประกอบ อาจจะไม่เกี่ยว แต่พอช่วยให้แก้มึนได้บ้างนะครับ อิ อิ จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อ วันก่อนเพื่อนหนอน มาถาม ว่า วัดแสงเฉลี่ยหนักกลาง แล้ว ภาพ ที่ได้ จะส่วางตรงกลางมากกว่า ขอบภาพจะมืดลงไป เรื่อยๆ  ใช่ไหม เหอ ๆ ตอบได้เลยครับ ว่ากำลังเข้าใจผิดอย่างแรง .... ภาพจะมืด จะสว่าง ส่วนไหน ขึ้นอยู่กับปริมาณแสงที่ตกลงตรงนั้นครับ แต่ ถ้าสิ่งที่เราถ่าย แสงลงมา เสมอ ๆ กัน เช่น วันฟ้าครึ้ม ๆ จะเห็นได้ว่าภาพ ไม่มีเงา ในส่วนมืดส่วนส่วาง เพราะแสงสว่างเท่ากันหมด วัดแสงเฉลี่ยหนักกลางไป ภาพ ก็จะสว่างเท่า ๆ กันนะครับ จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:35:53 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ในทางกลับ กัน ถ้าเราถ่ายย้อนแสง หรือ มี แหล่งกำเนิดแสงจ้า อยู่ในชองมองภาพ เช่น ดวงตะวัน กำลังจะตกดิน แบบนี้ ต้องวัดแสง ไปแล้ว ชดเชยแสง ให้ over  สัก 1-2 stop ตามแต่ควมแรงของแสงนั้นครับ ไม่งั้น วัตถ ที่เราจะถ่ายในภาพ จะกลาย เป็นภาพ โครงทึบ แบบเงาดำ ที่เรียกกันว่า ซิลลูเอท ครับ จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:37:22 ]

ความคิดเห็นที่ 14 บางคนถามว่า ทดสอบดู แล้ว ไม่เห็น จะมี อะไรแตกต่างเลย ทั้ง 3 ระบบ มีสิครับ แต่มันจะเห็นผล ในต่างกรณีกัน เช่น ในกรณี ถ่าย คนที่มี แสงลงมา เฉพาะ ส่วนหน้า และที่เหลือ ไม่โดนแสง แบบนี้ ถ้าเรา เอากล้อไปถ่ายด้วยระบบ เฉลี่ยหนักกลาง ที่ไม่มีการชดเชยแสง คือ ค่าบนสเกล ที่ 0 นะครับ รับรองได้เลย ครับ ภาพจะขาวซีด หน้านางแบบขาดรายละเอียด ละฉากหลัง สว่างโล่งเลย ถ้าเอาระบบหลายส่วนไปวัด ยิ่งไป กันใหญ่ เพราะมันเอา ทั้งภาพ ที่มี ส่วนมืด และส่วนสว่าง มารวมกัน ภาพที่ได้ จะส่วาง มากกว่าระบบแรกอีก เพราะภาพนี้ ส่วนที่โดนแสง น้อยพอควรครับ ฉะนั้น กรณีแบบนี้ พระเอกจึง เป็น ระบบวัแสงเฉพาะจุด หรือ เฉพาะส่วน นั่นเอง วัดไปเลย ที่หน้ากดออกมา ก็ แบบที่เห็น ฉากหลัง จะดำ ใบหน้า แสงลงพอดีๆ  ไม่สว่างมาก แต่ภาพ นี้ ผมกลับใช้ ระบบเฉลี่ยหนักกลาง วัดที่หน้า แล้วชดเชย under ลง 2 stop ครับ อิ อิ จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:38:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นมั้ยครับ ว่า เราสามารถ วัดแสงได้ หลากหลายวิธี หลากหลายระบบ คุณอาจจะขยัน ใช้ทุกระบบนั้นก็เรื่องของคุณ หรือ คุณจะถนัดใช้ระบบเดียว แล้วชดเชยแสงเอา ก็ย่อมได้ ไม่มีถูกผิดครับ แล้วแต่ว่า เราเข้าใจในที่ที่เราถ่ายแค่ไหน และเราปรับกล้องเราให้ถ่ายสิ่ง  นั้นได้ออกมาตรงตามความต้องการเราหรือ เปล่า ถ้าคุณ เห็นแล้ว คิดออกมาว่าต้องการภาพแบบไหน แล้วถ่ายมาได้ นั่นหล่ะครับ เรียกว่าคุณ ถ่ายภาพได้แล้ว แต่ถ้าถ่ายไปเรื่อยๆ  มาเปิดดูอีกที เออ สวยดีนะ มาไงไม่รู้ อันนี้ น่าคิดนะครับ ว่าต้องทำไง ต่อไป ศึกษาการวัดแสงแล้ว ก็ อย่าลืม ฝึกวิชามาก ๆ แล้วเตรียมไปถ่ายภาพ สวย ๆ กัน แล้ว เจอกันครับ อิ อิ ปล. ถ่ายภาพคราวหน้า เวลาวัดแสง อย่าเอาไม้บรรทัดไปวัดอีกนะครับ อิ อิ ตีตายเลย จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 16:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เอาภาพ ระบบวัดแสง ของ ป้า dorapanda มาประกอบการอ่านบทความครับ อิ อิ จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 25 เม.ย. 51 17:08:48 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากเลยครับเพราะอ่านในหนังสือมาก็พอเข้าใจ(แบบงูๆปลาๆ)พอมาอ่านบทความนี้อีกทีถึงจะเริ่มเข้าใจหลักการจริง โหวดให้ครับ จากคุณ : ลุงมอมแมม (ลุงมอมแมม) - [ 25 เม.ย. 51 17:19:41 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น่าไปแปะไว้ที่คลับมือใหม่ด้วย แต่ไม่เป็นไร ไปทำลิ๊งค์ไว้ให้แล้ว จากคุณ : คาเมะจัง - [ 25 เม.ย. 51 17:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอโหวตครับ เป็นประโยชน์กับมือใหม่และมือกลางเก่ากลางใหม่อย่างผม จริง ๆ เลย จากคุณ : เอก (เด็กดำเนิน) - [ 25 เม.ย. 51 17:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เซฟไว้แล้วครับ เป็นพระคุณอย่างสูง ขอบคุณคร้าบ จากคุณ : Dayookjia - [ 25 เม.ย. 51 18:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณมาน้องกอล์ฟ คห 3 ที่่ส่งลิงค์มาให้ Vote   จากคุณ : กราสิก - [ 25 เม.ย. 51 18:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 22 มาซื้อมะพร้าวครับ จากคุณ : focus me not - [ 25 เม.ย. 51 18:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มะพร้าวเจ้านี้ อร่อยครับ ขอบคุณบทความดี ๆ ครับ อ่านเพลินจริง ๆ จากคุณ : นักเลงหนัง - [ 25 เม.ย. 51 19:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ จากคุณ : Cyk - [ 25 เม.ย. 51 20:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 โหวตแล้วครับ จากคุณ : โจนาธาน ลิฟวิงสตัน - [ 25 เม.ย. 51 21:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีครับ จากคุณ : airtime - [ 25 เม.ย. 51 21:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดีครับ ขออนุญาตเอาไปแนะนำที่ห้อง 4ร จากคุณ : ชายหนุ่มจากดาวอังคาร - [ 25 เม.ย. 51 22:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอมาลิ้มรสมะพร้าวห้าวด้วยคนนะครับ.... จากคุณ : @Server ! maN@ - [ 25 เม.ย. 51 23:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอขอบคุณอย่างแรง จากคุณ : pexengkrub - [ 26 เม.ย. 51 03:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คุณนายดอกไม้ - [ 26 เม.ย. 51 07:50:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อย่างนี้ต้องโหวดจิ จากคุณ : babu_radio - [ 26 เม.ย. 51 15:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สุดยอด...... แจ่มแมว...... สูบลงคลังโลด จากคุณ : หน้าแป้นแล้น - [ 26 เม.ย. 51 15:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : noname!!! - [ 26 เม.ย. 51 17:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 35 Log in เข้ามา Vote จากคุณ : Dante (tae_reloaded) - [ 26 เม.ย. 51 19:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เหอ ๆ ขอขอบ พระคุณ ทุกท่านมากครับ ที่เข้ามา โหวต หวังว่า เรื่องราวที่ลงไป จะเป็นประโยชน์ กับเพื่อนๆ  ทั้งมือใหม่ มือเก่า อยู่บ้าง และหาก มีข้อมูลผิดพลาดประการใด ขอเชิญ แก้ไข ติติงได้เลยครับ เพื่อ เพื่อนๆ  จะได้ ไม่จำข้อมูลผิด ๆ ครับ ขอขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาโหวตให้นะครับ เป็นกระทู้แรก ของผมเลย ที่ขึ้นโหวต เหอ ๆ ดีใจจริงๆ  ตรับ ที่ความรู้เล็ก ๆ ของผม เป็นประโยขน์ กับเพื่อนๆ  ที่รักการถ่ายภาพ บ้าง อิ อิ จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 26 เม.ย. 51 21:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 37 อ่านเรื่องวัดแสงทีไร มึนทุกที  แล้วเราก็มั่วต่อไป   555 ขอบคุณมากครับสำหรับบทความวิชาการดีๆ ที่อ่านแล้วเข้าใจง่ายพอสมควร จากคุณ : Bikefriday - [ 26 เม.ย. 51 21:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 26 เม.ย. 51 21:36:47 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ยอดครับสรุปใช้ spot เมหือนเดิม555 จากคุณ : joe_micro - [ 26 เม.ย. 51 22:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 40 มาช่วยโหวตคับน้าหนูฯ กริ ๆ ๆ ๆ จากคุณ : ตินติน (tintinclub) - [ 26 เม.ย. 51 23:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 41 กระทู้ดี มีสาระ   โหวต ^ ^ จากคุณ : espucino-ccj - [ 27 เม.ย. 51 00:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : lada_114 (aoomsinc) - [ 27 เม.ย. 51 03:53:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณครับ จากคุณ : ตาแยม - [ 27 เม.ย. 51 09:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 44 สุดยอดครับขอบคุณที่มาให้ความรู้นะครับ ปล.ขออณุญาติ เซฟกระทู้นะครับ จากคุณ : tragodius - [ 27 เม.ย. 51 20:38:26 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขอบคุณค่ะ  สุดยอดเลย แอบเซฟกระทู้นะคะ อิอิ จากคุณ : gi gig (GigLoT) - [ 27 เม.ย. 51 20:45:43 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เข้ามางง มากๆ เหอๆ ฝึกต่อไปๆ จากคุณ : THe eFFeCT - [ 27 เม.ย. 51 22:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ยอดเยี่มมากครับ จากคุณ : อู๋หมูตุ๋น (เกลือเป็นหนอน) - [ 27 เม.ย. 51 22:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 โหวตให้หน้าหนู จึ๊ก จึ๊ก !!!! ^-^ จากคุณ : dorapanda - [ 28 เม.ย. 51 00:13:38 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณครับ โหวตๆ จากคุณ : KyBlueSky - [ 28 เม.ย. 51 01:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แจ่มครับน้า ขอบพระคุณมาก ๆ เลย จากคุณ : risk - [ 28 เม.ย. 51 06:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 โหวตแล้ววววววว จากคุณ : To Be Or No[t]T To Be - [ 28 เม.ย. 51 08:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 52 โหวตให้ครับ ความรู้ดีๆอย่างนี้ จากคุณ : โจโชว์ห่วย - [ 28 เม.ย. 51 10:37:13 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : JAuthor - [ 28 เม.ย. 51 10:56:40 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เยี่ยมค่ะ จากคุณ : แพนด้ามหาภัย - [ 28 เม.ย. 51 11:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 55 d^-^b จากคุณ : EdgeMaNizTa - [ 28 เม.ย. 51 15:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โหวตเท่านั้น จากคุณ : golf84 - [ 28 เม.ย. 51 15:19:00 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ขอบคุณครับ จะพยายามจำไปใช้ให้้ได้ ฮ่าฮ่า จากคุณ : หมากแข้งขม - [ 28 เม.ย. 51 22:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เยี่ยมๆ อย่างนี้ต้องโหวตให้พี่เราหน่อยแว้ววว จากคุณ : Photosapien - [ 29 เม.ย. 51 09:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เยี่ยมมากครับที่เอาเรื่องราวๆดีๆมาเล่าสู่กันฟัง มีประโยชน์มาก ว่าแล้วก็กดโหวดให้ 1 ที ว่างๆอาทิตย์นี้ต้องไปวัดแสงซะแล้ว จะได้เข้าใจลึกซึ้งขึ้นอีก จากคุณ : alfajet - [ 29 เม.ย. 51 11:28:03 ]

ความคิดเห็นที่ 60 นอกจากโหวตแล้ว อย่าลืมช่วยกันคลิ๊ก "เก็บเข้าคลังกระทู้" ด้วยนะครับ :) แก้ไขเมื่อ 29 เม.ย. 51 15:44:57 จากคุณ : ... (อีกซักครั้ง) - [ 29 เม.ย. 51 15:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 61 :) ขอบคุณมาก ๆ ครับ โหวตและเก็บเข้าคลัง ไปเรียบร้อยแล้วครับ จากคุณ : ThinkMan - [ 29 เม.ย. 51 18:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แจ๋วเลยครับ จากคุณ : แม่ฮะ เทไฮน์ให้หน่อย - [ 29 เม.ย. 51 23:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอบคุณมากครับ น้าหนู จากคุณ : น้ำพริกหมูแดง - [ 30 เม.ย. 51 00:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอ zone system ด้วยครับ จากคุณ : =ส้มสีทอง= - [ 30 เม.ย. 51 08:21:46 ]

ความคิดเห็นที่ 65 โอวววว ถ้าเขียน zone system ได้แบบนี้ด้วย ผมก็ขอด้วยเหมือนกันครับ.... จากคุณ : proofman - [ 30 เม.ย. 51 08:48:04 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณครับ จากคุณ : zatito (zatito) - [ 30 เม.ย. 51 11:28:24 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โอ้  เข้ามากันเต็มเลย ครับ ผมเองก็ ไม่ได้เก่งอะไร ขนาดนั้น ครับพอรู้เข้าใจบ้างก็ แบ่งปันกันไป เห็นมี คน สนใจ สอบถามเรื่องการอบรมถ่ายภาพเบื้องต้น ที่ระยอง กันเยอะ เลยเอาลิงคืมาให้ดู กันนะครับที่บ้านโน้น ยินดี ต้อนรับ ชาวระยองและพื้นที่ใกล้เคียง นะครับ อ้อ มี เพื่อนๆ  จากกรุงเทพ มาร่วมแจม กลุ่มนึงด้วยนะครับ ขอขอบพระคุณมากครับ http://www.doartdee.com/forum/index.php?topic=119.msg856#new จากคุณ : หนูน้อยห้อยเลนส์ L - [ 30 เม.ย. 51 18:11:01 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ โหวตให้ครับ จากคุณ : wal2000 - [ 30 เม.ย. 51 21:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อ่านได้เพลินจริงๆนะครับแล้วเข้าใจง่ายด้วย จากคุณ : nukrob - [ วันแรงงาน 00:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขอบคุณครับ จากคุณ : supertarokung - [ วันแรงงาน 22:06:02 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากครับ   มาเก็บความรู้ไปฝึกฝน โหวตไป... จากคุณ : ภูผา-ฟ้าหมอก - [ 2 พ.ค. 51 00:09:41 ]

ความคิดเห็นที่ 72 วัดแสงเก่งจังเลย..เราเรียนนิเทศมายังจำไม่ค่อยจะได้เลย..thank ka จากคุณ : มิตรบางมด - [ 2 พ.ค. 51 17:09:50 ]

ความคิดเห็นที่ 73 Vote ครับ ขอบคุณคุณหนูน้อยห้อยเลนส์ L สำหรับความรู้ครับ ขออนุญาตเซฟเก็บไว้ศึกษาต่อไปนะครับ จากคุณ : Zeromaster (zeromaster) - [ 3 พ.ค. 51 17:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 74 thx. จากคุณ : เฮดเดอร์ - [ 4 พ.ค. 51 06:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณมากค่ะ กระจ่างแจ้งขึ้นเยอะเลย จากคุณ : ปั้นจั่นไขลาน - [ 4 พ.ค. 51 10:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน - [ 4 พ.ค. 51 14:05:43 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เจ๋งมากเลย ขอบคุณมากๆเลยครับน้า จากคุณ : แรงเลือดหมู - [ 4 พ.ค. 51 20:01:53 A:58.64.56.126 X: TicketID:150402 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอบคุณตรับ จากคุณ : คนริมดอย - [ วันฉัตรมงคล 20:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 79 มะพร้าวรสเยี่ยมแบบนี้ นำมาขายสวนบ่อยๆ ครับ จากคุณ : GEORGI - [ 8 พ.ค. 51 08:57:37 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ 9 พ.ค. 51 10:48:17 ]