ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มจากโหมกAละกัน เนื่องจากมีคนเชิญช่วยกันลงความรู้น้อยนิด ผมใช้โหมดA เป็นมาตรฐานตามความถนัด ตามชื่อมันก็ปรับF หรือรูปรับแสงนั่นเอง ปกติแล้วผมก็ใชโหมดนี้เพื่อคุมชัดลึกหรือระยะชัด โดยใช้F<=3.5 เพื่อละลายหลังหรือเน้นที่จุดโฟกัสเท่านั้น ซึ่งส่วนอื่นนอกระยะโฟกัสจะเบลอไปหมด     F5.6  ใช้ถ่ายคนเดี๋ยวๆกำลังดี ระยะชัดครอบคลุมตัวคนพอไหว เดี๋ยวตาชัดแล้วหูจะหายก่อน     F8    ใช้ถ่ายคนหลายคนได้ คนที่ไม่ยินระนาบเดียวกันจะได้ชัดถ้วนหน้า     F>=11  ผมใช้ถ่ายวิวเพื่อให้พอชัดถึงภูเขาลูกหลังๆได้ แต่ต้องระวังเรื่อง Speed Shutter เพราะเวลาเปิดFเลขเยอะๆ รูปรับแสงแคบๆนี่ Speed จะตก แล้วอาจจะทำให้ภาพสั่นได้ ผมแก้ดดยการเร่งISO ยอมมีNoise ดีกว่าภาพสั่น ซึ่งเรื่องระยะชัดจะเกี่ยวกับช่วงเลนซ์และระยะห่างระหว่างเลนซ์กับวัตถุด้วย ใครสนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cambridgeincolour.com/tutorials/depth-of-field.htm ส่งท้ายเอารุปตอนเที่ยวมาให้ชม จากคุณ : หัวมัน (huaoman) - [ 2 มิ.ย. 51 22:24:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้นี้ ท่าทางจะยาว มาปูเสื่อรออ่านครับ จากคุณ : หมูหยองน้อย - [ 2 มิ.ย. 51 23:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอเข้าห้องเรียนด้วยคนครับ จากคุณ : อนันต์ครับ - [ 3 มิ.ย. 51 00:38:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รูที่ผมถ่ายนั้นผมปรับมั่วๆเอาครับ(มั่วทุกรูป) -ค่าF ค่านี้ขึ้นอยู่กับเราว่าต้องการชัดตื้นหรือชัดลึกปกติแล้วผมจะถ่ายที่F8ขึ้นไปครับ(ถ้าต้องการชัดลึกมากกว่านี้ก็ปรับค่าFไปเรื่อยๆแล้วกดปุ่มเช้คชัดลึกดูเอา(ผมว่าF8-11กำลังสวยบางครั้งก็ต่ำกว่านี้แล้วแต่ว่าเราจะเน้นส่วนไหนของแบบ) -ค่า"ค่าความเร็วชัตเตอร์"นั้นต้องมากกว่าความยาวของเลนส์ครับอย่างเลนส์เช่นเลนส์50mm. นั้นอย่างต่ำๆต้อง1/60ขึ้นไปครับ(ถ้ามือนิ่งพอ)ถ้ากลัวมือไม่นิ่งก็ดันไป1/100ขึ้นไปครับ(อย่างผมใช้70-300 บางรูปดันไปที่1/320 บางรูปผมใช้แค่1/100กว่าๆก็มีครับ...อันนี้ผมจะปรับการปรับโฟกัสเป็นแบบMFเพราะมือจะนิ่งกว่าปรับโฟกัสแบบAF) -ค่าISOนั้นไม่ค่อยมีผลเท่าไรครับจะมีผลตอนแสงน้อยถ่ายไม่ได้ครับ -การใช้Flash บางครั้งที่แสงน้อยหรือกลัวมือไม่นิ่งก็ใช้ได้ครับเพราะระบบFlashนี้จะบังคับค่า"ความเร็วชัตเตอร์"ให้เรา อย่างภาพแมลงวันนั้นผมถ่ายตอนเย็นๆแทนที่ผมจะเลือกเพิ่มค่าISOแต่ผมไม่เลือกกลับไปเลือกเปิดFlsahหัวกล้องเพื่อความชัวร์ว่าได้ภาพนิ่งแน่ๆ ลืมบอกไป ผมใช้โหมดA ตลอดครับ(มีบางครั้งใช้โหมดMบ้างแต่น้อยมาก) ดูค่าExifไดครับ(คลิ๊กขวา) แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 12:53:30 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 01:06:57 จากคุณ : อนันต์ครับ - [ 3 มิ.ย. 51 00:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในโหมด A นี่ ผมมักจะใช้เมื่อต้องการควบคุม ความชัดลึก แต่เป็นประโยชน์อันดับสองครับ ประโยชน์หลักที่ผมใช้ คือ ใช้ควบคุมช่องรับแสงให้ได้อยู่ในช่วงที่ให้ความคมชัดสูงที่สุด รายละเอียดสูงสุด เท่าที่เลนส์นั้นทำได้ จากคุณ : อะธีลาส - [ 3 มิ.ย. 51 07:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เคยถ่ายรูปในที่ร่ม (ถ่ายงานแต่งงาน) ไม่กล้าใช้โหมด A ครับกลับเบลอกับ noise เลยใช้โหมด S แทน (ถูกไหมเนี่ย) จากคุณ : jomnalists - [ 3 มิ.ย. 51 08:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับ โหมด P สันต์ ใช้เป็นหลักเลย เพราะ ใช้เป็น โหมดเดียว แบบมั่ว ๆ นะคะ เพราะ ตั้งโหมดอื่นแล้ว ควบคุม ยากมาก ไม่เหมาะกับการทำงานจิง ๆ เท่าไร ในโหมด P กล้อง จาคำนวณ speed shutter และ รูรับแสงให้แล้ว ที่เราจาต้องตั้งเอง คือ ปรับความ สว่างหรือ มืด ของภาพ ในกล้อง รุ่นต่าง ๆ จามีปุ่ม +- เล้ก ๆ ใกล้ ๆ ชัตเตอร์ อ่ะคะ จาให้กดค้าง แล้ว หมุนปุ่ม ลูกเลื่อน แถว ๆ นั้นแหละ ดูที่ หน้าจอ จาบอกเองว่า ตั้ง เปนบวกหรือ ลบ อ่ะคะ เพื่อ ตั้ง ความสว่าง ให้พอดี กับ วัตถุที่จาถ่าย เท่านั้นเอง   ไม่น่าเชื่อ มหัศจรรย์ ของโหมด P ทำได้อ่ะ ออกมาก้อ ค่อนข้างพอใจ ส่วน เทคนิคอื่น ๆ ปูเสื่อ รอเหมือนกันคะ จากคุณ : I-ONLY - [ 3 มิ.ย. 51 10:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 8 -"-   กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอารายดี อิๆ แบบว่า..มือใหม่ (จริงๆ) เด่วไปหารูป กะคิดข้อมูลก่อนนะจ้ะ เทคนิคไม่ค่อยมี มีแต่ประสบการณ์ แบบ..เรื่องจริงผ่านเลนส์ อาศัยถือกล้องส่องเกือบทุกวัน(เมื่อลุกหลับ ถ้าไม่หลับก้อจับมาเป็นแบบ แหะๆ) จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 3 มิ.ย. 51 11:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อยากให้แนวหน้าห้องโอลี่มาสอนเทคนิคด้วยครับ อยากรู้เหมือนกัน จากคุณ : Pulanka - [ 3 มิ.ย. 51 11:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 10 " ปรับกล้องอย่างว่องไว  ใช้ปุ่ม OK ซิ.....นะค๊า....." ปกติที่ หน้าจอ(หลังกล้อง)  จะแสดงพารามิเตอร์ ต่างของกล้อง ณ ขณะนั้นว่า อยู่โหมดอะไร ชดเชยแสงแค่ไหน ตั้งความอิ่ม ความเข้ม คอนทราส  ถ่ายใบเดียว หรือต่อเนื่อง  ตั้งเวลา หรือ รีโมท........ใช้แฟลชแบบไหน  Iso  เท่าไร ....ไปจนถึง ใช้ CF หรือ XD อยู่...คิดว่า ทุกคนคงคุ้นเคยนะครับ.. ใครไม่รู้ เปิดกล้องขึ้นมาด่วน  แล้ว พลิกขึ้นมาดูครับ....ถ้าจอมืดอยู่ อย่าตกใจ กดปุ่ม info ขึ้นมา ( ตรงนี้แล้วแต่รุ่นนะครับ ) ของผมเป็น E330 จะอยู่ปุ่มล่างสุด ทางมือซ้าย   ปุ่มนี้ กดแล้วจะเลือกแสดงผล ได้๓ระดับ  คือ ปิดไม่ดู  ,แสดงผลอย่างย่อ และ แสดงผลอย่างละเอียด..  ลองจิ้มดูครับ ทีนี้ ปกติหากเราจะเซทอะไรใหม่   ..คู่มือ บอกให้ไปที่ ปุ่ม menu  พอเรา หลวมตัวกดตามเข้าไป  ก็จะเจอ menu แยกย่อย ไปอีก ต้องกดหา ปวดหัวอีก ว่า จะไปทางไหนต่อ......สุดท้าย ...ไม่ทันรับประทาน ครับ.... วิธีง่ายกว่านั้น คือ กดจากปุ่ม OK ครับ...กดดูซิ  เบาๆนะ  มันโชว์เป็นแถบดำที่ พารามิเตอร์ตัวไหนซักตัว ขึ้นกับว่าครั้งก่อนเรากดอะไรไว้ หรือมันจะ random ผมก้ไม่แน่ใจ      จากนั้นใช้ ลูกศร บน ล่าง ซ้าย ขวา กด ติ๊กๆ  ไปหา พารามิเตอร์ที่เราต้องการจะปรับ...ไปได้ทุกตัวใน รายละเอียดหน้าจอนั้นครับ..กดโอเคอีกครั้ง มันจะเข้า เมนู นั้นทันที  เราก็ปรับจูนใหม่...พอใจแล้วก็กด โอเค ...กล้องก็ พร้อมแล้ว ที่จะ บันทึกภาพ ต่อไป....เร็วกว่า มะ   Trick ส่วนตัว  ผมมักตั้ง การถ่ายภาพไว้เป็นแบบ ถ่ายต่อเนื่อง  ระบบโฟกัสแบบ S-AF + MF ครับ..... พอใจรูปเดียวก็กดถ่ายรูปเดียว....บางครั้งตัวแบบมี move ก็กดตามรัว แชะๆๆ   ....โฟกัสไม่ยอมล๊อก (จากแสงไม่พอ คอนทราสน้อยไป หรือใกล้ตัวแบบกว่าระยะกล้อง )  ก็ใช้มือหมุนโฟกัสเอาเอง......ทำให้ลดข้อจำกัด หรือจัดการกับกล้องได้เร็วขึ้น... หาซักรูป แปะ เล่นๆนะครับ ไม่อยากให้ ความเห็นมีแต่ตัวหนังสือ ดูไม่น่าอ่าน.. จากคุณ : ตี๋265 - [ 3 มิ.ย. 51 11:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เทคนิคม่ายมีอาราย อาศัยถามคนอื่น กะดูรุปเยอะๆ รุปบางรูปผ่านมา เห็นผ่านตาแล้วก้อผ่านไป ลืม.. จะมีสักกี่รูปที่เราไม่ยอมให้ผ่านไปง่ายๆจดจำได้สนิทใจ และบอกกะตัวเองว่า "ช้านจะต้องถ่ายให้ได้แบบนี้บ้าง" 4 เดือนที่แร้วได้ 410 เป็น  DSLR  ตัวแรก ใช้ม่ายเป็นเรย ใช้ ออโต้อย่างเดียว ถ่ายอย่างเดียว ม่ายชัดสักรูป  แรกๆ ก้อคิดว่าถ่ายรูปลุก ลุกขยับ อยู่ไม่นิ่ง ภาพเรยไม่ชัด แต่พอถ่ายอารายที่ไม่ขยับ ก้อยังไม่ชัดอยู่ดี  เรยเข้าใจปัญหาว่า เราโฟกัสไม่ได้เรื่อง เริ่มมาใช้โหมด   M  หัดปรับเอง ถ่ายบ่อยๆ หามุมมองใหม่ๆ ผลที่ได้ รูปออกมาดีขึ้นๆ หลังๆ ขี้เกียจ แหะๆ เรยใช้โหมด   A    แต่ก้อยังต้องชดเชยแสงอาวเองอยู่ดี ภาพจะชัดหรือไม่ชัด ไม่ได้อยู่ที่ว่า เราใช้เลนส์อาราย หรือกล้องอารายถ่าย อยู่ที่การตั้งโฟกัส ถ้าใจร้อน รีบร้อน รูปออกมาก้อจะไม่ชัด  ส่วนเรื่องมุมมอง เราว่าสอนกันไม่ได้หรอกค่ะ อยู่ที่แต่ละคน  ดูรุปเยอะๆ ช่วยได้เหมือนกัน มีประโยชน์หรือป่าวไม่แน่ใจ..แต่การที่เราหยิบกล้องมาถ่ายรูป ดูรูปที่เราถ่ายแล้วมีความสุข ก้อน่าจะโอเคแล้วค๊า รูปเปรียบเทียบ 4 เดือนที่ใช้กล้องมา   -ภาพแรก วันแรกที่จับกล้อง ใช้  Auto ล้วนๆ ไม่ได้แต่งรุปด้วยค่ะ (ตอนนั้นแต่งไม่เป็น) -ภาพสอง หลังจากใช้กล้องมา 4 เดือน ใช้โหมด   A   ปรับแต่งรูปบ้าง (เริ่มเป็นแล้ว) ป.ล. ถ่ายออกมาดี ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการแต่งเรย(แต่เราชอบแต่งอ่ะ นิโหน่ยก้อยังดี) จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 3 มิ.ย. 51 12:24:54 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอปาดด้วยครับ....น้องใหม่ของ โอลี่ แต่ยังไม่ได้สมัคร...ยังไม่มีเวลาโพสต์... จากคุณ : เส้นขนาน (nakornthong) - [ 3 มิ.ย. 51 13:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ก็ได้รับคำเชิญให้มาแนะนำการถ่ายรูปให้สวย ก็เห็นว่ามีประโยชน์ดีกับทุกๆท่านที่ชอบกล้อง ในส่วนตัวแล้วผมชอบถ่ายด้วยโหมด M. เป็นหลักเพราะถนัดกล้องฟิมล์มาก่อน คือปรับเองทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราต้องมีพื้นฐานแน่นๆ หน่อย คือต้องมีหลักก่อน แล้วจึงค่อยพริกแพลงไปตามสถานการณ์     เอาสูตรพื้นๆก่อนคือรู้การปรับตั้งรูรับแสง กับสปีตชัตเตอร์ให้สัมพันธ์กัน กับการที่เราจะถ่ายอะไร ตั้งอย่างไร ในสภาพแสงแบบไหน คือดูแสงให้เป็น ก่อน หัดถ่ายตามสูตรก่อน เมื่อเห็นผลแล้วจึงค่อยเพิ่มหรือลดทีหลัง.......       ตั้งแบบนี้...   S. 125       F. 16    แดดแรงมาก เช่น ชายทะเล..                         S. 125       F. 11    แดดไม่แรง  ปรกติ                         S. 125       F. 8      แดดมีเฆคบัง                         S. 125       F. 5.6   ไม่มีแดด                         S. 125       F. 4      แสงน้อย พรบค่ำ      นี่เป็นสูตรพื้นฐานของมือหัดถ่าย เมี่อถ่ายตามนี้แล้วจนเข้าใจว่าได้ภาพ เป็นอย่างไรแล้ว ต่อไปให้หัดการชดเชยแสง +- เมื่อดูภาพแล้วมืดหรือสว่าง เกินไป เราก็จะไม่ถูกกล้องหลอกในการวัดแสง เพราะเราสามรถกะได้แล้วว่า แสงขนาดไหน ควรตั้ง แสงที่ F. เท่าไหร่ ต่อจากนั้นก็หัดถ่ายคุมความชัดลึก ชัดตื้น  คือถ้าตั้ง F. ตัวเลขมาก ภาพจะชัดลึก หรือที่เราเรียกว่า ชัดตลอด ในทางกลับกัน เราต้องการถ่ายแบบให้ชัดเฉพาะจุด หลังเบลอ ก็ตั้งตัวเลข น้อย ส่วนเรื่อง สปีดชัตเตอร์ให้เราดูที่ เลนส์ของเราว่าช่วงกี่ mm เราต้อง เอา 2 คูณ เช่นเลนส์ 50 mm ได้ 100 ก็ตั้งสปีตอย่าให้ต่ำกว่า 100 เป็นต้น แล้วหัดถ่าย กับทุกสภาพแสง หัดใช้แฟลชในที่แสงน้อยมากๆ แล้วศึกษา ดูจากรูปมือโปร ทั้งหลายว่าเขาตั้งอย่างไร แล้วไปลองถ่ายดูให้เกิดความ ชำนาญ   พื้นฐานก็จะมีอยู่เท่านี้ถ่ายรูปให้เก่งไม่มีการเรียนลัด จำหลักให้ ให้แม่น สมัยนี้ถ่ายแล้วรู้ผลเลย ไม่เหมือนกล้องฟิมล์ เราจะเก่งได้ไว ก็คงจะมีเท่านี้ละนะ ใครสงสัยก็หลังบ้านมาถามได้ไม่ต้องเกรงใจ ก็เอารูปมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ในการคุมความชัดลึกมากๆ.... ข้อมูล      S/250 F. 22 ISO 400 ใช้แฟลชหัวกล้อง สภาพแสงน้อย               กล้อง D-300 เลนส์ 105 VR มาโคร จากคุณ : หลวงตาชัย - [ 3 มิ.ย. 51 13:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 มาเข้าเรียนด้วยคน กระทู้ดีจังครับ ไว้อาทิตย์นี้หมดภาระส่วนตัวก่อน แล้วจะลองไปหาที่คนอื่นเค้าสอนไว้มารวมๆสรุปแชร์ความเห็นกันบ้างครับ จากคุณ : Ninenote - [ 3 มิ.ย. 51 13:55:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 โดยมากถ้าไม่รีบผมชอบใช้โหมด M ครับวัดแสงเป็นส่วนๆของภาพแล้วมาคำนวนหาจุดพอดีของสิ่งที่เราต้องการให้ได้ออกมาน่ะครับ ถ้ารีบๆเช่นถ่ายคนก็เน้นวัดแสงที่หน้านางแบบเป็นหลักเลยครับ จากคุณ : นายผจญภัก - [ 3 มิ.ย. 51 14:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถ่าย RAW แล้วมาแก้ (ตัว) เอาทีหลังครับ จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ - [ 3 มิ.ย. 51 14:46:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สุดยอดกระทู้ ^^ เข้ามารอฟัง รอเรียน คร้าบ จากคุณ : yutei - [ 3 มิ.ย. 51 15:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เหะๆๆ .. ตอนหลังๆ เทคนิคผมชุ่ยขึ้น 1. ถ้าถ่ายภาพท่องเที่ยว บันทึกเหตุการณ์ ฯลฯ ... ใช้ JPG, natural mode, Full auto ... เพราะไปเที่ยว ไม่ใช่ไปสร้างงานศิลป์ 2. ถ้าไปหามุมสวยๆ แต่ไม่มีเวลา ก็เปิด raw ... ใช้โหมด  Full Auto เหมือนเดิม  เวลามีเพิ่มขึ้นนิด .. ก็อาจใช้ Ps หรือ A ..  ถ้าแสงน้อย ก็เพิ่มแสง +0.5 EV  แสงมาก ลดแสง -0.5 EV  แล้วค่อยมาล้างในคอมพ์ แทนที่จะให้ TruPic มันจัดการให้  เอาเวลาที่มีน้อยนิด ไปแก้ไขมุมกล้อง ที่ PS หรือ OST มันแก้ไม่ได้ 3. ถ้ามีเวลา หรือ แสงเพี้ยนหนัก ก็ถ่ายเหมือน 2 แต่เน้นดู histogram ตามเสมอ และอาจถ่าย bracket ด้วย +2 EV และ -2 EV อีกอย่างละรูป  เพราะ DR ของ RAW คือ 11-12 EV ในขณะที่ JPG มันแค่ 8 และรูปอัดทำได้แค่ 6 ... การถ่าย bracket ทำให้ DR เพิ่มเป็น 15-16 EV  แต่ก่อนกดชัีตเตอร์ ก็ต้องเช็คสปีดก่อนว่า รับไหวไหม จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 3 มิ.ย. 51 17:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ระบบโฟกัส ... S-AF โหมด ออโต้โฟกัสแบบทีละภาพ  >>> กล้องจาทำการหาโฟกัส เพียง ครั้งเดียวเมื่อกดปุ่มชัตเตอร์ลง ครึ่งทาง ถ้ากล้องไม่ สามารถหาโฟกัสได้ให้ยกนิ้วออกจาปุ่ม ชัตเตอร์แล้วทำการกดใหม่ อีกครึ่งทางอีกครั้ง โหมดโฟกัสแบบนี้เหมาะกับการถ่ายภาพวัตถุที่อยู่นิ่งหรือมีการเคลื่อนไหว ที่จำกัด C-AF โหมดออโต้โฟกัสแบบต่อเนื่อง  >>> กล้องจะทำการหาโฟกัส ตลอดเวลาไม่ว่าคุณ จาเปลี่ยนการจัด องค์ประกอบภาพ หรือ วัตถุหลักที่ต้องการถ่ายมีการเคลื่อนไหว MF แมนนวลโฟกัส >>> ในโหมดนี้ ต้องปรับโฟกัสเองโดยใช้ วงแหวนปรับโฟกัสและการมองช่องมองภาพ S-AF+MF โหมด Shot-AutoFocus แล้วสามารถหมุนมือผสมไปอีกได้ C-AF+MF ก็เหมือนกัน แต่จะเป็นแบบ ContinueFocus   ส่วน รายละเอียดการใช้งานลึก ๆ เด๋วจามาตอบให้อีกทีค่ะ จากคุณ : I-ONLY - [ 3 มิ.ย. 51 21:03:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ปุ่ม  AEL >>> เราสามารถล็อคค่าแสงได้ด้วยการกดปุ่ม AEL ซึ่งจาใช้งานในสกรณีที่เรา ต้องการตั้งค่าแสงที่ต่างออกไป จากค่าแสงปกติที่กล้องคำนวณให้   ปกติในการกดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งทางนั้น จะเป็นการล็อคโฟกัสและค่าแสง แต่สามารถล็อคค่าแสงเพียงอย่างเดียวได้โดยการกดปุ่ม AEL ซึ่งปุ่มนี้สามารถตั้งฟังก์ชั่นในการกดให้ได้ด้วยการปรับตั้งในระบบเมนู   >>>  EX...   # หลังจากล็อคโฟกัสแล้ว สามารถล็อคค่าแสงแล้วทำการถ่ายรูปได้เลย   # ล็อคค่าแสงก่อนแล้วจึงล็อคโฟกัส แล้วค่อยบันทึกภาพ   # หลังจากล็อคค่าแสงและโฟกัส คุณสามารถบันทึกภาพได้ทันที จากคุณ : I-ONLY - [ 3 มิ.ย. 51 21:13:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Confirm น้า แมวเหมียวพุงป่อง ครับ เคยมีน้าท่านนึงว่าไว้ มี Auto ก็ใช้ไป เถอะ ถ้ามันไม่ดีแล้วเค้าจะใส่ไว้ทำไม ..ก็แบบ ในกรณีที่ต้องการ ได้ภาพแน่ๆ จังหวะเร่งรีบ แบบมอเตอร์โชว์ พริตตี้โพสกันเร็วววๆ ระหว่างคนนึง M หมุนๆๆ สปีดชัตเตอร์ช้าไป.. ปรับๆๆ แสงไม่พอ ..ม่ายค่อยได้รูป อีกคน Auto เปลี่ยนมุมๆ กดๆๆ  เพียบ.. กลับไป ปรับไปยิ้มไปที่บ้านเวลายังเหลือ มันก็เป็นอีกข้อคิดที่มือใหม่ได้ฟังมานะครับว่าเราอย่าไปฟิก อะไรกับ Creative zone ให้มากนักและเลือกใช้ฟังชั่นก์ที่กล้อง มีได้อย่างฉลาดและคุ้มค่า ไว้มีอะไรจะเข้ามาเติมและเก็บความรู้อีกครับ คุ้มจริงๆ topic นี้ ...เอ๊ะ to คุณแม่ป.ปัน  ขรั่บ รูปทั้ง 2 นั้นไม่สามารถนำมา เปรียบเทียบกันได้ขรั่บ เนื่องจาก แม่หนูป.ป. ยิ่งโตยิ่งน่ารักขรั่บ .. .. ออย่า ...ขว้างผมด้วย 50-200 >_<" แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 22:12:15 จากคุณ : Natakuiz - [ 3 มิ.ย. 51 21:47:11 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตักบัตร ขาวอึ๋มนุ่งสั้น ซะขนาดนั้น อืม จากคุณ : ปอ - [ 4 มิ.ย. 51 01:18:43 A:117.47.80.197 X: TicketID:137613 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้ดี ๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : chaiyoo - [ 4 มิ.ย. 51 08:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 24 - เลือกใช้โหมดวัดแสงให้เหมาะกับสถานการณ์ - ถ้าไม่แน่ใจ ถ่ายคร่อม  ไว้ด้วย - ดูฮิสโตรแกรม เช็กไฮไลท์ - ดูภาพจาก lcd ถ้ามันไม่เวิกร์ ลบทิ้งแล้วก็ถ่ายใหม่ครับ ทำบ่อยๆก็แบบนี้ ที่จริงก็ไม่ตายตัว แล้วแต่เหตการณ์ด้วยครับ จากคุณ : toxinnn_po - [ 4 มิ.ย. 51 10:07:24 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่เเน่ใจจะเป็นความรู้เปล่า เป็นคนชอบถ่ายหมวด M ไม่ค่อยได้ใช้หมวดอื่นเลย..ไม่นานมานี้ได้เลนท์ มาโครมาใหม่ ก็ถ่ายหมวด M เหมือนเดิม แต่ก็ยังได้ภาพที่ไม่พอใจ ก็เลยลองปรับหมวดโปแกรมมาโคร (รูปดอกไม้) ดูบ้าง ให้กล้องมันคิดเอง เเล้วก็กดชัตเตอร์เลย...ภาพออกมาก็เป็นที่พอใจในระดับ **เอารูปที่ถ่ายจากหมวดโปรแกรม มาโคร มาให้ดูครับ** จากคุณ : Photo-Engineer - [ 4 มิ.ย. 51 10:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เทคนิคส่วนตัวที่ใช้อยู่ ก็แล้วแต่ว่าจะถ่ายอะไร และจะถ่ายเพื่อไปใช้ทำอะไร น่ะครับ แล้วค่อยมาดูว่ามีอุปกรณ์อะไรบ้างที่มีอยู่ ที่จะสามารถตอบสนองต่อการทำงานได้ ขั้นตอนต่อมาก็คือจะถ่ายยังงัยเนี่ย ..ให้ตอบโจทย์นั้นๆได้ ประมาณนึ้แหละครับ แล้วก็ปูเสื่อรออ่านด้วยอีกคน ขอเสริมนอกจากเรื่องเทคนิคอุปกรณ์ถ่ายภาพ เอาเป็นเรื่องเตรียม “อุปกรณ์สำหรับคนถ่ายภาพ” ที่ควรนำติดตัวไปด้วยเวลาถ่าย Out Door  ละกันครับ หวังว่าคงไม่หลุด concept นะ 1 น้ำดื่ม จะนำไปจิบ-ดื่ม แก้กระหาย หรือจะนำไปตักอาบ ก็แล้วแต่ดุลยพินิจครับ 2 ถุงพลาสติก เผื่อใช้กันฝน กันน้ำ ใส่สมบัติ หรือใส่ขยะกลับมาก็ได้ 3 ผ้าขาวม้า หรือผ้าขนหนูซักผืน ไว้คลุมหัวกันแดด เช็ดเหงื่อ ไม่รู้เป็นไง เวลาตั้งใจถ่ายเหงื่อเยอะจริงๆ 4 ไฟฉาย ไว้ส่องหาสมบัติ และส่องหาโฟกัสในที่แสงน้อย 5 ยากันยุง.. ต้องให้อธิบายไหม? 6 ยาหม่อง หรือ ยาดมแบบ 2 in 1 เอาไปด้วย เพราะยากันยุงใช้ดม ทา แก้แมลงสัตว์กัดต่อยไม่ได้ 7 ยาสูบ เรื่องนี้ไกลตัวหน่อย..ไว้ผสมน้ำทากันทากดูดเลือด ในป่าฝน    แต่ถ้าหากรู้ว่าที่จะไปมี “ทากดูดเลือด” ตั้งแต่แรกผมไม่ไปหรอกครับ ที่กล่าวมานั้น ส่วนใหญ่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว ความจริงไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่ถ้ามีไว้ก็ไม่เสียหลาย มิใช่เหรอครับ ทริปปกติ..แค่นี้พอละมั้ง หากขนไปเยอะเดี๋ยวผู้คนจะแตกตื่น พาลนึกว่าเป็นหน่วยกู้ภัย หรือหมออาสาช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพม่าไปเสียนี่ จากคุณ : schwanz - [ 4 มิ.ย. 51 11:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเอาวิธีครอปรูปมาบอกดีกว่า เผื่อบางคนไม่เคยทำนะ สำหรับมือใหม่จริงๆแล้วกันนะครับ อยากได้สัดส่วนใหนก็ใส่ตัวเลขเข้าไปแล้วลาก จะเป็น 4x6 ก็ดี จะได้เอาไปอัดจัมโบ้ได้โดยครอปรูปตามใจเรา เล่าด้วยภาพดีกว่า เพราะว่า หนึ่ง ภาพแทนคำได้เป็น พันคำ จากคุณ : ก็ไม่รู้อะไรมากหรอก Jing (jynx) - [ 4 มิ.ย. 51 11:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เลือกทุกอย่างไปตามสถานะการณ์และอารมณ์ครับ...สำหรับผม ไม่เคยตั้งหลักเกณฑ์อะไรไว้เลย เพราะเรื่องที่รู้ก็มีแต่เบสิกที่ทุกท่านก็คงจะรู้แล้วเหมือนๆกัน อย่าง ผลต่างจากการใช้รูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ ลักษณะการวัดแสง ที่แตกต่างกัน + ทิศทาง และประเภทของแสง ก็รู้แค่นั้นอ่ะครับ..... แต่ก่อนจะถ่ายผมจะนึกภาพในใจอยู่เสมอว่าผมอยากเห็นภาพแบบไหน อารมณ์อย่างไร แล้วก็มาเลือกวิธีปรับตั้งเพื่อให้ได้อย่างที่อยาก ในความรู้สึกผม ไม่ว่าจะพลิกแพลงอีท่าไหนมันก็ไม่พ้นไอ้4-5ตัวที่ว่าไว้ ถ้าเราเห็นภาพผลต่างเหล่านั้นชัดเจน เราก็จะเลือกเอามาใช้ได้เหมาะกับความต้องการของเราอ่ะครับ คำแนะนำของผม (สำหรับท่านที่เริ่มหัดถ่ายจริงๆเท่านั้น) ทดลองใช้การตั้งค่าต่างๆ(เบสิกต่างๆ) ให้เข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง เดี๋ยวนี้ยิ่งง่าย เมื่อก่อนการลองแบบนี้เปลืองฟิล์ม เปลืองค่าล้างอัดมโหฬาร ลองให้เห็นกะตัวว่า ใช้หน้ากล้อง(รูรับแสง) ขนาดนี้ได้ผลอย่างไร ต่างขนาดไปได้ผลต่างขนาดไหน...ความเร็วชัตเตอร์ก็เหมือนกัน ลองใช้วัดแสง หลายๆลักษณะ เพื่อเข้าใจว่า มันให้ผลต่าง หรือมีลักษณะเฉพาะอย่างไร ลองให้มาก ไม่ต้องห่วงรูปไม่สวย มันไม่สวยอ่ะครับ เพราะมันจะเสียเป็นส่วนมาก แต่รูปเสียพวกนั้นจะช่วยเราได้มากๆในการที่จะเข้าใจมัน พอเข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้งแล้ว ทีนี้ไม่ว่าจะถ่ายอะไร กลไลอันโนมัติในสมองเรามันจะสั่งมาเอง ทุกครั้งที่เราจะกดซัตเตอร์  ไม่ว่าเราอยากจะพลิกแพลงมันอีท่าไหน ผมว่ามันก็ไม่หนีไอ้เบสิกเหล่านี้แน่ๆครับ ส่วนที่เหลือนอกจากนี้ มุมภาพ จังหว่ะ การสื่อความ และอารมณ์ อยู่ที่ประสบการณ์และความนิยมส่วนตัว คงบอกกันยากอ่ะครับ (ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวน่ะครับ อาจจะไม่ถูกต้อง ไม่ถูกวิธีการก็เป็นไปได้) แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 51 13:52:46 จากคุณ : ก็..หัวใจยังเต้นรำ - [ 4 มิ.ย. 51 13:51:24 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มาลองเล่นกับ White Balance กัน!!! นี่ก็เป็นอีกความสนุกนึงที่ผมได้จาก dslr ก็คือสามารถ ปรับสีของ wb ให้เป็นภาพที่ดูแตกต่างออกไปได้อย่างหลากหลาย มาเข้าใจกันก่อนว่า White Balance คืออะไร? - มันก็คือการปรับสมดุลของแสงสีหลักๆ ในภาพถ่าย ..ได้แก่ สีแดง (R) สีเขียว (G) สีน้ำเงิน (B) เพื่อให้อัตราส่วนมีความเหมาะสม เพื่อให้แสดงสีขาว ออกมาอย่างที่เราเห็นได้อย่างถูกต้องนั่นเอง แล้วจะเล่นกับ White Balance ได้อย่างไร? - คือเนื่องจากแหล่งกำเนิดแสงแต่ละแหล่งมีอุณหภูมิแสง ('K'elwin) แตกต่างกันหรือเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่น พระอาทิตย์ แต่โดยปกติถ้า เราตั้งค่า WB ได้ตรงกับอุณหภูมิของแสงก็จะได้สีขาวที่ถูกต้อง แต่ถ้าเราอยากจะลองเล่นกับ WB ดูบ้าง สำหรับผมมีแนวคิดตามนี้ครับ สมมุติจากค่า Daylight ยอดฮิต 5300k 1. ตั้งให้มากกว่าอุณหภูมิของแสงด้านบน เช่น 6700k - 5300k ค่าบวก-ลบที่ได้ = 1400 เป็นค่าบวก ..ภาพที่ได้จะออกเป็นอมส้มทันที 2. ค่า 5300k เหมือนเดิม คราวนี้ตั้งอุณหภูมิของแสงให้ต่ำกว่าดูบ้าง เช่น 4300k - 5300k ค่าบวก-ลบที่ได้ = -1000 ..ค่าติดลบ ภาพที่ได้ก็จะออกเป็นอมฟ้าทันที ** จุดสังเกต ** - ปรับ " เกิน " กว่าอุณภูมิของแสงมากเท่าไหร่ ภาพที่ได้ก็ยิ่ง " อมส้ม " มากยิ่งขึ้นเท่านั้น - ปรับ " ต่ำ " กว่าอุณภูมิของแสงมากเท่าไหร่ ภาพที่ได้ก็ยิ่ง " อมฟ้า " มากยิ่งขึ้นเช่นกัน ผมจำแบบนี้ " K น้อยออกฟ้า K มากออกส้ม " แล้วก็ดูสภาพแสงที่จะถ่าย ควบคู่ไปด้วยว่ามันออกสีอะไร และปรับตาม ..แค่นี้เองครับไม่ยากเลย ลองไปเล่นกันดู ไม่ต้องนั่งจำ นี่ด้วย... แต่จำไว้ได้ก็ดีครับ ^_^" แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 51 16:07:24 จากคุณ : Natakuiz - [ 4 มิ.ย. 51 19:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ตัวอย่างรูปนึงครับ ..ย้อมทะเลให้เป็นสีทองด้วย wb ฉบับมือใหม่ ^_^" จากคุณ : Natakuiz - [ 4 มิ.ย. 51 19:10:09 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สำหรับคนที่อยากถ่ายอะไรก็ตามในที่โล่งแจ้งนะครับ ในกรณีที่ไม่ได้ถ่ายพระอาทิตย์ ให้พระอาทิตย์อยู่หลังคนถ่าย จะดีที่สุดครับ เพราะแบบ(ทั้งคน หรือตึกหรือต้นไม้) จะไม่หน้ามืด แสงจะสวย ปรับกล้องก็ง่ายครับ และถ้าอยากให้ฟ้าสวยด้วยแล้ว ก็ควรจะตั้งกล้องทำมุมฉากกับพระอาทิตย์ครับ คือพระอาทิตย์อยู่ทางไหล่ซ้าย หรือไหล่ขวาของเราครับ แต่นี้ฟ้าก็จะเป็นฟ้าครับ จากคุณ : Nettyna - [ 5 มิ.ย. 51 00:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 มาเช็คชื่อซะหน่อย...เดี๋ยวคุณครูหาว่าไม่เข้าชั้นเรียน...แหะแหะ เรื่องเทคนิคการถ่ายภาพมีคนเรียนเก่งกว่าผมเยอะ... นั่งฟังเฉย ๆ ดีกว่า ขอพูดเรื่องภาษาไทยกันดีกว่า...อิอิ  ถ่ายรูปเก่งแล้วก็อยากให้ภาษาไทยแข็งแรงกันด้วยน้อ คำที่ผมเห็นใช้กันผิดบ่อยมากในนี้มีอยู่สองคำ (จริง ๆ คงมากกว่านี้ แต่ตอนนี้นึกออกแค่นี้) คือ 1.  สีสัน  คำนี้สะกดแบบนี้นะครับ "สีสัน"  ไม่ใช่ "สีสรร" อย่างที่หลายท่านชอบเขียน  สรร ตัวนี้มันประเภทจัดสรรแล้วครับ 2. สังเกต  คำว่าสังเกตไม่มีสระอุนะครับ  เขียนว่า "สังเกต" ย้ำว่าไม่มีสระอุครับ นึกได้อีกคำที่เห็นผิดบ่อย...สงสัยตอนเด็กไม่ค่อยชอบเรียนวิชาภาษาไทยกัน คือคำว่า "อนุญาต"  คำนี้ไม่มีสระ"อิ" ครับ ไม่ใช่อนุญาต  ถ้าอนุญาตแปลว่าญาติผู้น้อยแล้วครับท่าน  คำนี้สมัยเด็ก ๆ จะโดนคุณครูย้ำประจำจนจำได้ครับว่าไม่ใช่ญาติพี่น้องนะเธอ ใครเห็นคำไหนที่มักผิดกันบ่อย ๆ ก็มาเพิ่มเติมกันได้นะครับ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 11:48:25 จากคุณ : DrGunner - [ 5 มิ.ย. 51 11:34:17 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาเก็บความรู้ค่ะ^^ จากคุณ : nokyak - [ 5 มิ.ย. 51 12:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เข้ามาเก็บ!  และเพิ่มจากของคุณ schwanz คือ .. ของที่ควรนำติดตัวเสมอ (ไม่เฉพาะชาว oly) คือ หมวกปลาสติกคลุมผมเวลาอาบน้ำ  ฝนพรำๆเนี่ย คว้าออกมาครอบทับกล้องได้ทันควัน  ฝนไม่ตก คว้ามาครอบแฟลช .. กระจายแสงนุ่มนวลอีกเยอะ (แต่อย่ายิงบ่อย เดี๋ยวไหม้) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 7 มิ.ย. 51 10:36:57 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เอาเทคนิคสำหรับชาว oly เท่านั้นมาฝาก  และต้องเป็นชาว oly ที่มี ZD 70-300mm ด้วย  เพราะมันเป็นเลนส์นอกคอก (จนคนสงสัยว่า มันเป็น oly จริงหรือเปล่า) 1. ถ้าจะถ่ายที่ 200-300mm ขึ้นไป ให้มันพยายามโฟกัสที่ 70-100mm ก่อนเสมอ แล้วค่อยดึงไปที่ 300mm  ไม่งั้นมันจะวืด & วืด & วืด & วืด & วืด & วืด ทั้งที่แสงเปรี้ยงๆ 2. ใช้โหมด SF + M (single focus + manual) เข้าไว้ .. เพื่อกันการวืด & วืด 3. ถ้าต้องใช้ขาตั้งกล้อง (แสงแย่แน่ๆ) ให้เปิด vibration reduction อย่างน้อย 4 วินาที .. เพราะฮูดของมัน รับลม และเสริมการสั่นดีมาก (ทำไม oly ไม่มี collar ให้มาฟ่ะ! 300mm x 2 หนะ .. มันถือไม่ไหวนะเฟ้ย) 4. ควรผลัีกสวิทช์ที่เลนส์ เป็น MF ก่อนใส่/ถอดฮูด .. ไม่งั้นเฟืองรูดเอาง่ายๆ  และถึงเป็น MF แล้ว .. ให้กดฮูดเข้าหากล้องให้แน่นนิดนึงก่อนหมุนออก/ใส่  ไม่งั้นเฟืองรูดก็ลำบากอีกเช่นกัน 5. เมื่อโหมดเลนส์เป็น MF .. หมุนโฟกัสใจเย็นๆๆๆ   เพราะ oly นอกคอกตัวนี้ ดันไม่นอกคอกให้หมด .. การโฟกัส ยังเป็น focus-by-wire อยู่ดี (ถ้าเป็น sigma แท้ๆ จะ manual focus จริง)  MF คือ ส่งสัญญาณไปให้กล้อง เพื่อกล้องส่งสัญญาณกลับมาให้มอเตอร์ในเลนส์ ทำการหมุนโฟกัสให้ ...  ใจร้อน หมุนเร็วๆ เกิดอะไรขึ้น ... เสียเงินแน่นอน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 7 มิ.ย. 51 10:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เทคนิคสุดท้ายสำหรับชาว oly ที่กระเป๋าเบา เป็นโรคทรัพย์จางเรื้อรัง คือ ...  อย่าริเล่นเลนส์มือหมุนเป็นอันขาด !!!  ถ้าคิดจะเล่นจริงๆ ก็อย่าเข้า e-bay.com  ข้่าพเจ้าได้เตือนไปหลายคนแล้ว แต่หากมิได้นำพากันแม้สักคน ...  อันเลนส์มือหมุนนั้น เป็นภัียอย่างร้ายแรงต่อกระเป๋าตังค์ของชาว oly  (พวก nik หรือ canon เขามีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ มากกว่าชาว oly) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 7 มิ.ย. 51 10:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณครับ จากคุณ : สายน้ำแกว่งไกว - [ 8 มิ.ย. 51 20:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 38 หลังจากได้ตั้งกาทู้ถามความคิดเห็น ขอคำแนะนำจากเพื่อนๆ(แต่ละคนใจดี มีคำแนะนำเรยค่ะ) ก้อเรยขออนุญาตรวบรวมไว้ที่นี่เรย เผื่อจะมีประโยชน์กะเพื่อนๆกันบ้าง ปัญหาที่เราเจอเวลาถ่ายรุป โดยเฉพาะรุปบุคคลในบ้าน(กลางแจ้งม่ายค่อยมีปัญหาเท่าไหร่) สีที่ออกมาจะไม่ตรงกะที่เราอยากได้ ทั้งปรับทั้งแก้ระหว่างถ่าย ทั้งหลังถ่ายจนปวดหัว หาทางออกม่ายเจอ อิๆ ก้อเรยมาขอคำแนะนำ   สรุปผลก้อตามนี้นะคะ  (ขาดตกอันไหนไปจะมาเพิ่มค่ะ) ป.ล.สำหรับคนที่ถ่ายเป็น Raw คงไม่เจอปัญหาเหล่านี้แต่อย่างใดค่ะ เริ่มจาก คำแนะนำของ คุณ : BertAXM บอกไว้ว่า..... ผมก็เคยลองใช้ปรับ WB แบบ manual ดูครับ มันก็จะละเอียด และเฉดสีของอุณหภูมิก็จะละเอียดขึ้นไปอีกครับ ปรับที่ตัวกล้องเลยอ่ะครับ จะมีค่าเป็น CWB จาก 2000-140000 เลยนะครับ จากรุปนี้ลองปรับ CWB ก่อน เปลี่ยนตัวเลขไปเรื่อยๆ เพื่อให้สีตรง แต่ลืมจดตัวเลขมาอีก อิๆ มีภาพประกอบค่ะ ถ่ายเมื่อตอนกลางคืน ใช้  ISO1600 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 51 15:27:07 จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 14:47:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 พอตอนเช้า นางแบบเริ่มอารมณ์ดี เล่นกะเค้าไปด้วย ถ่ายรุปเค้าไปด้วย ใช้ปรับ CWB ก่อน ผลออกมาพอใจมากๆค่ะ สีอย่างที่ชอบ รูปเดิมๆไม่ได้ปรับอาราย นอกจาก ย่อ  และ   usm จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 14:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ลองมาถ่ายเป็น Raw+Jpeg  (ถ่ายเป็น Raw ตามคำแนะนำของหลายๆท่าน) เช่น  จากคุณ : Nettyna ผมแนะนำว่าให้ลองใช้ Light Room ดูครับ จะปรับสีอะไรง่ายกว่า PS เยอะเลย แต่ความสามารถและความละเอียดอาจจะไม่เท่ากันก็ตามครับ เช่นว่า เอาเข็มจิ้มที่หน้าลูกแล้วก็ดึงสีขึ้นลงได้เลย ประมาณนั้นครับ ใช้ Lightroom   คำสั่ง Quick Develop อย่างเดียว ปรับ WB เป็น Daylight ค่ะ คำสั่งอื่นยังไม่ได้ลอง รูปเปรียบเทียบ แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 51 15:29:15 แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 51 14:54:31 จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 14:50:54 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ลองใช้คำสั่ง ใน   Lightroom  ปรับมากขึ้น แต่ยังใช้ไม่ค่อยเป็น คำสั่งมันเยอะมากๆละเอียดยิบเรยย เด่วต้องไปศึกษาเพิ่มค่ะ จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 14:52:57 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ปัญหาของตัวเองที่เจอบ่อยๆ ก้อคือเปลี่ยนมุม สีก้อเปลี่ยน พอถ่าย Raw สามารถแก้ปัญหาได้ดีมากๆเรย ตรงจุดที่ปวดหัว อิๆ (ทำไมม่ายใช้มาตั้งนาน เรยต้องลำบากเพื่อนๆไปด้วย) สิ่งที่เราหนักใจไม่ใช่เรื่องถ่ายออกมาไม่สวย ไม่ดี ตรงส่วนนี้มันพัฒนา ฝึกฝนกันได้ แต่ที่ซีเรียสก้อคือ ถ่ายมาดีแร้ว แต่สีที่ออกมามันแก้ไขม่ายได้ (แก้ไม่เป็นอีกต่างหาก) หลายต่อหลายรุปแก้ไม่ได้ ก้อเคยลบทิ้ง บางรุปทำเป็นขาวดำ บางรุปปล่อยไว้ รอการกลับมาแก้ไข จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 14:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ ahced  บอกไว้ว่า.....เอาWB dropper จิ้มที่ตาขาวเลย แล้วบวกค่าไปอีกซัก 500 K เช่นเราจิ้มไปแล้วได้ค่า 4850 K ผมจะปรับไปที่ 5350 K รุปนี้ ปรับตามคำแนะนำของคุณ ahced  คือ เอา WB dropper ใน  Lightroom  จิ้มที่ตาขาวเรย ปรับอีกนิดหน่อย จากภาพที่ถ่ายมาเหลืองมากๆตามสีเสื้อ กลายเป็นสีสวยถูกใจเรยค่ะ จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 15:06:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คำแนะนำของคุณ  Blue Planet Earth ปัญหาเรื่อง WB เป็นเรื่องแก้ยากครับ แต่ลองถามคนที่ใช้ฟิล์มดูสิครับ ว่าสมัยก่อนแก้ปัญหายังไง ผมเชื่อว่า ร้อยละ 99 ไม่ได้แก้ (แต่ไม่เห็นจะทุกข์ร้อนรุนแรง) ฟิล์มมีแค่ Dayligh กับ Tunsten ให้เลือก ในขณะที่ดิจิตอล ปรับ WB ได้ละเอียดยิบ (พอละเอียดมากก็เลยเป็นปัญหา) แต่ที่จริงมีฟิล์มชนิดนึงนะ ที่ไม่มีปัญหา WB ฟิล์มขาวดำไงครับ (ไม่ได้ล้อเล่น รูปหลายรูปของผมที่ทำขาวดำ เพราะขี้เกียจแก้ WB) ถ้ามองจากมุมฟิล์ม ก็ต้องพกฟิลเตอร์ (ซึ่งขอบอกว่า ต้อง โคดเซียน ถึงจะมองแสงปุ๊ป รู้ปั๊ปว่าใช้ฟิลเตอร์สีอะไร แล้วรอจนอัดรูปเสร็จมาลุ้นว่าที่คิดไว้ถูกหรือเปล่า) ถ้าอยากลองเลือกฟิลเตอร์ดู ใน PS มี menu - image - ajustment - photo filter ครับ ตัวอย่าง จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 15:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ : Blue Planet Earth รูปนี้ copy layer ขึ้นมาก่อน แล้วใส่ photo filter - cooling fileter (82) ถ้าดูอมฟ้ามากไป ก็ลด Opacity ครับ ปกติเวลาใส่ฟิลเตอร์ แนะนำว่าสร้างเลเยอร์ใหม่ก่อน แล้วค่อยใส่ฟิลเตอร์ ถ้าeffect ที่ใส่แรงไป ให้ลด Opcity วิธีนี้จะทำงานเร็วกว่า การค่อยๆปรับพารามิเตอร์แต่ละตัวครับ นางแบบน่ารัก จะอมเหลือง หรืออมยิ้ม ก็น่ารักทั้งนั้นแหละ จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 15:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ : เอก (เด็กดำเนิน) เรื่องถ่ายให้ดีตั้งแต่ในกล้องนี่มันสุดยอดปรารถนาเลย แต่จะมีซักกี่คน/กล้องซักกี่ตัวกัน ที่ทำได้ เหมือนก๋วยเตี๋ยว ต่อให้น้ำซุปกลมกล่อมยังไง ก็ขอเติมพริกดอง พริกป่น น้ำตาลน้ำปลา ซักหน่อย   ถ้ามันเป็นรสชาติที่ถูกปาก เราชอบ ก็ปรุงมันไปเุถอะ จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 15:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ : puritat_jam บางภาพใช้ Auto Color ได้ บางภาพทำแล้วเพี้ยนไปเลยครับ อีกวิธีก็ใช้ Color Balance   Image>Adjustment>Variations จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 11 มิ.ย. 51 15:25:20 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เสนอวิธี fill แสงด้วยแฟลชหัวกล้องครับ กดปุ่มรูปสายฟ้า แล้วหมุน dial จะเห็นค่าตั้งแฟลชแบบต่างๆ เวลาถ่ายรูปในที่ร่ม ลองตั้งค่าแสงแฟลชอ่อนๆ เช่น 1/8 1/16 หรือ 1/64 ดู ถ่ายโดยการวัดแสงปกติ ส่วนจะตั้งแฟลชที่ เท่าไหร่ ให้ดูว่าแสงไม่ขาวจ้า ครับ ถ่ายผิดถ่ายใหม่ครับ จากคุณ : Blue Planet Earth - [ 11 มิ.ย. 51 19:24:07 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณคุณ ป.ปันครับ วิธีแก้ WB ด้วย Level ใน PS อีกวิธีที่ทำได้ง่ายเมื่อในภาพมีวัตถุสีขาว โดยเปิดภาพขึ้นมากด Ctrl+L จะได้หน้าต่าง Level ขึ้นมา แล้วกดที่ Set white point (ตามรูป) แล้วนำมาจิ้มตรงที่เป็นสีขาวในรูปครับ จากคุณ : puritat_jam - [ 12 มิ.ย. 51 11:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตัวอย่างครับ ผมจิ้มไปตรงดอกไม้สีขาวครับ จากคุณ : puritat_jam - [ 12 มิ.ย. 51 11:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 51 มาเพิ่มตัวอย่างจากคำแนะนำของคุณ puritat_jam ลองเป็นภาพบุคคลดูบ้าง ในคำสั่ง  Level อาวตัวดูดสีขาว จิ้มบริเวณที่เป็นสีขาว เลือกอยู่นาน เพราะสีที่ได้จะต่างกัน จึงเลือกจิ้มบริเวณแสงสีขาวตรงด้านหลังเสื้อ (รูปนี้สีเพี๊ยนเยอะ สีที่ออกมาจึงยังไม่สวยงามนัก แต่สีก้อใกล้เคียงกะความเป็นจริงนะ) แต่เราชอบเพิ่มเอง อิๆ จึงปรับสีเพิ่มอีกนิด เราใช้  Color Balance  ปรับเพิ่มค่ะ ตัวอย่าง.... แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 51 10:34:30 จากคุณ : ป.ปัน (kannar) - [ 13 มิ.ย. 51 10:08:55 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณ คุณ ป.ปัน (KannarX ที่มาให้ความรู้ และ เจ้าตัวเล็ก ขวัญใจป้า ๆ แถวนี้ ไดความรุ้เพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ จากคุณ : I-ONLY - [ 17 มิ.ย. 51 08:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แทบอยากจะปริ้นเก็บไว้พกแนบกายเลยนะเนี่ย ^^ ขอบคุณสำหรับความรู้ที่เป็นประโยชน์มากๆ แบบนี้นะคะ จากคุณ : Colonel - [ 21 มิ.ย. 51 12:06:59 ]