ความคิดเห็นที่ 1 ตามความเข้าใจของผม F Number จะเขียนในรูปแบบ Fxx ครับ เช่น F4.5, F5.6 หรือ F22 ซึ่งมันมีความหมายเดียวกันกับการเขียนอีกแบบ คือ focal length/F stop เช่น f/4.5, f/5.6 หรือ f/22 โดยเขียนในรูปเศษส่วนจะเขียนด้วยตัว f (ตัวเล็ก) แต่เขียนในรูป F Number จะเขียนด้วย F (ตัวใหญ่) ค่า F Number เป็นตัวเลขเชิงสัมพัทธ์ซึ่งแสดงปริมาณแสงที่สัมพันธ์ระหว่างความยาวโฟกัสและและขนาดรูรับแสง ซึ่งค่า F ที่เท่ากัน จะใท้ปริมาณแสงที่ผ่านเลนส์เข้ามาเท่ากัน เลนส์ซูมจะบอกค่า F เป็นช่วงมา ค่านี้เป็นค่ารูรับแสงกว้างสุดที่ช่วงซูมน้อยสุดไปหามากสุด เนื่องจากระยะโฟกัสไม่คงที่ เมื่อมีการซูม (เปลี่ยนระยะโฟกัส) แม้ขนาดรูรับแสงจะเท่าเดิม แต่ปริมาณแสงที่ผ่านรูรับแสงจะลดลงเพราะมีการเสียแสงเกิดขึ้น (เสียแสงอย่างไรคงให้น้า ๆ ท่านอื่นอธิบาย) ทำให้ค่า F เพิ่มขึ้น (หมายความว่าปริมาณแสงผ่านเลนส์มาได้น้อยลง) เช่น เลนส์ซูม 14-42 mm F3.5-5.6 หมายความว่าเมื่อซูมที่ 14mm รูรับแสงกว้างสุดได้ F3.5 แต่เมื่อซูมที่ 42mm รูรับแสงขนาดเท่าเดิม แต่ได้ค่ารูรับแสงเพิ่มขึ้นเป็น F5.6 อธิบายแบบงง ๆ นิดนึงนะครับ ไม่ปึ๊กเท่าไหร่ หากผิดพลาดน้า ๆ ช่วยกันแก้ให้ด้วยละกันนะครับ จากคุณ : Morgoth Bauglir - [ 28 ก.พ. 52 14:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 มันคือค่าเดียวกัน แค่เขียนคนละแบบ จากคุณ : Ace-pilot - [ 28 ก.พ. 52 15:36:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 f-stop หรือ f number มันก็คือ ชื่อเรียกสิ่งเดียวกัน f number นี่ รากฐานมาจากพวกเหล่านักวิชาการ แต่พวกช่างภาพ เขาเรียก f-stop เพราะสมัยโบราณ .. ม่านรูรับแสงเป็นแบบ pre-set  ไม่ใช่แบบ auto เหมือนสมัยนี้ แบบ pre-set คือ  - เริ่มต้น ต้องหมุนไดอะแฟรม เพื่อตั้งจุดหยุด (stop) ของค่ารูรับแสงไว้  - แล้วหมุนให้ไดอะแฟรมเปิดกว้างสุด เพื่อโฟกัส  - พอโฟกัีสได้ที่ ก็หมุนกลไกเพื่อหรี่รูรับแสง ให้มาหยุดที่จุดหยุด ก่อนกดชัตเตอร์ ยุ่งพิลึก แต่ทำงัยได้ .. กว่าระบบรูรับแสงอัตโนมัติ (auto diaphrarm) มันจะเกิด ก็ใช้่เวลาเป็นสิบปี จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ก.พ. 52 18:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 f number มาจากสายวิชาการ มีค่าเท่ากับ อัตราส่วน ระหว่าง เส้นผ่านศูนย์กลางที่่ให้แสงผ่าน (d) หารด้วย ความยาวโฟกัสของเลนส์ (focus length, f) f number = d / f ที่ใช้ค่านี้ เพราะว่า เลนส์สองตัว ที่ความยาวโฟกัสไม่เท่ากัน (f1, f2), เส้นผ่านศูนย์กลางที่ให้แสงผ่าน ไม่เท่ากัน (d1,d2) ถ้ามีค่า f number เท่ากัน แสงจะผ่านเลนส์นั้นออกมา มีความเข้มเท่าๆกัน (แสงเข้าต้องเท่ากันด้วยนะ ) อย่างเช่น เลนส์ #1 มีรูรับแสงกว้าง 100mm เลนส์ #2 มีรูรับแสงกว้าง 2.8mm ถ้าตาม "common sense" เราก็จะบอกว่า .. เลนส์แรก ให้แสงผ่านออกมามากกว่าเลนส์หลัง แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น ถ้าเลนส์ #1 มีความยาวโฟกัส 1,000mm และเลนส์ #2 มีความยาวโฟกัส 28mm อัีตราส่วนรูรับแสง เลนส์ #1 = 100/1,000 = 1/10 อัีตราส่วนรูรับแสง เลนส์ #1 = 2.8/28 = 1/10 เมื่ออัตราส่วนนี้เท่ากัน .. แสงที่ออกมาท้ายเลนส์ ก็สว่างเท่ากัน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ก.พ. 52 18:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ที่นี่ก็เรียกกันตามใจอยาก เพราะอย่างแรก บนตัวเลนส์ มันไม่มีที่ให้ใส่ตัวเลข ที่เป็นอัตราส่วน จะไปใส่ว่า ตอนนี้ หรี่รูรับแสงให้กว้าง 1/2, 1/2.8 ฯลฯ (ของความยา่วโฟกัส) มีหวังเต็มจนล้นตัวเลนส์ เขาก็เลยใส่แค่ 2, 2.8, 4 .... ว่าไปตามเรื่อง ตากล้องส่วนหนึ่ง ก็รับรู้โดยอัตโนมัติว่า มันคือ f/2, f/2.8, f/4 ... ตากล้องอีกส่วน ก็(เคย)โวย (ใน popular photography) ว่า เมื่อ number บนเลนส์มันเป็นตัวเลขเต็ม ไม่ใช่สัดส่วน ก็ควรใช้ f2, f2.8, f4 ฮู้ย! debate กันสนุกสนาน บางคน ก็บอกว่า .. f มันเป็นตัวย่อ ก็ควรใช้ F ไม่ใช่ f อ๊ากซ์ซ์ซ์ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ก.พ. 52 18:29:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฝ่ายแรกก็ถูกนะ เพราะสมัยแรกๆ มันยังไม่มีเลนส์ซูม เลนส์ 100mm รูรับแสงกว้างสุดคือ f/2, รูรับแสงแคบสุดคือ f/22 ก็เรียก 100mm f/2 - f/22 หรือ f2.0-22 ได้ ไม่มีปัญหา แต่พอมีเลนส์ซูม ซึ่งค่า f ไม่คงที่ อย่างเช่น f3.5-5.6 มันเริ่มมั่วในการเขียน จะให้เขียนว่าเลนส์ 14-42mm f/3.5-f/5.6 มันแปลว่าอะไรหว่า แปลว่า เลนส์ตัวนี้ เปิดรูรับแสงได้แค่จาก 1/3.5 ถึง 1/5.6 เท่านั้นเองเหรอ??? ------- เพิ่มเติม ---------- เลนส์บางตัว หนักข้อกว่านั้น ที่ wide ขนาดรูรับแสง (กว้างสุด) f/3.5 - (แคบสุด) f/32 ที่ tele ขนาดรูรับแสง (กว้างสุด) f/5.6 - (แคบสุด) f/45 ถ้าจะเขียนให้เต็มๆ ก็ต้องเขียนว่า เลนส์ 18mm-55mm f/3.5-f/32(W) & f/5.6-f/45(T) หรือจะเขียนว่า 18-55mm f/3.5-5.6-32-45) อ๊ากซ์ซ์ซ์ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 52 20:47:18 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ก.พ. 52 18:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มาสมัยนี้ ... โฆษณาเลนส์จะไม่บอกขนาดรูรับแสงเล็กสุด  เพราะความมั่วอันนี้แหละ  ----------------------  f/3.5-5.6 ก็เพราะว่า เป็นการออกแบบ  เลนส์ซูม ความยาวโฟกัสมันเปลี่ยน  ถ้าต้องการให้ขนาดรูรับแสงสัมพัทธ์คงที่ ... ขนาดรูรับแสงแท้ๆ ก็ต้องเปลี่ยน  เพราะ f number = d / f  f เปลี่ยน, d ก็ต้องเปลี่ยน  ที่ 14mm f/4  ค่า d = 14/4 = 3.5mm  ถ้าจะให้ที่ 42mm ยังมีค่า f/4 อยู่  ค่า d = 42/4 หรือ 10.5mm  เห็นไหมครับว่า พอความยาวโฟกัสของเลนส์ (f) มันเปลี่ยนจาก 14mm -> 42mm ขนาดรูรับแสงต้องเปลี่ยนจาก 3.5mm -> 10.5mm  มันวุ่นวายแค่ไหน  ถามว่า ทำได้ไหม?  ก็บอกว่า เขาทำได้  แต่มันต้องเพิ่ม "ต้นทุน" อันนำไปสู่การเพิ่ม "ราคาขาย"  ทำเลนส์ถูกๆ ให้รูรับแสงคงที่ .. ก็ไม่ไหว  แต่ถ้าเลนส์แพงๆ มันก็ "คุ้ม" ที่จะทำกลไกปรับขนาดรูรับแสง"สัมพัทธ์" นี้ให้คงที่  อย่างเช่น 17-50mm f/2.8, 70-200mm f/2.8 เป็นต้น (แพงอิ๊บอ๋าย) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 28 ก.พ. 52 18:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มาเอาความรุ้ครับ จากคุณ : วิหคเวหา - [ 28 ก.พ. 52 18:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้...สุดยอดคับ ขอบคุณทุกๆคนมากคับ^^ จากคุณ : korn_35 - [ 28 ก.พ. 52 21:51:13 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ท่าน แมวเหมียวพุงป่อง เทพพพพ แล้ว ส่วนของเลนส์ที่เขียนf 3.5-5.6 นี่คือรูรับแสงได้กว้างสุดแค่ 3.5หรอ??? จากคุณ : korn_35 - [ 1 มี.ค. 52 13:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 11 >> แล้วส่วนของเลนส์ที่เขียนf 3.5-5.6 นี่คือรูรับแสงได้กว้างสุดแค่ 3.5หรอ???  เรื่องปวดหัวของตัวย่อ  อย่าแรก เลนส์นี้ เป็นเลนส์ซูม  อย่างที่สอง รูรับแสงกว้าง เปลี่ยนไปตามความยาวโฟกัสเลนส์  ที่ความยาวโฟกัส (f) น้อย (wide) รูรับแสงสัมพัทธ์กว้างสุดคือ f/3.5  และเมื่อซูมไกล ความยาวโฟกัส (f) มาก (tele) รูรับแสงสัมพัทธ์เปลี่ยนเป็น f/5.6 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 1 มี.ค. 52 16:34:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 โอ้ กระจ่าง เก็บเข้าคลัง จากคุณ : ต้มไก่ใส่ใบบักขามอ่อน - [ 2 มี.ค. 52 04:59:11 ]