PANTIP.COM : O6553897 ในยุคที่ Nikon Fm2N ได้รับความนิยมสุดๆ..ตอนนั้นไม่มีของCannon บ้างเหรอครับ []

ความคิดเห็นที่ 15

เหตุที่กล้อง nikon FM2n กับ Pentax K1000 เป็นที่นิยม น่าจะมาจาก
- เป็นกล้องที่พอจะซื้อหากันได้ ถ้างบน้อยก็เล่น Pentax งบมากหน่อยก็เลือก Nikon
- ค่านิยมของคนสมัยนั้นที่ชอบกล้องทนๆ หนักๆ ใช้งานชั่วลูกชั่วหลาน จึงไม่ค่อยไว้ใจกล้อง อิเล็กทรอนิกส์ และพลาสติก
- หลายคนมีความเชื่อว่า ถ้าจะถ่ายภาพเก่งต้องใช้กล้องแมนนวลล้วนๆ ห้ามใช้ออโต้
- ในยุคแมนนวลโฟกัส นิคอนถือเป็นจ้าวตลาด อุปกรณ์หาง่าย ก็เหมือนกับแคนนอนในยุคนี้ครับ
- ในการเรียนการสอนวิชาถ่ายภาพ มักนิยมใช้ nikon FM2n กับ Pentax K1000 เพราะเป็นแมนนวลล้วนๆ เหมาะแก่การฝึกขั้นพื้นฐาน ทั้งที่กล้องที่มีระบบออโต้ก็สามารถใช้ระบบแมนนวลในการฝึกได้ แต่น่าจะเป็นการบอกกันแบบปากต่อปากมากกว่า ว่าต้องเป็น 2 รุ่นนี้

กล้อง nikon FM2n กับ Pentax K1000 มีอายุผลิตภัณฑ์ยืนยาวมากกครับ เลยมีคู่แข่งหลายรุ่น ตัว nikon FM2n ถูกปรับปรุงมาจาก FM2 ที่มีปัญหาเรื่องม่านชัตเตอร์ จัดว่าเป็นกล้องที่มีสเป็คดีมาก เช่น ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/4000 วินาที สัมพันธ์แฟลชที่ 1/250 วินาที มีอุกรณ์เสริม เช่น มอเตอร์ไดรฟ์ ใช้งานได้ตั้งแต่มือสมัครเล่นจนถึงระดับจริงจัง แต่ความน่าใช้ยังเป็นรอง Nikon FE2 หรือ Nikon FA เพราะ Nikon FE2 มีโหมด A ส่วน Nikon FA มีทั้งโหมด A,S และ P ให้เลือกใช้ ความบึกบึนสูสีกับ FM2 แต่ทั้งคู่เป็นกล้องอิเล็กทรอนิกส์ และเลิกผลิตก่อน FM2n ครับ โดยเฉพาะ FE2 ก็จัดว่าเป็นตำนานของ nikon ได้ครับ เพราะหลังจากเลิกผลิตไปแล้วยังมีความต้องการอยู่มาก ราคามือสองแทบจะเท่ากับของใหม่ และ Nikon กลับมาผลิตกล้องที่คล้ายกับ FE2 อีกครั้งในรุ่น FM3A แต่ราคาค่อนข้างเเพง

Pentax K1000 เป็นกล้องที่สเป็คพื้นๆ เช่น ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/1000 วินาที สัมพันธ์แฟลชที่ 1/60 วินาที ไม่มีถ่ายภาพซ้อน เช็คชัดลึก และ Selfe Timmer แต่มีดีที่ทน ราคาถูก เท่าที่ทราบมี 3 เวอร์ชั่นตามแหล่งที่ผลิต เริ่มต้นผลิตในญี่ปุ่น จากนั้นย้ายไปผลิตในฮ่องกง สุดท้ายย้ายไปผลิตที่จีน ซึ่งงานการผลิตไม่ดีเท่า 2 รุ่นแรก ตัวกล้องน่าจะเปลี่ยนมาเป็นพลาสติก ความน่าใช้ของ K1000 ยังเป็นรอง Pentax MX ที่เป็นกล้องกลไกเหมือนกัน แต่สเป็คดีกว่า หรือ Pentax SuperA ที่มีระบบโปรแกรม ก็น่าใช้ครับ ตัวกล้องสีดำล้วน ดูดุดันทีเดียว ถ้ากลับไปยุคนั้น และไม่มีปัญญาซื้อ Pentax LX ผมชอบ SuperA มากที่สุกครับ อีกตระกูลก็เป็น P50 กับ P30 เป็นกล้องแมนนวลที่มีรูปทรงเรียบๆ สีออกเทาๆ ดูไม่หนักแน่น ซึ่งก็ไม่เป็นที่นิยม

ในช่วงที่กล้องทั้งสองรุ่นยังฮิต น่าจะอยู่ในยุค 80 ที่เป็นช่วงรอยต่อก่อนเข้าสู่กล้องออโต้โฟกัส คู่แข่งที่เป็นจอมเทคนิคอย่าง Canon และ Minolta จึงมีกล้องที่มีรูปแบบอนุรักษ์นิยมออกมาน้อย อย่างแคนนอนก็มีรุ่น AE1 Program ส่วนมินอลต้าก็มี X700 กับ X300s ซึ่งเป็นกล้องอิเล็กทรอนิกส์ทั้งคู่ ความนิยมจึงเป็นรอง ทั้งที่ให้ความคล่องตัวในการใช้งานมากกกว่า จากนั้นแคนนอนก็มีกล้องแมนนวลโฟกัสในตระกูล T ออกมาทั้ง T50 และ T70 รุปทรงคล้ายกับกล้องออโต้โฟกัสในปัจจุบัน แต่รูปทรงยังไม่ลงตัว รูปทรงขี้เหร่ และน่าจะเป็นพลาสติก คนยุคนั้นคงรับไม่ได้ เพราะดูเหมือนของเล่นมาก ส่วนกล้องตระกูล T ที่น่าใช้ ต้องเป็น T90 ครับ เป็นรุ่นเรือธง รูปทรงเหมือนกล้อง EOS

ในยุคนั้นยังมีกล้องที่เป็นที่นิยมอีกตัวครับ คือ Yashica FX3super2000 เป็นกล้องกลไกราคาถูกแบบเดียวกับ K1000 จุดเด่นคือ ใช้เลนส์ Carl Zeiss ได้ หลายคนหวังจะใช้กล้องรุ่นนี้ แล้วเปลี่ยนไปใช้เลนส์ Carl Zeiss แต่มักจะเปลี่ยนแผนครับ เพราะขนาดมีปัญญาเล่น Carl Zeiss แล้ว ยังไงก็ต้องใช้กล้อง Contax หรือไม่งั้นก็ย้ายค่ายเลยดีกว่า เพราะอุปกรณ์หายาก

ในยุคนั้น ค่ายกล้องของญี่ปุ่น ต่างก็มีกล้องโปรออกมาจำหน่าย ซึ่งมีความเหนือชั้นกว่าทั้ง FM2n และ K1000 จัดว่าอยู่คนละกลุ่มตลาด เทียบกันไม่ได้ เช่น Nikon F3 ซึ่งมีหลายรุ่น Canon มี New F1 ที่ปรับปรุงมาจาก F1 แต่ที่ไม่ใช้ชื่อ F2 น่าจะกลัวไปซ้ำกับ Nikon ที่มีรุ่น F2 แล้ว ส่วน Pentax มีรุ่น LX และ Olympus ก็คือ OM4

ในช่วงนั้นหลายค่ายก็เริ่มคิดค้นกล้องออโต้โฟกัสแล้วครับ แต่ยังไม่มีความสมบูรณ์ คือเอามอเตอร์ไปหมุนเลนส์แมนนวลเอาดื้อๆ เลย เช่น Canon T80 ดังนั้นกล้องที่เป็นออโต้โฟกัสแท้ๆ ที่มีวางจำหน่าย คือ Minolta 7000 ครับ ส่วนกล้องตัวท็อบในซีรีย์นี้จะเป็น minolta 9000 กล้องพลาสติกที่พิสูจน์ความทนทานจนเป็นที่ยอมรับ โดยส่วนตัวผมยกให้ Minolta Dynax 9Xi (ไม่ใช่ Dynax9) ครับ ตัวนี้เป็นกล้องโปร นอกเป็นโพลีคาร์บอร์เนตเคลือบ UV ซึ่งว่ากันว่าทนต่อรอยขีดข่วนมาก

จากคุณ : ch - [ 28 เม.ย. 51 10:38:44 A:202.91.19.194 X: ]