เมื่อวานเพิ่งเอากล้อง olympus C8080 ที่อยู่กับผมมา 3 ปีไปให้เช็คดู ก่อนไปก็โทรไปถามก่อนแล้วว่ากล้องนี้ซื้อมาตั้งแต่ fotosystem เป็นตัวแทนอยู่สามารถเอาไปให้เช็คได้ไหม พนักงานตอบว่า สามารถเข้าไปให้เช็คได้เลย หลังจากคุยกับพนักงานแล้วความรู้สึกแรกเลยคือ พนักงานคุยดีจัง สงสัยจะโอเค หลังจากนั้นก็เอากล้องเข้าไปที่ jebsen ที่เอกมัย กดลิฟท์ขึ้นไปชั้น 27 พอออกจากลิฟท์มาก็พบกับพนักงาน information ซึ่งน้องเค้าคุยดีมากๆ แนะนำดีมากๆ แต่พอเข้าไปในห้องที่เป็นจุดรับแจ้งซ่อมซึ่งไม่ค่อยมีคนมาใช้บริการเท่าไหร่ก็รู้สีกว่า เออ ดีแฮะคนน้อยดี ตรงนี้มีพนักงานอยู่ 2 คนนะครับ พนักงานก็ถามว่า ติดต่ออะไรคะ ผมตอบไปว่า เอากล้องมาให้ช่วยเช็คหน่อยครับ เค้าก็ถามว่า อาการเป็นอย่างไรคะ ผมก็ตอบว่า รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้รู็สึกว่า ถ้าสภาพแสงไม่ค่อยดีจะโฟกัสไม่ได้เลย(เน้นนะครับว่าโฟกัสไม่ได้เลย) พนักงานก็ตอบกลับมาว่า ถ้าสภาพแสงน้อยมันก็โฟกัสได้ช้าอย่างนี้แหละค่ะ (น้ำเสียงที่ตอบกลับมาเริ่มมีอาการเซ็งๆเล็กๆแล้ว) ผมก็เลยบอกไปอีกครั้งหนึ่งว่า มันไม่ใช่ว่าโฟกัสช้า แต่ว่ามันโฟกัสไม่ได้เป็นส่วนใหญ่ แล้วเมื่อก่อนมันไม่เป็นอย่างนี้ครับ พนักงานก็ตอบกลับมาว่า งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน เดี๋ยวเอาไปให้ช่างเช็คให้ว่ามีอะไรผิดปรกติดีไหม ถ้ามีอะไรเสียหายจะแจ้งค่าซ่อมอีกที(เริ่มไม่มีคำว่า ค่ะ ปรากฏแล้วนะครับ) ผมก็บอกว่า ได้ครับ ช่วยเช็คดูหน่อยแล้วกันนะครับ ระหว่างนั้ก็มีคุณผู้หญิงอีกคนที่มีก่อนผมเอากล้อง casio มีให้เช็ครู้สึกว่า จะมีปัญหาทะเลาะกับ remote เลยใช้ไม่ค่อยได้ ซึ่งพอพนักงานรับกล้องผมไปก็กลับออกมาพร้อมกับกล้องของคุณผู้หญิง แล้วก็เอามายื่นให้คุณผู้หญิงคนนั้น แล้วก็บอกว่า ช่างเช็คแล้วปรกติค่ะ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรกับคุณผู้หญิงคนนั้นอีกเลย คุณผู้หญิงคนนั้นก็นั่งปลุกปล้ำกับระบบ remote อยู่พักใหญ่ๆ ตรงตำแหน่งเคาท์เตอร์รับแจ้งซ่อมเลย เท่าที่ผมสังเกตุผมคิดว่า เค้าอาจจะเพิ่งได้กล้องตัวนี้มาไม่นาน(หรือเปล่า) ก็เลยใช้ระบบ remote ไม่ค่อยเข้าใจ เพราะว่า ผมเห็นเค้ายิง remote จากด้านหลังกล้อง กล้องก็เลยไม่ทำงาน แต่บางครั้งเค้าลองย้ายมุมมาทางด้านข้าง remote ก็จะทำงานบ้าง ประเด็นของคุณผูู้หญิงคนนี้ก็คือว่า พนักงานที่เอากล้องมาให้คุณผู้หญิงคนนั้นก็นั่งอยู่ตรงหน้านั่นแหละ แล้วก็เห็นว่า เค้านั่งงงอยู่กับระบบ remote อยู่ตั้งนานสองนาน พนักงานทั้งสองคนก็ไม่เห็นสนใจที่จะอธิบายเลยว่า remote มันทำงานยังไง แล้วที่พนักงานเช็คมาว่ามันปรกติมันเป็นอย่างไร แล้วก็ไม่เห็นคิดที่จะถามเลยว่า มีตรงไหนไม่เข้าใจหรือเปล่า อยากให้อธิบายอะไรไหม คุณพนักงานทั้งสองคนปล่อยให้ลูกค้านั่งงมเอาเองคนเดียวอยู่นานมาก เรื่องที่ 1 ผ่านไป
ระหว่างที่ผมนั่งรอกล้องผมอยู่ (30 นาทีผ่านไป) (ซึ่งคุณผู้หญิงคนแรกก็ยังคงงมอยู่กับระบบ remote ของเค้าอยู่ตรงเคาท์เตอร์แจ้งซ่อมอยู่) ก็มีผู้ชายอีกคนเอากล้อง casio มาให้ซ่อมอีกเหมือนกัน พอมาถึงเค้าเห็นว่ามี ผมแล้วก็คุณผู้หญิงคนน้้นนั่งอยู่เค้าก็เลยมานั่งคอยที่เก้าอี้นั่งคอย พนักงานตะโกนเบาๆมากับสายลม(ที่ไม่ได้พัด)มาว่า หยิบบัตรคิวด้วยค่ะ แล้วมีอะไรคะ ผู้ชายคนนั้นเค้าก็เลยตอบทั้งๆที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้นั่งคอยว่า เอากล้องมาให้ซ่อมครับ แล้วรู้ไหมครับพนักงานตอบมาว่าไง เค้าตอบมาว่า มาคุยตรงนี้ได้ไหม(หมายความว่าให้มาคุยตรงเคาท์เตอร์ได้ไหม) คำถามก็คือว่า แล้วเค้าบอกให้ไปหยิบบัตรคิว(เพื่อให้นั่งรอก่อน) แล้วก็ตะโกนถามมาทำอะไรไม่ทราบ (ลองคิดดูนะครับว่า ธรรมชาติคนเราเนี่ย ถ้ามีคนตะโกนถามมาคุณจะตะโกนตอบกลับไปหรือว่าเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วค่อยตอบ และที่สำคัญคือ พนักงานบอกว่า ให้ไปหยิบบัตรคิว มันก็หมายถึงว่าให้นั่งคอยก่อนไม่ใช่หรือ คิดๆดูแล้วก็หน้ามึนดีนะครับ กลายเป็นว่า คุณถาม พอผมตอบ คุณก็ว่าผม) จบเรื่องที่ 2
อีก 5 นาทีต่อมาเค้าก็เดินไปข้างในแล้วออกมาพร้อมกับกล้องผมแล้วบอกว่า ช่างเช็คแล้วไม่เป็นอะไร ก็โฟกัสได้ปรกติดี แล้วช่างก็บอกว่า ถ้าแสงน้อยมันก็โฟกัสนานเป็นธรรมดา ก็เลยลองอัพเฟิร์มแวร์ให้ แล้วเอาไปลองใช้ดูก่อนแล้วกันค่ะ ผมก็เลยบอกไปว่า ไม่ใช่แสงน้อยแล้วโฟกัสช้านะครับ แต่ว่ามันโฟกัสไม่ได้ครับ พนักงานก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า มันก็โฟกัสช้าแบบนี้แหละค่ะ ผมก็เริ่มมีอารมย์บ้างแล้ว ก็เลยบอกไปว่า กล้องผม ผมใช้มา 3 ปีกว่าแล้ว ผมจะไม่รู้เลยเหรอครับว่า มันมีปัญหาหรือไม่มีปัญหา ตอนซื้อมาใหม่ๆมันก็โฟกัสได้ดีในเกือบทุกสภาพแสงนะครับ แล้วนี่มันโฟกัสไม่ได้ทำไมผมจะไม่รู้ครับ แล้วคำตอบที่ผมได้ก็คือว่า มันปรกติดีค่ะ แล้วก็ทำเหมือนผม(รวมทั้งคุณผู้หญิงที่ยังนั่งมึนกับระบบ remote ของกล้อง casio อยู่มา 40 นาทีแล้ว) เป็นอากาศ แล้วก็ไม่สนใจอะไรอีกเลย อ้อ ตลอดเวลาพนักงานอีกคนก็สาละวนเก็บนั่นเก็บนี่ไปเรื่อยเปื่อยไม่รู้มีอะไรให้เก็บนักหนาถึงไม่สนใจลูกค้าเลยสักนิด
ที่ผมเอามาบอกไม่ใช่ว่าอยากจะ discredit ปริษัทนะครับ ผมว่า ทุกที่มันก็คงเป็นเหมือนๆกัน มากบ้างน้อยบ้างคละๆกันไป แต่ผมแปลกใจว่า ที่นั่นวันนั้น วันที่ผมไป ลูกค้าก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะว่าฝนตก มันก็ไม่น่ามีอะไรทำให้พนักงานหงุดหงิดจนทำแบบนี้ กรณีผมคงไม่เท่าไหร่ แต่กรณีของคุณผู้หญิงคนนั้นผมว่า เค้าน่าสงสารนะครับที่เสียเงินซื้อกล้องไปแล้ว มีข้อสงสัยแล้วต้องพาตัวเองฝ่านรกรถติดแถวๆเอกมัยเพื่อไปได้รับการบริการที่ห่วยมากๆแบบนี้ พนักงานไม่มี service mind เลยแม้แต่น้อย ผมใช้ olympus เพราะความเป็น olympus และผมก็ยังมีความอยากได้ olympus อยู่ตลอด แต่ด้วยแต่วินาทีนั้นผมอยากจะคิดว่า ถ้าต้องซื้อ olympus ตัวใหม่แล้วมาเจอพนักงานแบบนี้ ผมไปซื้ออย่างอื่่นดีกว่าครับ
ผมว่า ถ้ามีผู้บริหารบริษัท jebsen & Jessen ผ่านเข้ามาในนี้แล้วบังเอิญได้อ่าน คุณไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต้ผมขอให้คุณลองไปย้อนมองดูกล้องวงจรปิดของคุณดูเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2551 เวลาประมาณ 16.00 ถึง 16.40 น. ดูนะครับ เผื่อจะได้ทำให้บริษัทของคุณใช้เงินจ้างพนักงานได้คุ้มค่าขึ้น เพราะผมว่า ถ้าพนักงานเป็นแบบนี้ไม่ต้องมีก็ได้ครับ ผมว่าแค่เอากล่องมาตั้งแล้วมีกระดาษให้ลูกค้าเขียนอาการที่จะแจ้งซ่อมแล้ว drop กล้องเอาไว้ก็ได้ ประหยัดงบดีด้วยนะครับ
สวัสดีเพื่อนๆพี่ห้องกบด้วยครับ เมื่อก่อนผมเคยเข้ามาที่นี่บ่อยๆเพราะชอบสังคมในนี้และมีเพื่อนๆพี่ๆที่รู้จักคุ้นเคยกันอยู่หลายคน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้เข้ามาบ่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้วก็ตาม
ขอรับรองว่าข้อความข้างต้นเป็นความจริงและขอแสดงความนับถือ
ปรเมษฐ์ ล้อตระกานนท์
แก้คำผิดครับ
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 51 00:38:23
จากคุณ :
littlepet 
- [
6 พ.ย. 51 00:33:09
]
เพิ่งไป jebsen & Jessen มา รู้สึกว่าไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่
