ความคิดเห็นที่ 1 ใช้งานหลักๆ ของผมคือ - เอาไปแปลงเป็น TIFF ไฟล์ สำหรับเอาไปทำงานพิมพ์ - เลือกค่า dpi ได้ตามใจโดยไม่เสียรายละเอียด จากคุณ : ไม่ประสงค์จะออกตังค์ - [ 18 ม.ค. 52 14:49:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับการปรับค่าทีละหลายๆ รูปโดยใช้ต้นฉบับอันเดียว ใน lightroom ทำได้อยู่แล้วครับ จากคุณ : ไม่ประสงค์จะออกตังค์ - [ 18 ม.ค. 52 14:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากให้สังเกตุ การปรับภาพจาก Jpg ยิ่งปรับความละเอียดมันจะยิ่งหาย noise เพิ่มอีกเยอะเลย โดยการขยายดูจะเห็นความต่างครับ ส่วน RAW เราปรับแล้วแปลงเป็น JPG ทีหลังคุณภาพไม่เสียครับ จากคุณ : TM_410 - [ 18 ม.ค. 52 15:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Dynamic Range ที่เก็บได้ต่างกันเยอะมากๆครับ ทีนี้ก็อยู่ที่เราละ ว่าจะดึง potential range ที่อยู่ในรูปออกมาใช้ยังไง .. .. .. .. .. ฺำBefore.. จากคุณ : NEKKI (Fire Bomber !!) - [ 18 ม.ค. 52 15:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 After จากคุณ : NEKKI (Fire Bomber !!) - [ 18 ม.ค. 52 15:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ในบล็อกผม มีเรื่อง raw vs jpg อยู่ราวๆ 4-5 เรื่อง  ลองทำความเข้าใจดูแล้วกัน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ม.ค. 52 16:01:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าจำไม่ผิด น้าทายาทจูล่ง ใช้ Canon ใช่มั๊ยครับ ลองเปิด RAW files ด้วย DPP ดู แล้วจะรู้ว่ามันเจ๋งขนาดไหน จากคุณ : DUB-COOK - [ 18 ม.ค. 52 16:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลองเปิดดูนะครับ เปิดมาแล้ว คลิกที่รูปจะเป็น vdo ครับ RAW http://www.2howtraining.com/groups/photography/wiki/3ad87/RAW.html Adobe Camera Raw 1 http://www.2howtraining.com/groups/photography/weblog/5f0f0/Adobe_Camera_RAW___1.html Adobe Camera Raw 2 http://www.2howtraining.com/groups/photography/weblog/451c2/Adobe_Camera_RAW___2.html Adobe Camera Raw 3 http://www.2howtraining.com/groups/photography/weblog/b6924/Adobe_Camera_RAW___3.html Adobe Camera Raw 4 http://www.2howtraining.com/groups/photography/weblog/22487/Adobe_Camera_RAW___4.html Adobe Camera Raw 5 http://www.2howtraining.com/groups/photography/weblog/83d9e/Adobe_Camera_RAW___5.html Adobe Camera Raw 6 http://www.2howtraining.com/groups/photography/weblog/f0b74/Adobe_Camera_RAW___6.html Adobe Camera Raw 7 http://www.2howtraining.com/groups/photography/weblog/0b23d/Adobe_Camera_RAW___7.html หรือไม่ก็ถ่าย jpeg ต่อไป ... ** edit ** เพิ่มตอนที่ 6, 7 แก้ไขเมื่อ 26 ม.ค. 52 21:41:00 แก้ไขเมื่อ 23 ม.ค. 52 06:22:15 จากคุณ : Take a Look Around - [ 18 ม.ค. 52 16:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มีตัวอย่างมาให้ดุค่ะ นี่คือภาพต้นฉบับที่ถ่ายแบบ raw โดยยังไม่ได้ปรับอะไรจะเห็นว่าภาพมืดมากๆ แทบมองไม่เห้นอะไรเลย จากคุณ : บลูดานูป - [ 18 ม.ค. 52 16:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วนี่เป้นภาพ Rae ที่ผ่านการปรับแก้แบบคร่าวๆจาก light room ค่ะ จะเห็นว่าภาพที่ถูกปรับแล้ว เห็นรายละเอียดได้มากขึ้น ในขณะที่ไม่ได้สูญเสียรายละเอียดส่วนอื่นของภาพไป จากคุณ : บลูดานูป - [ 18 ม.ค. 52 16:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วคราวนี้ลองสมมุติว่า ภาพมืดๆแบบภาพแรก ถ้าเกิดถ่ายแบบ jpg แล้วเวลาเราถึงให้สว่างขึ้นจะเป็นยังไง ภาพทั้งหมดนี้ทำเพียงแต่ย่อขนาดและแปลงไฟล์เป็น jpg เท่านั้น หลายท่านอ่าจจะบอกว่า ภาพที่ 3 ปรับจริงๆก็เนียนแบบภาพที่สองได้ แต่ขอรับรองว่า ใช้เวลานานกว่าการปรับแก้ไฟล์แบบ raw แน่นอนค่ะ เพราะภาพที่สองใช้เวลาเพียงแค่ไม่ถึง 15 วินาทีค่ะ เพราะปรับสว่างอย่างเดียว ขอให้สังเกตุรายละเอียดภาพที่สูญเสียไปในภาพที่ 3 หากว่าภาพแรกเป็นแบบ jpg ดูค่ะ ถ้าคิดว่ารับกับคุณภาพได้ จะ raw หรือ jpg ก็ไม่ต่าง แต่ถ้าต้องการผลงานที่ดีที่สุด raw ดีกว่าแน่นอน แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 16:53:46 จากคุณ : บลูดานูป - [ 18 ม.ค. 52 16:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณ จขกท และคุณ Take a Look Around ที่แนะนำลิ้งค์ดีๆครับ ก่อนหน้านี้ก็ไม่คิดจะถ่าย RAW เลยเพราะคิดว่ามันเปลืองเมม แล้วก็ไม่ขยันมาทำ post processing ด้วย แต่พอดูวิดิโอไปสองตอน เริ่มสนใจเลย มันคุ้มกว่ากันจริงๆครับ จากคุณ : Snapback - [ 18 ม.ค. 52 16:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าไม่ซีเรียสผมใช้ JPG ครับ แต่ถ้ากันพลาด ผมใช้ RAW ถ้าคิดว่าฝีมือดีแน่นอนทุกสถานะการก็ JPG เลยครับ จากคุณ : ผีอ้วน - [ 18 ม.ค. 52 17:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อยากจะโหวตจริงๆเลย กระทู้นี้ แต่อมยิ้มลาพักร้อน ตอนหน้าหนาว ใครโหวตได้ช่วยโหวตแทนหน่อยครับ  สาระเพียบ กระทู้นี้ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 17:33:32 จากคุณ : ปืนเถื่อน (Colt 1911 A1) - [ 18 ม.ค. 52 17:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ที่แน่ ๆ สำหรับผมถ่าย RAW เอามาทำ HDR โดยโยนใส่โปรแกรมไฟล์เดียว เล่นอะไรได้มากกว่าแบบ JPG อีก จากคุณ : Buddykung - [ 18 ม.ค. 52 18:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 RAW มันเปลืองที่เก็บไฟล์.. รู้แต่ข้อเสีย ข้อดีนี่นับไม่ถ้วน.. แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 52 19:33:14 จากคุณ : lovercat2000 - [ 18 ม.ค. 52 19:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ที่จริงถ่าย Jpeg เลยก็ได้ครับ ถ้ามั่นใจ แต่ถ้าเอาชัวร์ แก้ไขได้ดีๆ ถ่าย Raw มันแต่งได้เยอะกว่า แต่ Jpeg ก็หาโปรแกรมอื่นๆ นอกจาก ACDsee, PS ก็ยังมีอีกหลายโปรแกรมที่ที่แต่ง Jpeg ได้ดี เพียงแต่ไม่ดีในทุกฟังชั่นเท่านั้นเองครับ. จากคุณ : E22QV (E22QV) - [ 18 ม.ค. 52 20:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าถ่ายมาดูบนคอมพ์เฉยๆ และฝีมือด้านการถ่ายดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้อง RAW หรอกครับมานั่ง Process แล้วจะเบื่อเปล่าๆ จากคุณ : ม้วนหน้าข้ามไหล่ - [ 18 ม.ค. 52 21:12:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ในกรณีไม่ค่อยมั่นใจสภาพแสง รวมทั้ง WB หากเวลาคิดน้อย ถ่ายเป็น RAW ไว้ก่อนเซฟกว่าครับ ผิดพลาดยังไง แก้ไขได้ง่ายกว่า JPG เพราะรายละเอียดส่วนที่มืดเกินหรือสว่างเกินไป จะยังเก็บไว้อยู่บ้าง รวมทั้งสามารถตั้ง WB ไ้ด้ใหม่ ตามที่ต้องการด้วย จากคุณ : eMiLe - [ 18 ม.ค. 52 21:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 20 >> RAW มันเปลืองที่เก็บไฟล์.. รู้แต่ข้อเสีย ข้อดีนี่นับไม่ถ้วน..  ผิดแล้ว  ถ่ายเป็น raw เปลืองพื้นที่เก็บไฟล์ น้อยกว่า ถ่ายเป็น JPG  ถ้าถ่ายเป็น JPG ... ไฟล์ออกมาขนาดไหน ก็ต้องเก็บขนาดนั้น ยกเว้นแต่ต้องการภาพที่แย่ลง  อ้อ ... ถ้าต้องการภาพที่แย่ .. ก็ใช้เลนส์ kit ตั้งแต่แรก ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหาเลนส์ดีๆ ให้ลำบากลำบน แล้วถ่ายเป็น JPG  ตัวแปลงภาพจาก raw -> jpg ในกล้อง ขีดความสามารถมันต่ำ  เพราะต้องประหยัดพลังงาน และรวดเร็ว  จึงแปลงภาพ raw -> JPG แบบหยาบๆ  ภาพคุณภาพต่ำไม่พอ  ขนาดภาพยังใหญ่ (เพราะไม่มีเวลาคำนวนละเอียดๆ)  ในขณะที่การแปลง raw -> jpg โดยใช้คอมพ์  มีเวลาเหลือเฟือ และไม่ต้องประหยัดพลังงาน  ภาพ jpg ที่ได้มา ขนาดจึงเล็กกว่า และคุณภาพดีกว่า  ถ้ากลัวเปลืองพื้นที่เก็บไฟล์  หลังจากแปลง raw -> jpg เสร็จ ก็ลบ raw ทิ้งไปสิ  เพราะอย่างไรๆ ก็ไม่ได้ต้องการเก็บ raw อยู่แล้วนี่นา  แค่นี้ก็ลดพื้นที่ที่ใช้เก็บลงได้เยอะแยะแล้ว จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ม.ค. 52 22:01:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 >> ถ้าถ่ายมาดูบนคอมพ์เฉยๆ และฝีมือด้านการถ่ายดีอยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้อง RAW หรอกครับมานั่ง Process แล้วจะเบื่อเปล่าๆ  ตรงนี้ก็ไม่เห็นด้วยครับ  (ผมเป็นฝ่ายค้าน .. ต้องค้านตะพึดตะพือ )  ต่อให้ฝีมือถ่ายภาพดี ผมก็แนะนำให้ถ่าย raw และเก็บเป็น raw  เมื่อเดือนที่แล้ว ผมให้เหตุผลเรื่องนี้มาแล้ว  จอภาพทุกวันนี้ ขนาดเป็นแบบแสดงสีสันได้มาก และถูกต้อง (wide gamut, high contrast) .. คุณภาพรูปยังเรียกได้ แย่มาก  ตอนจะซื้อกล้อง ดูสเปกกันเละเทะ  ต้องภาพคม ภาพแจ่ม .. DYNAMIC เยอะๆ  12 bits, 14 bits ฯลฯ  โดยไม่ทันดูว่า  จอภาพทั่วไป แสดงได้แค่ 6-7 bits เท่านั้น  และ  jpg เก็บภาพที่ 8 bit  ตอนนี้ จอภาพทั่วไป โชว์ได้ไม่เกิน 8 bits  แล้วถ้าอนาคต .. อนาคตอันไม่ไกลนี้แหละ  จอโชว์ได้ 10 bits หละ  เอาภาพเก่าๆมาดูทีไร .. ปวดใจได้ทุกหน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ม.ค. 52 22:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คคห.20 ทำให้กระจ่างได้เยอะครับ สงสัยต้องไปซื้อการ์ด 16Gb มาไว้ถ่าย Raw ซะแล้ว จากคุณ : JoKeR3753 - [ 18 ม.ค. 52 22:10:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ปัญหาร้ายแรงสุดของ JPG คือ  ทุกครั้งที่มีการแต่งภาพ แล้วเซฟ  ไฟล์ภาพใหม่ จะทิ้งรายละเอียดภาพบางประการออกไป  ต่อให้ตั้งค่าคุณภาพในการเก็บสูงสุด  ก็ยังมีการทิ้งรายละเอียด  edit เสร็จ ... เผลอ ไม่เปลี่ยนชื่อ  เซฟทับไฟล์เดิม ... จบเห่    ในขณะที่ raw .. ไม่มีการทิ้งอะไรเลย  และคุณไม่สามารถเซฟไฟล์ใหม่ เป็น raw เพื่อทับไฟล์เดิมได้ (ยกเว้น ตาลายจริงๆ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ม.ค. 52 22:11:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 >> สงสัยต้องไปซื้อการ์ด 16Gb มาไว้ถ่าย Raw ซะแล้ว  ขอบคุณคุณ joker ครับ  ผมใช้การ์ด 2 GB ถ่าย raw อยู่  เพราะมันทำให้เราต้องบรรจงถ่าย มากกว่าเดิม  ไม่ใช่แค่ยกกดแชะๆๆๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อว่าจะได้เสร็จสมอารมณ์หมาย  ถ่าย raw มันเปลืองพื้นที่เม็มการ์ด  กว่าจะถ่ายได้ที ต้องโอ้โลม ปฏิโลม ดูแล้วเล็งอีก  และต้องคิดแล้วคิดอีก ว่ารูปจะออกมาอย่างไร  เพราะต้องไป process ภาพหลังถ่าย  ให้อารมณ์ไม่ต่างกับการใช้ฟิล์มถ่ายรูปซักเท่าไหร่  เราลงทุนซื้อกล้อง ราคาเป็นหมื่น .. หลายๆหมื่น  ลงทุนซื้อเลนส์ ซื้ออุปกรณ์อีกมากมาย รวมแล้วเป็นแสน  ทุกครั้งที่ซื้อ ... ก็ด้วย"ความหวัง" ว่า จะได้ภาพดีๆ สวยๆ คุณภาพแจ่มๆ  ก่อนมากดแชะๆๆๆๆๆๆๆ แบบกล้องคอมแพ็ค .. ถ่ายไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ให้สักแต่ว่า กดป๊าบๆๆ ให้มันเสร็จๆไป  (เอ๊ะ! สำนวนคล้ายๆพูดถึงเรื่องอะไรหว่า? ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 18 ม.ค. 52 22:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ของคุณ บลูดานูป ก็เป็นตัวอย่างที่ดี แต่อาจจะมีคนเอามาพูดได้ว่า แบบนี้ jpg ก็ทำได้ ผมเลยเอาของผมมาให้ดูละกันว่า มันมีความสามารถขนาดไหนในการแก้ไข อันนี้ ได้กล้องมาใหม่ๆเลย ลองถ่ายยายผมเล่นๆ ปรับผิด มืดมากกกกก (เอารูปจากการแคปหน้าจอมาให้ดู เดี๋ยวหาว่าแอบทำมืดเองรึปล่าว) จากคุณ : echo "Platalay"; - [ 18 ม.ค. 52 22:45:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อันนี้คือหลังจากการปรับ ซึ่งแบบนี้ ผมบอกได้เลยว่า jpg ปรับให้ตายยังไง ก็ได้ไม่ถึงแบบนี้ (ได้รูปไม่สวย ดีกว่าไม่ได้รูป) จากคุณ : echo "Platalay"; - [ 18 ม.ค. 52 22:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สุดท้าย รูปนี้ผมเลยเอามาทำรูปตั้งหน้าศพ ถ้าผมเก่งกว่านี้เร็วกว่านี้ คงมีรูปยายผมแบบสวยๆกว่านี้ จากคุณ : echo "Platalay"; - [ 18 ม.ค. 52 22:48:30 ]

ความคิดเห็นที่ 28 รูปนี้แหละ ที่ทำให้ผมรู้ซึ้งถึงสัจธรรมของ RAW ว่ามันมีความสามารถมากมายก่ายกองแค่ไหน จากคุณ : echo "Platalay"; - [ 18 ม.ค. 52 22:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ของบลูยกมาแบบให้เห็นว่า jpg อ่ะทำเนียนได้แบบภาพที่ 2 ที่ทำจาก raw ได้แน่นอน แต่จะใช้เวลาขนาดไหนนี่ซิอีกเรื่อง เพราะในภาพที่สอง บลูปรับจากไฟล์ raw ใช้เวลาไม่ถึง 15 วิ (จริงๆนะ) เลื่อนแถบบาร์แค่สองตัวภาพสว่างแบบเนียนๆ แน่นอน jpg ทำได้เหมือนกัน แต่กี่นาทีมันอีกเรื่อง แล้วภาพเกิดเป็นแบบนี้หลายๆภาพ เหนื่อยใช่เล่นนาถ้าเป็น jpg มาปรับโน่นเล็งนี่ทีละภาพ ^_^ เมม 2 กิ๊ก เก็บ jpg ได้ 500 รูป ใส่ raw ได้  150 ผิดกันเยอะ เก็บได้น้อย แต่ละรูปก็ต้องบรรจงหน่อย จะได้ออกมาดีๆมากกว่าเสียๆ แบบนี้กล้องฟิล์มจะไม่ค่อนเอาได้ว่า พวกดิจิตอลถ่ายทิ้งถ่ายขว้าง ^_^ จากคุณ : บลูดานูป - [ 18 ม.ค. 52 23:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ผมไม่เห็นความต่างนะครับ กรณีที่ถ้าถ่ายเป็น Raw แล้วถ้าไม่เอาไปแต่งต่อเพื่อนำไปใช้งานอย่างอื่นเช่นงานพิมพ์ หรืองานที่ต้องการคุณภาพของ file สูงสุด หรืองานที่มีความสำคัญจริงๆ ผิดพลาดไม่ได้ ปกติแล้วงานของผมส่วนใหญ่เป็นงานถ่ายแบบมือสมัครเล่นทั่วๆไป ซึ่งผมจะใช้แต่ jpeg เท่านั้นครับ  ยกเว้นว่าผมต้องถ่ายทดสอบกล้องหรือเลนส์ตรงนี้จึงจะถ่ายเป็น Raw file ส่งให้เขานำเอาไปใช้งานต่อ น้องๆมือใหม่หลายๆคนที่เขามาพูดคุยกับผม  ผมมักจะแนะนำเสมอๆ ครับว่าถ้าหากอยากจะฝึกถ่ายภาพ ถ่ายแต่ jpeg เท่านั้น อย่าถ่าย Raw เพราะถ้าถ่ายเป็น Raw แล้วมักจะชล่าใจ ผิดก็ได้ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปแก้เอาก็ได้  Jpeg จึงมีประโยชน์ต่อการฝึกการถ่ายภาพมากกว่า เพราะธรรมชาติมนุษย์เมื่อผิดแล้วต้องจำครับ  ต่อเมื่อฝึกฝนจนเข้าที่เข้าทางและเข้าใจในหลักการถ่ายภาพได้ดีพอแล้ว Raw จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานจริงต่อไปครับ ภาพนี้ผมถ่ายเป็น cRaw+jpeg ทดสอบเลนส์ CZ16-35f2.8SSM เมื่อบ่ายนี้เองครับ  Raw ก็ convert as shot ส่วน jpeg ก็ปรับค่า parameter ต่างๆในตัวกล้องเป็น 0 หมด ย่อ sharpen 1 ทีแล้วใส่กรอบมาเทียบกันให้เห็นๆละครับ จากคุณ : arnold_A1 - [ 18 ม.ค. 52 23:45:24 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตามที่ผมเข้าใจ สรุปคือ 1.การถ่ายraw จะสามารถทำให้ปรับค่า(แสง /white balance)ได้มากกว่าjpeg อย่างที่คห.บนๆยกตัวอย่างมา และสามารถเก็บรายละเอียดได้มากกว่า jpg ซึ่งจะเป็นการป้องกันไปในตัวว่าถ้าเกิดถ่ายพลาดมาก็ยังสามารถ ปรับแก้ได้ช่วงกว้างกว่า ใช่มั๊ยครับ??? 2.แต่ถ้าเกิดคนถ่ายเป็นตากล้องที่พอมีฝีมือ ใช้กล้องเป็น มาถ่ายภาพธรรมดาๆไม่ซับซ้อน ภาพที่ออกมาทั้ง rawและjpg จะไม่ต่างกันเลย(เพราะแสงสวยพอดีแล้ว ไม่ต้องปรับอะไร) เพียงแต่ว่าเราก็ควรจะใช้rawเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนนั่นเอง ถูกหรือไม่ครับ?? 3.ซึ่งการถ่ายrawก็มีข้อเสียอยู่บ้างที่ใช้เนื้อที่เยอะแต่ก็มีข้อดีคือกันพลาดได้ครอบคลุมกว่า..........................แล้วต่อให้ถ่ายไม่พลาด เลย การถ่ายraw ก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดได้มากกว่า ทำให้โปรๆทั้งหลายสามารถแต่งภาพ jpg ออกมาได้สวยกว่าที่กล้องมันทำให้ ถูกมั๊ยครับ???? ถ้าทั้งหมดนี้ผมเข้าใจถูกผมขอถามต่ออีกหน่อยครับคือ มีเวบสอนใช้lightroomมั๊ยครับ ล้อเล่นๆเอาใหม่ๆ ที่จะถามคือ 1.น้าๆแต่งภาพ rawกันยังไงครับ นั่งปรับภาพทีละรูปๆให้ได้แสงที่สวยที่สุด หรือใช้คำสั่งกดครั้งเดียวเปลี่ยนทั้งอัลบั้มครับ ถ้าเป็นแบบหลังlightroom ทำได้มั๊ยครับทำยังไงช่วยอธิบายทีครับ(ขอลิ้งก็ได้ครับ) 2.ผมลองแต่งrawแล้ว export ดู กลายเป็นไฟล์jpg ขนาด10mb แหน่ครับ ทั้งๆที่jpgจากกล้องแค่4mb ไฟล์rawต้นฉบับ14mb ผมทำไรผิดป่าวครับ แล้วถ้าจะลดขนาดjpgต้องทำไงครับ???(โปรแกรมLRนะครับ) ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ จากคุณ : ทายาทจูล่ง - [ 19 ม.ค. 52 00:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #ความคิดเห็นที่ 21 อันนี้ผมเข้ามาสนับสนุนความคิดตัวเองอีกรอบครับ ผมเองก็เคยพูดเรื่อง RAW ในกระทู้นี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O7380277/O7380277.html แต่ท้ายที่สุดแล้วถ้าคนที่ถ่ายมาเขาพอใจที่จะเอาเร็วและ Output แค่บนจอคอมพ์ธรรมดาๆ ไม่ใช่ EIZO ไม่ใช่ Cinema Display ถ่ายRAWไปถึงมันจะดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีความหมายสำหรับเขามั้งครับ ถ่ายรูปดูชิลๆเพลินๆไม่คิดไรมาก... Edit เพิ่มเติม : เขาว่ากันว่ากล้องใหม่ๆมุ่งพัฒนาด้าน JPEG Compression ในกล้องกัน ผมเองใช้แต่ 300D ตัวเก่าๆก็เลยไม่รู้ว่าสมัยนี้ jpeg ในกล้องมันเป็นยังไง จะพูดว่าถ่ายเป็น jpeg ไม่ดี ผมก็พูดได้ไม่เต็มปาก แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 01:26:15 จากคุณ : ม้วนหน้าข้ามไหล่ - [ 19 ม.ค. 52 01:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ผมถ่ายเล่นๆ ก็ jpeg นะ แต่ถ้าถ่ายตอนงงๆ มึนๆ ก็ RAW ความเห็นผมในเรื่องความปราณีตในการถ่ายนะครับ ตัวผมเองจะพยายามปราณีตในการถ่าย jpeg มากกว่า เพราะมันแก้ไขยากกว่า เมื่อผิดพลาด และเนื่องจากเราเชื่อถือ lcd กล้องมากไม่ได้ ก็ต้องระวังกันมากขึ้นไปอีก แต่ทุกครั้งที่ต้องการความรวดเร็ว เช่นเริ่มโดนบ่นว่าถ่ายช้า หรือถ่ายภาพคอนเสิร์ท หรือ ที่มืดๆ ผมก็ถ่าย RAW แล้วก็ถ่ายๆๆ ง่าย ไม่ต้องคิดอะไรมาก จะอันเดอร์ หรือ โอเวอร์ นิดๆ หน่อยๆ ปรับทีหลังง่ายกว่า มันก็ดีกันไปคนละอย่างแหละครับ ถ่าย RAW มาก็ดีหลายอย่าง สะดวกตอนถ่าย สบายตอนปรับ ถ่าย jpeg สำหรับผมก็สะดวกดีตอนจะเอารูปไปใช้ทั่วๆไป จากคุณ : Jumping Monkeyy - [ 19 ม.ค. 52 03:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ไปอ่านกระทู้นี้ครับ จริงๆผมก็เคยโพสกระทู้นี้ในPantipแล้วนะ แต่ไม่รู้หายไปไหน http://www.rpst-digital.org/forum/showthread.php?t=9213 แล้วจะรู้ว่าRAW ทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดครับ จากคุณ : เล็ก - [ 19 ม.ค. 52 06:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 สำหรับผม ไม่ได้ถ่าย RAW เพื่อกันพลาดครับ ถ้าในอนาคตมีการพัฒนา RAW Converter ที่ดีขึ้น สามารถดึงศักยภาพของ RAW ออกมาได้ เราก็จะสร้างรูปได้ดีขึ้นจากวัตถุดิบเดิม อย่างในกรณีที่เจอมากับตัวเองคือ โอลิมปัส Olympus Studio อัพเดท จากเวอร์ชั่น 1 มาเป็น 2 สามารถแปลงได้ภาพ JPG จาก RAW ของ Olympus E-1 ภาพเดียวกัน ออกมาได้คุณภาพดีขึ้น อย่างชัดเจน ซึ่งถ้าผมเก็บเป็น jpg ไว้แต่แรกก็หมดโอกาสที่จะได้ภาพดีขึ้น หรืออีกกรณีนึง RAW Converter แต่ละตัว จะมีข้อดีข้อเสียเฉพาะตัวอยู่ เราสามารถเลือกสร้างภาพ jpg จาก RAW Converter ที่เราชอบได้ ยกตัวอย่างกรณีของ Olympus E-410 ไม่ว่าจะเป็น jpg ของกล้อง หรือจาก Olympus Studio จะเจอปัญหาของภาพขึ้นเกรน และไม่มีทางแก้ให้หายได้ ไม่ว่าจะตั้งค่าอย่างไรในกล้อง หรือโปรแกรมแปลงไฟล์ แต่หากเราเปลี่ยนไปใช้ RAW Converter อื่นๆ อย่าง dcRAW, Adobe Camera Raw ก็จะไม่เจอปัญหานี้เลย เป็นทางเลือกในการได้ jpg ที่ดีขึ้น กว่าที่กล้องทำได้ จากคุณ : อะธีลาส - [ 19 ม.ค. 52 07:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบ คคห.24 จริงๆ จากคุณ : DUB-COOK - [ 19 ม.ค. 52 07:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 37 1.การถ่ายraw จะสามารถทำให้ปรับค่า(แสง /white balance)ได้มากกว่าjpeg อย่างที่คห.บนๆยกตัวอย่างมา และสามารถเก็บรายละเอียดได้มากกว่า jpg ซึ่งจะเป็นการป้องกันไปในตัวว่าถ้าเกิดถ่ายพลาดมาก็ยังสามารถ ปรับแก้ได้ช่วงกว้างกว่า ใช่มั๊ยครับ???  ใช่ครับ  แต่ไม่ควรใช้เหตุผลนี้ เพื่อเป็นข้ออ้างในการถ่าย"ยังไงก็ได้" โดยคิดว่า ถ่ายพลาดก็แก้ได้  เพราะถ้าเริ่มต้นด้วยการคิดว่า "ถ่ายพลาดก็ไม่เป็นไร" .. จะทำให้พลาดทั้งแสง/WB (แก้ได้) และองค์ประกอบภาพ (แก้ไม่ได้) 2.แต่ถ้าเกิดคนถ่ายเป็นตากล้องที่พอมีฝีมือ ใช้กล้องเป็น มาถ่ายภาพธรรมดาๆไม่ซับซ้อน ภาพที่ออกมาทั้ง rawและjpg จะไม่ต่างกันเลย(เพราะแสงสวยพอดีแล้ว ไม่ต้องปรับอะไร) เพียงแต่ว่าเราก็ควรจะใช้ raw เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนนั่นเอง ถูกหรือไม่ครับ??  ไม่ถูกครับ  การถ่าย jpg .. ได้ภาพอย่างไร ก็อย่างนั้น ถ่ายมาเสร็จก็จบ  แต่การถ่าย raw .. ต่อให้เป็นภาพธรรมดาๆ .. มันไม่จบ  จะต้องมา convert, edit ฯลฯ อีก  การถ่าย jpg จบแล้วจบเลย  ดูผ่านๆ แว่บเดียวเสร็จ .. ปัดทิ้งจากความทรงจำไปได้  แต่ raw .. กว่าจะได้รูปออกมา ต่อให้เป็นภาพธรรมดาๆ ก็ต้องพินิจพิจารณานานขึ้นอีกหน่อย  เท่ากับว่า เราได้หวนกลับไปสู่บรรยากาศ อารมณ์ ขณะที่เรากำลังจะกดชัตเตอร์นั้นอีกรอบ  ภาพธรรมดาๆ คือ ภาพแห่งความทรงจำนะครับ    ในขณะที่เรากดชัตเตอร์ ... เรามีความสุข ที่ได้เห็นสิ่งสวยงาม หรือสิ่งที่เร้าอารมณ์ของเรา และอยากให้คนอื่นได้เห็น ได้มีความสุข ได้มีอารมณ์เช่นเดียวกับเราบ้าง  การล้างภาพ raw ทำให้เราได้ชื่นชมความงามนั้นหลายๆรอบ    ไม่ใช่สักแต่กดๆๆๆ ชัตเตอร์ เพื่อให้ได้ภาพ .. มาทำอิหยังก็บ่อฮู้  ตรงนี้แหละ ที่ผมค้าน(ตะพึดตะพือ) ความเห็นคุณ arnold  ผมแนะนำ (สั่ง & บังคับ) ให้มือใหม่ ที่มาให้ผมสอนถ่ายรูปทุกราย ถ่ายเป็น raw อย่างเดียว ห้ามส่งการบ้านเป็น jpg    เพราะกระบวนการล้างภาพ raw จะทำให้มือใหม่ เข้าใจเรื่องแสง เงา คอนทราสต์ สี และกระบวนการสร้างภาพ เร็วยิ่งขึ้น  แน่นอนหละว่า มันยุ่งยาก  แต่ความรู้บางอย่าง มันต้องลงมือทำเอง ท่องจากตำรา หรือจดจากคำสอนเอาไม่ได้  ทุกๆครั้งที่เขาล้างภาพ raw มันมีเรื่องวุ่นวายห้าร้อยสี่สิบเอ็ดอย่าง ที่เขาต้องเรียนรู้  และสิ่งที่เรียนรู้มาได้นั้น ลดเวลาการถ่ายภาพ และลดภาพเสียๆ ในอนาคตลงได้เยอะ  ถ้าการถ่าย raw เป็นเรื่องลำบาก  ลองนึกถึงการถ่ายฟิล์มดูแล้วกันครับ  จะเห็นว่า แทบทุกสถาบันที่สอนถ่ายภาพ (อย่างเป็นทางการ) บังคัุบ ให้ นศ.ต้องใช้กล้องฟิล์ม ในการเรียน  ไม่ให้ใช้กล้องดิจิตอล  เพราะอะไร?  เพราะถ้าใช้กล้องดิจิตอล .. คนเรียน(แทบ)ไม่มีโอกาสเรียนรู้ความผิดพลาดของตัวเอง  และที่เรียนรู้มาได้บ้าง(นิดหน่อย) ก็ลืมไปในเวลาอันรวดเร็ว  กล้องฟิล์ม มันถึงอยู่ได้ทุกวันนี้ 3.ซึ่งการถ่ายrawก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ที่ใช้เนื้อที่เยอะ แต่ก็มีข้อดีคือ กันพลาดได้ครอบคลุมกว่า ... แล้วต่อให้ถ่ายไม่พลาดเลย การถ่ายraw ก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดได้มากกว่า ทำให้โปรๆทั้งหลายสามารถแต่งภาพ jpg ออกมาได้สวยกว่าที่กล้องมันทำให้ ถูกมั๊ยครับ????  ใช่ และมิใช่    อย่างที่ผมบอกมาข้างบน  ถ้าจะเก็บภาพ(ถาวร) เป็น jpg .. การถ่ายเป็น raw  ใช้เนื้่อที่ในการเก็บข้อมูล น้อยกว่า ถ่ายเป็น jpg  (แต่ใช้เนื้อที่ชั่วคราว ในการเก็บข้อมูล มากกว่าถ่ายเป็น jpg)  ที่สงสัยว่า ทำไมภาพ jpg ที่ออกจากกล้องมันแค่ 4  MB แต่ที่ออกจาก LR 10 MB ก็ลองคิดดูดีๆนะครับ  CPU ของกล้อง ต่อให้เทพแค่ไหน ก็ไม่มีทางเร็วกว่า CPU ของคอมพ์  และไฟฟ้าที่จ่ายให้ CPU กล้อง มันมีจำกัด  รวมทั้งเวลาที่ CPU กล้อง จะแปลง raw -> jpg  แต่ .. พิจารณาดูสิครับ  CPU กล้อง (ที่ด้อยกว่า) แปลง raw -> jpg เสร็จในเวลาแค่ 0.2-0.5 วินาีที  ในขณะที่ Core 2 + RAM 2 GB แปลง raw -> jpg ต้องใช้เวลาถึง 10-15 วินาที  ใช้เวลามากกว่าเป็นสิบๆเท่า  มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติแน่ๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 19 ม.ค. 52 07:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ในฐานะที่ผมเป็นผู้ผลิต (นิก้อน แคนอน โซนี่ โอลิมปัส ฯลฯ) ผมขอยืนยันว่า ผมจะใส่ฟังก์ชัน raw และ jpeg ให้ท่านได้เลือกใช้กันต่อไป อิอิ จากคุณ : ^^" (AVSystem) - [ 19 ม.ค. 52 08:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 มองกันคนละด้านครับ น้าแมวเหมียวฯ ถือว่าเราแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ เหตุผลที่น้ายกมาผมไม่ค้านนะครับ แต่เหตุผลของผมมันคือการบังคับตัวเอง ฝึกตัวเอง ให้มองเห็น ให้แก้สถานะการณ์ให้เป็นตั้งแต่ก่อนถ่ายภาพเมื่อเจอสถานะการณ์จริง ในสถานะการณ์เดียวกันหรือคล้ายกันที่เคยผิดพลาดจากการถ่ายมาครับ  การที่ถ่ายมาผิด แล้วมาลำบากลำบนในการแก้ไขภาพที่ถ่ายเป็น jpeg มา หรือบางทีก็แก้เอาไม่ได้เสียเลย อย่างนี้มันจะทำให้เราจดจำว่าเมื่อเรามีโอกาสเจอสถานะการณ์เดิมหรือคล้ายกับสถานะการณ์เดิมที่เราเคยผิดพลาด  เราจะต้องแก้ไขอย่างไร ปรับตั้งกล้องอย่างไร เพื่อให้ได้ผลของภาพอย่างที่เราเคยพยายามแก้ใน ps แล้วไม่ได้  เมื่อฝึกจนแม่นยำแล้ว งาน post process ก็จะง่าย เอา Raw file ไปเติมเต็มในจินตนาการของเราในส่วนที่กล้องไม่สามารถทำให้ได้ เราก็จะใช้ประโยชน์ของการทำ post process ในด้านอื่นๆ แทนที่จะมาคอยแก้ไข ในส่วนของแรกของการถ่ายภาพที่สามารถแก้ไขได้มาตั้งแต่ตอนถ่ายครับ นิยามคำว่า "ผิดเป็นครู" ของผมนั้นคือ ถ้าผิด ให้ไปถ่ายใหม่จนกว่าจะถูกครับ   ไม่งั้นเวลาตรวจการบ้าน หมึกแดงจะเต็มหน้ากระดาษนะครับ จากคุณ : arnold_A1 - [ 19 ม.ค. 52 08:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 40 สำหรับความเห็นของน้าอธีลาส อันนี้โดนใจเต็มๆครับ เห็นด้วยเลยสำหรับเหตุผลนี้ ผมเคยเอา Raw Convertor 3 ตัว (LR,CS3,IDC) มาเปิดภาพเดียวกันแบบ as shot ยังมีความต่างกันจนเห็นได้ชัดครับ เราสามารถเลือกใช้ Raw Convertor ตัวที่ให้ผลของภาพที่เราพอใจได้เลย แต่ส่วนตัวของผมก็ยังเลือก jpeg อยู่ดี เพราะขี้เกียจครับ ไว้เมื่อไหร่ผมรับงานและรับเงินจากการถ่ายภาพ อันนี้คงต้องพิถีพิถันกันมากหน่อยและส่งมอบภาพที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับลูกค้า  ตอนนี้ขอแบบสบายๆ กับ jpeg ก่อนเพราะยังถ่ายเล่นๆ อยู่ครับ จากคุณ : arnold_A1 - [ 19 ม.ค. 52 08:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ไม่เคยถ่าย RAW เลยอ่ะ - -'' จากคุณ : infinitesadness - [ 19 ม.ค. 52 10:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมว่า.. ไม่อยากใช้ ก็ ไม่้ต้องใช้หรอกครับ.. เด๋ว จะถ่ายรูปแล้วไม่สบายใจ ไม่มีความสุข ไว้ วันไหน ตื่นนอน ตอนเช้า ออกไปถ่ายรูป แล้ว คิดว่า..เออ..วันนี้อยากใช้ไฟล์ RAW วันนั้น ค่อยใช้ครับ... เราถ่ายรูป เพื่อความสุข.. ใช้อะไรแล้วมีความสุข ใช้ไปเลยครับ.. ไม่อยากใช้กล้อง SLR  อยากใช้กล้องโทรศัพท์.. ก็ใ้ช้กล้องโทรศัพท์ เลยครับ.. อย่าไปสนเลย ว่ามันจะดี ไม่ดี..เอาว่า..อยากทำ   ทำแล้วมีความสุข..  ทำเลยคราบ พี่น้องคราบ จากคุณ : Head SN - [ 19 ม.ค. 52 10:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แล้วแต่ style ของแต่ละคนมั้งครับ เคยเจอตากล้อง professional สองคน คนนึงใช้แต่ Raw ส่วนอีกคนก็ใช้แต่ JPEG ไม่มีใครผิดถูก ขึ้นอยู่กับว่าคุณมั่นใจแค่ไหนในการถ่าย + เวลาสำหรับ post-processing คนที่ถ่าย JPEG เคยเปิดสอน Fashion/Glamour Photography แล้วได้ยินมาจากเพื่อนที่ไปเรียนว่าเขาไม่ให้นักเรียนใช้ Raw เลย ให้ถ่ายเป็น JPEG อย่างเดียว เพราะเขาบอกว่าอยากจะให้คิดหนักๆก่อนถ่าย/ระหว่างถ่าย ให้ดู exposure ให้เป็น ให้คิดก่อนถ่าย แบบว่าไม่ให้อนุญาตให้มี post-processing ถ่ายมาผิดก็เอามาเรียนรู้กันแล้วไปถ่ายใหม่ ไม่ให้ใช้คอมแก้ ฟังดูก็โหดดี ผมว่าสรุปแล้วมันแล้วแต่คนอ่ะครับ คงไม่มีใครผิดใครถูก ส่วนตัวแล้วใช้ Raw อย่างเดียว หุๆๆๆ ผมชอบมาแต่งโน่นแต่งนี้ แก้โน่นแก้นี่ในคอมครับ จากคุณ : Rennis - [ 19 ม.ค. 52 10:24:47 ]

ความคิดเห็นที่ 44 งืมๆๆ  นั่งฟังเหตุผลของแต่ละท่านแล้วได้ความรู้เต็มๆครับ อิอิ ส่วนตัว ผมเคยถ่าย Raw บ้าง แต่ไม่บ่อยเลยครับ เลยไม่เข้าใจไฟล์ Raw ว่าสามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนครับ... แต่เท่าที่ฟังดู...รู้สึกว่า ไฟล์ Raw จะสามารถแก้ไขอะไรได้มากกว่า Jpg. ใช่ไหมครับ... ถ้าเป็นแบบนั้น...ผมว่า การถ่าย Jpg ต้องใช้ฝีมือและกระบวนการคิดมากกว่า Raw ครับ เพราะต้องพิถีพิถันก่อนการถ่าย มากกว่าการถ่าย Raw เพื่อกันพลาด Jpg ถ่ายพลาดแล้วก็พลาดเลย..(แก้ไขได้นิดหน่อย) Raw ถ่ายพลาดยังไง ก็ยังสามารถแก้ไขได้ (มาก) สรุป... ผมคิดว่า ยังไง การถ่าย Jpg ได้แม่นยำ...ก็ต้องใช้ฝีมือมากกว่าการถ่าย Raw แหละครับ โดยเฉพาะพวกที่ถ่ายมาแล้วสวยเลย ไม่ต้องแต่งเพิ่มเติมอีก... แต่ กับคนที่ฝีมือเยี่ยมๆ...การถ่าย Raw กับ Jpg...ก็คงไม่มีอะไรต่างกัน...ครับ ^^ ผิดถูกยังงัยก็ต้องขออภัยนะครับ เพราะเท่าที่อ่านมาผมเข้าใจได้แค่นี้เองอ่ะ..อิอิ รอเก็บข้อมูลต่อไปครับ ^^ ป.ล. ผมอยากถ่ายรูปเก่งๆอ่ะ...แบบ Jpg แล้วไม่ต้องมาแก้ทีหลังอ่ะ...ไม่รู้อีกนานแค่ไหน..อิอิ จากคุณ : S.G.BUU - [ 19 ม.ค. 52 11:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผมจะไปต่างจังหวัดช่วงวันหยุด 7-9 กพ ยังลังเลอยู่เลยว่าจะถ่ายเป็น raw หรือ jpeg ดี ของน้า arnold_A1 ผมก็เห็นด้วยในแง่ถ้ามันแก้ไขได้ลำบาก มันก็จะบังคับให้เราต้องถ่ายให้ดี ส่วนของน้าเหมียว ก็ในแง่ขนาดไฟล์ที่ใหญ่ ทำให้เก็บได้น้อยลง ซึ่งก็บังคับให้ในเราพิถีพิถันเช่นกัน สับสน จากคุณ : Mr.Ball ณ ไฮบิวรี่ - [ 19 ม.ค. 52 11:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 46 RAW มีประโยชน์แน่ ๆ จ้า^^ แต่ดูเหมือนจะเหมาะกับคนที่ ซีเรียสกับคุณภาพรูปที่ได้ มากกว่า และชอบที่จะปรับแต่งรูปอยู่แล้ว แต่เรามันถ่ายเล่น ๆ อ่ะนะ แถมขี้เกียจอีกตั้งหาก JPEG ก็เพียงพอต่อความต้องการแล้ว แค่ก็จะถ่ายอะไร ก็คิดก่อนถ่ายซักนิด แล้วสิ่งดี ๆ จะตามมาเอง ได้มองเห็นรูปดี ๆ หลังกล้องก็ยิ้มได้ล่ะ ^__^ จากคุณ : Tongba - [ 19 ม.ค. 52 11:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จาก คห.ที่ 34 ของคุณเล็ก ตามลิ้งค์ http://www.rpst-digital.org/forum/showthread.php?t=9213 นี้แหละครับ ทำให้ผมหันมาถ่ายไฟล์ RAW ได้เกือบ 2 ปีแล้ว  ทำให้ผมได้ภาพดี ๆ มากขึ้น  ผมเพิ่งรู้นะครับว่า คุณเล็กเล่นอยู่เวปนี้ด้วย ขอบคุณสำหรับกระทู้ตัวอย่างนะครับ จากคุณ : คนไท ใจเกินร้อย - [ 19 ม.ค. 52 11:55:56 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ไม่มีอะไรต้องคิดมาก Raw คือความเป็นที่สุด ถ้าต้องการที่มัน สุดๆ  มันก็ต้องใช้ แต่ถ้า jpeg พอ ก็ใช้ jpeg ไป ผมใช้ raw+jpg เสมอ ถ้า jpg  OK แล้ว ก็ส่ง jpg เลย ไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม หรือในกรณี ไม่สบอารมณ์ เหม็นหน้า คนสั่งงาน ไม่พอใจ ไม่อยากถ่าย ก็จะถ่าย jpg ส่งเดช ไปให้ raw จะเก็บเอาไว้เพื่อ ต้องการความเป็นที่สุด เท่าที่จะมี เทคโนโลยี มาขุดคุณภาพมันออกมาได้ จากคุณ : golf apo g - [ 19 ม.ค. 52 12:27:43 ]

ความคิดเห็นที่ 49 kittynoys เคยบอกเราไว้ว่า ถ้าได้ใช้ไฟล์ raw แล้วจะไม่อยากกลับไปใช้ไฟล์ jpg อีก ถูกต้องที่ซู๊ดดดดดด จากคุณ : หน้าแง๊ว~* - [ 19 ม.ค. 52 13:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สนุกแบบไหน ทำแบบนั้น... จากคุณ : ลูกหมูแก้มอ้วน - [ 19 ม.ค. 52 14:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ถ่าย raw ไว้ก็ดีนะครับ ถ้าไปรับงานใครไว้เพราะมันย้อนเวลากลับมาไม่ได้แล้วนะครับ จากคุณ : jeepdev - [ 19 ม.ค. 52 14:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ใช้ไม่เป็นก็บอกว่า มันไม่มีประโยชน์ ถ้าใช้เป็นมันก็มีประโยชน์มาก ก็เท่านั้น สรุปคือ คุณใช้ไม่้เป็นไง จากคุณ : numready - [ 19 ม.ค. 52 14:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ลางเนื้อชอบลางยาครับ แต่ละอย่างก็มีข้อดี ข้อเสีย ต่างกันไป ปกติกินข้าวจานเดียว แต่ตักมาสองจานแล้วเหลือทิ้ง เพราะ"เผื่อไว้ก่อน" ปกติกินข้าวจานเดียว มื้อนี้หมดจานแล้วยังไม่อิ่ม ตักใหม่ไม่ได้ เรียก "เสียโอกาส" ถ้าเรารู้ตัวเองว่ามื้อนี้จะกินข้าวกี่จาน เราก็จะตักข้าวได้อย่างเหมาะสมครับ จากคุณ : jaycee - [ 19 ม.ค. 52 16:02:35 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ใครใช้หนอน 300D/350D คงรู้นะครับว่า Raw file มีค่าแค่ไหน??? จากคุณ : เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike) - [ 19 ม.ค. 52 16:39:40 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ข้อดี raw ก็ว่ากันไปหมดแล้ว ขอแสดงว่าคิดเห็นส่วนตัวละกัน ไว้กันพลาดก็จริงครับ ไม่เถียง แต่จริงๆมันก็มีข้อดีมากๆนะครับ ผมสังเกตุตัวเองแก้แสงสีน้อยลงเรื่อยๆ หลังจากที่รู้ว่าภาพที่เราแก้ๆไป แก้ไปมากแค่ไหน ทำไมต้องแก้ เราพลาดอะไร แก้เสร็จแล้วต้องการให้ออกมาเป็นยังไง แล้วก็ไปถ่ายใหม่ปรับแบบที่เราแก้ไปนั้นหละครับ 555+ ผมก็จะได้การปรับกล้องในสไตล์ของผม ไม่ใช่ในตำราว่าต้อง under ตรงนี้ over ตรงนี้ ถึงจะสวย ถ้าเก่งแล้ว ถ่าย Jpeg กะ Raw ก็เหมือนกัน อันนี้ไม่มีทางเกิดกะผมแน่ๆ เพราะสำหรับผมคือผมไม่พอใจที่กล้องมัน Process ให้ ได้แนวภาพของตัวเองไม่เหมือนใครด้วย ถ้างั้นกล้องเหมือนกัน เลนส์เหมือนกัน ตั้งค่าเท่ากัน มุมเดียวกัน ถ่าย Jpeg มามันก็เหมือนกันซิครับ -_-" แนวภาพคุณก็จะไปอยู่ในกลุ่มคนอีกเป็นแสนคน "งานฝืมือต่างๆ เราทำด้วยมือเราเอง ต่อให้สวยไม่สวย ก็ภูมิใจมากกว่า ใช้เครื่องจักรกลทำให้เสร็จ" เทียบกล้องยุคฟิลม์ก็คือต้องล้างฟิลม์เองเลยครับ สร้างสรรค์ผลงานตัวเอง แนะนำให้ศึกษา raw อย่างลึกซึ้ง แรกๆผมปรับรูปละ 30 นาที ตอนนี้ผมทำรูปเฉลี่ยละ 5 วิ แล้วก็ปล่อยมัน run save ไปหนึ่งคืน ตื่นมาก็ได้ภาพแล้ว ^^ จากคุณ : eric_2116 - [ 19 ม.ค. 52 16:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมหัดถ่ายรูปจากฟิลม์ ถ่ายแต่ละครั้งต้องมาพิถีพิถัน คนอื่นไปเป็นทุ่งแล้ว ผมยังได้ไม่กี่รูป แต่นิยม RAW ครับ ทั้งๆที่ต้องมานั่งเซ็ง process รูป ผมชอบมานั่งดูอีกรอบ เหมือนหมอแมวบอก ตรงใจมากเลย นั่งดู นั่งนึกไป ว่าถ่ายมายังไง คลึกดูสปีดกับเอฟสต็อบอีกต่างหาก ความรู้สึกมันเหมือนดูสไลด์ดีนะ....(อีกอย่าง ผมชอบNXหนะ) คนที่ไม่เห็นประโยชน์ หรือไม่จำเป็น พอใจ ก็ทางนึง คนพอใจอย่างผม ก็อีกทางนึง ตามสะดวกแล้วกันครับ แต่ถ้าตอบ จขกท. บอกตรงๆว่าต่างครับ อย่างที่หลายๆคนยกตัวอย่างมาแล้ว......ไม่งั้นผมไม่มานั่งตรูดด้าน รอ RAW processละครับ เครื่องผมมันก็อืดเหลือเกิน(ยัง P4 3.0 ht.แรม1กิก อยู่เลยครับ โบราณโครตๆ) ถ่ายรับปริญญาน้องสาว 1100 รูป RAW onlyก็บ้าทำมาแล้ว..ของเค้าดี เชื่อเหอะ จากคุณ : Extrusso - [ 19 ม.ค. 52 17:03:20 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ผมชอบกระทู้นี้แฮะ  มันเหมือนอภิปรายโต้วาทีกัน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเลย  ใครมีข้อมูลอะไรเด็ดๆ หรือความคิดดีๆ ก็งัดมาใส่กันให้เต็มๆ  คนฟังนั่งซี๊ดปากด้วยความมันส์ และได้มุมมองสองด้าน  --------------------  ยังมีอีกสองสามจุด ที่ทำให้ผมเชียร์ raw จนแทบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น  อย่างแรกคือ เดี๋ยวนี้ HDD มันถูกหยั่งกะได้ปล่าว!  นี่เพิ่งไปเดิน IT mall กลับมา เห็นราคา HDD แล้วตาละห้อย  1,000 GB (1 TB) แบบ RAID-1 (ทนทานสุดๆ) ราคาหมื่นนิดๆ  ถ้าเป็นแบบ SATA-2 ธรรมดาๆ (ทนพอสมควร ถ้าใช้เป็นแค่ backup) .. เจ็ดพันกว่าบาท  ถ่ายเป็น raw .. ตีซะว่ารูปละ 15 MB  กดแบบไม่บันยะบันยัึง .. ทริปนึง 1,000 รูป  เต็มการ์ด 8 GB สองใบ (นิ้วเกือบหงิก) .. 16 GB  HDD 1,000 GB ก็เก็บได้ 16,000 รูป  หรือ 60 ทริป  หกสิบทริป!!!!  งานการไม่ต้องทำกันหละ  กี่ปีหว่า .. กว่าจะเต็ม 1 TB นั่น    --------------------  จุดที่สองของ raw คือ .. มันมีอนาคตครับ  jpg .. ถ้าไม่ใช่ถ่ายแล้วทิ้ง ไม่เอากลับมาดูอีก  พออีกห้าปีสิบปีข้างหน้า .. กร่อยสนิท เพราะจอภาพคุณภาพสูง มันจะฟ้องตำหนิ JPG ออกมาชัดเจน ไม่ว่าจะเรื่องวุ้น หรือเรื่อง noise  แต่ถ้าเป็น raw .. ตอนนั้น ยังเอามาดูได้เต็มๆ  ฟอร์แมตภาพแบบ windows HD (ชื่อเดิม Window Media Photo) ก็กำลังมาแรง  jpg มันเป็น format ของสมัยปี 1980 .. แถมแทบโดน JPEG group ทิ้งแล้วด้วยซ้ำ (หันไปดัน JP2 แทน แต่เจอตอปัญหาเรื่องลิขสิทธิ)  ถึงเวลานั้น .. raw -> wmp มันเป็นไปได้  แต่ jpg -> wmp มันเป็นไปไม่ได้เลย  --------------------  หมดเวลาอภิปรายของผม  เชิญท่านที่อยู่ฝ่าย "JPG เหนือกว่าฝ่าย raw" ครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 19 ม.ค. 52 17:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อยากใช้ *.hdp จากคุณ : อะธีลาส - [ 19 ม.ค. 52 18:20:53 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เห็น คห.น้าอะธีลาสแล้ว นึกถึงอีกสองเหตุผลที่ต้องใช้ raw  อย่างแรกคือ มันเป็นความปวดใจอย่างรุนแรง ของคนที่อยากใช้กล้องค่ายเล็ก .. ไม่ว่าจะ oly หรือ pentax //ขึ้แง  วันดีคืนร้าย .. ในอนาคต  oly หรือ pentax เกิดบ้าเลือด ประกาศตูมขึ้นมาว่าเลิกทำ dSLR (เหมือน konica/minolta ทำมาแล้ว )  คนที่ถ่ายเป็น jpg มีอย่างไร ก็มีอย่างนั้น  แต่คนที่ถ่ายเป็น raw ยังมีทางเลือก ให้แปลง raw เป็น DNG (digital negative)  แล้วค่อยว่ากันต่อได้อีกรอบ  -------------  อย่างที่สองคือ .. ใช้ canon  แต่อยากได้สีสันแบบ nik อ่ะ  เล่นไม่ยาก    แปลง CR2 -> TIFF 16 bits ก่อน  แล้วโยนเข้า Nikon Capture .. แค่นี้ ก็ได้สมใจอยาก  แต่ถ้าเป็น jpg .. จบเห่  เพราะการ edit jpeg ไม่ว่าจะทำอย่างไร คุณภาพรูปก็ลดลงแน่นอน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 19 ม.ค. 52 18:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 60 มาขอเสนอข้อดีของ raw อีกข้อ สำหรับตัวเองที่เคยใช้ 300D มา นั่นคือ WB ใครที่เคยใช้มาก่อนจะรู้วันมันไม่ค่อยจะฉลา่ดเท่าไหร่ (1000Dที่ใช้ตอนนี้แม่นขึ้นเยอะ) ถ่ายมาแทบตาย WB พลาด จบเห่กันละค่ะ โอเค jpg ก็เอาไปแก้ WB ใน โฟโต้ชอปได้ แต่ปรับเมื่อไหร่ รายละเอียดสีหายเมื่อนั้น สังเกตุฮิสโตแกรมได้ บางทีเป็นซี่หวีเลยเอ้า แล้วที่มันเว้นเป็นช่วงๆนั่นข้อมูลสีมันหายไปไหนอ่ะ สมมุติผ่านตรงนี้ไปได้ มาถึงขั้นตอนการเซพ ต่อให้ปรับคุรภาพสูงสุดแค่ไหน ลองเซพกลับไปอีกที ยังไก็ต้องสูญเสียรายละเอียดภาพ เพราะมันเป็นคุณสมบัติของ jpg ในการอัดย่อข้อมูลอยุ่แล้ว ถ้ากลัวว่าจะเสียรายละเอียดในการเซพแบบ jpg  ไปใช้ tif รับรองใหญ่กว่า raw ซะอีกแน่ะ เรื่อง WB นี่เป็นเรื่องน่าปวดหัวนะสำหรับกล้องดิจิตอล จะไปวางใจระบบ ออโต้ของมันก็ลำบากยิ่งเจอสภาพแสงที่ปนกันไปหมด ทั้งไฟนีออน ไฟทังสเตน แสงธรรมชาติ ไม่เพี้ยนให้รู้ไป ^_^ ไหนๆก็ยอมลงทุนซื้อ DSLR เพื่อคุณภาพงานทั้งที่ เลนท์หรือก็หาแบบคมๆ แจ่มๆ เพื่อให้ได้ภาพที่มีการลดรายละเอียดแบบ jpg?? จากคุณ : บลูดานูป - [ 19 ม.ค. 52 18:53:14 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ง่า............ใช้แต่ JPG  ง่ายดี แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 19:23:10 จากคุณ : เถื่อนไพร - [ 19 ม.ค. 52 19:18:53 ]

ความคิดเห็นที่ 62 รู้ซึ้งถึงประโยชน์ของ raw file ที่นี่เอง รูปบางรูป ไม่มีโอกาสแก้ตัว ต่อให้อยากถ่ายใหม่ก็ไม่ได้ บางรูป (รูปเด็กๆ) ก็ย้อนเวลาไปถ่ายไม่ได้อีก สถานที่เดิม แต่คนละวัยก็ไม่เหมือนเดิม ยิ่งคนไปเที่ยวต่างประเทศละก็ เสียดายโอกาส ถ้าถ่ายมาไม่ดี จากคุณ : knat - [ 19 ม.ค. 52 19:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ให้อีกเหตุผลหนึ่ง สำหรับคนใช้กล้องประหลาดๆ นอกกระแสเหมือนผม อย่างเซ็นเซอร์ โฟวียอง (Foveon) ที่ใช้ในกล้อง Sigma SD14, DP1 ณ วันนี้ ยังไม่มี RAW Converter ใด ที่ดึงศักยภาพสูงสุดของ โฟวีออง ออกมาได้เลย แม้แต่ Sigma Photo Pro เวอร์ชั่นล่าสุด 3.2 for Mac หรือ 2.5 for Windows ก็ออกมาตั้งหลายปีแล้ว (เวอร์ชั่นก่อน 2.5 คือ เวอร์ชั่น 3.0 ดูแล้วงง.... มันนับเวอร์ชั่นยังไงของมันวะ ใครว่างช่วยอธิบายผมหน่อย) การทำงาน และฟังก์ชั่นต่างๆ ก็จัดได้ว่าโบราณมาก ถ้าเทียบกับยี่ห้ออื่น แม้ความคมชัด และรายละเอียดจะดี แต่การปรับแก้สีและไวท์บาล้านซ์ ลำบากยากเย็นเหลือเกิน ผมก็ต้องเก็บ RAW เอาไว้ เพื่อว่าสักวันหนึ่ง เมื่อ SD15, DP2 ออก ซิกม่าอาจจะอัพเดท การทำงานของ SPP ให้ใช้ง่าย และสะดวกขึ้น มีเครื่องมือปรับแสงสีให้แม่นยำขึ้น ไม่ต้องมาจูนสีกันทีละ Channel เหมือนเดิม และถ้าดึงพลังของ Foveon ที่มีอยู่ออกมาใช้ได้ ก็ยิ่งดี แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 20:52:56 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 20:49:59 จากคุณ : อะธีลาส - [ 19 ม.ค. 52 20:45:25 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ่ายแบบ RAW ตลอดเลยครับ แล้วตอนนั่ง Process ก็ได้ทบทวนภาพที่ถ่าย อืมม... ภาพแบบนี้นี้ต้อง + 1 Stop  ภาพแบบนี้ต้อง -1/3 Stop ภาพนี้ต้อง W/B แบบนี้แล้วจะสวย ไรเงี้ยอ่ะครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 21:14:49 จากคุณ : TherMoman - [ 19 ม.ค. 52 21:14:16 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ที่คุณแมวเหมียวพุงป่องบอกว่า Raw จะให้ภาพที่คมชัดกว่า Jpeg แสดงว่าถ้าถ่ายเป็น Raw ไว้แล้วเอามา convert เป็น Jpeg โดยไม่มีการปรับแต่งทีหลังนี่ถึงจะเรียกว่าพัฒนาฝีมือได้เข้าขั้นใช่มั้ยครับ คือจากความเห็นของคุณแมวเหมียวนี่เหมือนว่าการรูป Jpeg ที่ได้จากกล้องโดยตรงเนี่ยเทียบไม่ได้กับการ convert Raw จากคอม จึงแปลว่าควรถ่ายเป็น Raw แล้วนำมา convert ในคอมเพื่อให้คุณภาพรูปที่ดีกว่าหรือเปล่าครับ จากคุณ : ถ่ายแต่ Jpeg แต่อยากลอง Raw - [ 19 ม.ค. 52 23:15:14 A:58.9.18.64 X: ]

ความคิดเห็นที่ 66 แม่นแล้วครับ ต่อให้ไม่ทำอะไรเลย หวังเพียงแ่ค่ jpg จากกล้อง ก็พอใจแล้ว ไม่ต้องการปรับแต่งอะไรเลย ผมก็ยังแนะนำให้ถ่าย RAW มาก่อน แล้วค่อยโปรเซสเป็น JPG แบบไม่ปรับแต่ง ใช้เซ็ตติ้งจากกล้องที่ติดมากับไฟล์อยู่ดี (แต่ก็นั่นแหละ.. การปรับแต่่งสักเล็กน้อยก็จะดียิ่งขึ้น) ไม่ว่าจะกล้องเทพแค่ไหน พลังการประมวลผล เวลาการประมวลผล ความซับซ้อนของอัลกอริทึมในการแปลงไฟล์ที่ใช้ ก็มีจำกัด เทียบกับคอมพ์ตั้งโต๊ะไม่ได้หรอกครับ เพราะมี CPU ที่เร็วกว่ากันมากมาย มีแรมมหาศาล มีเวลาประมวลผมไม่จำกัด ใช้อัลกอริทึมในการแปลงไฟล์แบบซับซ้อนสุดๆได้ ผลท้ายสุดก็คือไฟล์ jpg คุณภาพดีกว่าไฟล์จากกล้อง หรือไม่ก็ขนาดเล็กกว่า หรือทั้งคู่ แล้วจะลบ RAW ทิ้ง หรือจะเก็บไว้เผื่ออนาคตแบบผมก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 52 23:35:32 จากคุณ : อะธีลาส - [ 19 ม.ค. 52 23:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ชอบถ่าย RAW มากกว่าถ้าไฟล์ใหญ่มากก็ sRAW จนเป็นนิสัย ไม่ได้ชอบ process ภาพอะไรหรอกครับ แต่ด้วยมีข้อจำกัดด้านเวลา ถ่ายลูก ถ่ายวิว ภายในไม่กี่นาที ส่วนมากต้องมาแก้ไฟล์ และแก้ใน Adobe Lightroom มันก็เร็วดีไม่ได้เสียเวลามาก ถ้าเทียบกับการที่จะต้องเสียภาพที่ตั้งใจจะเก็บ อันนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน จากคุณ : cocoaroom - [ 20 ม.ค. 52 02:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 68 สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาขอคำแนะนำหน่อย คือว่าตอนนี้สนใจเรื่องถ่ายรูปมากๆ อยากถ่ายเป็นและก็แต่งเป็น ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ตอนนี้กำลังจะซื้อcanon 450D ขอถามหน่อยค่ะว่า ต้องใช้โปรแกรมอะไรแต่งภาพ แล้วสามารถดาวโหลดในเว็บได้ไหม คือว่าตอนนี้อยู่ที่ใต้หวันอ่ะค่ะ ซื้อกล้องที่นี่ของแถมเพียบ เมมอย่างต่ำแปดกิ๊ก ไม่รู้จะขอคำปรึกษาที่ใหน วานน้าๆช่วยหน่อยนะค่ะ ปล.มีสอนถ่ายรูปผ่านเว็บมั้ยค่ะ chang_sunee@hotmail.com จากคุณ : สาวอ่อนหัด - [ 20 ม.ค. 52 07:53:09 A:114.137.30.54 X: ]

ความคิดเห็นที่ 69 มันส์แหะ กระทู้นี้ ขอซุ่มดูเงียบๆก่อน ขอเป็นคนสรุปละกันนะครับ จากคุณ : ปืนเถื่อน โดนยึดอมยิ้ม (Colt 1911 A1) - [ 20 ม.ค. 52 08:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ชอบความเห็นคุณแมวเหมียวครับ เรื่อง CPU นี่พูดได้เห็นภาพจริงๆ ตอนนี้จอภาพเราๆท่านๆมันเห็นแค่ 8-bit มันเลยมองไม่ต่างกันมั้งครับ -_- สำหรับผมถ่าย Raw เพราะเหตุผล ประมาณนี้ - 1 shot 1 opportunity - WB - Exposure Compensation ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่ลองเปิด JPEG ด้วย CNX แล้วเห็นว่ามันปรับ WB กับ EX ไม่ได้ แต่ Raw ทำได้ ถ้าแสงดีๆ มีเวลาบรรจง ผมก็มักถ่ายด้วย JPEG เพราะขี้เกียจ .. แฮะๆ จากคุณ : ตัวตุ้ย - [ 20 ม.ค. 52 09:25:35 ]

ความคิดเห็นที่ 71 กระทู้ดี ๆ แบบนี้ ลงชื่อซะหน่อย ^ ^ จากคุณ : จิ๊กโก๋สะพายกล้อง - [ 20 ม.ค. 52 10:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ขอมาอ่านเก็บความรู้ค่ะ บอกตรงๆว่า ยังใช้ Raw ไม่เป็นเคยถ่ายแล้ว คิดในใจว่า กินพื้นที่ใน CF มากๆ เลยเลิกถ่าย เพราะ...."ใช้ Raw ให้เกิดประโยชน์ไม่เป็น" ตอนนี้ก็ยังตั้งใจว่าจะถ่าย Jpeg ต่อไป แต่จะศึกษาเรื่อง Raw ดูบ้าง และหากหยักสมองมีเพิ่มขึ้นแล้วจะหันมาถ่าย Raw ค่ะ... +++ เมื่อกี้ลองถ่ายภาพ Raw ดูภาพนึงแล้ว และลองเปิด แล้วปรับแบบบ้านๆใน Digital photo Professional ดูแล้ว...อืมมมม ดีจังค่ะ แต่ว่ากว่าจะ เปลี่ยนมาเป้น Jpeg ได้ก็ใช้เวลานานหน่อยนึง แต่ก็เทพกว่า Jpeg จิงๆอ่ะคะ แล้วก็เพิ่งรู้ว่าถ้าตั้งกล้อง auto มันจะเซฟเป็น Raw ไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 20 ม.ค. 52 12:02:58 จากคุณ : babbbirdbird - [ 20 ม.ค. 52 11:35:49 ]

ความคิดเห็นที่ 73 แอบดีใจตั้งกระทู้แล้วได้ขึ้นกระทู้แนะนำ อิอิ ยังตามอ่านนะคร้าบ ไม่ได้หนีหายไปไหน //ยิ้ม จากคุณ : ทายาทจูล่ง - [ 20 ม.ค. 52 11:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 74 การถ่าย Raw นอกจาก ที่ด้านบนกล่าวมาแล้ว ในอนาคตเมื่อจอ Computer แสดงสีและแสงได้ครบทั้งหมด ที่ไฟล์ Raw ถ่ายมาได้ ซึ่งไฟล์ที่ Export มาอาจไม่ใช่ JPG JPEG อีกต่อไปแล้วอาจเป็นชื่ออื่น ภาพ Raw เก่าๆที่เราเคยถ่ายมามันจะแสดงผลได้สวยงาม สมจริงไม่ต่างจาก Film Slide เลยล่ะครับ (จากการ เปรียบเทียบ Dinamic Range ของกล้องรุ่นใหม่ๆ RAW File ให้ผลใกล้เคียงกับฟีล์มสไลด์เลยครับ) ลองคิดดูสิครับ ถ้าตอนนั้นมาถึง มันจะดีแค่ใหน ที่ Raw ที่คุณเคยถ่ายไว้เมื่อ 10-20 ปีก่อน แสดงผลในจอภาพสมัยใหม่ได้สมจริงสวยงาม แบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน จากคุณ : wissar - [ 20 ม.ค. 52 12:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สรุปว่า jpeg เอาไว้เพื่อการศึกษา (ถ่ายมาแบบไหนได้ดีสุดคือแค่นั้น) RAW เอาไว้เพื่อพัฒนา (ถ่ายมาแบบไหนพัฒนาได้ร้อยหลาก) จากคุณ : hirohiko - [ 20 ม.ค. 52 12:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 76 กระทู้อย่างนี้สิ น่าขึ้นเป็นแนะนำ ไม่ใช่ xxx ดีกว่า yyy ไหมอ่าา... จากคุณ : .. (สมคะเน) - [ 20 ม.ค. 52 12:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขำใน "ภูมิ" และ "ทัศนคติ" ของคนบางคนจัง คริ คริ ปล. ผมถ่าย raw มาตลอดตั้งแต่ซื้อกล้อง ทำไมนะเหรอ ตอบง่ายนิดเดียว.. ก็รีดประสิทธิภาพสูงสุดจากเซนเซอร์กล้องออกมาด้วยตัวเองไงครับ เรื่องอะไรจะยอมให้กล้องมันรีดออกมาเองเป็น เจเป่ะ ให้ผมล่ะ จากคุณ : focus me not - [ 20 ม.ค. 52 13:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เหอ ๆ .. ของผม ตั้งแต่ใช้ dslr มา กดเป็น jpeg ประมาณไม่เกิน 10 รูป นอกนั้นซัด raw ตลอด จนวันนี้ :) จากคุณ : director - [ 20 ม.ค. 52 15:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 79 RAW VS JPG ? มันอยู่ที่เราใช้งานมันอย่างไรต่างหากครับ ส่วนตัวผมถ่าย RAW+JPG ด้วยซ้ำครับ เปลืองพื้นที่มั๊ย? โคตะระเปลืองเลยครับ แต่ผมแลกมาด้วยการทำงานที่รวดเร็วถ้าผมต้องตกแต่งภาพผมชอบที่จะทำใน RAW process ครับมันปรับแต่งอะไรได้กว้างขวางกว่า แต่แน่นอนครับถ้าถ่ายมาแล้ว JPG มันใช้งานได้เลยเป็นที่พอใจแล้วผมก็จะเอา JPG ไปใช้งานในทันที อาจเอาไปตกแต่งนิดหน่อยใน PS ซึ่งสะดวกกว่ามากครับ คนบางคนบอกว่า RAW ดีอย่างนั้นอย่างนี้ปรับแต่งได้กว้างขวางมาก แต่หน้าจอไม่เคยรู้จักกับการ Calibrate เลย ไม่รู้เลยเรื่อง Profie สีหน้าจอ แล้วจะถ่าย RAW เพื่อ? บางคนบอกว่าชอบ JPG อย่างงั้นอย่างงี้แต่ว่าสุดท้ายแล้วแต่งรูปกันมือหงิกเลย ชอบแต่งรูปมากมาย ถ้าอย่างนั้นถ่าย RAW มันง่ายกับชีวิตกว่าไหม? บางคนพูดเรื่องสีอย่างนั้น WB อย่างนี้ ต้องวัดอย่างนั้นอย่างนี้ WB กล้องนั้นดีกว่ากล้องนี้ แต่สุดท้ายถ่าย RAW แล้วมาปรับใน RAW process ทุกรูป แล้วจะไปคิดมากให้ฉี่เหลืองทำไมสุดท้ายก็มานั่งแก้ในคอมอยู่ดี มันขึ้นกับเราเป็นแบบไหนชอบอย่างไหน ผมเองยอมที่จะบันทึกมาสองแบบเลย ถ้า JPG มันสวยแล้วกล้องมันทำมาได้ดีแล้วผมจะไปดื้อด้านใช้ RAW ทำไม แต่ถ้าภาพมีปัญหาต้องมานั่งปรับกันหูตาแหกผมก็ไม่บ้าใช้ JPG หรอกครับ มันก็เท่านี้เองชีวิต ผมเองก็เคยนั่งปรับ RAW หูตาแหกเลยสุดท้าย Convert มาแล้ว เอามาเทียบกับ JPG ที่ถ่ายมาคู่กับ RAW แทบจะไม่ต่างกันมากมาย ผมก็ถามตัวเองเหมือนกัน "ตูบ้าป่าวเนี่ย" สุดท้ายการถ่ายภาพมันวัดกันที่ "ฝีมือ" และ "ภาพ" ครับ ใครทำออกมาได้ตอบโจทย์และสวยกว่ากัน บางคนบอกว่า RAW ดีร้อยแปดประการเลย แต่ถ่ายออกมาสู้ JPG ของอีกคนไม่ได้แล้วจะวัดอย่างไรว่าอะไรดีกว่า คนบางคนถ่าย JPG แล้วสวยมากมายสวยจากหลังกล้องเลย แต่อีกคนถ่าย RAW แล้วเอาไป Process ผลออกมาคนถ่าย RAW ดันตอบโจทย์ได้มากกว่า จะวัดกันที่ตรงไหนล่ะครับ การถ่ายแต่ JPG ทำให้ฝีมือเราพัฒนาขึ้นครับเพราะเราต้องคิดมากกว่า RAW ครับถ้าถ่ายแล้วคิดแต่จะไป Process อย่างเดียวให้ตายก็เป็นคนถ่ายภาพที่ดีไม่ได้หรอกครับ แต่เราก็ปฎิเสธไม่ได้หรอกครับว่า RAW มันก็ช่วยเติมจินตนาการของภาพเราได้มากกว่า JPG ในหลายๆครับ สุดท้ายแล้วผมใช้ RAW+JPG ครับ อันไหนดีกว่าใช้อันนั้นหมดปัญหาครับ จากคุณ : superpalm - [ 20 ม.ค. 52 16:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เม็มก็ถูก HDD ก็ถูก ถ่ายเป็น RAW+jpeg เก็บไว้ประจำครับ ในอนาคตทั้ง cpu กับ software อาจจะทำให้ภาพที่ออกมา ดูดีขึ้น ปรับแต่งได้ง่ายขึ้น เราซื้อเวลากลับมาไม่ได้ครับ จากคุณ : Niks Newbie - [ 20 ม.ค. 52 16:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ยังงี้นี่เอง.. ต้องออกไปลอง raw" ซะหน่อย ..ขอบคุณทุกคนนะค้า...... จากคุณ : ดอกหญ้าบนเขา (ดอกหญ้าบนเขา) - [ 20 ม.ค. 52 16:38:37 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เห็นด้วยครับว่าการเก็บรูปไว้ใน format raw ดีกว่าและเป็นเรื่องควรทำครับ ถ้าอุปกรณ์สนับสนุนได้ครับ แต่อยากจะแนะนำมือใหม่ที่จะหัดถ่ายรูป ควรหัดถ่ายแบบให้ได้ภาพแบบไม่ต้องแต่งเอาทีหลังให้เป็นไว้บ้างก็ดีครับ เอาแบบว่าถ่ายแล้วเปิดดูรูปเลยว่าคุณบังคับกล้องให้ได้ภาพ ออกมาใกล้เหมือนที่ตาเห็นได้ไหม การถ่ายภาพใช้ความสามารถในการบังคับกล้องแค่สามอย่าง ปรับรูปรับแสง ปรับระยะเวลารับแสง ปรับความไวสื่อรับแสง (ISO) หัดไว้เถอะครับ การปรับแต่งภาพ โดยส่วนตัวผมเห็นว่ามันคนละทักษะกับการถ่ายภาพครับ ที่เขียนไม่ได้ต้องการประชดอะไรครับ เพราะการจะได้ รูป ที่สวยใบหนึ่ง มันสามารถใชัทักษะได้หลายแบบ ผมเพียงแต่อยากจะชี้ให้เห็นชัดว่า มันคนละทักษะ ใครอย่างจะเก่งด้านไหนหรือเก่งทั้งสองอย่างจะได้รู้ว่าต้องหัดอะไรครับ จากคุณ : NemoAtlantis - [ 20 ม.ค. 52 17:45:01 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อิอิ คคห79 เจ๋งมากๆ ตามนั้นเลย หุหุ จอห่วยๆ คาริเบรทไปก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก  ยิ่งไม่ได้คาริเบรท แล้วมาปรับ นู่น นี่ นั้น รับรอง ออกทะเล แน่นอน มีแต่เน่ากันเน่า ถ้าเคสนี้ ถ่าย jpeg ให้ดีดี ไว้ดีที่สุด ส่วน raw เอาไว้ซือ จอดีดี หรือ คาริเบรทจอก่อน ค่อยเอาไฟล์มาปรับเล่นได้ จากคุณ : golf apo g - [ 20 ม.ค. 52 17:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เห็นด้วยกับความเห็น 82 ครับ จริงๆแล้วผมถ่าย jpeg มาตลอดเพราะคิดว่าการถ่ายรูปที่ดีนั้นควรจะถ่ายให้สำเร็จในครั้งเดียว (ผมเอาไปเทียบกับการถ่ายแบบใช้ฟิล์มหน่ะครับ ไม่รู้คิดถูกต้องเหรอเปล่า) แต่ถ้าการถ่าย raw สามารถให้คุณภาพรูปที่ดีกว่า ก็ว่าจะลองถ่าย raw ดูแล้ว convert โดยไม่ปรับแก้ อันนี้น่าจะช่วยพัฒนาตัวเองและได้รูปที่ดีกว่าเดิมนะครับ การถ่าย raw เราก็สามารถดูผลได้จากหลังกล้องเหมือนกัน ซึ่งก็น่าจะเป็นการบอกได้ว่าเราถ่ายหลุดไปแค่ไหน จากคุณ : ถ่ายแต่ jpeg แต่อยากลอง raw - [ 20 ม.ค. 52 18:12:21 A:192.168.0.60 X:58.8.87.251 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ฟอร์แมทภาพที่ดีกว่า jpg คือ *.hdp (HD Picture, JPEG XR) เก็บสีได้ 16-32 บิท (เทียบกับ 8 บิทของ jpg) เล็กกว่า jpg ครึ่งหนึ่ง ในคุณภาพเดียวกัน ออกแบบมารองรับการประมวลผลในกล้องถ่ายรูปให้เร็วกว่า และกินกำลังประมวลผลน้อยกว่า มีทั้งการบีบอัดแบบไม่ลดคุณภาพ (เหมือน TIFF แต่เล็กกว่า 2.5 เท่า) และแบบลดคุณภาพ (เหมือน JPG, TIFF) เป็น HDR ในตัว เก็บ Dynamic Range, Gamut Data จากกล้องได้ทั้งหมด ไม่ต้องตัดทิ้ง เหมือน RAW ตรงที่แก้ Color Balance และ Exposure ได้โดยไม่ไปยุ่งกับส่วนที่เป็นข้อมูลภาพ สนับสนุน Multipage, transparency, RGB, CMYK, n-channel color spaces, Radiance RGBE สำหรับเรื่องลิขสิทธิ์คือ ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์ ใช้งานได้ฟรี ถ้าใช้ ตัวสร้าง และถอดรหัสภาพของไมโครซอฟท์ (มี codec สำหรับ Mac ด้วย) ซึ่งมีมาเรียบร้อยแล้วใน Vista ใน .NET 3 ไมโครซอฟท์ มีปลั๊กอินให้สำหรับโฟโต้ชอป กับปลั๊กอินสำหรับโปรแกรมดูภาพ ซึ่งสมัยนี้ก็ดู *.hdp กันได้เกือบทั้งนั้นแล้วมั้ง นอกจากนี้ไมโครซอฟท์มีชุดพัฒนาฟรีๆ ให้ไปสร้าง codec เอาเอง (อย่างเช่นเอาไปใส่ในกล้อง) แต่อันนี้ผู้ผลิตต้องจ่ายตังค์ ถ้าขายได้เกิน 50,000 ชิ้นต่อปี (ไม่เก็บค่าลิขสิทธิ์ไฟล์ แต่เก็บค่าโปรแกรมสร้างไฟล์) ถ้าไม่อยากใช้ทั้ง Codec และชุดพัฒนา ไมโครซอฟท์ก็ยังใจดี จะเปิดเผยโค้ด และสเป็คอย่างละเอียดใน Microsoft Open Specification Promise (จากคำสัมภาษณ์ผู้บริหาร แต่ยังไม่ได้ทำจริง) ซึ่งถ้าจะสร้าง codec จากโค้ดและสเป็คนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ขัดกับ BSD License และลิขสิทธิ์อีกหลายอย่างในโลกซอฟท์แวร์ แต่จะขัดกับ GPL License แน่นอน (เพราะไมโครซอฟท์ห้ามเอา Source Code ไปเผยแพร่ต่อ) ฝั่ง Opensource คงต้องไปทำวิศวกรรมย้อนกลับเอาเอง ฟอร์แมทนี้ มีโอกาสเกิดอย่างสูงครับ เพราะไมโครซอฟท์ค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่ได้กะหารายได้จากฟอร์แมทนี้เท่าไหร่ แต่ออกแรงผลักดันมาก และไม่มีใครขวางเรื่องนี้ (สถานการณ์ดีกว่าตอนเสนอ *.docx เป็นมาตรฐาน ISO เยอะ) ฟอร์แมทนี้กำลังจะผ่านมาตรฐาน ISO (ผมเดาว่าภายในปีนี้แหละ) ถ้ามี RAW อยู่ในมือ แล้วฟอร์แมทนี้เป็นมาตรฐานแทน jpg ที่มีข้อจำกัดเยอะ เราก็จะมีโอกาสแปลงไฟล์ให้กลายเป็น *.hdp ไม่ต้องติดอยู่กับ *.jpg เหมือนที่ผ่านมา ไม่ต้องลำบากลำบนทำ HDR (เพราะเป็น HDR อยู่แล้วในตัว) ไม่เสียคุณภาพเวลาแต่งภาพปรับแสงสีได้โดยไฟล์ไม่เสีย ขนาดไฟล์เล็กกว่าเดิม ถึงแม้วันนี้จะคิดว่า jpg พอใช้ แต่ข้อดีของ HD Photo ก็มากพอที่จะเก็บ RAW เอาไว้ทำ *.hdp ในอนาคตแล้วครับ จากคุณ : อะธีลาส - [ 20 ม.ค. 52 19:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทำไมเดี๋ยวนี้ถ่ายรูปกันเยอะจัง อ่านๆดูทริปนึงซัดเป็นพันรูปเลยเรอครับ ชีวิตยุคดิจิตอลมันช่างรวดเร็วจริงหนอ ถ่ายเน้นๆหน่อยดีไหมครับ จากคุณ : โป๊ยกั๊ก - [ 20 ม.ค. 52 22:21:11 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เหตุผลสำหรับมือ Outdoor Portrait อย่างผม มีไม่มากครับ และก็เป็นสิ่งที่ Jpeg มันให้ไม่ได้จริงๆ ก็คือเรื่อง DR นี่แหละ Raw มันมีดีตรงที่ เวลาถ่ายสาวแล้วเรียกเนื้อ ขุดคุ้ยส่วนที่โดนแดดเลียกลับมาได้ นี่สิ เจ๋งจริง ถึงได้ยอมใช้มัน ไม่ลองก็ไม่รู้น่ะ ถ้าใครถ่ายสาวย้อนแสง แดดเลีย บ่อยๆ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อิอิ แต่กับงาน บางครั้งถ้าผมไม่ซีเรียสเรื่อง DR ก็ซัด Jpeg ตู้มเลย แต่ยังไงๆก็เอา Jpeg มาแต่ง เพื่อที่จะให้มันซึมซาบความทรงจำแบบน้าแมวเหมียวอยู่ดีน่ะ อิอิ จากคุณ : VSA-100 - [ 20 ม.ค. 52 22:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 88 RAW+Jpeg เหมือนกันครับ บางรูปมันพลาดไม่ได้ บางทีมันก็ขี้เกียจมาแต่ง.. จากคุณ : กังป๋วย - [ 20 ม.ค. 52 23:06:29 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอถามแบบโง่ๆหน่อยนะค่ะ ต้องเฉพาะ DSLR เท่านั้นหรอค่ะที่ถ่าย RAW ได้ จากคุณ : -:GhosT_Princezz:- - [ 20 ม.ค. 52 23:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 90 สุดยอด ... ได้ความรู้มากครับ แต่ เอ... กล้องผม ปรับไปเป็น raw ยังไงหว่า จากคุณ : OlO - [ 21 ม.ค. 52 03:23:04 ]

ความคิดเห็นที่ 91 >> ต้องเฉพาะ DSLR เท่านั้นหรอค่ะที่ถ่าย RAW ได้ compact และ dSLR-like บางรุ่น ก็ถ่าย raw ได้ครับ แต่จำกัดรุ่นค่อนข้างมาก ในขณะที่ dSLR แทบทุกรุ่น มีโหมด raw ให้เรียบร้อย ทำไมเดี๋ยวนี้ถ่ายรูปกันเยอะจัง อ่านๆดูทริปนึงซัดเป็นพันรูปเลยเรอครับ  ถ้าไปเที่ยว .. โดยเฉพาะเที่ยว ตปท. ผมถ่ายวันละประมาณ 800-1,000 รูปครับ  เรียกว่า แทบทุกวินาที  ถ่ายโดยซูมไว้ที่ wide และห้อยกล้องไว้หน้าอกด้วยซ้ำ .. ไม่ต้องยกขึ้นเล็งมาก  มันไม่ได้ไปกันบ่อยๆนี่นา  ถ้ามัวเล็ง มัวประณีตบรรจงอยู่ .. ไม่ได้ดูอะไรๆ ไม่ได้เห็นอะไร ที่กว้างใหญ่เกินกว่า viewfinder เลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 21 ม.ค. 52 06:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 92 RAW เอาไว้ใช้งานเอง JPG ไว้ เขียนแผ่นแจก เพื่อน ที่บังเอิญ มาอยู่ในกล้อง ถ้าไปด้วยกัน การเก็บ RAW File เหมือนเก็บฟิมล์ ต้นฉบับ ส่วนการเก็บ Jpg เหมือนเก็บรูป 4*6 ในอัลบั้ม แผ่นพลาสติกใส วันนี้ อาจยังไม่เห็นคุณค่า แต่เวลา และเหตุการณ์ มันย้อนไม่ได้ เสียเงิน ซื้ออุปกรณ์ กันตั้งมากมาย เก็บที่ดีที่สุด ไว้ก็ไม่เลว ปล. กระทู้ดีมาก ถกเถียงเสนอแนวความเห็นส่วนตัวกันดี แค่ความเห็นหนึ่งครับ จากคุณ : Light Sleeper - [ 21 ม.ค. 52 07:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ความคิดเห็นที่ 91   >> ต้องเฉพาะ DSLR เท่านั้นหรอค่ะที่ถ่าย RAW ได้ compact และ dSLR-like บางรุ่น ก็ถ่าย raw ได้ครับ แต่จำกัดรุ่นค่อนข้างมาก ในขณะที่ dSLR แทบทุกรุ่น มีโหมด raw ให้เรียบร้อย ทำไมเดี๋ยวนี้ถ่ายรูปกันเยอะจัง อ่านๆดูทริปนึงซัดเป็นพันรูปเลยเรอครับ ถ้าไปเที่ยว .. โดยเฉพาะเที่ยว ตปท. ผมถ่ายวันละประมาณ 800-1,000 รูปครับ เรียกว่า แทบทุกวินาที ถ่ายโดยซูมไว้ที่ wide และห้อยกล้องไว้หน้าอกด้วยซ้ำ .. ไม่ต้องยกขึ้นเล็งมาก มันไม่ได้ไปกันบ่อยๆนี่นา ถ้ามัวเล็ง มัวประณีตบรรจงอยู่ .. ไม่ได้ดูอะไรๆ ไม่ได้เห็นอะไร ที่กว้างใหญ่เกินกว่า viewfinder เลย   จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง    - [ 21 ม.ค. 52 06:48:09 ]  การ์ดอย่างเดียวท่าทางจะไม่พอเก็บนะครับ ต้องติดไอ้ตัวดูดสัก 80GB พกไปด้วยนะ เรื่องนี้เห็นด้วยกับน้าแมวเหมียวฯครับ  มันไม่ได้ไปบ่อยนัก สมัยที่ยังใช้ฟิลม์อยู่ เวลาไปเมืองนอกทีหนึ่งนี่ผมก็พกไปไม่หนี 20 ม้วนละครับ บางครั้งก็ยกกันทีกุรุส กันเลยละ  อีตอนล้างกุมขมับ ควักตังค์แทบเกลี้ยงกระเป๋า หลังๆ ก่อนที่จะมา digital นี่ เวลาไปเมืองนอกก็หันมาถ่าย vdo แทนครับ ประหยัดกว่ากันเห็นๆ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 08:18:41 จากคุณ : arnold_A1 - [ 21 ม.ค. 52 08:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 94 สรุปว่า raw ปรับแต่งดีกว่า jpeg ใช่ไหมครับ แล้วรายละเอียดภาพแบบว่า ถ้านำมันไปขยาย ก็แตกเหมือนกันใช่ป่ะครับ ปล.กดมาหมื่นกว่ารูปยังถ่ายแต่ jpeg อยู่เลยครับ ^_^ จากคุณ : Santiago_Munez - [ 21 ม.ค. 52 09:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 95 โดยส่วนตัวผมถ่ายjpgเสมอ กำหนดความละเอียดสูงสุดบีบอัดน้อยที่สุด ซึ่งไฟล์ขนาดใหญ่สุดประมาณ6Mกว่าๆ จากนั้นค่อยเอามาเืลือกแล้วปรับนิดหน่อย ย่อลงเว็บอัลบั้ม ไม่เคยนำไปปริ้นเลยครับ ส่วนใหญ่ถ่ายเก็บไว้ใน Harddisk  ที่ไม่ถ่าย Raw เพราะขี้เกียจมาแปลง เนื่องจากเครื่องผม Harddisk น้อยแถมช้าอีกต่างหาก เปิด Raw แต่ละทีใจจะขาดกว่าจะได้ดู เคยถ่าย raw มาพักนึงแต่คิดว่า ผมถ่ายมาอย่างมากก็แค่ปรับ WB+แสง+สี แบบที่คนอื่นพูดว่า raw เก็บรายะเอียดได้ดีกว่า แต่ผมลองแปลงแล้วเทียบกับ Jpgที่มีการบีบอัดน้อยที่สุด มันแทบไม่ต่างกันเลย(อันนี้ความเห็นส่วนตัว) ปกติเราไม่ได้ดูภาพที่รายละเอียดมากขนาดนั้น เอาแค่ตาเราแยกไม่ออกก็พอแล้ว และบางคนเค้าดูภาพที่เป็นศิลปะมากกว่ารายละเอียดและความคมชัด เช่นภาพขาวดำ ภาพนอยส์เยอะ หรือภาพอื่นๆที่ไร้ซึ่งความละเอียดและคมชัดแต่ก็ยังได้รางวัลเพราะเค้ามองที่มุมมองภาพและการถ่ายทอด ที่เห็นแล้วมันใช่ มันได้อารมณ์ สุดท้ายและจะเลือก Raw หรือ Jpg ก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการนำมาใช้งานมากกว่า ผมเชื่อทุกคนมีเหตุผลที่แตกต่างกันไป ทุกวันนี้เทคโนโลยีมันก้าวหน้า จนทำให้เราทำอะไรง่ายขึ้น *แก้ไขคำผิด แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 15:57:46 จากคุณ : Pulanka - [ 21 ม.ค. 52 10:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 96 อ่าประเด็นนี้ น่าสนใจครับ รบกวนฝ่าย RAW ขึ้นมาอภิปราย ^^ เคยถ่าย raw มาพักนึงแต่คิดว่าผมถ่ายมาก็อย่างมากก็แค่ปรับ WB+แสง+สี แบบที่คนอื่นพูดว่า raw เก็บรายะเอียดได้ดีกว่า แต่ผมลองแปลงแล้วเทียบกับ Jpgที่มีการบีบอัดหน้อยที่สุด มันแทบไม่ต่างกันเลย ถ้าไม่พูดถึงเรื่อง เผื่ออนาคต(เพราะพูดกันมาเยอะแล้ว) ทางฝ่าย RAW มีข้อเสนออะไรที่คิดว่า RAW ยังดีกว่ามั่งครับ(พอดีว่าผมก็เป็นคล้ายๆแบบเนี้ย) อีกเรื่องคือ ที่บอกว่าดึงรายละเอียดของภาพออกมาให้สูงที่สุดนี่ ช่วยยกตัวอย่างเป็นรูปธรรมให้หน่อยได้มั๊ยครับ คือ ผมลองเอา ไฟล์ jpg มาแต่งใน LR มันก็ออกมาไม่แตกต่างจากภาพที่แต่งจาก raw เลยอ่ะครับ(มีน๊อยซ์ เหมือนกัน) แล้วแบบนี้จะดูรายละเอียดที่ดีกว่ายังไง หรือว่าเหตุผลที่มองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างภาพแปลงจาก raw กับภาพ jpg จากกล้อง มันเป็นเพราะจอ 8 bit อย่างที่พูดมา ตอนนี้ยังทำไรไม่ได้ ได้แต่รออนาคต(ที่จะเห็นความแตกต่าง)???? แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 11:52:27 จากคุณ : ทายาทจูล่ง - [ 21 ม.ค. 52 11:14:37 ]

ความคิดเห็นที่ 97 รวมไว้ในคห.เดียวกัน แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 11:52:50 จากคุณ : ทายาทจูล่ง - [ 21 ม.ค. 52 11:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เอาเรื่องการแต่งก่อนนะคะ อย่างรูปบลูที่เอามาแสดงเป็นตัวอย่าง คห.9 จะเห็นว่า ไฟล์ raw ที่ถ่ายมามืดๆแบบนั้น สามารถดึงออกมาให้สว่างได้ดีอย่างในรูปที่ คห.10 และหากเทียบกับรูปใน คห.9 ถ้าเกิดเป็น jpg เมื่อดึงรายละเอียดส่วนมืดให้เห็นชัดขึ้นก็จะเสียรายละัอียดแบบรูป คห.11 แน่นอนว่า จริงๆแล้ว ไฟล์ภาพแบบ jpg ก็สามารถที่จะดึงรายละเอียดออกมาได้ดีแบบในรูป คห.10 ได้ แต่คิดว่ามันต้องใช้เวลาเท่าไหร่คะ สำหรับไฟล์ภาพแบบ jpg ที่เมื่อดึงรายละเอียดที่มทืดให้ชัดขึ้น และต้องไปคอยปรับแก้ภาพส่วนอื่นๆให้เนียนขึ้นอย่างภาพใน คห.10 ด้วย เพราะรูปตัวอย่างใน คห.10 บลูใช้เวลาแค่ 15 วินาที (ไม่เกินนี้) ในการปรับค่ะ ถ้าเกิดต้นฉบับเป็น jpg ขอยืนยันว่าจะต้องเสียเ้วลามากกว่านี้นแ่นอนในการปรับแก้ การใช้ไฟล์แบบ raw ไม่ใช่แค่เพื่อการปรับแต่งเผื่อภาพเสียเท่านั้น แต่เราอุตส่าห์หากล้องที่มีคุณภาพดีที่สุดทเ่ท่าที่เราจะซื้อได้ นั่งหาข้อมูลเลนท์แต่ละตัวอยู่นาน เพื่อหาเลนท์ที่ให้คุณภาพดี คมชัดถ่ายทอดภาพได้สมจริง เพื่อจะให้ได้ภาพที่ถูกลดรายเอียดและคุณภาพของรูปที่เราถ่ายแบบ jpg??? จริงๆแล้วซอพแวร์ที่ใช้แปลงภาพจาก raw ไปเป็น jpg มันไม่ได้ทำงานช้าอะไรมากเลย แต่ที่ช้า เพราะเราเลือกใช้โปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องอย่าง LR หรือโฟโต้ชอปมากกว่า บลูลองใช้โปรแกรมที่มากับกล้องในการแปลง ก็ไม่้ได้ช้าอะไรเลยค่ะ หรือจะให้เร็วและสะดวกกว่านั้น Acdsee ก็แปลงได้ค่ะ คลิกเดียวจะแปลงเป็น 10 เป็น 100 ก็ได้ เพราะถ้าคนถ่ายเก่งจริง แม่นเรื่องแสงจริง ก็ไม่ต้องแต่งอยุ่แล้ว กดเสร้จเซพลงคอมแล้วก้อสั่งแปลงไฟล์แจกจ่ายได้เลย สำหรับข้อแย้งที่ว่า ถ่าย jpg แล้วฝึกนิสัยการระวังในการกด บลูคิดว่ามันอยุ่ที่คนถ่ายมากกว่าว่าจะเข้มงวดให้ตัวเองแค่ไหนในการถ่ายรูป ถ่าย raw ก้อครั้งเดียวจบได้ ถ้าเรามีความรอบคอบในการถ่ายพอ จากคุณ : บลูดานูป - [ 21 ม.ค. 52 11:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 99 อ่าหวัดดีคุณบลูฯครับมาไวจังอิอิ เรื่องคห.96เนี่ย ประเด็นผมคือ ถ้าลองมองมุมทำงาน / ใช้งาน  โอกาสถ่ายมืดออกมาแบบนี้มันค่อนข้างน้อยอ่ะครับ คือถ่ายเสร็จดูหลังกล้องถ้ามันมืดแบบนั้นผมคงถ่ายใหม่ไปแล้วล่ะไม่เอามาปรับในคอมให้เสียเวลา(แต่ผมเข้าใจถึงประเด็นที่คุณบลูยกมานะครับ) ตอนแรกๆที่เป็นมือใหม่อาจจะมีภาพแบบนี้หลุดมาบ้างแต่หลังๆนี่ผมว่าคงจะน้อยถึงน้อยมากแล้วล่ะ ทีนี้ถ้าเราไม่พูดถึงประเด็นถ่าย raw ปรับแก้ได้มากกว่า แต่เราพูดถึงประเด็น ถ่าย RAW จะได้ภาพที่มีรายละเอียด / คุณภาพของภาพสูงกว่า ผมอยากรู้ว่ามันสูงกว่ายังไง เพราะพอลองปรับภาพจาก raw ออกมามันก็ไม่ต่างจาก jpg จากกล้อง อย่างที่บอกไว้ในคห.96อ่ะครับ ตอนนี้ผมสงสัยเอาเองว่าที่เป็นแบบนี้เพราะว่า จอ ของเรายังพัฒนาไปไม่ถึงขั้นนั้นหรือเปล่า ก็เลยอยากได้คนชี้ชัดอ่ะครับว่าผมเข้าใจถูกมั๊ย??? ขอถามเพิ่มอีกนิดว่า ถ้าเอาไฟล์ภาพไปอัด ภาพที่อัดลงกระดาษมันจะแตกต่างกันมั๊ย ระหว่างภาพแปลงจาก RAW กับภาพ JPG จากกล้อง หรือว่าจริงๆแล้วมันแตกต่างตั้งแต่ในจอแล้วเพียงแต่ผมยัง"ใช้ไม่เป็นเอง" ปล.ผมเห็นด้วยกับประเด็นที่ว่าเผื่ออนาคตมีจอระดับ10bit-16bit นะครับ^^ ปล.2ผมยังเป็นมือใหม่สำหรับการปรับภาพจาก RAW อยู่ครับ เชิญโขกสับได้เต็มที่ จากคุณ : ทายาทจูล่ง - [ 21 ม.ค. 52 12:19:24 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ผมเลิกถ่าย RAW มาปีนึงแล้ว ตอนนี้ซัดแต่ JPEG อย่างเดียว รับงานผมยัง JPEG เลย เอิ๊กๆๆ ถ้าวัดแสงแม่นๆ ปรับ WB ดีๆ หน่อยไม่มีปัญหาหรอกครับ จากคุณ : ไอ้คุณแหลม - [ 21 ม.ค. 52 12:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 101 มันอยู่ที่ว่าเราให้ความสำคัญกับรูปถ่ายของเราแค่ไหนด้วยค่ะ สำหรับบลูแล้ว raw ก็เหมือนฟิลม์ตรงที่ว่า รายละเอียดที่เก็บมันอยุ่อย่างไรก็อย่างนั้น ต่ิอไปข้างหน้าฝีมือเราดีขึ้น กลับมามองภาพเก่า มองเห็นข้อบกพร่องในรูปของเรา หรืออยากจะปรับเปลี่ยนมันบ้าง แน่นอนว่า raw รองรับได้ดีกว่า เรียกว่าไม่สูญเสียรายละเอียดภาพไปเมื่อแก้ใข แต่ถ้า่ให้คุยกับแบบเปิดอกล่ะก็ ภาพที่เอามาอัด จะ jpg หรือ raw เรื่องที่จะให้มองให้ออกว่ามันแตกต่างมั้ย มันยากจนถึงแยกไม่ออกเลยเมื่ออัดออกมา (บลูก็อยกไม่ออกค่ะ ก็ตอนส่งอัดยังส่งไปแบบ JPG เลยนี่นา ^_^ ) แต่ว่าจะมีภาพซักกี่ภาพกันละที่เราเลือกจะไปอัดเก็บไว้ โดยส่วนใหญ่เราก็ดูจากจอคอมกันอยุ่ดี อย่างที่บอกค่ะ อยู่ที่เราตีคุณค่าภาพถ่ายเราไว้ที่ตรงไหน มากหรือน้อย สำหรับบลูแล้วภาพมันมีค่าพอที่จะรักษามันไว้ด้วยความละเอียดสูงสุดเท่าที่กล้องจะมีให้ได้ เพื่อว่าวันหนึ่ง ความสามารถในการแสดงผลของจอภาพมีสูงกว่านี้(ซึ่งมันพัฒนาได้เร็วมากๆ) บลูจะได้ัรู้สึกดีกับการดูภาพที่ไม่มีวันย้อนกลับไปถ่ายใหม่ได้ ได้อย่างคมชัดรายละเอียดสมบูรณ์อย่างที่มันควรจะเป็นค่ะ เหมือนกับภาพเก่าๆสมัยเด็กของบลูที่ยังคงมีแผ่นฟิลม์อยู่ ที่เมื่ื่อามาอัดใหม่ ก็ยังคงคมชัีดเหมือนเมื่อหลายปีก่อน ในขณะที่ภาพถ่ายที่อัดไว้เมื่อนานปีมาแล้วเหลืองซีด และสีสันไม่สดใสค่ะ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 13:56:06 จากคุณ : บลูดานูป - [ 21 ม.ค. 52 13:54:35 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ตอนนี้คอขวดอยู่ที่ Output ครับ ถ่ายดีทั้งคู่ มันไม่เห็นความต่างหรอกครับ จอมันก็แสดงผลได้แค่นี้ กระดาษ ก็รับได้แค่นี้ และที่สำคัญ RAW เองก็ต้องกลายเป็น jpg ก่อน ถึงจะเอามาดูได้ นั่นคือประสิทธิภาพที่แท้จริงของ RAW ก็จะถูกจำกัดให้เท่ากับ jpg RAW ที่ดีที่สุด ก็ไม่เหนือกว่า JPG ที่ดีที่สุดไปได้ เวลาเทียบมันก็เลยไม่เห็นความต่าง เหมือนเอารถแข่งสูตรหนึ่ง มาแข่งกับซิตี้คาร์ในสีลมตอนรถติด มันก็ไปได้ช้าเหมือนกัน เมื่อไหร่ ที่ Output มันแก้ปัญหาคอขวดได้ อย่างเช่นจอดีขึ้น ระบบอัดภาพดีขึ้น RAW ไม่เจอทาง (เกือบ) ตัน ต้องแปลงร่างเป็น jpg ก่อน ก็เหมือนเอารถแข่ง กับรถตุ๊กๆ มาแข่งกันบนมอเตอร์เวย์ โล่งๆ ต่างฝ่ายต่างมีโอกาสแสดงศักยภาพเต็มที่ ต้นฉบับ jpg กับต้นฉบับ RAW ถ่ายเหมือนกัน ได้ไฟล์ดี แสงสีูถูกต้องเหมือนกัน รีดพลัง และประสิทธิภาพสูงสุดที่ตัวเองทำได้ จะออกมาต่างกันบน HD-Photo กับจอภาพยุคหน้าแน่ๆ ครับ แต่ไม่ใช่วันนี้ และที่ไม่ควรมองข้ามคือ ภาพถ่ายของเรา ไม่ได้เอาไว้ดู เอาไว้ใช้เฉพาะวันนี้ หรือปีนี้ มันจะอยู่ไปอีกนาน เกือบตลอดกาล ซึ่งวันใดวันหนึ่งข้างหน้า ภาพของเรามันจะต้องมาแสดงตัว เบ่งพลังเท่าที่มันมี บน Output ที่ดีกว่าวันนี้แน่ๆ จากคุณ : อะธีลาส - [ 21 ม.ค. 52 15:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 103 Output ในอนาคต อาจจะไม่ได้ไกลอย่างที่คิด ร้านอัดรูปหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเริ่มขึ้นป้ายบริการอัดรูป 640 DPI 12 Bits มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนะครับ นี่ยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น ก็เกินกว่าขีดจำกัดของ jpg แล้ว จากคุณ : อะธีลาส - [ 21 ม.ค. 52 15:48:35 ]

ความคิดเห็นที่ 104 . . . . . . . . ^^ อยากได้กล้องดี ๆ ที่ JPEG ดีกว่าที่ใช้อยู่นี้จริง ๆ แต่ราคาก็ยังสูงอยู่ ดังนั้น ตอนนี้ก็ยังคงต้องทนใช้ตัวเดิมต่อไป และทนดูไฟล์ Jpeg ห่วย ๆ ต่อไป :P ไม่ค่อยได้ถ่าย RAW เลย ถ้าไม่กลัวกล้องเอาไม่อยู่ เพราะ ไม่ค่อยจะขยันแปลงไฟล์ ไม่รู้เป็นข้อดีหรือข้อเสียที่ขี้เกียจแปลง เพราะทำให้ถ่าย Jpeg ได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แฮะ พิถีพิถันขึ้น ก็เลยทำให้วัดแสงแม่นขึ้น มือนิ่งขึ้น แต่ก็เลยทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จาก RAW เหมือนกัน อันนี้ เสียใจนิด ๆ เพราะรู้ว่ามันเล่นได้เยอะ แต่ไม่ค่อยมีเวลาไปเล่นกะมันเลย... -*- เฮ้อออออ รอราคาดี ๆ แล้วจะซื้อกล้องดี ๆ มาถ่าย jpeg ต่อไป :P จากคุณ : photio (Photio) - [ 21 ม.ค. 52 17:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 105 " เราเพิ่งใช้กล้อง digital ตัวแรก ผ่านงานมานิดหน่อย รู้สึกว่าถ้ามี computer ใช้ น่าจะถ่ายเป็น raw ดีกว่า เพราะเปลี่ยนเป็น jpeg ได้ในภายหลัง เรียกว่ามี versatility ก็ว่าได้ " จากคุณ : ตุ๊กตาหมี - [ 21 ม.ค. 52 17:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 106 สรุปคือ ถ้าถ่ายเป็นjpgแล้วเวลาเอาแก้สีมันในโปรแกรมไม่เนียนเท่า RAWใช่ป่ะคะ แต่ถ้าเรามันใจแล้วว่าไม่อยากแก้ ก็ถ่ายเป็นjpgไปเลยก็ได้ใช่ป่ะคะเพราะจะได้บรรจุภาพได้เยอะๆใช่ป่ะคะ ที่อ่านมาเราเข้าใจถูกมั๊ยเนี่ย แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 52 17:26:17 จากคุณ : เฮฮา ปาจิงโกะ - [ 21 ม.ค. 52 17:23:58 ]

ความคิดเห็นที่ 107 แบบที่คนอื่นพูดว่า raw เก็บรายะเอียดได้ดีกว่า แต่ผมลองแปลงแล้วเทียบกับ Jpgที่มีการบีบอัดหน้อยที่สุด มันแทบไม่ต่างกันเลย  อย่างแรกคือ แทบไม่ต่าง กับไม่ต่าง ม้ันห่างกันเยอะ  พอๆกับ "สอบแทบไม่ผ่าน" กับ "สอบไม่ผ่าน" ประมาณนั้นแหละ  อย่างที่สองคือ ถ้าถ่ายมาถูกต้อง  (WB & Exposure ถูก) jpg จาก raw หรือจากกล้อง เราจะมองเห็นไม่ต่างกันแน่นอน  อย่างที่พูดมาแล้ว .. มันเป็นขีดจำกัดของการแสดงผล ของอุปกรณ์ในปัจจุบัน  ไม่ต่าง ตอนนี้ ถ้าพอใจแค่เล่นเว็บพันทิป เราไม่จำเป็นต้องใช้ IE 7 บนเครื่อง Dual core, RAM 2 GB, HDD 500 GB และใช้ net high speed 2 Mbps เลย  ใช้ IE 5 บนเครื่อง Pentium 2.4 GHz RAM 256 MB กับ net 256 kbps ก็เข้าได้สบายๆ  แต่ถ้าเลยเถิดจากพันทิป .. หรือเปิด IE 5 พร้อมกับ M$ word และ  ฟังเพลงไปด้วย ... จะเริ่มแสดงจุดอ่อนของมัน  JPG กับ raw เหมือนกัน  ในสถานการณ์ที่ไม่มีความต้องการมากมาย (แสงพอ, WB ถูกต้อง, ปรินท์ภาพ 4" x 6" ) .. ถ่าย jpg หรือ raw ก็แยกไม่ออก  แต่ถ้่าต้องการปรับ shadow หรือ ลด noise หรือ ขยาย 20" x 30"ฯลฯ .. jpg ร้องโอ้ย ได้ยาวเลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 21 ม.ค. 52 18:16:45 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เหตุผลที่มองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างภาพแปลงจาก raw กับภาพ jpg จากกล้อง มันเป็นเพราะจอ 8 bit อย่างที่พูดมา ตอนนี้ยังทำไรไม่ได้  นอกจากจอแค่ 8 bits อย่างที่บอก  ขีดจำกัดของจอ ที่ร้่ายกาจมหาศาลคือ มันแสดงผลได้แค่ 1.0 - 1.5 ล้าน pixels เท่านั้น  กล้อง 8 ล้าน pixels ..  ให้ภาพเป็น raw แปลงมาเป็น TIFF 8 ล้าน pixel /48 bits สี หรือ jpg 4 ล้าน pixel/24 bits สี ... ผ่านโปรแกรมแสดงผล ส่งขึ้นจอ ก็ถูกลดขนาดเหลือเท่าที่จอจะแสดงได้  จอ 1600 x 1200 dpi .. มัน 1.92 ล้าน pixel เท่านั้น  ที่เหลือทิ้งหมด  แต่ ... ตอนนี้ จอ 22" ที่แสดง 1600 x 1200 ราคาเท่าไหร่หว่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 21 ม.ค. 52 18:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ผมใช้ LCD TV ของ LG 22 นิ้ว 1680x1050 ซื้อมาตอนโปรโมชั่นโล๊ะสต็อก 8,500 ครับ ราคาขายจริงๆ สักเก้าพันเศษๆ ใช้แทนมอนิเตอร์ไปเลย เอาไว้ดูหนัง ดูทีวีด้วย แต่ถ้าใช้แต่งรูป พึ่งพาไม่ค่อยได้ เพี้ยนเอาการ แต่ก็น้อยกว่า LCD 15 นิ้วตัวเดิมที่เคยใช้ อันนั้นเพี้ยนสุดๆ จากคุณ : อะธีลาส - [ 21 ม.ค. 52 19:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 21 ม.ค. 52 22:35:31 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ผมว่าง่ายๆถ้าปรับไม่เป็น อยากเอาสบายก็ถ่าย jpg เถอะ ยิ่งคนที่ดูไม่ออกว่าต่างกัน ยิ่งน่าถ่ายเป็น jpg เพราะเค้าคงไม่ได้ถ่ายอะไรที่มันต้องใช้ raw แต่ถ้ารักจะเรียนรู้หรือพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆก็ถ่าย raw ด้วยเหตุผลตามหลายๆคคหข้างบนบอกไว้ดีอยู่แล้ว อยากเทียบคนที่ซื้อข้าวกล่องที่ 7-11 กับซื้อข้าวมาหุงเอง ถ้าคนที่กินข้าวพออิ่มๆไปมื้อนึงก็ซื้อ 7-11 ดีกว่า ถ้าคนที่อยากได้ข้าว สุก,แข็ง,แฉะ,นิ่ม ต่างกันไป มีความสุขกับการหุงข้าว ก็ซื้อมาหุงเองดีกว่า จากคุณ : Nukie - [ 21 ม.ค. 52 23:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ปกติผมถ่ายแต่ portrait แนวทางการถ่ายของผม ไม่จำเป็นต้องใช้ RAW correction ,process และ retouch หนัก/เบา ด้วย JPEG ล้วนๆ ครับ ส่วนความแตกต่าง ตามน้าแมวได้เลย convert RAW เป็น jpeg ด้วยโปรแกรม คุณภาพดีกว่า JPEG จากกล้อง แน่นอน ผมก็อยากจะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ ขี้เกียจจัดการเรื่องความจุเมมกล้อง และเวลา convert ครับ RAW ส่วนตัวผมว่าเหมาะกับ Landscape เพราะว่าหาเล่นกับ แสง สี คอนทราส ได้รุนแรงมากมายกว่า ใช้ jpeg เก็บรายละเอียด หรือเอามาแต่งต่อ คุณภาพคนละเรื่องเลย มันพูดยากเหมือนกัน บางทีคุณอาจไม่จำเป็นต้องถ่าย RAW ก็ได้ ถ้าภาพมันไม่มีแสงสี  อะไรมากมายนัก ความแตกต่าก RAW กับ JPEG ในรายละเอียด อาจไม่มีนัยสำคัญนัก จากคุณ : WATERBOY R - [ 22 ม.ค. 52 04:25:21 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ผมชอบไฟล์ RAW เพราะมีขอบเขตสีที่กว้างกว่า และไม่โดนบีบเหลือแค่ 8 bits เพราะผมไม่อยากเก็บสีที่ขอบเขตกว้างขึ้น (adobeRGB) แต่โดนบีบเหลือแค่ 8 bits ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นความต่าง แต่เชื่อว่า output ในอนาคตน่าจะเห็นความต่างได้ ดังนั้นผมอยากเก็บความทรงที่มีค่า เอาไว้ในรูปแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนรูปไหนถ่ายเล่น ๆ หรือทำงานใช้แค่เดี๋ยวนั้น ไม่ได้เอามาดูอีกก็เก็บเป็น jpg ส่วนลูกเล่นการปรับแต่งภาพด้วย RAW นั้นสำหรับผมสนุกกว่าเอา JPG มาปรับเยอะ เพราะ JPG ปรับให้ได้ภาพแบบที่ต้องการยาก และเสียเวลากว่า เนื่องจากรายละเอียดบางส่วนของภาพ JPG มันหายไปแล้ว (ข้างล่างก้อปของเก่ามา reuse ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ ) กล้องจะเก็บสีได้ 12 bits/channel ต่อเมื่อถ่ายไฟล์ RAW ซึ่งไฟล์ RAW มีขอบเขตสีที่กว้างกว่า sRGB หากเก็บแค่ 8 บิต ระยะเหลื่อมของสีจะมากขึ้น เพราะความละเอียดเฉดสีเท่าเดิม แต่มีพื้นที่ของขอบเขตสีกว้างขึ้น (นึกถึงทีวีที่จอใหญ่ขึ้นแต่ความละเอียดเท่าเดิมเปรียบเทียบ) หรือพูดง่าย ๆ คือ sRGB และ adobeRGB ที่ 8 บิตเท่ากัน sRGB จะมีสีที่แน่นและอิ่มตัวกว่า และ adobeRGB จะมีขอบเขตสีที่กว้างกว่า แต่ความอิ่มตัวน้อยกว่า sRGB เพราะขอบเขตมันกว้างขึ้น แต่ยังมีแค่ 8 บิตเท่าเดิม หากไม่เห็นภาพลองนึกเชิงเปรียบเทียบว่า sRGB 8 bits คือภาพขนาด 4x6 นิ้ว ความละเอียด 1200x800 พิกเซล (สมมติเทียบความละเอียดแทนบิตสี) adobeRGB 8 bits คือภาพขนาด 6x8 นิ้ว ความละเอียด 1200x800 พิกเซล (ใหญ่ขึ้นแต่ความละเอียดเท่าเดิม) RAW 12 bits คือภาพขนาด 6x8 นิ้ว ความละเอียด 1800x1200 พิกเซล (ใหญ่ขึ้นและความละเอียดสูง) จากคุณ : noraneko - [ 22 ม.ค. 52 04:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ร้านอัดรูปหน้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเริ่มขึ้นป้ายบริการอัดรูป 640 DPI 12 Bits มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนะครับ นี่ยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น ก็เกินกว่าขีดจำกัดของ jpg แล้ว  โบราณแล้วลุง http://www.epson.com.au/prographics/news/pressrelease/press_releases_details.asp?ID=699&Year=2008 ซาหรุปสั้นๆคือ 16-bit Printer Drivers ของ Epson: - New 16-bit driver technology for maximum image quality - Compatible with Apple Macintosh OS X operating systems - Takes full advantage of Apple's OS X architecture and printing window - Compatible with virtually any application software for an end-to-end 16-bit workflow - The ultimate driver solution for use with Adobe Photoshop and Lightroom  เรียกว่า ของเขานุ่มกว่า เนียนขาว สดกว่า ขาวกว่า .. ว่างั้นเหอะ  (เรื่องของ printer .. อย่าคิดยาวไกล )  เสียดาย ตอนนี้แต่ใช้ได้กับ Mac เท่านั้น  แต่คงไม่นาน .. ได้ลงมาที่ windows แน่ๆ  คนที่ถ่าย jpg ไว้ .. ไม่รู้จะเอางัย download ได้ที่นี่ http://www.epson.com/cgi-bin/Store/jsp/ProImaging/EpsonInnovations.do?invMoreInfo=EpsonInv16BitPrinterDrivers จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 22 ม.ค. 52 06:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ไม่รู้เข้าใจถูกรึเปล่านะ อย่าว่ากัน สำหรับใครไม่รู้ว่า 8-bit กับ 12-bit ต่างกันอย่างไร? 8-bit = 2^8 หรือ 256 เฉดสี ใน 1 Channel 12-bit = 2^12 หรือ 4096 เฉดสี ใน 1 Channel ต่างกันมหาศาล ยิ่งถ้าเจอภาพที่มีแสงสียากๆ ยิ่งน่าจะเห็นชัด จากคุณ : ตัวตุ้ย - [ 22 ม.ค. 52 10:12:55 ]

ความคิดเห็นที่ 116 กระทู้ดี ๆ แบบนี้ต้องโหวต ตั้งแต่ผมใช้ DSLR ผมกดมาเกือบหมื่นรูปถ่าย RAW ไปไม่ถึงสามพัน ที่เหลือกด JPEG หมดเนื่องด้วยเหตุผลผมถ่ายพวก Event บ่อย เมมก็มีน้อย เลยเน้นจำนวนไว้ก่อน (แต่ถ้าแสงมันพลาดนี่ตัวใครตัวมันแน่นอนสำหรับ JPEG เพราะปรับลดหรือเพิ่มได้แค่ไม่กี่สตอป) แต่ถ้าไปถ่ายคนนี่ผมกด RAW ตลอดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะบางทีถ้าเกิดพลาดขึ้นมา (LCD ของกล้องนี่ตัวดีเลย เชื่อมากไม่ได้) มันยังเอามากู้หรือปรับแต่งเพิ่มได้ เห็นแบบนี้ผมต้องไปซื้อเมมเพิ่มแล้วถ่าย RAW อย่างเดียวน่าจะดีกว่ากันเยอะ เหตุผลก็ตามที่หลาย ๆ ท่านบอก เอามาโปรเซสในคอมดีกว่าให้กล้องโปรเซสในระยะเวลาสั้น ๆ เยอะ จากคุณ : Steyr Commando - [ 22 ม.ค. 52 11:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ถ่ายเล่นๆ ถ่ายเป็นงานอดิเรก = JPG ถ่ายจริงจัง ถ่ายเป็นอาชีพ = RAW ผมถ่าย JPG ตลอด เพราะว่า ถ่ายเล่นๆ ถ่ายเป็นงานอดิเรก จากคุณ : iba500 - [ 22 ม.ค. 52 13:20:42 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ภาพบางภาพพอผ่านไปนานๆ ความเก่าๆของมันกลับทำให้รู้สึกดีๆยังไม่รู้ค่ะ อาจไม่ค่อยเกี่ยวกับกระทู้นี้หรอก...วันก่อนที่บ้านเอารูปเก่าๆ ที่ถ่ายกันออกมาดู หลายๆ ภาพถ่ายตั้งแต่ก่อนหนูเกิด บางภาพก็ถ่ายตอนหนูยังเป็นทารก โดนอุ้มอาบน้ำในกาละมัง แน่นอนว่าเป็นภาพที่อัดจากฟิล์ม ถ่ายด้วยกล้องฟิล์มตัวละสองพันกว่าบาทที่มีขายตามร้านทั่วไป คุณพ่อบอกว่าโกดักเอ๊กตาน่าหรือไงไม่แน่ใจ ที่มีพี่บี๋ธีระพงษ์ เหลียวรักวงศ์เป็นแบบโฆษณา กระดาษอัดภาพ เครื่องอัดภาพและเทคโนโลยี่เมื่อหลายสิบปีก่อน(ตั้งแต่หนูยังไม่เกิดเลยอ่ะ) ภาพมันจะออกแดงๆ สีจะจืดและซีดลงตามกาลเวลา... ไม่รู้สิค่ะ ตอนที่นั่งดูภาพไม่ได้สนใจเรื่องคุณภาพหรือสีเพี้ยนของมันเลย...แต่กลับมีความสุขมากกว่าหลายๆภาพที่เพิ่งถ่ายเมื่อไม่กี่วันตอนไปเที่ยวกะเพื่อนซะอีก... ลองเอามาสแกนแล้วแต่งภาพดู เพราะฟิล์มหายไปหมดแล้ว แต่แก้เฉพาะมือ สว่างนิดหน่อย ไม่ได้แก้สีแดง...รู้สึกมันคลาสิกดี ชอบที่มันเพี้ยนๆ นี่แหละ ให้ความสุขได้มากกว่า เลยขยายใส่กรอบมาให้หัวเตียงรูปนึง... ส่วนเรื่อง raw หรือ jpg ก็ว่ากันไปตามที่แต่ละคนว่ามาอ่ะค่ะ คิดว่าคงไม่มีข้อสรุปชัดเจนหรอก เพราะแต่ละคนคิดต่างกัน ถนัดต่างกัน การนำภาพไปใช้ก็ต่างกันด้วย... จากคุณ : popup - [ 22 ม.ค. 52 14:06:29 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ผมถ่ายแต่ RAW + JPG เอา JPG ไว้อ้างอิงจัดชื่อ จัด folder รูปภาพ แล้วเก็บใส่คอมเสร็จก็กดลบทิ้งครับ มาแอบเก็บความรู้ จากคุณ : makmmm - [ 22 ม.ค. 52 15:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ถ่ายแต่ raw+ fine jpg จากคุณ : *BoM* - [ 22 ม.ค. 52 17:28:15 ]

ความคิดเห็นที่ 121 Conclusions = RAW จากคุณ : dragonTFR (autoPING) - [ 22 ม.ค. 52 19:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 งี้กล้องคอมแพคก็ไม่มีวันถ่ายได้ภาพดีๆ เลยนะสิ เพราะถ่ายออกมาเป็น JPG อย่างเดียว แถมตัว convert ในกล้องก็ไม่ดีอีก ต้องซื้อ DSLR เท่านั้นสิเนี่ย ผมเข้าใจถูกมั้ย จากคุณ : DojoMAG - [ 23 ม.ค. 52 14:45:04 ]

ความคิดเห็นที่ 123 #122 ไม่ถูกครับ กล้องคอมแพคถ่ายภาพดี ๆ ได้ แต่คุณภาพไฟล์ย่อมด้อยกว่า DSLR อยู่แล้ว ถ้าถ่ายด้วยปัจจัยอื่นเดียวกันหมด และ jpg ไม่ใช่ไม่ดี แต่ RAW มันดีกว่าแค่นั้นเอง ก็เหมือนมีทีวี 32 นิ้ว HD ready กับทีวี Ultra HD 100 นิ้ว จะบอกว่าทีวี 32 นิ้วไม่ดีใช่มั๊ย ก็ไม่ถูก แค่ทีวี 100 นิ้วมันดีกว่าแค่นั้นเอง จากคุณ : noraneko - [ 23 ม.ค. 52 15:52:13 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ขี้เกียจรออ่ะ จากคุณ : alfajet - [ 23 ม.ค. 52 16:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ถ้าต้องอัดขนาดใหญ่ๆ ซัก 16*20 หรือ 20*24 หรือ 30*40 ถ่ายjpeg ไม่ไ้ด้เเน่  ต้องถ่าย raw เเล้ว convert เป็น tiff 16 bit เเล้ว...... เเต่ถ้าถ่ายเเล้วดูในคอม ไม่คิด อัด หรือพิมพ์งานคุณภาพสูงๆ เเล้วก็  jpeg ก็ไม่น่าซีเรียส ปล.เวลาถ่าย jpeg หรือ raw ไม่อยากให้คิดว่าถ่ายเเล้วจะเอามาเเก้ได้ง่าย หรือยาก อยากให้ถ่ายให้เต็มที่ หรือจะเเก้ ก็เเค่ลบฝุ่น ปรับสี่เเละ........... ผมเห็นบางคนเเก้ซะ เป็นภาพวาด ไปเลย ดูเเล้วไม่เหมือนภาพถ่าย จากคุณ : oleowen - [ 23 ม.ค. 52 20:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 126 ออ ยังงี้นี่เอง ที่แท้ JPG ก็ดีเหมือนกัน เห็น คห บนๆ ยำ JPG ซะเละ ไอ้นั่นก็ไม่ได้ไอ้นี่ก็ไม่ดี จากคุณ : DojoMAG - [ 23 ม.ค. 52 21:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 127 จากคคห น้าแมวอันนึงนะคับ CPU กล้อง (ที่ด้อยกว่า) แปลง raw -> jpg เสร็จในเวลาแค่ 0.2-0.5 วินาีที ในขณะที่ Core 2 + RAM 2 GB แปลง raw -> jpg ต้องใช้เวลาถึง 10-15 วินาที ใช้เวลามากกว่าเป็นสิบๆเท่า ผมว่าคงคล้ายๆกรณีเครื่องเกมกับเครื่องคอมอ่ะคับ CPU เฉพาะทางทำหน้าที่เฉพาะอย่าง กับ CPU จับฉ่ายมันเทียบกันไม่ได้หนิคับ แค่คำสั่งที่รันก็น่าจะคนละคำสั่งกันแล้ว จากคุณ : Dynar-X 64 - [ 23 ม.ค. 52 22:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 128 คำสั่งที่รันคนละคำสั่ง อันนี้ใช่  แต่กฏเกณฑ์บางอย่างมันไม่ใช่ครับ  โดยเฉพาะกฏเรื่องการประหยัดพลังงาน  JPG จากกล้อง vs JPG จาก raw ... ในสภาวะแสงปกติ จะแยก(แทบ)ไม่ออก  แต่ถ้าแสงพิสดารขึ้นมาหน่อย  ต่อให้ประณีตแค่ไหน JPG จากกล้อง เพี้ยนอุตลุดบันเทิง  มันเป็นเรื่องของ "สถิติ" ครับ  กระบวนการสร้างภาพ JPG จะอ่านข้อมูลมาเป็น block  แล้วดูว่า  1.ข้อมูลมีความซ้ำกันไหม  ถ้าซ้ำ ก็ใช้รหัสเล็กๆขนาด 1-2 ตัวอักษร แทนข้อมูลทั้ง block  2.ถ้าไม่ซ้ำ ก็ไปเปิดดูตาราง ว่า ตรงกับข้อมูลไหนในตาราง  ถ้าตรง ก็ใช้ข้อมูลในตาราง ซึ่งเป็นรหัสเล็กๆขนาด 1-2 ตัวอักษร  แทนบล็อคทั้งบล็อค  3.ถ้าไม่ตรง ก็ดูว่า ตรงกับบล็อคอื่นๆไหม  ถ้าตรง ก็สร้างรหัสเล็กๆขนาด 1-2 ตัวอักษร ขึ้นมาตอนนั้น เป็นรหัสเฉพาะกิจ เพื่อแทนบล็อคทั้งบล็อค    4. (ตรงนี้แหละที่สำคัญมาก) ถ้าไม่ตรง ก็ดูว่า บล็อคนั้น มีข้อมูลเล็กๆน้อยๆไม่สำคัญอยู่หรือไม่  ข้อมูลที่ไม่สำคัญนี้ ถ้าตัดออก จะทำให้ส่วนของภาพ บล็อคนั้น อยู่ในกฏเกณฑ์ 1-3 หรือไม่  ถ้าตัดออกแล้วอยู่ในกฏเกณฑ์ 1-3 .. ก็ตัดทิ้งไปเลย (เขาถึงเรียก lossy .. ข้อมูลสูญหาย)  ถ้าตัดไม่ได้ ก็เก็บมันทั้งบล็อค หรือ  5. เข้ากระบวนการอื่น ที่เป็นเคล็ดลับของแต่ละเจ้า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ม.ค. 52 07:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ตรง 2 & 3 (รวมถึง 4) ... นั่น  เป็นจุดวัด "ฝีมือ" ของ บ.กล้องแต่ละยี่ห้ออีกเช่นกัน  ถึงได้มี engine ใหม่ๆออกมาเรื่อย  เพราะมันเป็นส่วนที่ทำให้ "เร็ว" และประหยัดพลังงาน (จนต้องเอามาชูธง เป็นจุดโฆษณา )  และเป็นส่วนที่ทำให้ jpg จากกล้อง "แย่กว่า" jpg จาก raw  ถ้าแตกข้อมูลภาพทั้งภาพเป็นบล็อคเล็กๆ  จะให้บล็อค มีขนาดเท่าไหร่?  ถ้าบล็อคขนาดใหญ่ ... มันก็มีไม่กี่บล็อค  ตัว engine ก็จัดการได้เร็ว  แถมรหัส 1-2 ตัวอักษร ก็แทนข้อมูลจำนวนมาก  ไม่เหมือนบล็อคเล็กๆ ที่รหัส 1-2 ตัวอักษร ก็แทนข้อมูลจำนวนนิดเดียว  แต่  ถ้ามีการทิ้งข้อมูล (ตาม 4)  ข้อมูลก็หายเพียบเหมือนกัน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ม.ค. 52 07:45:36 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ข้อ (2) คือ ข้อที่เป็นปัญหาหลักของกระทู้นี้  "ถ้าไม่ซ้ำ ก็ไปเปิดดูตาราง ว่า ตรงกับข้อมูลไหนในตาราง"  "ถ้าตรง ก็ใช้ข้อมูลในตาราง ซึ่งเป็นรหัสเล็กๆขนาด 1-2 ตัวอักษร   แทนบล็อคทั้งบล็อค"  ตารางเทียบรหัสข้อมูลนั้น ... เอามาจากไหน?  บ.จะมีตารางเทียบข้อมูล ใส่ไว้ใน engine ของกล้อง  ตารางเทียบข้อมูลนี่ ก็เป็นหมัดเด็ดของแต่ละบริษัทอีกเหมือนกัน  เพราะเป็นข้อมูลที่รวบรวมจากภาพถ่ายต่างๆ  แล้วมาวิเคราะห์หาว่า ..  บล็อครูปแบบไหน? ขนาดเท่าไหร่? ที่จะเจอบ่อย  ผลการวิเคราะห์ของแต่ละ บ.แน่นอนหละว่า มันออกมาไม่เหมือนกัน  และแน่นอนว่า ไม่สามารถเอารูปแบบบล็อค ที่เจอทั้งหมด ยัดใส่เข้าไป ในกล้องได้  เขาจะเอาแต่ "รูปแบบบล็อคที่พบบ่อยๆ" เท่านั้น ใส่เข้าไป  (ก็สมเหตุสมผล)  ไอ้"รูปแบบบล็อคที่พบบ่อยๆ"นี่แหละคือตัวปัญหาของคนที่ใช้เลนส์ L, เลนส์ ED, เลนส์ G ทำมาหากิน  (หรือคนที่ต้องการคุณภาพสุดๆ จากภาพที่ถ่าย)  เพราะมันไม่ใช่รูปแบบที่คนพวกนั้นใช้  แต่เป็นรูปแบบของคนกว่า 90% .. ตากล้องที่ถ่ายไปเรื่อยเปื่อย (weekend photographer และพวก point&shoot)  เป็นรูปแบบที่ ... แสงออกมาสมดุลย์ สม่ำเสมอทั้งภาพ (histogram กระจายตัวเนียนๆ)  แล้วถ้าถ่ายหลุดกรอบหละ แถมยังเป็นรูปแบบที่เจอบ่อยๆ  อย่างเช่นถ่ายย้อนแสง ...    คำถามตรงนี้คือ : ต้องการภาพย้อนแสง ที่หน้าคนเห็นชัด หรือ ภาพย้อนแสงไฮคอนทราสต์?  จะเก็บรูปแบบภาพ แบบไหนไว้ในตารางเปรียบเทียบ?  ถ้าเก็บทั้งสองแบบ .. เวลาเจอภาพย้อนแสง จะเอารูปแบบไหนมาใช้?  นั่นคือ ปัญหาของ jpg จากกล้อง  กล้องเล็กๆ .. เอาแบบหน้าสว่างๆ ไว้ก่อน ฉากหลังจะหายไปกับความจ้า ก็มิเป็นไร  แต่ถ้าเป็น dSLR จะเอาฉากหลังไว้ก่อน เพื่อให้ตากล้องมาแก้เอาภายหลัง  คำถามตรงนี้คือ  ถ้าต้องแก้ไขภาพ จะแก้ภาพ jpg หรือ raw จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ม.ค. 52 08:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 131 (2) และ (3) ใหม่อีกรอบ รูปแบบบล็อค ที่เก็บไว้ในกล้อง มันเป็นรูปแบบที่วิเคราะห์มาว่า เจอบ่อยสุด แล้วเก็บเท่าที่เก็บได้ ขนาดคงที่ engine กล้องไม่เสียเวลา เอาข้อมูลไปเปิดตารางเทียบ ก็ได้รหัสแทนขนาดเล็กๆมา มันถึงเร็วจี๋ และไม่กินพลังงาน แต่ถ้าเป็นกระบวนการแปลง raw โปรแกรมจะอ่านข้อมูลภาพทั้งภาพ เพื่อวิเคราะห์หาขนาดบล็อค, รูปแบบบล็อค, ข้อมูลสำคัญ, ข้อมูลไม่สำคัญ โปรแกรม raw หลายๆตัว .. สร้างบล็อครูปแบบ หลายๆขนาดด้วยซ้ำ ไม่ได้รูปแบบเดียว ตายตัวเหมือนที่ใส่ไว้ในกล้อง ถ้าภาพนั้นแสงสม่ำเสมอ ไม่มีอะไรเพี้ยนมาก รูปแบบบล็อคที่สร้างขึ้นมา จากภาพทั้งภาพ ไม่มีอะไรแตกต่าง จากรูปแบบบล็อค ที่ บ.กล้อง ทุ่มเทเงินวิจัยได้มา แต่ มีรูปแบบสองรูปแบบ ที่ก่อปัญหามากๆ .. วัดฝีมือทั้ง บ.กล้อง และตากล้องเลยหละ เพราะขนาดแสงสม่ำเสมอ ไม่มีจ้าไป ไม่มีมืดไป รูปแบบที่วิเคราะห์ออกมา ยังเพี้ยนเละเทะง่ายๆ สีผิวคน และสีท้องฟ้าครับ สีผิวคนเนี่ย .. ห่างกันแค่คืบเดียว รูปแบบของข้อมูลภาพ ยังคนละรูปแบบเลย (ต้องยอมรับว่า canon ลงทุนเรื่องการวิเคราะห์รูปแบบของสีผิวคนได้สุดๆไปเลย JPG ที่ได้ ไล่สีผิวเนียนดีจริงๆ) ถ้าถ่ายเป็น  jpg .. ภาพออกมายังงัย ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ บ.คิดแทนเรา   สิ่งที่ บ.วิเคราะห์ให้เสร็จสรรพ ว่า อย่างนี้ๆดี อย่างนั้นๆ เหมาะสำหรับเรา หน้าที่เราคือ วัดแสงให้เป๊ะ จัดองค์ประกอบภาพให้เนี้ยบ ให้สวย (ตรงนี้ คำว่า "เรา" = คนอื่น  ไม่ใช่ผม ) วันหน้า .. บ.วิเคราะห์ว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น ตรงนี้ควรเปลี่ยน ตรงนั้นปรับปรุงได้ ฯลฯ เรา (รวมทั้งผม ) ที่ถ่ายเป็น jpg ออกมา ก็ต้องยอมรับว่า .. ไอ้ที่เขาปรับปรุงให้ดีขึ้น เราได้แต่มองตาละห้อย .. แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว แต่ถ้าถ่าย raw .. อิอิอิอิ ยังมีให้เล่นได้อีกหลายยก (จนกว่า บ.จะเจ๊ง) ------------------------------ ซินเจียยู่อี่ ... ขอให้ถ่ายรูปได้สมใจปราถนาทุกๆท่านครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ม.ค. 52 08:29:04 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ชอบกระทู้นี้ครับ สาระทั้งนั้น จากคุณ : N'Pui - [ 24 ม.ค. 52 08:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ขอเห็นต่างจากน้าแมวเหมียวตรงนี้สักนิดนะครับ "ถ้าถ่ายเป็น  jpg .. ภาพออกมายังงัย ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ บ.คิดแทนเรา   สิ่งที่ บ.วิเคราะห์ให้เสร็จสรรพ ว่า อย่างนี้ๆดี อย่างนั้นๆ เหมาะสำหรับเรา หน้าที่เราคือ วัดแสงให้เป๊ะ จัดองค์ประกอบภาพให้เนี้ยบ ให้สวย (ตรงนี้ คำว่า "เรา" = คนอื่น  ไม่ใช่ผม ) วันหน้า .. บ.วิเคราะห์ว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น ตรงนี้ควรเปลี่ยน ตรงนั้นปรับปรุงได้ ฯลฯ เรา (รวมทั้งผม ) ที่ถ่ายเป็น jpg ออกมา ก็ต้องยอมรับว่า .. ไอ้ที่เขาปรับปรุงให้ดีขึ้น เราได้แต่มองตาละห้อย .. แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว" กล้องยุคหลังๆสักปีสองปีมานี้ การจัดการกับ jpeg file นั้นมีอะไรมาให้เลือกมากกว่าที่เราคิดนะครับ ไม่ว่าจะเป็น หนอน , นิกร หรือ โซหนี้ (ส่วนป้นกับโอลี่ไม่เคยลอง) ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทกล้องคิดให้  การผสมสีให้ออกมาเป็นรูปแบบต่างมีให้เลือกมากขึ้น หลากหลายขึ้น ทั้งที่บริษัทกล้องคิดให้หรือหรือตัวคนถ่ายจะเลือกปรับค่า parameter ต่างๆในตัวกล้อง เลือกแก้กันตามสถานะการณ์ก็ได้ โดยเรียกชื่อต่างๆกันไปเช่น picture style ใน Canon หรือ Creative Style ใน Sony เป็นต้น นอกจากนี้แล้วเท่าที่ทราบสำหรับกล้อง Nikon ในหลายๆรุ่น เราสามารถดึงภาพที่ผิดพลาดนั้นมาแก้ไขได้ในตัวกล้องเลยก็ได้ ส่วนตัวผมเองก็เคยประสพปัญหาเรื่องความเพี้ยนของ skin tone ที่ได้จากการ set ค่าของกล้อง แต่ก็สามารถทำให้ถูกใจตัวเองได้ด้วยการปรับตั้งค่าใหม่เองจากกล้องด้วยเช่นกันครับ อย่างรูปนี้ผมปรับตั้ง WB เป็น Kelvin (เท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว ต้องไปดูต้นฉบับที่บ้านนะครับ )  ใช้โหมดสี Standard และ set parameter ในตัวกล้อง เป็น 0,+2,+2,+2,0 ก็สามารถสร้าง skin tone ที่ตัวเองพอใจแตกต่างไปจากค่าเดิมที่ บ.กล้องคิดให้มา ในตลาดปัจจุบัน ผมมองว่าบริษัทกล้องต่างๆ ต่างปรับปรุง, เพิ่มเติม โหมดต่างๆ ในการจัดการกับ jpeg file ให้มากขึ้น หลากหลายขึ้น รวมทั้งในส่วนที่ช่างภาพสามารถปรับแก้ได้เองจากกล้องด้วย เพียงแต่สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องทำ ต้องตั้งกันก่อนที่เราจะกดชัตเตอร์ ซึ่งต่างจาก Raw ที่เราต้องเอามาทำบน Com สถานเดียวนะครับ จากคุณ : arnold_A1 - [ 24 ม.ค. 52 12:48:51 ]

ความคิดเห็นที่ 134 อันนี้แถมให้ ไปเอามาจากโบรชัวร์ของ Sony ครับ ************************ Creative Style เพื่อการสรรค์สร้างภาพตามความชอบและมุมมองส่วนตัวของคุณ Creative Style ของ A900 ออกแบบเพื่อให้ง่ายสำหรับคุณในการสร้างภาพให้ได้ตามรสนิยมและจุดมุ่งหมายของคุณ โดยมีรูปแบบภาพในการบันทึกให้เลือกใช้ 13 แบบ และทุกแบบสามารถปรับแต่งเพื่อให้ได้สภาพของแสงหรือสีสันได้ตามความต้องการได้อีกด้วย เช่น ปรับคอนทราสต์, ปรับความอิ่มตัวของสี, ปรับความคมชัด, ปรับความสว่าง, และปรับแต่งการแบ่งโซนเพื่อให้ได้โทนสีในภาพตามที่ต้องการ (การปรับแต่งความอิ่มตัวของสีไม่สามารถทำได้เมื่อเลือกใช้โปรแกรมบันทึกภาพแบบ Sepia และ B/W) Creative Style Image Matrix ตามค่าพารามิเตอร์ที่แสดงบนไดอะแกรมนี้ การปรับตั้งแต่ละ Creative Style จะให้ผลที่แตกต่างกันในเรื่องการถ่ายทอดสี สมดุลแสงสีขาว ความคมชัดและโทนสี ให้การปรับตั้งควบคุมที่ละเอียดเพื่อผลบนภาพที่ได้ (การปรับเลือก Creative Style ที่แตกต่างกันจะให้ผลบนภาพที่ไม่เหมือนกันแม้ว่าจะตั้ง ความสว่าง คอนทราสต์ และความอิ่มตัวของสีเหมือนกันก็ตาม) A. Brightness (Higher) B. Brightness (Lower) C. Contrast (Higher) D. Contrast (Lower) E. Saturation (Higher) F. Saturation (Lower) (1) Standard (2) Vivid (3) Neutral (4) Clear (5) Deep (6) Light (7) Portrait (8) Landscape (9) Sunset (10) Night view (11) Autumn leaves แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 52 12:55:50 จากคุณ : arnold_A1 - [ 24 ม.ค. 52 12:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 135 น้า arnold อย่าส่งภาพมาทำให้ผมสับสนดิ  รู้ก็รู้ว่าผมแพ้ skin สีขาวๆ ยังเอาภาพทำให้ผมว่อกแว่ก คิดอะไรไม่ออก  เข้าดู คห.เพื่อหาจุดแย้ง .. พบเต็มไปหมด แต่ไม่รู้จะแย้งอย่างไร  ขอชี้ให้เห็นๆว่า คห. 133 มีจุดอ่อน ตรงสีแดงบริเวณกลางภาพ  ผมกล้าฟันธงว่า ถ้าทำจาก raw .. สีแดงตรงกลางภาพ จะไม่ราบเรียบตลอด แต่จะเห็นแนวสีแดงเป็นวงกลมชัดเจน และร่องสีขาว ระหว่างกลางสามเหลี่ยมสีแดง .. สีจะเนียนกว่านี้เยอะ  คนอ่านท่านอื่นๆ เห็นด้วยกะผมไหม  สำหรับผม .. no comment ต่อ .. ขอไปเช็ดเลือดก่อน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 24 ม.ค. 52 22:35:30 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ^ ^ ^ สำลีห่อหนึ่งพอเช็ดเลือดไหมครับ ว่าแต่ วิเคราะห์เจาะลึกขนาดนี้  เห็นทีต้องยอมแพ้ละครับ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 52 23:20:06 จากคุณ : arnold_A1 - [ 24 ม.ค. 52 23:18:30 ]

ความคิดเห็นที่ 137 อ่ะโห น้าแมวฯ no comment ด้วยคน 555+ จากคุณ : ทายาทจูล่ง - [ 25 ม.ค. 52 00:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ตั้งแต่ผมถ่าย DSLR มา น่าจะถ่ายไปสัก 50000 รูปแล้วเคยถ่าย raw แค่ 100 กว่ารูปเองครับ ถ่าย raw ผมยอมรับว่าดีกว่า แต่มันเสียเวลามากๆ เลยครับ ถ่ายงานหนึ่งๆผมถ่ายไม่ต่ำกว่าพัน ถ้าถ่าย raw mem 8G 2 อันยังไม่พอเลยครับ จากคุณ : t_bhakawat007 - [ 25 ม.ค. 52 05:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ส่วนใหญ่พูดถึงข้อดีของ RAW ขอพูดข้อดีของ JPG บ้าง นะเวลาปัจจุบันนะครับ ข้อแรก JPG เป็นของปวงชนทั้งมวลครับ บริษัทกล้องทั้งหลาย เข้าใจครับ ว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ ยังสื่อสารด้วย JPG ถ่ายแล้วเอาไปปรินส์ร้านได้เลย ลงเวปได้เลย แจกเพื่อนได้เลย คอมตัวไหนก็อ่านได้ เค้าถึงพยายามพัฒนา JPG จากกล้องให้ดีขึ้นเรื่อยๆไงครับ เพราะว่าผู้บริโภคหลัก (พี่ๆน้องๆลุงๆป้าๆ) ยังใช้กันอยู่ ขืนคุณเอา RAW ไปส่งร้านซิครับ มีหวังโดนด่าเช็ด ต้องระลึกเสมอว่า RAW เป็นเหมือน ฟิล์มที่ยังไม่ได้อัดออกมาเป็นรูป นะครับ ถ้าคุณถ่าย RAW คุณต้องเอามาแปลงเป็นอะไรซักอย่างอยู่ดี ขัอสอง RAW ของแต่ละยี่ห้อ คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องครับ ถ้าคุณไม่เคยถ่าย RAW อย่านึกว่ามันจะเหมือนๆกันนะครับ โน่น RAW นิคอน กับ RAW แคนอน คนละนามสกุลครับ คอมคุณอาจจะมีตัวอ่าน Raw นิคอนได้ แต่อ่านของ แคนอน ไม่ได้ คอมป้าคุณอาจอ่าน RAW ไม่ได้เลย ส่งไปโดนป้าด่าอีก ต้องเก่งๆคอมหน่อย ถึงจะทำให้มันคุยกันได้ ถ้าคุณเป็นพีๆน้องๆลุงป้าน้าอา ที่กดแช๊ะๆเป็นหลัก มีคอมไว้อ่านเวป ก็คงเหนื่อยกันหน่อย ถ้าจะถ่าย RAW แต่ก็ไม่เหนื่อยเกินเรียนรู้ครับ ข้อสาม ไม่ใช่ปัญหาใหญ่แล้ว ในปัจจุบัน คือ เรื่อง เมมโมรี่ ที่ใช้เก็บ ทั้งในตัวกล้อง ทั้ง ฮาร์ดดีสในคอม แต่เป็นสมัยก่อน ต้องคิดหนักเหมือนกัน เพราะ RAW ไฟล์มันใหญ่กว่า (ตอนเก็บในกล้อง) น้องๆสมัยนี้อาจนึกไม่ออก ว่าสมัย FDD เนี่ย หนึ่งแผ่นมันเก็บได้ 1.44 MB เอง CF ตัวแรกที่ผมซื้อในชีวิต เมื่อสิบปีก่อน 48 MB ราคา เจ็ดพันกว่าบาท ครับ สมัยนั้นคอมมี RAM 256 MB HD 8GB ก็สุดยอดแล้ว แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะชอบ RAW หรือ JPG ถ้าคุณมีเวลา ให้เวลากับภาพทุกภาพของคุณก่อนกด ชัตเตอร์ นะครับ จะดีที่สุด การกดด้วยกล้องดิจิตัล วันละเป็นพันๆรูป มันก็มีทั้งข้อดี และข้อไม่ดี ขึ้นอยู่กับคนถ่าย สมัยก่อนผมไปไหนมาไหนด้วยกล้องฟิล์ม ไม่เคยใช้เกินวันละ สามสี่ ม้วน (ขืนเกินซิครับ จะเอาเงินที่ไหนไปจ่าย ค่าฟิล์มกับค่าล้าง สไลด์ดีๆ กับค่าล้างนี่ ม้วนละหลายร้อยนะครับ ) ทุกวันนี้ ผมถ่ายดิจิตัล ก็ คิดก่อนกดชัตเตอร์ ตลอด ฮ่าๆ ถ่ายรูปมายี่สิบกว่าปี ยังเป็น มือใหม่ตลาดกาลครับ จากคุณ : ไม่รู้จะอยู่ไหนดี - [ 25 ม.ค. 52 10:56:31 A:125.28.225.181 X: TicketID:201771 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ขอบคุณครับ ปล. โหวตและเก็บเข้าคลังกระทู้ครับ จากคุณ : KyBlueSky - [ 25 ม.ค. 52 13:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ก่อนจะตอบขอโยนทิชชู่ให้น้าเหมียวเช็ดเลือดขาวก่อน อิอิ สำหรับผมซัด RAW+JPG(L) เลยครับ แล้วพก SDHC 4 GB หลายตัวหน่อย เหตุผลนะครับ ถ่าย RAW+JPG(L) เพราะว่าบางรูปเวลาเอามาดูผ่านคอม (preprocess) แล้วมันปรับไม่มาก ผมก็เอา jpg จะมาปรับ curve จะย่อ จะusm แค่ประมาณนี้ถ้า jpg รับไหวผมก็ปรับแค่ jpg แล้วลบ RAW คู่แฝดทิ้งไปเลยครับ แต่ถ้าตรงกันข้าม ผมก็จะเอา RAW มา process ตามที่ต้องการ ลบ jpg คู่แฝดทิ้ง ส่วนที่พก sdhc 4 gb เพราะว่าขนาดมันพอดีก่ะ dvd5 1แผ่นอ่ะครับ ปูลู สำหรับท่านที่ต้องการเก็บแต่ RAW มันก็มีโปรแกรมดูภาพหลา่ยๆตัวที่ดูภาพ RAW ได้เลยโดยที่ไม่ต้อง save เป็น jpg นี่นา จากคุณ : หน้าบ่าแดง แฮงบ่ามี - [ 26 ม.ค. 52 15:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 142 จากความคิดเห็นที่ 30 RAW กับ JPEG ไม่ต่างกันเลยครับ ไม่ได้ ใหญ่ขึ้นหรือเล็กลง จากเดิม เลย ฟิ๊ววววววววว จากคุณ : Red Sparrow - [ 26 ม.ค. 52 18:48:47 ]

ความคิดเห็นที่ 143 อ่า ขอถามแหวกแนวหน่อยสิคะ คือเท่าที่เข้าใจคือ RAW เนี่ย มันต้องใช้โปรแกรมโปรเซสก่อน ดังนั้นจะมาดูภาพเลยไม่ได้ใช่ไหมคะ แล้วจะเป็นไปได้ไหมคะว่าต่อไป RAW มันเกิดไม่ป๊อปฯขึ้นมา คนหันไปหาฟอร์แมทอื่น แล้วก็จะทำให้ไฟล์ RAW ที่เรามีเก็บไว้ เราก็เปิดดูไม่ได้ พอดีนึกถึงเรื่องรูปถ่าย Earthrise ที่เค้าต้องเสียเงินไปมากมายเพื่อคิดวิธีโปรเซสไฟล์ข้อมูลที่อยู่ในแถบแม่เหล็กโบราณตั้งแต่ปี 1966 ที่เกือบจะถูกทำลายทิ้งไปแล้วน่ะค่ะ ลิงค์นี่ ไอ้ตรงที่เซ็นเซอร์ก็คือเว็บที่คุณก็รู้ว่าอะไรอ่ะนะคะ ไม่ได้โปรโมทบล๊อคตัวเองนะ แต่ขี้เกียจไปหาต้นตอแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นจากนาซ่า http://chornat.ไม่อนุญาตให้โฆษณา/journal/item/63/63 จากคุณ : booklovers - [ 26 ม.ค. 52 19:00:59 ]

ความคิดเห็นที่ 144 บลูใช้ acdsee ดูไฟล์ภาพแบบ raw ของ แคนนอนได้เลยนะคะ แล้ถ้าถูกใจก็แปลงเป็น jpg จาก acdsee ได้เลยด้วย แต่ raw ของกล้องอื่นไม่รู้นิ จากคุณ : บลูดานูป - [ 26 ม.ค. 52 20:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 145 กระทู้ดีมีสาระครับ โหวตให้เลย ผมจะยกตัวอย่างสถานการณ์นึงที่เกิดกับผมสดๆร้อนๆครับ กล้อง D70s ซึ่งรู้ๆอยู่ว่า Dymanic Range เข้าขั้นแย่ เจอสภาพแบบนี้เข้าไปปวดตับครับ ยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนที่ถ่ายภาพเก่ง แถมพอไม่ได้ัจับกล้องนานๆเข้าความปราณีตมันหายไปหมด ผลลัพท์ที่ได้ออกมาคือภาพทางซ้ายครับ ส่วนทางขวาคือ .NEF ที่เอามาดึงแสง แก้สีแล้ว จากคุณ : LoLinEo - [ 26 ม.ค. 52 23:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 146 กรณีของน้า LoLinEo ที่ยกตัวอย่างภาพมานี้เป็นปัญหาเรื่องความเปรียบต่างของแสงครับ ถ้าวัดแสงที่ท้องฟ้า ล๊อคค่าแสง แล้ว fill flash ไป ก็ไม่เป็นปัญหาแล้วครับ แต่ถ้าเป็นการถ่ายภาพวิว หรืออื่นๆ ที่มีพื้นทีของความเปรียบต่างของแสงเกินกว่าที่จะเติมแสงประดิษฐ์เข้าไปจะทำอย่างไร?  กรณีนี้ต้องใช้ตัวช่วยเช่น Filter ที่มีคุณสมบัติลดความเปรียบต่างของแสงเช่น Graduate (ND) ครึ่งซีก สีเทาหรือ สีฟ้า เข้ามาช่วยครับ และปัญหานี้หลายๆท่านก็อาจถ่ายคร่อม แล้วนำภาพมา merge กันที่นิยมเล่นกันระยะหนึ่งที่เรียกว่า HDR นะครับ  ซึ่งกรรมวิธีในการทำยุ่งยากและเสียเวลาระดับหนึ่ง ในกล้องรุ่นใหม่บางรุ่นเท่าที่ทราบอย่าง A700, A900 และ D300 (และอาจมีมากกว่านี้) มี function หนึ่งที่ใช้จัดการปัญหานี้ ใน Sony เรียก D-optimizer ส่วนนิกรนั้นผมจำชื่อไม่ได้  ซึ่งเป็น fucntion ที่ออกแบบมาให้ใช้เฉพาะกับ Jpeg เท่านั้นครับ อย่างรูปนี้ก็ใช้ function นี้เข้าช่วยครับ สะดวกขึ้นมาก จากคุณ : arnold_A1 - [ 27 ม.ค. 52 06:23:59 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ขอบคุณน้า Arnold มากครับที่ช่วยแนะนำแหะๆ เรื่องนี้ผมแทบจะลืมไปหมดแล้วกับการวัดแสงหลังจากไม่ได้จับกล้องนานๆ วันจริงผมพยายามจะเก็บท้องฟ้าด้วยแล่ะครับ เลยถ่ายให้ under ไว้ก่อนแล้วค่อยเอามาถึงทีหลัง ปัญหาของ D70/70s คือมัน sync flash ได้แค่ 1/500 ซึ้งในบางสถานการณ์มันก็ค่อนข้างจะลำบากเหมือนกัน ึคงต้องไปขุดหนังสือการวัดแสงมานั่งอ่านอีกหลายๆรอบซะแล้ว แหะๆ จากคุณ : LoLinEo - [ 27 ม.ค. 52 09:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 148 แล้วตกลงว่าการถ่ายรูปให้สวย ต้องใช้ฝีมือในการถ่าย หรือฝีมือในการใช้โปรแกรมแต่งภาพครับ จากคุณ : ราเมงพเนจร - [ 27 ม.ค. 52 20:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 149 ทั้งคู่ครับ เหมือนกับถามว่า ถ่ายรูปด้วยฟิล์ม ต้องใช้ฝีมือในการถ่าย หรือฝีมือในการล้างอัดรูป จากคุณ : อะธีลาส - [ 27 ม.ค. 52 22:43:26 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ผมว่า jpg ดีกว่า raw เห็นๆ ก็คอมผม (notebook) น่ะแค่เปิด office ยังอืดเลยขืนเอามา convert raw แล้วจะไปเหลืออะไร ดังนั้น jpg ดีกว่าเห็นๆ ;) ล้อเล่งน่า ล้อเล่ง ผมว่าคุณแมวเหมียวพุงป่องนี่มีคุณสมบัติของนักโต้วาทีอยู่ในตัวมากๆ คือเวลาอธิบายว่า raw มันดียังไง (ซึ่งมันก็ดีจริง) นี่ถล่ม jpg ซะยับเลย ทีนี้ผมก็เลยเสนอให้คุณแมวเหมียวนี่ลืมว่าเคยเชียร์ raw มายังไง และหันมาเขียนกระทู้ jpg มันดีอย่างนี้นีเองดูมั่ง น่าจะสนุกดี (เลียนแบบจากกระทู้กล้อง compact) ronachai แก้ไขเมื่อ 28 ม.ค. 52 13:16:54 จากคุณ : r (amscmu) - [ 28 ม.ค. 52 13:16:23 ]