ความคิดเห็นที่ 1 battery หรือที่เรียกว่าถ่านน่ะคับ ถ้าจะแบ่งตามที่คุ้นเคยกัน ก็มีสองอย่าง ก็คือ 1.NIMH (นิเกิล-เมตัลไฮไดร์) เป็นถ่านชาร์ตทั่วๆไป เช่น ถ่านที่ใช้กับแฟลต 2. ถ่านลิเที่ยมไออ้อน เป็นถ่านที่มีแผงวงจรไฟฟ้าอยู่ภายในตัวถ่านเองคับ เช่นถ่านมือถือ ถ่านกล้องต่างๆ 350D 400D 450D 40D 50D MKI MKII (ยกตัวอย่างซะเยอะเชียว อิอิ) ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีวิธีดูแลรักษาต่างกันคับ จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 06:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรามาเริ่มที่อย่างแรกกันเลยนะคับ NIMH ที่ใช้กับแฟลตคับ ถ่านแบบนี้มีวิธีใช้งานที่จะทำให้ยืดอายุการใช้งานของถ่านได้ก็คือ 1. เวลาเราเก็บถ่าน ควรชาร์ตไฟให้เต็มก่อนเก็บ (อันนี้จำไม่ได้ว่าเพราะอะไร) 2. ถ้าเก็บนานๆ ควรเอามันมาออกกำลังบ้าง ก็เหมือนคนน่ะคับ นอนมากๆก็จะเขี้เกียจ ดังนั้นถ้าจะไม่ให้มันขี้เกียจก็ต้องเอามาใช้งาน อย่างน้อยก็ 3 เดือนครั้งก็ยังดี 3. พยายามใช้ไฟให้หมดก่อนชาร์ตใหม่ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือเอาใส่ไฟฉายอันเล็กๆ แล้วก็เปิดทิ้งไว้ หรือถ้าใครมีลูกมีหลานก็เอาไปใส่รถบังคับหรือของเล่นลูกก็ได้ (ถ้าใครยังไม่มีลูกเป็นของตัวเอง คงจะลำบากหน่อย 555+) แต่แท่นชาร์ตบางรุ่นจะมีที่ปุ่ม refresh หรือ discharge เอาไว้เอาไฟออกจากถ่านด้วย ก็กดปุ่มนั้นได้เลยคับ 4. ถ้าไม่ได้ใช้ถ่านมานานมากกกกกก เวลาใช้ครั้งแรกจะเกิดอาการถ่านหลอกลวงคับ คือ ชาร์ตจนเต็มแล้ว (แท่นชาร์ตไฟขึ้นบอกว่าชาร์ตเต็มแล้ว) แต่จริงๆมันยังไม่เต็มคับ มันหลอกแท่นชาร์ต สังเกตจากจะใช้เวลาในการชาร์ตสั้นกว่าปกติ ผลก็คือเอาไปใช้แป๊บเีดียวไฟก็หมดคับ วิธีแก้ก็คือ ต้องชาร์ตแล้วเอาไปใช้ แล้วเอามาชาร์ตใหม่ แล้วเอาไปใช้สัก 2-3 ครั้งมันถึงจะกลับมาจริงใจเหมือนเดิมคับ 5. เวลาเก็บ ก็เก็บในที่แห้ง ไม่มีความชื้น ไม่มีฝุ่น ไม่มีไอระเหยของสารเคมี และที่สำคัญที่สุด.. เก็บในที่ที่เราหาเจอคับ ไม่อย่างนั้นถ่านจะหาย (จะบอกทำไมเนี่ย) จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 06:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนอีกอย่างก็คือ แบตลิเที่ยมไออ้อน (แบตกล้อง แบตมือถือทั่วๆไป) ลิเทียม เป็นโลหะที่เบาที่สุดในตารางธาตุ (หรือป่าว) ผู้ที่ผลิตแลตชนิดนี้สำเร็จเป็นรายแรกก็คือ Sony คับ ภายในตัวแบตเตอรี่จะมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วนคือ 1. cell ที่ทำหน้าทีเก็บประจุไฟฟ้า 2. แผงวงจรไฟฟ้า ทำหน้าที่ตัดไฟ เช่นเวลาแบตร้อนเกิน ไฟเกิน ไฟต่ำ ชาร์ตสลับขั้ว และอื่นๆอีกมากมาย 3. package คือวัสดุที่ห่อหุ้มอยู่ด้านนอกคับ จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 06:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 4 วิธีใช้แบตชนิดนี้ ไม่ควรใช้จนไฟหมดเกลี้ยงนะคับ เพราะจะทำให้อายุการใช้งานสั้น และแบตเสื่อมเร็ว เวลาอยากชาร์ตไฟ ก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ไฟหมดก่อนเหมือน NIMH เราสามารถเอาไปชาร์ตได้ทันทีเลย แล้วเวลาซื้อมาครั้งแรกก็ไม่จำเป็นต้องชาร์ตทิ้งไว้ก่อน 8 ชม หรือ 12 ชม อย่างที่บางคนเข้าใจกัน เหตุผล ก็คือ ในแบตลิเที่ยมไฟอ้อนมีวงจรที่มีความแม่นยำมาก มันจะตัดไฟเองเมื่อไฟเต็ม ดังนั้นถ้าไฟเต็มแล้ว แม้จะทิ้งไว้ในแท่นชาร์ตหรือเอาออกจากแท่นก็ไม่ต่างกันคับ (แล้วเราจะทิ้งมันไว้ในแท่นทำไม) เมื่อซื้อแบตใหม่มาเราจึงสามารถนำ มาชาร์ตแล้วใช้ได้ทันทีคับ ถ้าตอนซื้อมีไฟติดอยู่ที่แบตแล้ว ก็ใช้ได้ทันทีเลยโดยไม่ต้องนำไปชาร์ตก่อนก็ได้ จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 06:53:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ทีนี้การเก็บรักษา ลิเที่ยมไออ้อน เราไม่ควรเก็บ ในสภาพไฟเต็ม 100% เพราะเป็นการเร่งความเสือมของสารเคมีในแบต และไม่ควรเก็บในสภาพไฟหมด ดังนั้นสภาพที่ควรเก็บคือสภาพที่แบตมีไฟอยู่ประมาณ 40% โดยอุณหภูมิที่เหมาะที่สุดในการเก็บคือประมาณ 0 องศาคับ ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้ ดังนั้นวิธีปฎิบัติในการเก็บรักษา กรณีที่จะไม่ใช้นานๆ คือ เก็บแบตลิเทียมไออ้อนในตู้เย็น แต่เก็บไว้ในช่องธรรมดา อย่าเก็บไว้ในช่องแข็งนะคับเพราะอุณหภูมิจะต่ำเกินไป โดยทำให้มีไฟในแบตเหลือประมาณ 40% (ก็ใช้ความรู้สึกกะๆเอานะคับว่า 40% แค่ไหน) แต่การเก็บในตู้เย็นจะมีปัญหาเรื่องความชื้นคับ เราสามารถแก้ไขได้โดยนำแบตใส่ถุงพลาสติกไว้กับสารกันชื้นแล้วรีดถุงให้แบนๆ เอายางรัดปากถุง เสร็จแล้วเอาใส่ถุงพลาสติกเอาไว้อีกอันเป็น 2 ชั้น แค่นี้ก็เสร็จพิธี เวลาจะใช้งานก็นำออกมาจากตู้เย็น แล้วไม่ต้องเอาไปอุ่นไมโครเวพนะคับ เพราะจะทำให้แข็งแล้วกินไม่อร่อย แค่วางทิ้งไว้เฉยๆให้หายเย็นประมาณ 20 นาทีแล้วก็นำไปใช้งานได้เลย.. จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 06:53:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สำหรับแท่นชาร์ตถ่าน NIMH ก็พอจะแบ่งได้เป็น 3 อย่าง คือ 1. แท่นชาร์ตแบบเต็มแล้วไม่ตัด อันนี้ผู้ใช้ต้องคำนวนเวลาที่ใช้ชาร์ตเอง เมื่อไฟเต็มแล้วก็เอาออก โดยไม่มีไฟหรือสัญญาณอะไรบอกเลยว่าไฟเต็มแล้ว จะใช้ยากหน่อย โดยมีวิธีคำนวณเวลาที่ใช้ชาร์ตไฟ คือ เวลาที่ใช้ชาร์ต (ชั่วโมง) = ความจุของถ่าน (มิลลิแอมป์) /กระแสชาร์ต x 1.4 เช่น กระแสชาร์ต 500 mAH ความจุถ่าน 500 mAH ต้องใช้เวลา 14 ชัวโมงในการชาร์ตไฟ 2. แท่นชาร์ตแบบจับเวลา ส่วนใหญ่แท่นแบบนี้จะมาพร้อมกับถ่าน เพราะมันตั้งค่าตายตัวมาแล้วว่าจะต้องใช้เวลาชาร์ตกี่ชั่วโมงไฟจึงเต็มโดยไม่คำนึงถึงความจุของถ่าน ดังนั้นจึงมีปัญหาคือ ถ้าความจุถ่านต่างกันกับที่ซื้อมา อาจจะทำให้เครื่องเข้าใจว่าชาร์ตเต็มแล้ว ทั้งๆที่ยังไม่เต็มความจุของถ่าน 3. แท่นชาร์ตแบบเต็มแล้วตัด (ลองสังเกตสัญลักษณ์ –dV, -OV, -∆V ที่เครื่องหรือกล่อง) แท่นแบบนี้จะเต็มแล้วตัดจริงๆ ก็คือ ไม่ว่าจะใส่ความจุของถ่านเท่าไหร่ลองไป มันก็จะตัดกระแสไฟเวลาชาร์ตเต็มแล้ว ดังนั้นเวลาซื้อถ่านชาร์ตดีๆมาแล้ว ก็อย่างลืมดูแท่นชาร์ตที่เหมาะกับถ่านด้วยละกันคับ จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 07:01:54 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทีนี้หลักการทำงานของแท่นชาร์ตก็คือ มันจะปล่อยกระแสไฟเข้าไปในถ่าน เหมือนการเปิดน้ำจากก็อกใส่ขวด ก็คือ แรกๆที่น้ำยังไม่มีในขวด ก็สามารถเปิดน้ำแรงๆได้ เพื่อให้น้ำเต็มขวดเร็วๆ แต่พอใกล้ๆเต็มขวดแล้ว เราต้องเปิดน้ำให้เบาลง ไม่อย่างงั้น เดี๋ยวน้ำในขวดก็จะกระฉอกออกหมด แล้วไม่เต็มสักที เวลาชาร์ตไฟก็เหมือนกันแรกๆมันจะปล่อยให้ไฟเข้าถ่านเต็มที่แรงๆ จนไฟเต็ม (แท่นชาร์ตจะแสดงสัญญาณว่าไฟเต็ม) จนถึงขั้นนี้เราอย่างเพิ่งเอาถ่านออกนะคับ ให้ปล่อยทิ้งไว้อึกสักพักก่อน เพราะแท่นชาร์ตจะปล่อยไฟเข้าถ่านแบบค่อยๆ ต่อไปอีกจนไฟเต็มจริงๆ จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 07:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แท่นชาร์ต จะมีวงจรของมันอยู่ต่างๆกัน บางยี่ห้อต้องใส่ถ่านอย่างน้อยสองก้อนเครื่องจึงทำงานได้ บางแท่นต้องใส่ถ่านชาร์ตสี่ก้อนเครื่องจึงทำงาน แต่บางเครื่องใส่ถ่านชาร์ตเพียงก้อนเดียวเครื่องก็ทำงานแล้ว ซึ่งสามารถสังเกตได้จาก spect ของเครื่อง เราสารมารถดูได้ที่ output ของเครื่อง กล่าวคือ ถ้า output เป็นค่าประมาณ 1.2, 1.4, 1.5 Vole จะเป็นวงจรอิสระ ถ้า output เป็นค่าประมาณ 2.4 Vole จะต้องใส่ถ่านอย่างน้อย 2 ก้อนเครื่องจึงทำงาน ถ้า output เป็นค่าประมาณ 4.8 Vole จะต้องใส่ถ่านอย่างน้อย 4 ก้อนเครื่องจึงทำงาน ซึ่งถ่านแท่นชาร์ตที่ราคาสูงหน่อย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นแบบวงจรอิสระ ใส่ก้อนเดียวเครื่องก็ทำงานแล้วคับ จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 07:12:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ้อ.. แล้วเวลาซื้อถ่านชาร์ต ก็อย่าลืมดูความจุของถ่านด้วยนะคับ เพราะถ่านจะมีความจุแตกต่างกัน ค่าความจุถ่าน มีหน่วยเป็น mAH ยิ่งค่ามาก็ยิ่งจุไฟได้มาก แต่ก็จะมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็อย่าลืมดู เครื่องหมาย มอก. 2217-2548 ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยจึงได้มาตรฐานด้วยคับ (เน้นว่าเรื่องความปลอดภัยนะคับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานความจุถ่าน เพราะตอนนี้ยังไม่มีการรับรองเกี่ยวกับความจุของถ่าน) จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 07:18:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แถมท้ายคับ เกี่ยวกับแบตโนตบุค ถ้าใครเคยเจอปัญหาโน้ตบุคใช้ไปแป๊บเดียวแบตก็หมดแล้ว คือหมดเร็วผิดปกติ ก็ลองดูนะคับ มันคืออาการแบตหลอกลวงเหมือนกัน เวลาเสียบปลั๊กคอมหรือเปิดโน้ตบุค  เครื่องมันจะชาร์ตแบตนิดๆทุกครั้ง สังเกตได้จากมันจะขึ้น 97-98% ก่อนทุกครั้งเปิดเครื่องเวลาใช้งาน การชาร์ตทีละนิดบ่อยๆจะทำให้แผงวงจรในแบตบันทึกค่าการใช้งานว่ามีการใช้งานบ่อย มันจึงเข้าใจผิดว่าเมื่อใช้งานบ่อย แบตจึงเสื่อม ทั้งๆที่จริงแล้วแบตไม่ได้เสื่อม เมื่อมันคิดว่าแบตเสื่อมจึงทำให้มันคิดว่ามีไฟอยู่ในแบตน้อย ทำให้ใช้งานแบตได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ปัญหานี้แก้ไขได้โดยการ calibrate แบต จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 07:24:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วิธีการ calibrate แบตโนตบุค ก็ทำได้ง่ายๆดังนี้คับ 1. ชาร์ตแบตให้เต็ม (จะปิดเครื่องหรือเปิดเครื่องชาร์ตก็ได้) 2. เปิดสวิทเครื่องขึ้นมาใหม่อีกที แล้วหาทางเข้าไปที่ bios setup แล้วทิ้งไว้เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร 3. รอจนแบตหมดแล้ว ถอดปลั๊กออกเมื่อเครื่องดับ เหตุที่ต้องเข้าไปที่ bios setup ก่อนก็เพราะ ถ้าเราอยู่ที่ window เครื่องมันจะดับก่อนที่แบตจะหมดจริงๆคับ ดังนั้นมันจะมีไฟตกค้างอยู่ในแบตอีก 4. พอแบตหมดแล้ว ก็เสียบปลั๊กชาร์ตใหม่ อันนี้สำคัญมาก ต้องชาร์ตตั้งแต่ 0%-100% โดยไม่ขัดจังหวะ อย่าดึงปลั๊กออกระหว่างการชาร์ตนะคับ 5. เมื่อชาร์ตเสร็จแล้ว ลองสังเกตจำนวนชั่วโมงดูว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ 6. ถ้ายังไม่เพิ่มขึ้น หรือยังเพิ่มขึ้นไม่มาก ก็ทำซ้ำได้อีกจนกว่าจำนวนชั่วโมงจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว 7. ควร calibrate แบตทุกๆ 3 เดือน   จบแล้วคับ เท่าที่นึกออก จากคุณ : kitty_ti - [ 7 ก.พ. 52 07:30:09 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากครับ กดเข้าคลังกระทู้ด่วนเลยครับ ขอบคุณสำหรับเลคเช่อร์ดีๆ นะครับ ใครมีความเห็น ข้อมูล เกี่ยวกับแบตฯ รบกวนเพิ่มเติมได้เลยนะคร้าบ --- เรื่องแบตฯ ของผมคือ.....อย่าลืมเอาแบตไปถ่ายภาพนะคร้าบ จากคุณ : ก้อง : ) - [ 7 ก.พ. 52 07:47:01 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ เยี่ยมมากๆ แล้ว refresh กับ discharge ต่างกันยังไงง่ะครับ จากคุณ : จั๋งหนับ - [ 7 ก.พ. 52 09:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ จากคุณ : Compile - [ 7 ก.พ. 52 09:45:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้.... จากคุณ : boyz2men - [ 7 ก.พ. 52 12:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณค่ะ จากคุณ : อมยิ้มนิดนิด - [ 8 ก.พ. 52 08:33:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากๆครับ จะลองเอาไปใช้บ้างเรื่อง calibrate มา give ให้ต่อจากคุณ Benznoi สงสัยของแกจะหมด อิอิ จากคุณ : lemoner (ot++) - [ 8 ก.พ. 52 14:26:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เยี่ยมครับ จากคุณ : คัมภึร์นพเก้า - [ 8 ก.พ. 52 16:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณที่นำมาแบ่งปัน เกี่ยวกับความรู้ดีๆแบบนี้  เยี่ยมยอดครับ จากคุณ : newkick_kcok - [ 10 ก.พ. 52 13:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลจะนำไปปฏิบัติให้ถูกซะที ถึงคห.13 refresh กับ discharge ในความหมายเกี่ยวกับเรื่องเครื่องชาร์จถ่านไม่น่าจะต่างกัน แล้วแต่จะเรียก แต่ถ้าอยากซื้อถ่านชาร์จแนะนำ www.gift2home.net ของแท้จากบริษัท ราคาไม่แพง ส่งฟรีด้วย จากคุณ : คุณชายตัวแสบ - [ 23 ก.พ. 52 23:58:39 ]