ความคิดเห็นที่ 1 ในกล้องฟิล์มบางรุ่นเช่น Nikon FE, F3 เงี่ยงเกี่ยวตัววัดแสงนี้จะปรับยกขึ้นได้ ทำให้ใช้ได้ ทั้งกับเลนส์ non-AI และ AI, AIS จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใชัก้บเลนส์ AI, AIS ก็พับลง เงี่ยงก็จะเกี่ยวเข้ากับขอบตัววัดแสงบนเลนส์ ทำให้วัดแสงได้แบบปกติ จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:28:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ใช้กับเลนส์ non-AI ก็ยกขึ้น วัดแสงแบบ stop down จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขณะที่บนตัวเลนส์ AI, AIS จะมี meter coupling ridge (ศรชี้) ซึ่งจะเกี่ยวเข้ากับ meter coupling lever บนตัวกล้อง เพื่อบอกให้กล้องรู้ว่าขณะนี้เลนส์เปิดที่ f เท่าไหร่ และมี f กว้างสุดเท่าไหร่ เลนส์ตัวขวาสุด ซึ่งเป็น non-AI จะไม่มี meter coupling ridge นี้ จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:29:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Nikon D40, D60, D80 ไม่มีเงี่ยงเกี่ยวตัววัดแสง ทำให้ใช้กับเลนส์มือหมุนได้ทั้ง AI, AIS และ non-AI จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Nikon D200 ขึ้นไป และ Fuji S5 Pro มีเงี่ยงนี้ ทำให้วัดแสงได้กับเลนส์มือหมุน AI, AIS แต่เงี่ยงนี้เป็นเงี่ยงแข็งตายตัว ขอบท้ายเลนส์ non-AI ส่วนใหญ่จะกดเข้ากับเงี่ยงนี้ ซึ่งเป็น อันตราย อย่างน้อยที่สุดก็จะกดกับแหวนปรับรูรับแสง ทำให้ปรับรูรับแสงได้ฝืดมาก อย่างเลวร้ายก็คือขอบท้ายเลนส์จะกดเงี่ยงนี้จนหัก ค่าซ่อมแพงครับ (ถ้านิคอนทำให้เงี่ยงนี้ยกขี้นได้ซะหน่อยก็จะเป็นที่ชื่นชมของคนรักมือหมุนอีกเยอะเลย) จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ที่นี้ก็มีวิธีการที่ทำให้กล้องพวกนี้ใช้กับเลนส์ non-AI ได้ วิธีแรกคือขลิบปลายเงี่ยงกดรูรับแสงนี้ให้สั้นเข้าเล็กน้อย ไม่ให้มันกดกับขอบท้ายเลนส์ ทำให้ใส่เลนส์ได้ปกติ แต่วัดแสงไม่ได้ แบบนี้ต้องระวัง ถ้าขลิบมากไป มันจะสั้นจนเกี่ยวกับ meter coupling ridge บนเลนส์ AI, AIS ไม่ถึง ทำให้วัดแสงไม่ได้ อีกวิธีนึงคือบากขอบหลังของแหวนปรับรูรับแสงให้เป็นร่องที่จะไปเกี่ยวกับเงี่ยงเกี่ยวตัววัดแสง ซึ่งจะทำให้เม้าท์เลนส์ non-AI บนกล้องได้ และวัดแสงได้ด้วย วิธีนี้ทำเองได้ ไม่ยุ่งยาก แต่ ต้องบากให้ได้มุมที่พอดี ไม่งั้นจะวัดแสงเพี้ยน รายละเอียดการวัดมุมเพื่อบากสำหรับเลนส์แต่ละตัว ดูได้ที่นี่ครับ http://www.zi.ku.dk/personal/lhhansen/photo/fmount.htm วิธีสุดท้าย ดูดี แต่แพง คือซื้อแหวนปรับรูรับแสงแบบ AI ของนิคอนเอง ซึ่งทำมาเฉพาะสำหรับ เลนส์แต่ละตัวมาเปลี่ยนกับแหวนปรับรูรับแสงเดิม ตอนนี้นิคอนเลิกผลิตแล้วแต่ในบ้านผีสิง ยังเห็นมีของเก่าเก็บมาขายเป็นระยะๆ ราคาอันละประมาณ $30-40 ไม่รวมค่าส่ง ในภาพเป็นเลนส์ micro Nikkor 55/3.5 ทั้งสี่ตัว หมายเลข 1 เป็นเลนส์ที่เปลี่ยนแหวนปรับรูรับแสงเป็น AI หมายเลข 2 เป็นเลนส์ non-AI ดั้งเดิม หมายเลข 3 บากเลนส์แบบพื้นๆ ตำแหน่งก็ไม่ตรง ฝีมือก็หยาบ แบบนี้ใส่กับกล้องได้แต่วัดแสงเพี้ยนแน่นอน หมายเลข 4 บากแบบมีฝีมือ ตำแหน่งที่บากตรงกับตำแหน่ง meter coupling lever ของหมายเลย 1 พอดี แปลว่าน่าจะใช้งานได้ดีและวัดแสงไม่เพี้ยน จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:30:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ทีนี้ถ้าจะบากเองควรจะทำยังไง ถ้าต้องการความแม่นยำสูงๆ คือต้องวัดแสงได้แม่นเป๊ะๆ ต้องคำนวณหามุมเอาตามเว็บลิ้งค์ที่ผมให้ไว้ข้างบน ถ้าไม่ซีเรียสมาก ก็เอาเลนส์ที่เอฟกว้างสุดเท่ากัน แต่เป็น AI หรือ AIS มาเทียบแล้วบากให้ได้มุมเท่ากัน ก็พอจะใช้งานได้ครับ อย่างในรูป ตัวซ้ายมือเป็น Nikkor 135/3.5 non-AI ตัวขวามือเป็น Nikkor 135/3.5 AI ถ้าผมอยากจะบาก เลนส์ตัวซ้าย วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือเริ่มบากตรงมุมที่เลย 12 นาฬิกามาทางขวานิดนึงให้ตรงกับเลนส์ตัวขวา แล้วบากให้กว้างพอที่เมื่อเม้าท์เลนส์เข้ากับกล้องแล้วต้องหมุนแหวนปรับรูรับแสงได้ตลอดช่วงโดยไม่ติดขัด หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ ไม่เข้าใจตรงไหนถามได้ครับ ฉวยโอกาสเอาบทความนี้เป็นของขวัญปีใหม่ซะเลย สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน และขอบคุณที่แวะเข้ามาเยี่ยมครับ จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 16:31:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มาเก็บความรู้ พร้อมกับ สวัสดีปีใหม่ด้วยครับ . จากคุณ : Z4t4nGuru bofh - [ วันสิ้นปี 17:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับสำหรับสาระดีๆ ก่อนข้ามไปปีใหม่ ถึงผมไม่ได้ใช้ตระกูล Nik ก็ยังรู้สึกได้ถึงประโยชน์ของบทความนี้ (เผื่ออนาคตมีโอกาสใช้นิค จะได้เลือก เลนส์/กล้องได้ถูก :) จากคุณ : ZooRider - [ วันสิ้นปี 17:01:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่มีกล้องนิค / หัวฟู   แต่มาพุงเก็บความรู้ครับ จากคุณ : wat06 (HS6GDE) - [ วันสิ้นปี 17:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มีอีกวิธีครับ แต่ไม่แนะนำ ถ้าไม่บ้าเลนส์มะเฟืองจริงๆ  คือ  ปาดที่กล้องเลยครับ  เหลือให้พอเกี่ยวกับเลนส์ AIS ได้นิดนึง  และก็ใส่มะเฟืองได้โดยไม่ติด  หุๆ วัดแสง ก็ stop down  ชดเชยแสงไปตาม step ของ f ที่บิดไปครับ D200  ตัวเก่าผม ก็โดนเจี๋ยนแบบนี้หละ หุๆๆ จากคุณ : tamrong - [ วันสิ้นปี 18:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 13 .....เกก็บเข้ากล่องดำครับ.......... จากคุณ : เขียวแก่ - [ วันสิ้นปี 18:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เหมาะมากที่เป็นบทความส่งท้ายปีเก่า ได้ประโยชน์จริงๆๆ แหมหากเขียนก่อนนี้สัก3เดือนกล้องผมก้านวัดแสงคงไม่หัก................อิอิอิ จากคุณ : ktt116 - [ วันสิ้นปี 19:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เก็บไว้ดูนานๆครับ จากคุณ : tanaman - [ วันสิ้นปี 19:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลืมบอกอีกอย่างนึง คู่มือ Nikon D60 บอกไว้ชัดเจนว่าห้ามใช้เลนส์ non-AI นะครับ เขาไม่ได้บอกเหตุผลไว้ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ตัวผมเองที่ซื้อ D60 ทั้งๆ ที่มี Fuji S5 Pro อยู่แล้ว ก็เพื่อเอามาใช้กับเลนส์ non-AI นั่นเอง แล้วก็ใช้มาเกือบปีแล้ว ยังไม่เคยเจอปัญหาอะไร แต่ยังไงก็ตาม ต้องเตือนไว้ก่อน เพราะถ้าใช้แล้ว กล้องมีปัญหา คงเป็นเหตุผลให้หมดประกันก่อนกำหนดได้ ส่วน D อื่นๆ ไม่ทราบว่าพูดถึงหรือเปล่า วิธีขลิบของคุณ tamrong ก็คือวิธีที่ผมว่าไว้เป็นวิธีแรกใน คคห.7 นั่นเองครับ ขอบคุณที่เอารูปมาประกอบให้ ผมคิดอยู่นานว่าจะทำยังไงถึงจะให้ได้รูปนี้มา คุณ tamrong เอารูปที่ดูเข้าใจง่ายมากๆ มาให้ ขอบคุณๆๆๆ โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบการขลิบบอดี้กล้องมากกว่า เพราะถ้าทำได้ดีๆ จะไม่เห็นร่องรอยเลย ขณะที่การขลิบเลนส์ จะทำให้มีแผลเห็นชัดอย่างถาวร แล้วถ้าบากหยาบเหมือนเลนส์เบอร์ 3 ใน คคห.7 ด้วยแล้วละก็ จะทำให้เลนส์เสียโฉมไปเลย เสียดายครับ เห็นเลนส์ที่โดนปู้ยี่ปู้ยำทีไรปวดหัวใจทุกที จากคุณ : ha ha yee - [ วันสิ้นปี 19:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณครับ พี่หมอ เป็นความรู้ดีๆเลยครับ ว่าแต่ ฟูจิ s3pro ของผมจะใช้ ทำให้วัดแสงได้เหรือเปล่าครับ  หากได้คง มีอะไรให้เล่นกับเลนซ์มือหมุน ได้อีกหลายๆตัวเลยครับ   ปีใหม่นี้ ขอให้พี่หมอและครอบครัว สุขใจสุขกาย และสมปรารถนาในสิ่งดีๆครับ จากคุณ : ckyala - [ วันสิ้นปี 20:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากครับสำหรับบทความที่ดีเยี่ยม สวัสดีปีใหม่ด้วยนะครับ จากคุณ : guitartop - [ วันสิ้นปี 20:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 สุดยอดครับพี่หมอ เป็นความรู้ที่ดีมากๆ ครับ อ่านง่าย เข้าใจง่าย.... สวัสดีปีใหม่ครับพี่หมอ... จากคุณ : Mr.balloon - [ วันสิ้นปี 21:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 20 บทความนี้สุดยอดครับน้าหมอฮา..... ขอบพระคุณมากมายเลยครับ คลิ๊กเข้าคลังกระทู้โดยไว สวัสดีปีใหม่ 2552 ด้วยครับน้าหมอฮา.... จากคุณ : นายนก - [ วันสิ้นปี 22:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แม้ผมจะไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับทั้งกล้องเเลนส์ของนิค แต่อ่านบทความนี้ก็เข้าใจดีเยี่ยมเลยครับ ขอบคุณ และสวัสดีปีใหม่ครับน้าหมอ จากคุณ : kobkik - [ วันสิ้นปี 22:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับความกรุณาจริงๆใหัความรู้ จากคุณ : ขุนแผนแดนเสรีภาพ - [ วันสิ้นปี 22:46:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ชัดเจน เข้าใจง่าย ขอบคุณสำหรับความรู้และสวัสดีปีใหม่ครับน้าหมอ... จากคุณ : ภูน้ำฟ้า - [ วันสิ้นปี 23:30:19 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สวัสดีปีใหม่ครับ ขอบคุณน้าหมอฮา สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ จากคุณ : TKM - [ วันปีใหม่ 01:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับน้าหมอฮาสำหรับความรู้ดีๆ ขอเก็บเข้าคลังกระทู้นะครับ จากคุณ : ไอ้คุณแหลม - [ วันปีใหม่ 01:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบพระคุณมาก ๆ ครับ น้าหมอฮาฯ..... อย่างนี้ต้องเอามะเฟือง  ออกจากโหลดองมา ทำอะไรกินได้ทั้งปีครับ......... จากคุณ : เป็ดน้อยผจญภัย - [ วันปีใหม่ 01:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ...สุดยอดเลยครับ อธิบายได้เข้าใจแจ่มแจ้งมาก.. รูปประกอบก็ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น (ว่าแต่น้า ha ha yee มีเลนส์ ทุกรูปแบบเลย  เลนส์ที่บากไม่ดีก็ยังมีตัวอย่างมาให้ดู ) ...เป็นของขวัญปีใหม่ที่เยี่ยมมากเลยครับ..ขอบคุณครับ   ขอถามเรื่องวัดแสงแบบสต๊อปดาวน์นิดนึงนะครับ คือผมยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ (ผมไม่เคยเล่นกล้องเก่า หรือ DSLRรุ่นที่เกิน D x00) เลย ถึงแม้ผมจะยังคงไม่ได้ใช้เท่าไหร่แต่ถามไว้เป็นความรู้หน่ะครับ ...  คือผมเข้าใจว่ากล้องจะรู้ว่าเลนส์ที่เราใส่มี f กว้างสุดที่เท่าไหร่ และวัดแสงเสมือนว่าเราเปิด f กว้างสุดไว้ตลอด  แต่ถ้าเราปรับ f ให้แคบลง เราก็ต้องคิดว่าเราปรับ f แคบไปกี่สต๊อป แล้วชดเชยไปตามนั้น.. เช่นเลนส์ f กว้างสุดที่ 2.8 แต่ผมปรับ f ไปที่ 4 ฉะนั้นต้องวัดแสงให้โอเวอร์ไปอีก 1 สต๊อป .....แบบนี้ผมเข้าใจถูกต้องรึเปล่าครับ ...ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 01 ม.ค. 52 10:56:50 จากคุณ : มิ-มู่ - [ วันปีใหม่ 10:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณครับน้าหมอ ผมเเคยเอามะเฟือง50 f1.4 ใส่กับF5 รู้สึกเหมือนจะพังยังไงไม่รู้.... จากคุณ : กระเพราเป็ด - [ วันปีใหม่ 17:03:47 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณสำหรับกระทู้ที่ให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างมากครับพี่หมอ ผมเองก็เป็นอีกคนที่รัก MF ของNikonครับ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม๊ นิคอนถึงทำให้เลนเก่าค่ายตัวเองใช้กับกล้องรุ่นใหม่ๆยากนักหนา ตอนนี้ผมเลยหันมาจับคู่กับ Canon EOS แล้ว stop down โลดครับ ข้อดี: *** ไม่ต้องบากแหวนท้ายเลนส์ ซึ่งอาจทำให้เลนเสียคุณค่าทางการสะสม *** วัดแสงได้ปกติทั้งระบบ spot / center weight ใช้adapterที่มีconfirm focus ทำให้บอกจุดชัดเวลาโฟกัสได้ด้วยครับ แต่ขอคอนเฟิมความเนียนของ Nikkor MF เลยครับ ประกอบกับราคาที่แสนจะคุ้มค้า หน้าเลนส์ 52mm เกือบทั้งชุด etc. จากคุณ : นายกล้องเก่า - [ วันปีใหม่ 21:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับ สำหรับกำลังใจจากทุกๆ ท่าน ชื่นใจจริงๆ อิ อิ อิ ตอบคุณหมอ มิ-มู่ ปัจจุบัน บนกล้องนิคอน DSLR รุ่นต่ำกว่า D200 ไม่มีการวัดแสงเลยครับ ต้องวัดด้วยใจอย่างเดียว f ของเลนส์มันจะเปิดกว้างสุดแล้วหรี่ลงเฉพาะขณะกดชัตเตอร์เท่านั้น คือระบบ autodiaphragm ยังทำงานสมบูรณ์แบบ แต่ไม่มีการวัดแสงครับ วัดแสงแบบ stop down คือการหรี่รูรับแสงลงตาม f ที่ตั้งไว้ขณะที่กำลังวัดแสงครับ พวกที่ใช้โอลี่กับแคนนอนบวกเลนส์มือหมุนเขาใช้วิธีวัดแสงแบบนี้กัน พวกเลนส์ T-mount หรือเลนส์ preset ก็ต้องวัดแสงแบบนี้ครับ จากคุณ : ha ha yee - [ 2 ม.ค. 52 05:52:32 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ...อ๋อเข้าใจแล้วครับ  แบบนี้เค้าเรียกว่าสต๊อปดาวน์ ...ขอบคุณครับ จากคุณ : มิ-มู่ - [ 2 ม.ค. 52 07:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 32 บทความยอดเยี่ยมมากครับน้าหมอ ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ๆ ครับ จากคุณ : NuengArts67 (NuengArts67) - [ 2 ม.ค. 52 10:57:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 บทความดีมากๆเลยครับน้าหมอ...สงสัยมานานมากครับว่าอะไรคือ stop down กับ auto diaphragm ขอบคุณครับน้าหมอ จากคุณ : HS0VYQ - [ 2 ม.ค. 52 13:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เยี่ยมเลยครับ ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว ขอแตกประเด็นนะครับ จากคุณ : jaycee - [ 2 ม.ค. 52 22:20:42 ]