PANTIP.COM : O6652591 ถามเรื่อง Nikon D80 กำลังจะซื้อนะครับ []

ความคิดเห็นที่ 1

1. ต่างกันมากมายครับ D80 เข้าระดับกล้องกึ่งโปร เอนๆมาทางระดับเริ่มต้นหน่อยๆ ส่วน D60 นี่ ระดับเริ่มต้นแบบเต็มตัวไปเลยครับ ข้อแตกต่างที่เห็นชัดสุดอย่างแรกเลย D80 ใช้กับเลนส์ที่ไม่มีมอร์เตอร์ ก็ยังโฟกัสแบบออโต้ได้ D60 ทำไม่ได้ครับ จะใช้ออโต้โฟกัส ก็ต้องใช้เลนส์ AFS HSM หรือเลนส์ที่มีมอร์เตอร์ในตัวรุ่นอื่นๆ (ซึ่งหลังๆมานี่ก็เริ่มจะเห็นทำกันมาขายมากขึ้นเพื่อเอาใจตลาดในส่วนนี้) แต่ก็ยังมีเลนส์เจ๋งๆแจ่มๆอีกหลายตัวครับ ที่เป็นรุ่นเก่าแล้ว และไม่มีมอร์เตอร์ ซึ่งถ้าใช้กับ D80 ก็ไม่มีปัญหา แต่ใช้กับ D60 ก็ต้องหมุนโฟกัสด้วยมือลูกเดียว ข้อแตกต่างต่อมาก็คือ D80 มีจอแสดงสถานภาพอยู่ด้านบนกล้อง แยกต่างหากจากจอ LCD หลัก เวลาดูค่าต่างๆที่เซ็ตไว้ สะดวกกว่ากันเยอะ D60 แสดงผลทุกอย่างบนหน้าจอ LCD หลักหมดเลย เวลาดูก็จะรำคาญหน่อยเพราะมันมีอยู่จอเดียว อีกข้อที่เห็นได้ชัดคือ D80 นี่จะตัวใหญ่กว่า จับถนัดกว่าครับ D60 ตัวเล็กไปนิดไม่ค่อยเหมาะกับมือผู้ชาย ในเรื่องของฟังก์ชั่นก็เหมือนกันครับ D80 จะสามารถตั้งค่าต่างๆได้ละเอียดกว่า ที่ผมชอบที่สุดเป็นส่วนตัวคือ ISO สามารถตั้งได้ทีละ 1/3 สต็อป ในขณะที่ D60 ต้องเพิ่มทีละ 1 สต็อป ซึ่งบางทีเราอยากอัด ISO สูงขึ้น แต่ไม่ไ้ด้อยากให้มันสูงขนาดนั้นน่ะครับ เรื่องของแฟลชก็เหมือนกันครับ D80 สามารถสั่งงานแฟลชแยกแบบไร้สายได้ โดยใช้แฟลชหัวกล้องเป็นตัวสั่งการ ส่วน D60 ทำไม่ได้ครับ ฯลฯ สรุปว่ามันมีข้อแตกต่างปลีกย่อยมากมายครับ

ส่วนข้อดีของ D60 ที่เหนือกว่า D80 อยู่บ้าง คือมันใหม่กว่า ไฟล์ JPG ก็เลยเนียนกว่า ถ่ายที่ ISO 1600 แล้วน้อยซ์ต่ำมากเมื่อเทียบกับ D80 แต่ก็มีจุดอ่อนคือ D60 ไม่สามารถถ่าย RAW + JPG fine ได้ ถ่ายได้สูงสุดแค่ RAW + JPG basic ในขณะที่ D80 สามารถถ่าย RAW + JPG fine ได้ (ผมใช้บ่อยครับ ละโมบ อยากได้ไฟล์ทั้งสองตัว อิ อิ) แต่เรื่องน้อยซ์นี่ ว่ากันจริงๆเดี๋ยวนี้โปรแกรมแก้เยอะแยะครับ ถ่ายด้วย D80 เอามาลบน้อยซ์ทีหลังก็ได้สบายมาก เนียนเหมือนกัน ข้อดีอีกอย่างของ D60 คือมีกันฝุ่นสองชั้น ทั้งแบบเขย่าเซนเซอร์ และแบบเป่าฝุ่นตรงเม้าท์เลนส์ แต่พูดกันตรงๆ ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซนต์หรอกครับ ถ้าฝุ่นเม็ดใหญ่จริงๆก็เอาไม่อยู่ครับ เม็ดเล็กละพอได้ แล้วก็มีข้อดีอีกอย่างคือ D60 มีฟังก์ัชั่น active D-lighting มาให้ อันนี้ดีมากๆครับ D80 ยังไม่มี แต่ถ้าพูดถึงจะถ่ายภาพแบบ HDR จริงๆ ไม่ต้องพึ่งฟังก์ชั่นนี้ก็ถ่ายได้อยู่แล้วครับ

สรุป ยังไงๆ D80 ก็ยังเหนือกว่าอยู่ขั้นหนึ่งครับ

2. D90 เท่าที่เดาๆกันไว้ ควรจะออกมาปลายๆเดือนกันยาครับ น่าจะเปิดตัวที่งาน Photokina ที่เยอรมันปีนี้ครับ จะรอซื้อตัวนั้นก็ดีครับ หรือรอซื้อ D80 ตอนนั้นราคาก็น่าจะหล่นลงไปเยอะ ก็เป็นอีกทางหนึ่งที่ดีเหมือนกันครับ เพราะคุณสมบัติของ D80 นี่มันก็เหลือใช้อยู่แล้ว (ผมใช้มาจะสองปีแล้ว ยังใช้ฟังก์ชั่นของ D80 ไม่ครบเลยครับ)

3. ถ่ายคน เลนส์คิทก็ถ่ายได้ครับ ช่วง 18-135 นี่จริงๆแล้วผมว่าเหมาะมากเลย เก็บทั้งตัวก็ได้ ครึ่งตัวก็ได้ เจาะหน้าก็ได้ ตัวเดียวครอบจักรวาลเลยครับคิทตัวนี้ แต่ถ้าน้าอยากได้เลนส์ตัวอื่น อย่างพวก f2.8 ทั้งหลายนี่ ก็ลองดู Tamron 17-50 ก็ได้ครับ เลนส์พิมพ์นิยมครับ ใช้กันทั่วบ้านทั่วเมือง ตัวนั้นก็ดีเหมือนกันครับ

4. 40D หนักกว่าแน่นอนครับ เพราะเป็นอัลลอยด์ทั้งดุ้น กล้องดีเหมือนกันครับ เพราะเป็นระดับที่สูงกว่า D80 ไปอีกชั้นหนึ่ง อยู่ระดับ กึ่งโปร ค่อนไปทางโปรครับ ที่ต่างกันเห็นชัดๆก็ 40D มี live view ครับ แต่ส่วนตัวผมว่าไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่ (แฟนหนอนมาอ่านอย่าพึ่งโวยวายนะครับ ผมว่าจอ live view ทั้งของ 40D ทั้งของ D300 มันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์พอๆกันนะแหละครับ อิ อิ) เพราะมันพับไม่ได้ จอพวกนี้มีประโยชน์ก็ต่อเมื่อพับขึ้นลงได้ เหมือนของ Olympus E3 หรือ Sony A350 นั่นแหละครับ เพราะมันช่วยได้เยอะเวลาถ่ายมาโคร หรือถ่ายจากระดับเหนือศีรษะครับ ของ 40D นี่เป็นแบบติดตายอยู่หลังกล้อง ก็เลยไม่ค่อยมีประโยชน์ไม่รู้ให้มาทำไมเหมือนกัน ถ้าต้องเล็งจากหลังกล้องอยู่แล้ว เล็งในช่องมองก็ได้ มีค่าเท่ากันครับ ข้อดีอีกอย่างของ 40D ก็คือกันฝุ่น แต่ก็เหมือน D60 แหละครับ มันไม่ร้อยเปอร์เซนต์ครับ ข้อดีอีกข้อนึงที่เหนือกว่า คือ 40D สามารถถ่ายต่อเนื่องได้ที่ 6.5 fps เร็วกว่า D80 ไปสองเท่าเลย ถ้าน้าถ่ายต่อเนื่องบ่อยๆก็น่าใช้ครับ ปัญหาคือ ผมก็ถ่ายภาพกีฬามาพอสมควรนะ ไม่เคยใช้เลยไอ่โหมดถ่ายต่อเนื่องเนี่ย ก็เล็งถ่ายทีละช็อตๆอยู่ดี เพราะถ่ายต่อเนื่องไป โฟกัสไม่ถูกที่ ไ้ด้มา 10 รูป โฟกัสหลุดหมดก็ไม่มีประโยชน์ครับ เลยไม่ค่อยมองเห็นความสำคัญตรงนี้เท่าไหร่ ส่วนเรื่องน้อยซ์ 40D ใช้ CMOS คุมน้อยซ์ได้ดีกว่า D80 ที่ใ้ช้ CCD อยู่แล้วครับ

ก็ถือว่าเป็นกล้องที่ดีมากครับ 40D แต่ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อนเลย อย่างแรกที่เห็นคนบ่นกันมาบ้างก็คือใช้รีโมทไร้สายไม่ได้ (D80 ใช้ได้ครับ) ไม่มีเส้น grid ให้ต้องไปซื้อแผ่นใสที่มี grid มาเสียบต่างหาก (ก็ต้องสอดเข้าไปใต้ปริซึ่ม - D80 ไม่ต้องครับ เป็นอิเลคโทรนิค เปิดปิดได้ด้วยเมนู แถมกลางคืนยังเห็นไฟกระพริบๆช่วยอีกตะหาก อิ อิ) แค่นี้แหละครับ ส่วนเรื่องอื่นๆก็พอๆกันครับกล้องสองตัวนี้ เลือกตัวไหนก็ไม่ถึงกับผิดหวังหรอกครับ แต่ส่วนตัวผมชอบราคา D80 มากกว่า เหลือตังค์ไปซื้อเลนส์ดีๆได้สบาย อิ อิ

5. เรื่องประกันเมืองไทยนี่ ผมไม่ถนัดครับ เดี๋ยวรอผู้รู้มาตอบดีกว่าครับ แต่ที่แน่ๆ ผมใช้กล้องแบบสมบุกสมบันมากๆ (ถามน้าๆในห้องนี้ได้ อิ อิ) ใช้มานานนนนนน ก็ไม่มีตัวไหนพังซักทีเลยครับ กล้องนิกเนี่ย อึดสุดๆจริงๆครับ ยังไม่เคยมีปัญหาต้องส่งเข้าศูนย์เลย จนจะหาเรื่องเปลี่ยนกล้องใหม่อยู่แล้วเนี่ย 555

จากคุณ : Sandhill - [ 29 พ.ค. 51 01:58:54 ]