ความคิดเห็นที่ 1 รูปต่อมา ถ่ายที่ Shutter Speed 1/25 และ F3.5 ISO 800 ครับ โดยใช้ P mode (อ้อ รูปข้างบนที่ตั้งกระทู้ ISO 100 นะครับ) จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 01:09:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลืมบอกไปครับว่า ก่อนจะ Resize ภาพเพื่อลงกระทู้เนี่ย ภาพมันดูเบลอ และไม่ชัดกว่านี้อีกนะครับ รูปที่สาม Shutter speed 13 seconds, F22, ISO100 ครับ จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 01:10:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อีกรูปนึงครับ Shutter 5 seconds, F22, ISO100 จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 01:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สุดท้ายครับที่จะโพส Shutter 13 seconds, F22, ISO100 ตอนถ่ายโหมด M ผมตั้ง ISO 100 ทุกรูปเลยครับ ไม่ทราบว่าน้อยไปหรือเปล่า ถ้าน้อย แล้วต้องเพิ่มเป็นประมาณเท่าไหร่ดีครับ รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับว่า ควรจะทำยังไงถึงจะได้ภาพที่ดีเหมือนชาวบ้านชาวช่องเค้าที่ใช้ DSLR ถ่ายอ่ะครับ (ตอนนี้ผมยังมองว่าคุณภาพของภาพที่ผมถ่ายมันไม่ได้ดีกว่ากล้อง compact เลยอ่ะครับ หรือว่าต้องเปลี่ยนเลนส์?) ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 01:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ต้องทำอะไรหรอกครับน้า.. แค่เลขกระทู้น้าก็ประทับใจที่สุดแล้วครับ รูรับแสงกับการถ่ายกลางคืน ผมว่า F/8 - F/11 ก็น่าจะเพียงพอแล้วนะครับ ที่สำคัญที่สุด อย่าใช้ชัตเตอร์สปีดนานเกินไปครับ .. ความคิดส่วนตัวนะครับ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 51 01:37:33 จากคุณ : คลิกที่นี่เพื่อส่งข้อความ - [ 18 ธ.ค. 51 01:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ต้องถามว่าอยากได้ภาพแบบไหนครับ รถวิ่งเห้นไฟเป็นสายๆๆ หลอดไฟเป็ยแฉกๆๆ โบเก้สวยๆๆ เมื่อถ่ายคน บลาๆๆๆ ของเหล่านี้อยู่ที่หลักการวัดแสงครับ ยกตัวอย่างรูปที่ 3 ทำไมต้อง F22 งง น้าจะเอาให้ชัดตั้งแต่ชาตินี้ ยันไป ชาติหน้าเลยเหรอครับ ผมเดาว่าน้าอยากได้รูป MBK บวกกับไฟรถเป็นสายยาวถูกไหมครับ รูปนี้ถ้าน้ายังยืนยันที่ F 22 ผมก็แนะนำให้เปิดชัตเตอร์นานขึ้นอีก เพื่อให้ ภาพสว่างกว่านี้  ตอนนี้ขาตั้งกล้องต้องใช้นะครับ หาไม่ได้ใช้ถุงทรายก็ยัง ดี เอาสิ แต่นานแค่ไหนก็ตอบยาก ขึ้นกับว่าน้าอยากให้สว่างแค่ไหน และที่น้า หร่รูรับแสงเล็กขนาดนั้น เส้นสายของไฟรถยนต์ก็เล็กตามไปด้วย อ้อ น้าจะซื้อเลนซ์ใหม่ใช่ไหมครับ จากภาพที่ให้ดูมา ปัญหาไม่ใช้อุปกร ณืครับ ปัญหาอยู่ที่คนไที่ไม่ยอมทำความเข้าใจในการวัดแสง การเล่นกับ แสงนะครับ กรณีนี้ อย่าเสียตังเลย เอาตังไปหาความรู้ก่อนดีกว่าครับ ด้วยความเคารพ จากคุณ : บางคนก็มั่วๆๆกันไป (kob_inc) - [ 18 ธ.ค. 51 02:27:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กรณีไม่ชัดแบบนี้ เลนส์ช่วยไม่ได้ครับ ซื้อตัวใหม่มาก็ยังคงไม่ชัดอยู่ดี แนะนำว่า 1. ให้ใช้ขาตั้งกล้อง(ที่ดีๆหน่อย) 2. lens kit ของ 100d มันเป็น 18-55 IS ถ้าตอนถ่ายใช้ขาตั้งอยู่แล้วให้ปิดระบบ IS ครับ เพราะ lens kit มันไม่ฉลาดพอจะ detect ได้ว่าตอนนี้อยู่บนขาตั้ง ทำให้ภาพแทนที่จะดีกลับเบลอกว่าเดิม (สมัยผมซื้อมาใหม่ๆก็ไม่รู้ ซื่อบื้ออยู่นานเหมือนกัน) 3. ค่า F stop ตั้งให้พอดีๆครับ อย่ากว้างไป และอย่าแคบไป lens ทุกตัวมันจะมี sweet spot อยู่ ซึ่งตัวนี้มันจะคมที่สุด(ถ้าจำไม่ผิด) ประมาณ F8-11 ครับ ซึ่ง lens wide-normal แบบนี้แค่ F11 ก็ชัดหน้าจรดหลังแล้ว 4. ศึกษาเรื่องวิธีการ Focus ด้วยครับ ว่าทำอย่างไรถึงจะมีระยะชัดลึกมากที่สุด โดยทั่วๆไปก็ระยะประมาณ 1/3 ของรูป (ลองหาอ่าน หาภาพประกอบดูเองนะครับ) จากคุณ : Chanin.U - [ 18 ธ.ค. 51 03:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ยกตัวอย่างรูปที่ 3 ทำไมต้อง F22 งง น้าจะเอาให้ชัดตั้งแต่ชาตินี้ ยันไป ชาติหน้าเลยเหรอครับ  <<<< ฮาแตกเลยครับ#8 จากคุณ : ทาสเทคโนโลยี - [ 18 ธ.ค. 51 05:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขออภัยครับ  อ่านเนื้อกระทู้ก็งง  อ่านแต่ละคำถาม ยิ่งงงเข้าไปใหญ๋  ภาพไม่ชัดเจน ผมว่า ... เพราะความคิดไม่ชัดเจน  ขอตอบคำถาม ด้วยการตั้งคำถามนะ  Mode M แล้วก็ปรับชัตเตอร์กับรูรับแสงไปเรื่อย ๆ  ทำไมถึง ต้อง โหมด M  ทำไมถึง ต้อง ปรับไปเรื่อยๆ  ไม่โหมด M ได้ไหม ไม่ปรับเรื่อยๆ แต่ปรับ 1-2 หนได้ไหม?  ถ้าได้ ทำไมไม่ทำ  ถ้าไม่ได้ ทำไมถึงไม่ได้ แต่รู้สึกว่ามันไม่ชัดอย่างที่คาดหวังเลยซักรูป  ทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น ?  ถ้าตัดความรู้สึกออกไป ความจริงแท้ๆ คืออะไร?  อะไรคือสิ่งที่คาดหวัง?  ฯลฯ  เห็นไหมครับ แค่ตัวเนื้อหากระทู้ .. คำถามที่มันไม่ชัดเจนมีเยอะ  และทุกคำตอบของคำถามที่ย้อนกลับ มันเป็นคำตอบที่ จขกท.ต้องมีคำตอบนะครับ  ถ้าตอบไม่ได้  อย่าพึ่งซื้อเลนส์ใหม่  เสีัยเงิน แต่ไม่ได้อะไรคืนมา จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 07:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อยากถ่ายรูปออกมาแบบไหน ลองหารูปตัวอย่างมาให้ดู จะได้บอกว่าน่าจะทำแบบไหน กล้องกับเลนส์ไม่ใช่ปัญหา อย่างที่น้าแมวเหมียวบอกครับ จากคุณ : Niks Newbie - [ 18 ธ.ค. 51 07:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ต้องการไฟรถที่เป็นสายยาวครับต้องปรับ F เท่าไร  เปิดชัตเตอร์นานเท่าไรครับ และส่วนต้องโหมดอะไรครับ ชดเชยแสงหรือไม่ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : chirasun - [ 18 ธ.ค. 51 07:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตั้งขาแล้วไม่นิ่งสนิท ไปถ่ายอีกรอบครับ ตั้งเวลาถ่าย จะตั้งสองวิ หรือ สิบวิก็แล้วแต่ ตอนที่มือเรากดชัตเตอร์และครับ ทำขาตั้งกล้องสั่นไหว เห็นชัดจากรูป คคหท.4 ครับ จากคุณ : Non-Slim - [ 18 ธ.ค. 51 08:01:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รู้สึก เจ้าของกระทู้ จะไปยึดติดกับคำแนะนำของน้า ๆ ในห้องนี้มาอ่ะครับ... เข้าใจว่าที่เขาแนะนำมันไม่ใช่ทุกสถานการณ์นะครับ... มันแล้วแต่ภาพที่ต้องการจะสื่อ หรือสิ่งที่เราอยากได้ ส่วนใหญ่ที่เปิด F22 ก็คือถ่ายไฟที่เน้นต้องการดวงไฟเป็นแฉก ๆ แต่ถ้าถ่ายไฟประดับแบบนี้ คงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ปกติถ่ายไฟประดับเห็นน้า ๆ ส่วนใหญ่ก็ใช้ 8-11 อย่างน้าข้างบนว่าล่ะครับ จากคุณ : tgclub - [ 18 ธ.ค. 51 08:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้นี้เลขสวยจัง... จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 18 ธ.ค. 51 08:30:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 รูปมันเล็กเลยดูยากว่าถ่ายมาชัดหรือเปล่า แต่เรื่องวัดแสง ผมว่าก็พอไหวนะครับ บางรูป under ไปบ้าง บางรูป over ไปบ้าง ประเด็นเรื่องความชัด คุณช่วย crop เฉพาะบางส่วนของภาพเอามาลงให้ดูแบบ 1:1 ได้ไหมครับ จะได้วิเคราะห์ได้ว่ามันไม่ชัดเพราะอะไร --==NICK==-- แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 51 09:11:20 จากคุณ : NICK (||ic|<) - [ 18 ธ.ค. 51 08:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตั้งขาแล้วปิด รห ที่เลนส์ด้วยนา จากคุณ : MiraSport - [ 18 ธ.ค. 51 09:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อาจจะเพราะ ไปเล่นถ่ายแบบ ครอบคลุม ภาพ กว้างๆนั่นแหระครับ  มุมมอง มันไม่โฟกัสอะไรเลยซักอย่าง  เอามาหมดทุกอย่าง แสงกลางคืน เราก็สามารถเล่นชัดลึกชัดตื้นได้เหมือนกัน ไม่จำเป้นต้องให้มันชัดไปหมดทุกภาพ กรณีที่คุณ chirasun ถามว่า ต้อง f เท่าไหร่ ถึงได้ สายไฟรถยาวๆ ......อันนี้ต้องรู้จักความเร็วชัตเตอร์ก่อนครับ  โดยมาก เราอยากให้เส้นยาวๆ ........ และมองไม่เห้นตัวรถ นั่นก็คือ  รถต้องวิ่งผ่านเราไปแล้ว ....ระยะที่รถวิ่งผ่านนั่นแหระครับ ความเร็วชัตเตอร์ ........... ถ้ารถวิ่งผ่านเราไป ใน 10 วิ ....... จาก วิวไฟเดอ  ความเร็วชัตเตอร์เราก็ควรจะ 10วิ ขึ้นไป .......... ทีนี้ก็มาดูว่า แสงเราจะรับเท่าไหร่  เราก็ค่อยมาปรับรูรับแสง ให้ได้ครับ จะเอา อันเดอ หรือ โอเวอ แล้วแต่  ต้องกดถ่ายดู ผมเอง ก็อาศัยกดถ่ายดุครับว่าแบบไหนเหมาะ ........ ส่วนปรับ f แคบสุดๆ เพราะทุกคนอยากได้ไฟแฉก ...... แต่หากจะเล่นไฟแฉก ก้คงต้องดูองค์ประกอบภาพเพิ่มเติมอีกครับ ไม่ใช้ ทั้งภาพมีดวงไฟเป้นร้อยดวง อันนี้ เอาแฉกมาได้ตาลาย  โดยมากเขาจะเล่นมุมมอง ที่ทำให้ไฟแฉกมันดูเด่นขึ้นมาครับ จากคุณ : reni - [ 18 ธ.ค. 51 09:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มือใหม่เหมือนกัน เกิดปัญหาเหมือนกันด้วยตอนไปถ่ายไฟ ^^ เลยตามมาอ่านค่ะว่าจะแก้ไขปัญหาได้ยังไงบ้าง ได้คำตอบไปบางเรื่อง บางเรื่องยังงงๆอยู่ ขออนุญาตถามในกระทู้นี้เลยนะคะ เรื่องโบเก้สวยๆเวลาถ่ายคนน่ะค่ะ รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายหลักการและวิธีทำให้เกิดภาพแบบนั้นด้วยนะคะ อยากรู้ เผื่อจะเอาไปลองทำดู ถ้ามีภาพประกอบจะยิ่งขอบคุณค่า อิ อิ มามั่วเนียนหาความรู้.... จากคุณ : agarwaen - [ 18 ธ.ค. 51 09:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอโทษที่ไม่ได้มาตอบกระทู้นะครับ อ่านความคิดเห็นที่ 6 แล้วฮามากครับ น้าจะเอาให้ชัดตั้งแต่ชาตินี้ ยันไป ชาติหน้าเลยเหรอครับ จากคุณ : Shooting Crew - [ 18 ธ.ค. 51 09:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 16   ตั้งขาแล้วปิด รห ที่เลนส์ด้วยนา จากคุณ : MiraSport   - [ 18 ธ.ค. 51 09:05:45 ] ไอ้เราก้อเข้ามาเก็บความรู้ งงกับ " รห " มันอะไรหว่า ศัพท์ทางเทคนิคเหรอ? ก้มไปมองที่แป้น รห = IS   เกือบแปลเจตนาผิด ^^" จากคุณ : enstrome - [ 18 ธ.ค. 51 10:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 21 มุมเดียวกับผมหลายรูปเลย แต่ผมใช้ picture style clear อ่ะครับ จากคุณ : kicub2 - [ 18 ธ.ค. 51 10:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 400D กับ kit นะครับ จากคุณ : kicub2 - [ 18 ธ.ค. 51 10:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขออภัย แต่อยากบอกว่า เท่าที่เห็นนี่ หากอยากให้ภาพดูดีขึ้น ควรศึกษาเรื่องการจัดองค์ประกอบ การเลือกมุมมอง เป็นอันดับแรกเลยครับ รูปแรก กับรูปคคห 1 ภาพรกเกินไป แสงไฟที่ต้นไม้ดูจะพอดีแล้ว แต่ด้วยไฟข้างหลังจากตัวตึก ทำให้ต้นไม้ไม่เด่น (ถ้าจะบอกว่าเน้นตึก ต้นไม้มันก็ดันมาเกะกะกีดขวางลูกกะตา) รูปแรกตำแหน่งต้นไม้ดูลงตัวดี แต่รูปหลัง ถนนมันดูตกขอบไปหน่อย รูป คคห 3 แนวต้นไม้ทางซ้ายไม่มีประโยชน์ เกะกะสายตา เทียบกันแล้ว รูปใน คคห 21 ดูลงตัวมากกว่า เทคนิคการจัดองค์ประกอบ http://photoinf.com/ จากคุณ : คาเมะจัง - [ 18 ธ.ค. 51 11:23:28 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กล้องมันสั่น ป่าวคับ  ลองออกไปถ่าย ตอนเช้าๆ แสงมาก แล้วลองใช้ Mode Av  Tv ดู   (mode M กลัวว่าจะออกแนว เดาค่าเอา มันจะเสียเวลาป่าว ต้องมีพื้นฐานอยู่หน่อยค่อยว่ากัน) แล้วดูภาพใหม่นะครับ   พอดีไม่ได้ให้รายละเอียดตอนถ่ายมากนัก แต่ตอนกลางคืน ดีสุดและควรคิอ พกขาตั้งกล้องที่ดี แข็งแรง  พื้นที่บริเวณนั้นไม่สั่นสะเทือน  ถ้ามันสั่นจริง ต้องยอม อัด ISO สูง เจอนอยส์ ก็ต้องยอมคับ  แล้วรูรับแสง F22 ตอนนั้นมีเหตุผล อะไรถึง หรี่มากจังคับ อิอิ การปรับค่าจริงๆ มันมีเหตุผลนะคับ ว่าเราต้องการอะไรเราถึงไปตั้ง เข้าใจมือใหม่อะคับ  ลองไปอ่านหลักการบางอย่าง คิดว่าเดียวพอเจอหลักยึด แล้วเวลาถ่ายก็อ้างอิงจากหลักพวกนั้น ภาพที่ได้ก็จะได้ดังใจขึ้นคับ ไง..ฝึกถ่ายตอนแสงสว่างเพียงพอก่อน แสงไม่ซับซ้อนมาก หรือ วิว โล่ง จะได้หมดปัญหาเรื่องแสง ฝึกเล็งมุมกล้อง หาจุดสนใจของภาพ เรื่องราวของภาพ ก็จะทำให้ภาพนั้นมีคุณค่าในเรื่องราวนั้นๆมากขึ้นคับ อ้อ ที่สำคัญ ฝึกการใช้กล้องควบคุมกล้อง ว่าที่เค้าให้มาทำอะไรได้ ปรับแล้วต้องมีเหตุผลอะไรถึงปรับ  ปรับเท่าไรลองไปดูพวก เทคนิคการภายภาพ ตามเว็บ ชื่อดังมากมาย  แนะนำ pixpros.net   --> Classroom เป็นตอนให้เลือกอ่าน แต่มันจะเป็น กระทู้เนื้อหาสอน จะ ปนกับพื่ที่เค้าถ่ายรูปมาส่งอะคับ  พี่เค้าทำเนื้อหาสอนดีคับ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 51 11:40:22 จากคุณ : JoJoeSaj - [ 18 ธ.ค. 51 11:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 "ยกตัวอย่างรูปที่ 3 ทำไมต้อง F22 งง น้าจะเอาให้ชัดตั้งแต่ชาตินี้ ยันไป ชาติหน้าเลยเหรอครับ"  คห.6 ฮาได้ใจจริงจริ๊ง 5555+ แต่กระทู้นี้เลขสวยจริงๆ นะ จากคุณ : เด็กแนวแถวตะเข็บชายแดน - [ 18 ธ.ค. 51 11:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณสำหรับคำแนะนำจากทุกท่านครับ เพิ่งเข้ามาอ่าน ก็ได้รับคำแนะนำต่าง ๆ มากมาย ก็ต้องบอกตามตรงว่าที่ตั้ง f22 นั้น ก็เปิดอ่านจากหนังสือเทคนิคการถ่ายภาพที่เค้าถ่ายมานั่นแหละครับ เห็นเค้าใช้เท่านี้ ก็เลยใช้ตามครับ รูปที่ถ่ายมานั้น ก็ใช้ขาตั้งกล้องแล้วนะครับ สงสัยอาจจะสั่นตอนกดชัตเตอร์ งั้นเดี๋ยวมีโอกาสจะลองใหม่โดยใช้การตั้งเวลาแทนครับ ที่คุณแมวเหมียวถามผมว่าทำไมต้องใช้mode M แล้วปรับชัตเตอร์กับรูรับแสงไปเรื่อย ๆ ก็ผมอยากลองว่า ต้องปรับไปสักประมาณไหน รูปถึงชัดไงครับ ลองไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ชัดซักที แล้วถ้าใช้โหมดอื่น ผมควรใช้ TV หรือ AV จะเหมาะกว่ากันครับ ถามว่าผมต้องการแบบไหนนั้น ก็อยากให้มันชัดแบบที่เค้าเอามาลงอวดกัน หรืออย่างน้อยให้มันดีกว่านี้อ่ะครับ ขอนำภาพตัวอย่างมาลงแล้วกันครับ ถ้าจำไม่ผิด save มาจาก pantip นี่แหละ ต้องขออภัยที่ไม่สามารถให้เครดิตกับเจ้าของภาพได้เพราะจำไม่ได้จริงๆ save มาค่อนข้างเยอะอ่ะครับ จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 12:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หรือไม่ก็ประมาณนี้ครับ ต้องทำยังไงหรือครับ (ขอแค่ใกล้เคียงก็ยังดี) จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 12:34:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่า...ที่ผ่านมาก็พูดกันไปหมดแล้ว  งั้นลองตามนี้เลยครับตามประสาคนถ่ายรูปเป็นบ้าง ไม่เป็นบ้าง 1. จากรูปที่นำมาแสดง จัดว่าเจ้าของกระทู้ชอบถ่ายวิว เพราะฉะนั้นต้องการเลนส์ที่มีทางกว้างๆ ผมแนะนำให้ไปจัดหาเลนส์ทางกว้างมา 1 ตัวครับ ดังนี้ครับ 1.1  sigma 10-20 1.2  canon EF 17-40L (มือ 2 ก็ได้ครับ ประมาณ 15000-2000 มือ 1 ที่ 25000) 1.3  canon EF 16-35l ราคาแพงแต่คุ้มครับ 2. การถ่ายวิวกลางคืนให้สวย ต้องมีขาตั้งกล้องครับ ไปจัดหามาซะ 3. โดยปกติการถ่ายกลางคืนถ้าต้องการให้มีไฟแว่บๆ เหมือนภาพที่ลงอ่ะนะครับ ก็ตั้งชัตเตอร์ที่ ความเร็วต่ำๆเพื่อให้แสงเข้าได้มากขึ้นทำให้ไฟสว่างมากขึ้นครับ แต่ปัญหาคือภาพจะสั่นได้ง่ายจึงต้องใช้ขาตั้งครับ จากนั้นปรับค่า F ที่ หน้าแคบ ประมาณ 9-20 ประมาณนี้ครับ ลองไปเลือกหาดู เนื่องจาก หากเราปล่อยให้แสงเข้าเยอะในขณะที่เปิดรูรับแสงกว้างนั้น ภาพจพสว่างเกินไปนั้นเอง ในบางกรณี สามารถปรับชัตเตอร์ที่ โหมด M ในความเร็ว BULB (สามารถกำหนดการปิดหน้าเลนส์ได้เองตั้งแต่ 1 วิ ถึง 999 วิ ครับ)  ก็ลองทดสอบเองดูครับ 4.จัดองค์ประกอบของภาพให้ดูดี หากไม่ได้เรียนรู็การจัดองค์ประกอบศิลป์มาคงยากพอสมควร ดังนั้นควรไปหาดูรูปตัวอย่างแล้วลอกมุม มาถ่ายครับ 5. ที่เหลือลองไปค้นดูวิธีถ่ายวิวที่สวยงามจากในเว็ปต่างๆ และหนังสือ ต่างๆได้ครับ 6.จะรอดูผลงานครับ โชคดีครับ จากคุณ : ไร้กระบวนท่า ยิ้มเย้ยยุทธจักร - [ 18 ธ.ค. 51 13:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อะไรกัน! ถ่ายมาไม่ดีก็จะเปลี่ยนอุปกรณ์อีกแล้ว(ทุบซะ) ผมแนะนำให้ใช้ของที่มีอยู่ ถ่ายให้ดีกว่านี้ก่อนครับ พยายามดูภาพเยอะๆ ทำความเข้าใจกับองค์ประกอบฯ ศึกษาการควบคุมกล้อง(อ่านในคู่มือนั่นแหละ) ให้ดี ภาพคุณจะดูดีกว่านี้"เยอะ" โดยไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่ม จากคุณ : DUB-COOK - [ 18 ธ.ค. 51 14:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 30 โอเคครับ แล้วจะลองทำตามคำแนะนำจากหลายคนในนี้ สักวันสองวันนี้จะไปลองถ่ายมาใหม่ คงยังไม่ซื้ออุปกรณ์เพิ่มตอนนี้หล่ะครับ (จากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหลายคนในห้องนี้) จะลองใช้ mode AV หรือ TV บ้างหล่ะครับ จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 14:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จะตอบแบบคร่าวๆๆนะครับ โดยเอารุป ความเห็นที่ 3 เป็นรูปที่1 รูปสพานวงแหวนอุตสาหกรรมเป็นรูปที่ 2 ในการถ่ายภาพ ขนาดรูปรับแสง + ความเร็วชัตเตอร์ == ปริมาณแสงที่ตกลง CCD >>> อันนี้กำปั้นทุบดิน ทีนี้ปริมาณแสง ก็มี อันเดอร์ โอดวอร์ พอดี  แล้วแต่ว่าอยากได้แบบไหน ตามแต่จินตนาการของผู้ถ่ายภาพ>>>อันนี้ก็เรื่องความชอบ บอกกันไม่ได้ ส่วนไอไฟแฉกๆๆ ในรูปสะพานพระราม 8 เกิดจากรูปรับแสงแคบ (ไม่ถึง 22 ก็แฉกแล้ว)  หรือใช้fillterช่วย อันนี้แล้วแต่ว่าใครถนัดแบบไหน ทีนี้มาดูรูปแรกกัน รูปแรกจะมีเรื่องเวลาของรถวิ่งมาเกี่ยวข้อง เพราะผู้ถ่ายอยากได้เส้นสายของไฟรถยาวแค่ไหน เส้นเล็ก ใหญ่ แค่ไหน สมมุติ อยากให้เส้นสายของไฟรถยาวเท่ากับเวลา 5 วินาที(iso คงที่) ก็ต้องมาดูว่าที่ เวลา 5 วินาทีเนี่ยต้องเปิดหน้ากล้อง F เท่าไหร่ถึงจะให้รูปที่ให้ความสว่างพอดี เช่น f 5.6  ทีนี้ ก็ลองถ่ายดู ชอบไม่ชอบว่ากันอีกที เพราะผู้ถ่ายต้องบอกว่าชอบหรือไม่ชอบ บอกกันแทนไม่ได้ ถ้ารูปที่ได้มาแล้วบอกไม่ชอบ เพราะสว่างเกิน ก็ลองปรับให้อันเดอร์ การปรับให้อันเดอร์มีสารพัดวิธี แล้วแต่ว่าผู้ถ่ายอยากได้อย่างไร แต่ผมก็อยากให้ใช้สถานการเดิมที่ 5 วิแล้วกัน ก็ชอบแล้วนิน่า เอิ๊กๆๆ เราก็ปรับรูรับแสงให้แคบลง แล้วอ่านแถวความสว่างให้ไปทางอันเดอร์ (เราอยากให้อันเดอร์นิน่า) ว่าอยากให้อันเดอร์เท่าไหร่ 1 สตอป 2 สตอป ตามใจเรา ทีนี้ เมื่อหรี่รูรับแสงลง ผลที่ตามมาคือประกาย หรือแฉกของไฟ และขนาดของเส้นไฟรถยนต์จะเล็กลง   ปรับตามชอบ แต่รูปที่ 2 เป็นรูปที่ไม่สนเวลาในการเปิดรับแสง (ccdพังไม่รู้ อิอิ) อันนี้ไม่ค่อยยากเพราะเวลาไม่เกี่ยว ให้ AVได้เลย เอารูรับแสงที่ชอบ ว่าเอาให้ชัดตั่งแต่ชาตินี้ไปถึงชาติไหน แล้วแต่เรา f8  f16 f22!!! แล้วก็ตั้ง EV ตามใจ อยากได้ เปรี้ยวได้หวาน ตามใจเรา ตั้งเอาเลย แต่ว่าถ่ายกลางคืนแนะนำให้อันเดอร์ 1 สตอปเป็นอย่างน้อย ในสมัยดิจิตอล สบาย ไม่เปลืองตัง ลองเล่นดูครับ และทำความเข้าใจว่าผมของการปรับแต่ละอย่างเป็นอย่างไร ผสมกันได้อะไร ลองเอารูปนี้มาให้ชมครับ ภาพเก่าแล้ว ถ่ายไม่ได้เรื่องด้วยเพราะถ่ายพลุครั้งแระ หวังว่าพอจะทดแทนกันได้ครับ จากคุณ : บางคนที่มั่วๆๆกันไป (kob_inc) - [ 18 ธ.ค. 51 14:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ที่คุณแมวเหมียวถามผมว่าทำไมต้องใช้mode M แล้วปรับชัตเตอร์กับรูรับแสงไปเรื่อย ๆ ก็ผมอยากลองว่า ต้องปรับไปสักประมาณไหน รูปถึงชัดไงครับ  เหตุผล ครับ เหตุผล  ถ้่าลองไปเรื่อยๆ ก็เหมือนมวยวัด .. ต่อยได้ ต่อยดี  แต่พอขึ้นเวทีจริงๆ จะโดนต่อยลงมา  ต้องหาเหตุผลว่า ทำไมถึงทำเช่นนี้ เพราะอะไรถึงทำเช่นนี้ มีเหตุมีผล มีหลักเกณฑ์อย่างไร ฯลฯ  ใหม่ๆ มันก็ยาก .. จนมีคนแซวบ่อยๆ ว่า ต้องจบปริญญาการถ่ายรูปมาหรือไร ถึงจะถ่ายได้  มันไม่ถึงกับขนาดนั้น  แต่ถ้ามีไว้ก่อน ศึกษา ค้นคว้า คิด คำนวน วางแผนล่วงหน้า จนเป็นสัญชาติญาณ ... มันจะช่วยร่นเวลาได้มาก  เพราะถ้าท่องไปเรื่อยๆ ก็จะติดกับสิ่งที่ท่อง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 16:42:51 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เทคนิคของการถ่ายรูป มีตัวแปรหลักๆ อยู่สี่ห้าตัว  ปริมาณแสงที่มาจากสิ่งที่เราจะถ่าย .. หรือความสว่าง  ความไวแสงของตัวรับ (เซนเซอร์) .. หรือ ISO  ขนาดรูที่ปล่อยให้แสงผ่าน (รูรับแสง .. aperature)  ระยะเวลาที่ปล่อยให้แสงผ่าน (speed)  สี่ห้่าตัวนี้ มีความสัมพันธ์กัน  ในทางเทคนิค ... การเปลี่ยนตัวใดตัวหนึ่ง ก็ไปกระทบกับที่เหลือ ทั้งทางบวก (ได้ภาพ) และทางลบ (ไม่ได้ภาพ)  และการเปลี่ยนตัวแปรข้างบน ตัวใดตัวหนึ่ง มันเปลี่ยนแปลงผลสุดท้ายได้ทั้งทางบวก (ภาพน่าดู) และทางลบ (ภาพไม่น่าดู)  พยายามทำความเข้าใจ  - ปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อตัวแปรตัวนั้นๆ   - ผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากตัวแปรตัวนั้นๆ   - ผลที่ีเกิดตามมา จากการเปลี่ยนตัวแปรตัวนั้นๆ  -  ผลที่เกิดจากตัวแปรตัวนั้น ไปวุ่นวายกับตัวแปรตัวอื่น  พอเข้าใจ และสามารถควบคุมตัวแปรทางเทคนิคเหล่านี้  เวลามาเล่นองค์ประกอบภาพ มุมมอง และ จินตนาการ มันจะง่ายขึ้นอีกมาก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 16:49:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตัวอย่างเช่น  สถานการณ์ที่ จขกท. ต้องการให้ได้ภาพมา  สิ่งที่เราจะถ่าย .. หรือความสว่าง = EV 5 (มันคืออะไรอย่าไปสนใจ)  ตั้งความไวแสงของตัวรับ (เซนเซอร์) .. หรือ ISO ไว้ที่ 400  ถ้าจะให้ได้ภาพ ก็ต้องให้ขนาดรูที่ปล่อยให้แสงผ่าน (รูรับแสง .. aperature) = f/5.6  และต้องมีระยะเวลาที่ปล่อยให้แสงผ่าน (speed) = 1/30  แต่ทั้งสี่ตัวแปร .. มันทำให้แค่ "ได้ภาพ" เท่านั้น  ไม่ได้ทำให้ได้ ภาพที่มีลักษณะตามต้องการ  คือไฟรถ เป็นสาย  ถ้าต้องการไฟรถวิ่งเป็นสายๆ ก็ต้องมีระยะเวลาที่ปล่อยให้แสงผ่าน (speed) นานขึ้น มันถึงจะเป็นสาย  รถวิ่งผ่านมุมกล้อง 10 วินาที ก็ต้องเปิดให้แสงเข้ากล้อง 10 วินาที  นานขึ้น .. จาก 1/30 เป็น 10 วินาที  แสงเข้ามาก จนท่วมตัวเซนเซอร์  ถ้าไม่ให้ท่วม .. ก็ต้องหรี่ ขนาดของรูรับแสง ลง  จาก f/5.6 เป็น f/128 (ทำไมเป็น f/128 )  แต่ f/128 มันไม่มีนี่หว่า?  ก็ต้องลดความไวแสงของเซนเซอร์ลง จาก ISO 400 เหลือ ISO 50  f/128 มันถึงจะลดเหลือ f/22 ได้  (ทำไมถึงได้ )  แต่ถ้าลดความเร็ว เป็น 10 วินาที  กล้องจะสั่น นิืดหน่อย เพราะแรงกดชัตเตอร์    แต่สั่นมาก และสั่นตลอดเวลา จากแรงสะเทือนของพื้นถนน ที่รถวิ่งผ่าน (ปัจจัยภายนอก ที่ไม่ได้คิดถึง)  ถ้าจะไม่ให้สั่น ก็ต้องใช้ขาตั้งกล้องดีๆ .. แพง  ฯลฯ  ว่ากันได้อีกเยอะ  แต่ขอแค่นี้ พอให้ได้ไอเดีย  เพราะเจ็บนิ้วแล้ว จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 17:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณแมวเหมียวครับ ผมเข้าใจนะ ว่าถ้าลดสปีตชัตเตอร์ให้มันช้าลง ต้องไปชดเชยโดยการหรี่รูรับแสงให้มันแคบลงด้วย (f มากๆ) หรือลดค่า ISO ลง ประมาณว่าพอจะรู้ว่าถ้าลดตัวแปรนึง ต้องไปเพิ่มอีกตัวแปรนึง แต่มันมีสูตรในการคำนวณหรือเปล่าครับ ว่าถ้าเพิ่มตัวแปรนี้ แล้วต้องลดตัวแปรนั้นเท่าไหร่ เพื่อให้ได้แสงในปริมาณเท่าเดิมอ่ะครับ รบกวนถามเพิ่มเติมด้วยครับ มือใหม่จริงๆ อ่ะ งี้ถ้าผมเปลี่ยนเป็นเพิ่มค่าความไวแสงเป็น ISO 800 แล้วเปิดรูรับแสงให้มันกว้างขึ้นเป็นประมาณสัก 11 แล้วลดความเร็วชัตเตอร์ลงจาก 13 วินาทีเหลือสัก 3-4 วินาที เพื่อลดความเบลอของภาพ ไม่ทราบว่ามันจะพอได้หรือเปล่าครับ? (ได้ไม่ได้ เดี๋ยวอีกสักวันสองวันจะไปลองดูครับ) จากคุณ : S.C.P. - [ 18 ธ.ค. 51 17:53:28 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบกระทู้นี้แฮะ ทั้งเลขสวย + ได้ความรู้ด้วย ผมก็แวะมาเก็บความรู้เหมือนกัน ยังต้องฝึกอีกเยอะ :) จากคุณ : Steyr Commando - [ 18 ธ.ค. 51 19:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สูตรความสัมพันธ์ของตัวแปรทั้งสี่ มีครับ  คร่าวๆ ง่ายๆคือ  2ปริมาณแสง x ISO = ค่าคงที่ (100) x ความเร็ว (ตัวเลขล่าง) * ขนาดรูรับแสงยกกำลังสอง (ตัวเลขหลัง)  อย่างเช่นแสงสว่างปานกลาง (EV=10)  210 x 100 = 100 * 125 * 2.82  สูตรพวกนี้ปวดหัว แต่เป็นรากฐานของการคำนวน  หลายๆคน (รวมทั้งผมด้วย) ใช้การจำค่าเอาดื้อๆ  ลองเปิดตำราถ่ายรูป ทำความเข้าใจดูแล้วกันครับ  พิมพ์อธิบาย .. ก็ซ้ำกับในตำรา จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 20:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรื่องปวดหัวนี้ .. สมัยก่อนต้องแม่นมาก เพราะมิเตอร์วัดแสง มันไม่ดีเหมือนสมัยนี้ อ่านค่าออกมาเป็น EV แต่ถ้าแสงคงที่ .. 2ปริมาณแสง มีค่าคงที่ ISO ไม่เปลี่ยน .. มีค่าคงที่ สูตรจะเหลือแค่ ความเร็ว * ขนาดรูรับแสงยกกำลังสอง = แสงคงที่ * ISO คงที่ / ค่าคงที่ 100 หรือ ความเร็ว * ขนาดรูรับแสงยกกำลังสอง = ค่าอะไรซักค่านึง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 20:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ลองดูตารางนี้เป็นตัวอย่าง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 20:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่ว่าคอลัมน์ A, B หรือ C  เอาค่าตัวหารความเร็ว  มาคูณกับค่าตัวหารรูรับแสง สองหน  จะได้ค่าใกล้เคียงกัน (เท่ากัน)  ซึ่งเป็นไปตาม คห.38 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ธ.ค. 51 20:25:11 ]

ความคิดเห็นที่ 41 "งี้ถ้าผมเปลี่ยนเป็นเพิ่มค่าความไวแสงเป็น ISO 800 แล้วเปิดรูรับแสงให้มันกว้างขึ้นเป็นประมาณสัก 11 แล้วลดความเร็วชัตเตอร์ลงจาก 13 วินาทีเหลือสัก 3-4 วินาที เพื่อลดความเบลอของภาพ ไม่ทราบว่ามันจะพอได้หรือเปล่าครับ? " มือใหม่แอบแจมด้วย   ถ้าปรับจาก "ISO 100, shutter speed 13 sec" ไปเป็น "ISO 800, shutter speed 4 sec" แสงตกกระทบ sensor มีค่าเท่าเดิม กรณีหลังนี้โอกาสที่ภาพจะคมชัดจะมีมากขึ้น(เพราะเปิดสั้นๆ โอกาสกล้องสั่นจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวลดลง แต่ effect ของไฟท้ายรถที่เป็นเส้นยาวๆก็จะหายไป(เพราะเปิดช่วงสั้นๆ รถก็วิ่งได้ไม่ไกลครับ) จากคุณ : Chanin.U - [ 19 ธ.ค. 51 08:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เทคนิคของการถ่ายรูป มีตัวแปรหลักๆ อยู่สี่ห้าตัว ปริมาณแสงที่มาจากสิ่งที่เราจะถ่าย .. หรือความสว่าง ความไวแสงของตัวรับ (เซนเซอร์) .. หรือ ISO ขนาดรูที่ปล่อยให้แสงผ่าน (รูรับแสง .. aperature) ระยะเวลาที่ปล่อยให้แสงผ่าน (speed) สี่ห้าตัวนี้ มีความสัมพันธ์กัน ......... บทสรุปหลัก ๆ ตามนี้เลยครับ จากคุณ : tgclub - [ 19 ธ.ค. 51 08:17:44 ]

ความคิดเห็นที่ 43 น้าแมวตอบถูกใจจิงๆครับ ไม่ว่าเราจะทำอะไรก้อตาม ไม่ใช้เฉพาะในเรื่องการถ่ายรูปอย่างเดียว ทุกๆเรื่องที่เราตั้งใจทำ เราควรจะตั้งคำถามกับตัวเองให้มากๆ ว่าทำไม และ เพราะอะไร การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมนั้น จะช่วยให้เราเข้าใจว่าเพราะอะไรและทำไมในคำถามของเรานะครับ ตอบแบบกำปั้นทุบดินไปหน่อย แต่ผมวาถ้าความเข้าใจที่ได้จากการศึกษา, ตั้งคำถามและค้นหาคำตอบอย่างจิงจัง  มันจะอยู่กับเราไปตลอด และช่วยเราแก้ไขปัญหาได้ในหลายๆสถานะการ์ณนะครับ ไม่ใช้ว่าเจอปัญหาทีก็ต้องมานั่งถามทีอันนี้ผมว่ามันไม่ใช้แล้วละ จากคุณ : MaeHub - [ 19 ธ.ค. 51 08:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ซื้ออุปกรณ์ใหม่เป็นทางเลือกสุดท้ายครับ พับเผื่อยเถอะ... จากคุณ : Papercut - [ 20 ธ.ค. 51 23:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 รบกวนถามเพิ่มเติมครับ ระบบวัดแสง เช่น เฉลี่ย, หนักกลางภาพ, หรือ เฉพาะจุด จะมีผลมากน้อยค่าไหน กับภาพที่ได้ออกมาครับ ขอบคุณมากครับ ได้คว่ทรู้เพิ่มขึ้นมากมาย จากคุณ : ผู้หวังร้าย - [ 29 ธ.ค. 51 15:55:07 ]