PANTIP.COM : O6748026 การถ่ายนักร้อง(ลูกทุ่ง)บนเวทีควรใช้เเฟลชในตัวหรือเเฟลชภายนอกดีครับ []

ความคิดเห็นที่ 7

Sigma 50-150 f2.8 ก็ถ่ายได้ครับ ถ้าอยู่ไม่ไกลจากเวทีมากเกินไป D80 ก็ถ่ายได้เช่นเดียวกันครับ แต่พยายามอย่าอัด ISO เกิน 1250 ไม่งั้นน้อยซ์กระจุยกระจาย จากประสบการณ์ที่ใช้ D80 อยู่เหมือนกัน ISO 1250 ของกล้องรุ่นนี้จะเหมาะกับงานคอนเสิร์ต หรือละครเวทีที่สุด เพราะยังพอจะเอาโปรแกรมลบน้อยซ์ ลบให้ภาพดูเนียนได้โดยไม่เสียรายละเอียดมากนัก แต่ถ้าอัดถึง 1600 แล้วเนี่ย เวลาลบน้อยซ์ รายละเอียดจะหายไปเยอะมากๆ จนบางทีภาพเสียไปเลยครับ เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ก็จำเป็นครับ

อย่างไรก็ตาม การถ่ายคอนเสิร์ต ไม่ได้อยู่ที่อุปกรณ์อย่างเดียวหรอกครับ ถ้าหากว่ากล้องที่เราใ้ช้อยู่เร่ง ISO สูงๆไม่ได้ (เพราะน้อยซ์ตรึม) หรือเลนส์ที่ใช้อยู่รูรับแสงแคบเกินไป แบบนี้ ก็ต้องอาศัยฝีมือกันละครับ

1. ก่อนไปถ่ายรูปในงานคอนเสิร์ต ควรจะทำความคุ้นเคยกับเพลงของวงที่เราจะไปถ่ายเสียก่อน ความคุ้นเคยกับเพลงและจังหวะของดนตรี จะทำให้เราพอจะเข้าใจและนับจังหวะไฟบนเวทีได้ถูกต้อง จังหวะไฟบนเวทีสำคัญยังไง? สำคัญตรงที่ ถ้าจังหวะไหน ไฟมืด ภาพที่เราถ่ายมา ไม่ติดอันเดอร์ ก็เบลอ (เพราะสปีดไม่ถึง) หรือไม่ก็น้อยซ์กระจาย (เพราะต้องเร่ง ISO) จังหวะที่ไฟสว่าง เซ็ตค่าต่างๆเท่ากันกับตอนไฟมืด แต่ภาพออกมาใสแจ๋ว คมชัด เพราะฉะนั้น การจับจังหวะไฟบนเวทีให้ได้นี่สำคัญมาก ไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ดีหรือไม่ดีเพียงใด ถ้าจับจังหวะไฟได้แบบเป๊ะๆเนี่ย ไม่ต้องห่วงครับ ได้ภาพดีแน่ๆ

2. ก็เรื่องของจังหวะไฟบนเวทีอีกแหละครับ จังหวะไฟที่เค้าเปิดกันบนเวทีคอนเสิร์ต มันจะวูบๆวาบๆสัมพันธ์ไปกับจังหวะเพลง แต่จริงๆมันก็จะมีลักษณะเป็น loop คือวนซ้ำๆกันไปเรื่อยๆ ถ้าเราช่างสังเกตพอก็จะจับจุดได้ไม่ยากครับ รอถ่ายตอนไฟสว่าง ดีกว่าพยายามเคี่ยวเข็ญกล้องเราให้ถ่ายตอนไฟเค้าเป็นจังหวะมืดๆนะครับ

3. เพลงช้าจะถ่ายง่ายกว่าเพลงเร็ว เพลงป๊อปถ่ายง่ายกว่าเพลงร็อค ไม่ใช่อะไรหรอกครับ เพราะจังหวะเพลงช้าๆ ซึ้งๆ เนี่ย ไฟก็จะช้าลงตามไปด้วย ตัวเราเองก็ไม่ต้องใช้ความไวปานจรวดในการถ่าย สปีดที่ใช้ก็ไม่จำเป็นต้องสูงมาก โอกาสที่ภาพจะติดอันเดอร์ก็น้อยลงครับ ส่วนที่ว่าเพลงร็อคถ่ายยาก ก็เพราะนักดนตรีร็อค ปกติไม่อยู่นิ่งๆร้องเพลงกัน แต่จะวิ่งไปวิ่งมา โขยกโยกหัวกันอย่างสนุกสนานมากบนเวที ถ้าสปีดที่เราใช้ไม่เร็วพอก็จะเห็นเป็นเงานินจาแยกร่างกันไปหมดครับ ถ่ายลำบากกว่าคนที่ร้องเพลงช้าๆ ยืนอยู่กับที่ไม่ไปไหน อันนั้นค่อยยังชั่วหน่อย

4. ในงานคอนเสิร์ต ปกติห้ามใช้ขาตั้งกล้องเด็ดขาดอยู่แ้ล้วทุกงานครับ ไม่ต้องแบกไปให้เมื่อย งานนี้ ถ้ากล้องหรือเลนส์มีระบบกันสั่นก็จะได้เปรียบ ถ้าไม่มี ก็ต้องฝึกถือกล้องให้นิ่งๆก่อนจะไปถ่ายรูป หรือไม่ก็ต้องพยายามใช้สปีดที่เราค่อนข้างมั่นใจว่าภาพจะไม่สั่นครับ ซึ่งแน่นอนว่า ก็ต้องให้สัมพันธ์กับสภาพแสงในเวลานั้นๆด้วย

5. ความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ของเราเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ่ายคอนเสิร์ต มันเป็นงานอีเว้นท์ที่จังหวะดีๆมักจะเกิดขึ้นวูบเดียวแล้วก็ผ่านไป ไม่สามารถเอามันกลับมาไ้ด้อีก ก็เหมือนงานกีฬานะครับ เพราะฉะนั้น ต้องทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ให้มากที่สุดก่อนจะไปถ่ายครับ ไม่เหมือนถ่ายวิว ถ่ายมาโคร บางทีพลาดไปก็ยังใช้เวลาศึกษาอุปกรณ์กันตรงนั้นแล้วถ่ายใหม่ได้ ถ่ายคอนเสิร์ต กีฬา ฯลฯ นี่ ควรจะคุ้นเคยกับอุปกรณ์ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ครับ ปุ่มอะไรต่างๆอยู่ตรงไหน เมนูที่จำเป็นอยู่ตรงไหน ต้องให้แม่น ที่สำคัญๆก็มี ปุ่มปรับสปีด ปุ่มปรับ F ปุ่มปรับ white balance และปุ่มปรับ ISO สี่ปุ่มนี้ต้องจำให้ขึ้นใจ ถ้าไม่ต้องมองได้เลยยิ่งดีครับ

เอาแค่นี้ก่อนละกันครับ สรุปว่า D80 + Sigma 50-150 นี่ถ่ายได้แน่นอนครับ ผมเคยเห็นบางคนเอา D80 + Sigma 70-300 f4-5.6 ไปถ่ายมาแล้วด้วยซ้ำ แถมภาพออกมาอย่างใสปิ๊งๆๆเลย (ถ้าสภาพแสงไฟบนเวทีดีๆ และจับจังหวะเก่งๆ บางทีอัด ISO แค่ 800 ด้วยซ้ำครับ) เรื่องของการตั้งค่า F ถ้าเป็นไปได้ พยายามเลี่ยง 2.8 ครับ เพราะความชัดตื้นมันตื้นมาก เดี๋ยวโฟกัสหลุดหมด ที่ f3.5 ขึ้นไปนี่กำลังดีครับ ส่วนสปีด 1/60 อาจจะใช้ได้ ถ้าเป็นเพลงช้าและนักดนตรียืนอยู่กับที่ แต่ถ้าเิริ่มเดินไปเดินมา ออกท่าออกทางกันเมื่อไหร่ ควรจะใช้สปีดราวๆ 1/80 - 1/125 เป็นอย่างต่ำครับ

ปล. ตามไปดู Blog ของป้าแอนแล้ว สุดยอดมั่กๆๆๆๆ เช่นเคย กล้องแค่ 4MP แถมเป็นคอมแพคด้วย ถ่ายได้ปิ๊งขนาดนั้น ฝีมือเทพจริงๆ นับถือครับ กล้อง Z3 ที่ป้าแอนใช้นี่ สมัยโน้นถือเป็นสุดยอดคอมแพคเลยอ่ะ ซูมได้ตั้ง 420mm เลนส์ก็ค่อนข้างไว f2.8-4.5 ซูมสุดอาจจะรูรับแสงแคบไปหน่อย แต่ถ้านักร้องไม่ดิ้นกันพราดๆ(คงไม่ดิ้นอ่ะนะครับ ไม่ใช่วงร็อค วงพั้งค์นี่นะ) ก็ยังพอเอาอยู่ แต่ป้าแอนเล่นซัด ISO 100 เลยนี่ พูดไ่ม่ออกเลยครับ ข้ามขีดจำกัดของกล้องไปไกลโขเลย ยกนิ้วให้ครับ ป้าแอนเป็นท่านหนึ่งที่ผมนับถือฝีมือมากๆ จับกล้องตัวไหน ดีไม่ดียังไง ก็ถ่ายรูปออกมาสวยหมด เป็นตัวอย่างที่ดีท่านหนึ่งในห้องกล้องของเราที่ทุกคนควรเอาเป็นตัวอย่างครับ ว่าอุปกรณ์ที่จำกัด คือส่วนกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในฝีมือครับ อย่าคิดว่าอุปกรณ์ตัวนั้นตัวนี้แล้ว ถ่ายรูปแบบนั้นๆๆไม่ได้ อยู่ที่เราจะพลิกแพลงยังไงมากกว่าครับ

ปล. ภาพประกอบจาก D80 + 80-200 f2.8 ที่ ISO 1250 f3.5 สปีด 1/160 วัดแสงที่ปากกระบอกปืนใหญ่ ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า จังหวะมีความสำคัญแค่ไหนนะครับ อย่างในกรณีนี้ ทั้งโชว์ จะมีการยิงปืนใหญ่แค่สามลูก ติดๆกัน ถ้าไม่รู้คิวก็ถ่ายไม่ทันครับ โดยเฉพาะถ่ายตอนที่ปืนกำลังยิงแบบนี้ ถ่ายคอนเสิร์ต หรืองานโชว์ ถ้าเป็นไปได้ ควรศึกษาคิวต่างๆให้ดีก่อนจะไปถ่ายครับ สมัยนี้ได้เปรียบ เพราะงานโชว์ งานคอนเสิร์ตต่างๆ หาดูคลิปได้จากเน็ตก่อนเกือบจะทั้งนั้น วงดนตรีเกือบทุกวงละครับ จะมีนิสัยประจำตัวอยู่อย่างสองอย่าง เวลาเล่นคอนเสิร์ตที่ไหนก็ตาม คิวก็จะคล้ายๆกัน ลอง search หาคลิปที่เค้าเล่นๆไว้ ดูการจัดไฟ ดูมุขการแสดง ดูอุปนิสัยของนักดนตรี ฯลฯ ก่อนจะไปจะช่วยให้ไม่พลาดช็อตเด็ดๆแบบนี้ได้ครับ

จากคุณ : Sandhill - [ 28 มิ.ย. 51 21:56:02 ]