ความคิดเห็นที่ 1 ผมเกิดในปี 1985 (พศ.2528) ผมอยู่ในประเทศอิตาลี เมื่อยังเด็กผมหลงใหลในธรรมชาติ และในปี 1999 ผมก็เริ่มถ่ายภาพด้วยกล้อง Nikon N60 ซึ่งเป็นกล้องฟิล์ม แรกเริ่มเดิมทีนั้น เป้าหมายในการถ่ายภาพของผมนั้นมีเพียงแค่ “บันทึก” ตัวแบบเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมกลับสนใจในศิลปะแห่งการถ่ายภาพ และผมก็พยายามที่จะเรียนรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะพัฒนาให้ภาพที่ถ่ายนั้นน่าหลงใหล สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นในการเรียนรู้ของผมก็คือ การได้เข้าร่วมกับ NPN หนึ่งในสมาคมถ่ายภาพธรรมชาติระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุด การได้นำเสนอภาพถ่ายของเราแล้วได้รับคำติชมจากช่างภาพมืออาชีพระดับโลกนั้นช่วยให้ผมพัฒนาภาพถ่ายของตัวเองได้อย่างมาก ปัจจุบัน ผมเป็นสมาชิกของทั้ง NPN และ NSN และแน่นอนในเวปไซต์ของผมเอง ซึ่งมีทั้งเวอร์ชั่นภาษาอิตาเลี่ยน และภาษาอังกฤษ ถ้าคุณต้องการพัฒนาภาพถ่ายของคุณ การเข้าร่วมในฟอรัมก็เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างแน่นอน แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 52 13:48:23 จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:09:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา ผมถ่ายรูปด้วยกล้อง DSLR ของ Cannon ปัจจุบันผมเป็นช่างภาพมืออาชีพเต็มตัวแล้ว และยังได้เป็นสมาชิกของ CPS ด้วย (CPS ย่อมาจาก Canon Professional Service) ผมใส่ใจกับการตกแต่งภาพภายหลังการถ่ายอย่างมาก บางครั้งก็ต้องใช้เทคนิคโฟโตช๊อปขั้นสูง เป้าหมายของผมในฐานะผู้ที่ทั้งหลงใหลในธรรมชาติและการถ่ายภาพ ก็คือ การสร้างภาพที่เป็นทั้งศิลปะอันงดงามและสะท้อนถึงความจริงของธรรมชาติ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จริงอยู่ที่ว่า อุปกรณ์ที่สุดยอด ไม่ได้การันตีว่าจะให้ภาพที่สุดยอด แต่การมีอุปกรณ์ที่ถูกต้องในการถ่ายภาพก็สามารถช่วยได้มาก เช่นระบบออโตโฟกัสนั้นก็ทำให้เราได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น หรือเลนส์ที่ช่วงซูมยาวๆที่คุณภาพสูงก็ช่วยให้เราจับภาพตัวแบบที่ชอบหนีเราได้ง่ายขึ้น เพราะเหตุนี้ ผมจึงใช้อุปกรณ์ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะมีปัญญาหามาใช้ได้ ผมมีเลนส์ที่ดีที่สุดของ Cannon อยู่จำนวนหนึ่ง และมีเลนส์เกรดโปรของ Sigma อยู่บ้าง เมื่อก่อนผมนิยมใช้บอดีกล้องในระดับคอมซูมเมอร์ เพราะพวกมันให้ภาพที่ดีในราคาที่คุ้มค่า แต่ปัจจุบันผมอัพเกรดมาใช้กล้องระดับสูงอย่าง Canon 1Ds Mark III เพื่อให้ได้ภาพที่คุณภาพดีที่สุด ผมมักจะทดลองใช้กล้องและเลนส์ของเพื่อนๆอยู่เสมอ ดังนั้นคุณจะเห็นได้ว่าในแกลอรี่ของผมจะมีภาพถ่ายที่มาจากกล้องและเลนส์ที่หลากหลาย ไม่เว้นแม้กระทั่ง Nikon and Olympus จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวกล้องนั้นเรียกได้ว่าเป็น “โลก” ของระบบการถ่ายภาพ การที่จะสามารถเลือกกล้องได้ถูกต้องและถูกใจนั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่คุณต้องพิจารณา โดยเฉพาะ “ระบบ” หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับกล้องตัวนั้น คุณต้องใส่ใจมันมากกว่าจะพิจารณาแค่ตัวกล้องเพียงอย่างเดียว เพราะมันมีแนวโน้มว่าในอนาคตคุณอาจต้องขยับขยายไปเล่นกล้องตัวที่สูงกว่า เมื่อคุณพบว่ากล้องที่เลือกตอนแรกนั้นไม่ตอบสนองการใช้งานของคุณในระดับที่น่าพึงพอใจ และการเปลี่ยน “ระบบ” ก็ยากกว่าการเปลี่ยน “ตัวกล้อง” มากมายนัก จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กล้องที่อยู่ใน “ระบบ” ที่ดี จะต้องมีเลนส์และตัวกล้องให้เลือกมากมาย มีเทคโนโลยีในระดับสูงสุดอยู่ในสายการผลิตของตัวเอง และมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆทุกปี เพื่อเสนอเทคโนโลยีล่าสุดให้กับนักถ่ายภาพ ซึ่งคุณไม่ควรมองแค่ความจำเป็นต้องใช้งานในขณะนี้เท่านั้น คุณควรพิจารณาถึงการใช้งานในอนาคตด้วย ปัจจุบัน “ระบบ” ที่ดีที่สุดคือ ระบบของ Nikon และ Cannon ทั้งสองยี่ห้อนั้นเรียกได้ว่าสุดยอด ทั้งตัวกล้องและเลนส์ ซึ่งโดยรวมแล้วสองยี่ห้องนี้ก็ดีพอๆกัน จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คุณภาพของภาพคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับกล้องทุกตัว และกล้องระดับโปรตัวไหนที่ให้ภาพที่ไม่มีคุณภาพก็ตัดทิ้งไปได้เลย ทางที่ดีที่สุดที่จะรู้ว่ากล้องตัวไหนให้ภาพดีหรือไม่ ก็คือการทดสอบกล้องด้วยตัวเอง แต่ถ้าคุณทำอย่างนั้นไม่ได้ คุณก็สามารถอ่านบทวิจารณ์ และลองดาวน์โหลดภาพตัวอย่างที่ได้จากกล้องตัวนั้นๆ มาดูก่อนได้ จากเวปไซต์ที่น่าเชื่อถืออย่าง www.dpreview.com ซึ่งจะมีการบรรยายถึงคุณภาพของภาพในหลากหลายรูปแบบอย่างละเอียด แต่มีสองสามอย่างที่ผมอยากให้พิจารณา คือ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:15:41 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความละเอียด (The resolution) จะเป็นตัวบ่งบอกถึงรายละเอียดภาพที่คุณจะได้ ซึ่งหมายถึง ขนาดของภาพที่ใหญ่ที่สุดที่คุณจะสามารถพิมพ์ออกมาได้ โดยยังคงคุณภาพของภาพที่ดีได้อยู่ อย่างไรก็ตามที่บอกว่า megapixels มากเท่านั้นเท่านี้ก็ยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการวัดความละเอียดของภาพอยู่ดี มันเพียงบอกคร่าว ๆ เท่านั้น ปัจจุบันแม้แต่กล้อง DSLR ที่ถูกที่สุดก็ยังให้มาถึง 10-12 เมกะพิกเซล ซึ่งมันก็เพียงพอสำหรับการใช้งานของช่างภาพทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 noise นั้นเป็น “ความแตก” ของภาพ (เกรน) ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเมื่อคุณถ่ายภาพที่ ISO สูงๆ กล้องที่ดีควรให้ภาพที่เนียนปราศจากน้อยส์ ในช่วง ISO ตั้งแต่ 100 – 1600 แม้จะเป็นที่ทราบกันดีว่ายิ่ง ISO สูง ๆ noise  จะยิ่งมาก  แต่ก็ควรจะให้อยู่ในช่วง “พอรับได้” ที่ ISO 1600 ซึ่งกล้อง DSLR ส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็สามารถทำได้ในระดับนี้ทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีความแตกต่างที่พอจะมองเห็นได้ในกล้องแต่ละระดับ เช่น D700 และ Nikon D3 นั้น มี noise ปรากฏให้เห็นน้อยมาก แม้คุณจะเร่ง ISO ถึง 3200 หรือ 6400 ก็ตาม จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 9 dynamic range เป็นช่วงของค่าความสว่างที่เซนเซอร์สามารถรับภาพได้ ช่วง dynamic range ที่กว้างนั้นย่อมดีกว่าเพราะจะสามารถเก็บรายละเอียดทั้งในมุมมืดของมุมสว่างของภาพได้ดี ปัจจุบัน DSLR ส่วนมี dynamic range อย่างน้อยก็ 7-8 สตอป ซึ่งก็เพียงพอต่อการถ่ายภาพต่าง ๆ อยู่แล้ว จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขนาดของเซนเซอร์ : Fullframe และ APS-C ขนาดของเซนเซอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของกล้อง ปัจจุบันมีเซนเซอร์อยู่ 2 ขนาดคือ 1.FullFrame มีขนาด 24x36 มิลิเมตร 2.APS-C มีขนาด 16x24 มิลิเมตร ทั้งสองแบบมีข้อได้เปรียบและเสียเปรียบแตกต่างกันออกไป จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ The APS-C นั้น มีราคาถูกกว่ากล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ FullFrame มันมีราคาตั้งแต่สองหมื่นต้นๆ อย่าง Nikon D60 ไปจนถึงหกหมื่นกว่าบาท อย่าง Nikon D300 นอกจากนั้นมันยังเล็กและเบากว่ากล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ FullFrame กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ APS-C ที่เบามากๆก็เช่น Canon 1000D ที่หนักเพียง 500 กรัม ในขณะที่กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ FullFrame ที่เบาที่สุด ก็ยังหนักถึง 900 กรัม แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 21:53:23 จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เซนเซอร์แบบ APS-C นั้นมีความหนาแน่นของจำนวนพิกเซลมากกว่าเซนเซอร์แบบ FullFrame ตัวอย่างเช่น oเซนเซอร์ของ Sony A350 ซึ่งเป็นเซนเซอร์แบบ APS-C แต่ละพิกเซลมีขนาด 5.1 ไมโครเมตร และมีความหนาแน่น 3.8 ล้านพิกเซล/ตารางเซนติเมตร oในขณะที่เซนเซอร์ของ Nikon D700 ซึ่งเป็นเซนเซอร์แบบ FullFrame นั้นแต่ละพิกเซลมีขนาด 8.4 ไมโครเมตร และมีความหนาแน่น 1.4 ล้านพิกเซล/ตารางเซนติเมตร oหรือ Canon 1DsIII ซึ่งเป็นเซนเซอร์แบบ FullFrame นั้นแต่ละพิกเซลมีขนาดใหญ่ถึง 6.4 ไมโครเมตร และมีความหนาแน่น 2.4 ล้านพิกเซล/ตารางเซนติเมตร. ซึ่งการที่ เซนเซอร์แบบ APS-C มีความหนาแน่นของจำนวนพิกเซลมากกว่าเซนเซอร์แบบ FullFrame นั้นก็มีทั้งข้อได้เปรียบและเสียเปรียบ คือ ถ้าคุณต้องถ่ายภาพในระยะที่ไกลมาก ๆ เช่น ถ่ายนก ความหน่าแน่นของพิกเซลที่มากกว่าจะช่วยให้คุณได้ภาพตัวแบบที่ใหญ่ขึ้น แต่ความหนาแน่นของพิกเซลที่มากกว่านี้ ก็จะทำให้เกิด Noise ในภาพมากเช่นกัน และคุณต้องใช้เลนส์คุณภาพสูง เพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุดจากเซนเซอร์ชนิดนี้ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กล้อง DSLR ที่ใช้เซนเซอร์แบบ Fullframe นั้นมีราคาที่สูงกว่ากล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ APS-C ซึ่งมันมีราคาตั้งแต่เฉียดแสนบาท อย่าง Canon 5D  ไปจนถึงสามแสนกว่าบาทอย่าง Canon 1DsIII นอกจากนั้น มันยังหนักกว่า และใหญ่กว่าอีกด้วย ข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดของกล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ Fullframe ก็คือ คุณภาพของภาพที่ได้ในการถ่ายที่ ISO สูงๆ และมุมของภาพที่กว้างกว่ากันมาก จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ Fullframe ให้คุณภาพของภาพที่ดีกว่าเซนเซอร์แบบ APS – C ตัวอย่างเช่น ภาพที่ได้จากกล้อง  Nikon D300 และ the Nikon D700 ซึ่งมีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซลเท่ากัน แต่กล้องตัวหลังให้ภาพที่น้อยส์น้อยกว่า ซึ่งต้องขอบคุณเซนเซอร์แบบ Fullframe ที่ให้พื้นที่ผิวที่มากกว่าในการจับแสง และมีพิกเซลที่ใหญ่กว่า ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่นิยมถ่ายภาพที่ ISO มากกว่า 1600 กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ Fullframe คือตัวเลือกที่ถูกต้องสำหรับคุณ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:42:27 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การถ่ายภาพต่อเนื่อง ถ้าคุณต้องถ่ายภาพนกหรือสัตว์ป่า การถ่ายภาพต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สำคัญมาก กล้องที่ถ่ายได้ 2-3 รูปต่อวินาที อย่าง Canon 450D หรือ Nikon D60 นั้น ยังถือว่าช้าไปหน่อย ถ้าคุณสนใจที่จะถ่ายภาพสัตว์ป่าจริง ๆ ผมขอแนะนำให้คุณซื้อกล้องที่ถ่ายต่อเนื่องได้มากกว่า 5 รูปต่อวินาทีขึ้นไป ซึ่งกล้อง DSLR ระดับกลางส่วนใหญ่สามารถทำได้ เช่น Canon 40D ถ่ายได้ 6.5 รูปต่อวินาที Nikon D300 ถ่ายได้ 6 รูปต่อวินาที และกล้อง DSLR ระดับสูงอย่าง Nikon D3 และ Canon 1D MarkIII นั้นสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 10 FPS จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 กล้องที่สนับสนุนการถ่ายภาพอย่างจริงจังนั้น จำเป็นต้องสามารถปรับแต่งการถ่ายภาพได้อย่างน้อย 4 โหมด คือ โหมด P (Program) , S หรือ Tv (เน้นการปรับความเร็วชัตเตอร์) , A หรือ Av (เน้นการปรับรูปรับแสง) และ M (Mannual) โดยส่วนตัวแล้วผมใช้โหมด A ในการถ่ายภาพถึง 90% ที่เหลือคือโหมด M ซึ่งทุกโหมดที่กล่าวมาทั้งหมดมีความสำคัญในในการจัดการเกี่ยวกับเรื่องการรับแสงและความชัดลึกของภาพ ส่วน "scene modes" เช่น landscapes, portrait, macro ฯลฯ ที่มักจะพบในกล้องระดับโปรซูมเมอร์นั้นผมคิดว่ามันไม่มีประโยชน์นัก จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นอกจากนั้น การวัดแสงแบบ "Evaluative" และ "Matrix" ก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันจะคำนวณค่าแสงต่างๆของภาพด้วยอัลกอริทึมระดับสูง ผมจะไม่กล่าวถึงการวัดแสดงแบบอื่นๆ ที่อาจจำเป็นเช่น การวัดแสงแบบหนักกลาง (center-weighted) หรือ แบบเฉพาะจุด (spot) เพราะการวัดแสดงแบบเฉลี่ยนั้นก็แบบจะครอบคลุมและให้ภาพที่ดีได้หากคุณเรียนรู้ที่จะใช้มันอย่างเหมาะสม  ในส่วนของฮิสโตแกรมนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็น ถ้าหากคุณเรียนรู้ที่จะใช้ฮิสโตแกรมให้เป็นประโยชน์ก่อนการตัดสินใจลั่นชัตเตอร์แล้ว คุณจะถ่ายรูปได้แม่นยำและได้แสงสีที่สวยงามมากขึ้น จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ในหลายๆสถานการณ์ คุณจำเป็นต้องชดเชยแสง กล้องที่ดีจะให้คุณสามารถชดเชยแสง ได้ทีละ 1/3 สตอป ในช่วง +/- 5 สตอป ซึ่งในสถานการณ์ส่วนใหญ่ +/- 2 สตอปก็น่าจะเพียงพอ แต่บางครั้งคุณอาจต้องการการชดเชยแสงที่มากกว่านั้น ซึ่งคุณต้องปรับไปใช้โหมด Mannual และปรับค่าการรับแสงด้วยตนเอง จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:44:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นอกจากนั้น ความกว้างของช่วงสปีดชัตเตอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งอย่างน้อยควรมีช่วงตั้งแต่ 30 วินาที – 1/4000 วินาที และมีแบบ Bulb ด้วย ซึ่งกล้อง DSLR ส่วนใหญ่ในปัจจุบันก็สามารถทำได้  ค่าสปีดชัตเตอร์ที่นานๆ จะมีประโยชน์ในการถ่ายภาพทิวทัศน์ ในสภาพที่มีแสงน้อย ๆ เช่นช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นๆ (และแน่นอนว่าคุณควรใช้ค่า ISO ต่ำ ๆ และขาตั้งกล้องที่มั่นคง) ในบางสถานการณ์คุณอาจต้องใช้แบบ B (bulb) เพื่อใช้สปีดชัตเตอร์ที่มีระยะเวลานานเป็นนาที ในกรณีที่หน่วงชัตเตอร์นานๆแบบนี้ คุณอาจต้องใช้รีโมตลั่นชัตเตอร์เพื่อป้องกันการสั่นไหวของภาพจากความสะเทือนของการกดชัตเตอร์ด้วยมือ สปีดชัตเตอร์ที่เร็วๆ จะเป็นประโยชน์ในการจับภาพเคลื่อนไหว เช่น การถ่ายภาพสัตว์ป่า การใช้รูรับแสงที่กว้างขึ้น (f/4 หรือ f/5.6) ใช้ค่า ISO 400 และใช้สปีดชัตเตอร์ที่ 1/1600 หรือ 1/4000 วินาที ทั้งหมดนี้จะทำให้คุณได้ภาพนิ่งของสัตว์ราวกับจับแช่แข็งเลยทีเดียว จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 LCD และ Live View ในยุคแรกๆ กล้อง DSLR นั้นมีจอ LCD ที่เล็กและค่อนข้างมืด แต่ทุกวันนี้จอ LCD ได้ถูกพัฒนาไปมาก สุดยยอดกล้อง DSLR มีจอ LCD ถึง 3 นิ้ว มีความละเอียด 230,000 หรืออาจถึง 900,000 พิกเซล และเราก็สามารถมองจอ LCD ได้อย่างคมชัดในองศาที่มากขึ้นด้วย นอกจากนั้นจอ LCD ทุกวันนี้ยังสว่างมาก สามารถอ่านข้อความต่าง ๆ ได้แม้ในแสงแดดจ้า อย่างไรก็ตาม จอ LCD ที่ติดมากับกล้อง ก็ไม่ได้ช่วยให้เรารู้ถึงความคมของภาพได้เท่ากับจอคอมพิวเตอร์ มันเพียงช่วยให้เราตัดสินใจได้ถึงความเบลอหรือการหลุดของโฟกัส โดยการซูมภาพเข้ามาดูใกล้ๆ ปัจจุบันกล้อง DSLR แทบทุกตัวจะต้องมีฟังก์ชั่น Live View ทำให้เราสามารถจัดวางองค์ประกอบภาพผ่านทางจอ LCD ได้เลย ผมคิดว่าฟังก์ชั่น Live View นั้นเป็นสิ่งจำเป็นมาก และผมก็ไม่เคยคิดจะซื้อกล้อง DSLR ที่ไม่มี Live View เพราะในการถ่ายภาพทิวทัศน์หรือมาโคร ฟังก์ชั่นนี้มีประโยชน์มากทีเดียว มันทำให้การจัดองค์ประกอบภาพและการโฟกัสง่ายขึ้นมาก กล้องบางตัวสามารถพับจอหมุนจอได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่วิเศษมาก มันทำให้การมี Live View มีคุณประโยชน์มากขึ้นไปอีก กล้อง DSLR ที่มี Live View และสามารถหมุนจอได้ เช่น Olympus E-3 และ Sony A350 แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 15:46:56 แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 52 15:46:20 จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การป้องกันตัวกล้องจากสภาพอากาศ ถ้าคุณพบว่าตัวเองมักจะต้องถ่ายภาพท่ามกลางสายฝน ฝุ่น หรือสภาพอากาศที่ไม่เป็นมิตรกับกล้อง ผมแนะนำว่าให้คุณใส่ใจให้มากกับความคงทนของตัวกล้องและการซีลเพื่อป้องกันสิ่งต่าง ๆ จากสิ่งแวดล้อมด้วย ที่ผมว่าซีล นั้นไม่ได้หมายความว่ามันจะนำไปถ่ายภาพใต้น้ำได้นะครับ แต่หมายถึงมันจะทำให้คุณสามารถใช้กล้องท่ามกลางสายฝน หรือ ท่ามกลางฝุ่นคลุ้งได้อย่างสบายใจ กล้อง DSLR ดังรายชื่อด้านล่างนี้คือกล้องที่ถูกซีลมาอย่างดีให้ทนต่อสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายได้ Canon 1D MarkIII Canon 1Ds MarkIII Nikon D300 Nikon D700 Nikon D3 Sony A700 Olympus E-3 Pentax: Pentax K20D จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สิ่งอื่นๆ ที่อาจต้องนำมาพิจารณาในการเลือกใช้กล้อง DSLR จำนวนบิทของไฟล์ RAW กล้อง DSLR ทุกตัวต้องสามารถบันทึกภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ (ถ้าคุณต้องการคุณภาพของภาพถ่ายที่สุด ไฟล์ RAW คือสิ่งจำเป็น) ปัจจุบันความแตกต่างที่สำคัญของกล้อง DSLR แต่ละตัวคือ บางตัวจะอนุญาตให้คุณเลือกได้ว่า คุณต้องการถ่ายภาพด้วยไฟล์ RAW ที่ 12 บิท หรือ 14 บิท (เช่น Nikon D300, D700) ในขณะที่กล้องบางกลุ่มอนุญาตให้คุณถ่ายได้เฉพาะ ไฟล์ RAW 14 บิท เท่านั้น เช่น กล้อง DSLR ของ Cannon ทั้งหมด โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าไฟล์ RAW ที่ 14 บิทนั้นทำให้เปลืองเมมโมรี่โดยใช่เหตุ ดังนั้นจึงอยากแนะนำให้เลือกกล้องที่สามารถเลือกบิทของไฟล์ RAW ได้จะดีกว่า จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ระบบ autofocus ปัจจุบัน DSLR ทุกตัว จะมีระบบ autofocus ที่ใช้ได้ดี ซึ่งกล้องแต่ละตัวก็จะมีความเร็วและความแม่นยำในการออโตโฟกัสแตกต่างกันออกไป แต่การจะบอกได้ว่ากล้องตัวใดมีระบบออโตโฟกัสที่ดีกว่ากันก็บอกได้ยาก การที่กล้องตัวใดสามารถโฟกัสได้หลายจุดก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีระบบออโตโฟกัสที่ดี ทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือต้องลองด้วยตัวเองเท่านั้นครับ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ฟังก์ชันทำความสะอาดเซนเซอร์อัตโนมัติ กล้อง DSLR เกือบทุกตัว จะมาพร้อมกับระบบทำความสะอาดเซนเซอร์อัตโนมัติ โดยการสั่นฟิลเตอร์ที่อยู่หน้าเซนเซอร์ให้ฝุ่นที่เกาะอยู่หลุดออกไป แต่มันไม่ได้รับประกันว่าจะทำให้ฝุ่นที่เกาะอยู่หลุดออกไปทุกครั้ง แต่ก็ยังถือว่ามันมีประโยชน์มาก อย่างน้อยเราก็คลายความกังวลลงไปได้บ้างเมื่อต้องเปลี่ยนเลนส์ ซึ่งจะว่าไป การเป่าเซนเซอร์โดยใช้ลูกลมยางด้วยตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 25 การเข้าถึงเมนูสำคัญๆ เมนูของกล้องควรถูกจัดวางมาอย่างดีให้ง่ายต่อการเข้าถึง และฟังก์ชั่นสำคัญๆก็ควรที่จะสามารถเข้าถึงได้จากปุ่มที่อยู่บนตัวกล้องโดยตรง เช่น ถ้าคุณชอบถ่ายภาพมาโคร หรือภาพทิวทัศน์ ก็ควรจะมีฟังก์ชั่นในการล็อคกระจก (mirror lock up) ซึ่งมันจะหน่วงกระจกอยู่ซักครู่ก่อนจะมีการถ่ายภาพจริง  ซึ่งจะทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการเบลอของภาพที่เกิดจากการพลิกของกระจกในสปีดชัดเตอร์ต่ำ ๆ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขนาดและน้ำหนักของตัวกล้อง สำหรับเรื่องขนาดของกล้องนั้นก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา กล้อง DSLR ระดับเริ่มต้นอย่าง Canon 450D นั้นทั้งเล็กและเบา ในขณะที่กล้องระดับโปรนั้นทั้งหนาและหนัก ถ้าคุณไม่ชอบของหนัก ผมแนะนำให้มองหากล้อง DSLR ระดับเริ่มต้นถึงระดับกลางก็พอครับ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เฮ้อออ....เสร็จซะที อันที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นบทความที่สุดยอดอะไรมากมาย แต่ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าได้เปิดโลกทัศน์เพิ่มอีกหน่อย ก็เลยอยากแปลมาให้เพื่อนๆที่กำลังสนใจเข้าร่วมวงสังฆกรรมในมวลหมู่ผู้ใช้ DSLR อ่านเล่นๆกันครับ เข้าไปอ่านบทความดีๆอีกหลายบทความได้ที่ http://www.juzaphoto.com ดูท่าทางแล้วหมอนี่เป็นคนถ่อมตัวและใจกว้างพอสมควรครับ แต่ละบทความก็ตั้งใจเขียนมาอย่างดีทีเดียว พี่แกอาจจะอวย Cannon ไปซักหน่อย ทำไงได้ ก็ใช้ยี่ห้อนี้อยู่นี่หว่า ขอบคุณทุึกท่านที่เข้ามาอ่านครับ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 15:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 บทความนี้ เหมาะกับคนที่จะเทิร์นโปรจริงๆ มากกว่ามือใหม่ครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 1 มี.ค. 52 16:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ^ ^ ^ ^ ขอบคุณมากๆเลยครับ  ที่เสียสละแปลมาให้อ่าน จะเกี่ยงทำไมกับมือเก่ามือใหม่ หมายความว่ามือใหม่อ่านไม่ได้หรือครับ งง แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 52 11:36:35 จากคุณ : chicken01 - [ 1 มี.ค. 52 16:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากนะครับ เห็นแล้วอยากได้แบบนี้มั่ง ^^ ปล. 1985 นี่ 2528 ไม่ใช่เหรอครับ ? จากคุณ : เมจิโตะ - [ 1 มี.ค. 52 16:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณสำหรับความพยายาม และความใจดีครับ จากคุณ : ปืนเถื่อน (Colt 1911 A1) - [ 1 มี.ค. 52 17:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แต่ละภาพสวยคมสุด ๆ เหนือจินตนาการ ขอผมที่สามารถทำได้ แต่วัตถุประสงค์ของ ผู้แต่ง เหมือนเน้นขายของให้ค่ายกล้องเลย เอาทุกสิ่งที่สุดยอดของทุกระบบทุกรุ่น มานำเสนอ ต้องเสียเงินเท่านไหร่ถึงจะได้คุณภาพแบบนี้ จากคุณ : virust - [ 1 มี.ค. 52 17:24:06 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอบคุณครับ ดูรูป/อ่านบรรยายเพลินดีจัง จากคุณ : Taa - [ 1 มี.ค. 52 18:10:20 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณมากครับ :-> จากคุณ : AstroMooping - [ 1 มี.ค. 52 18:29:50 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ ถึง คห.29 คุณ chicken01 ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ เพราะโดยส่วนตัวผมมองว่าบทความนี้ไม่ได้ลงลึกถึงเนื้อหาวิชาการอันล้ำลึกอะไรเลย เป็นบทความพื้นๆธรรมดา แต่น่าสนใจมากสำหรับมือใหม่ที่จะหันมาเล่นกล้อง DSLR ก็เลยต้องออกตัวไว้ก่อนว่า สำหรับคนที่เล่นกล้องแบบนี้จนเก่งแ้ล้ว บทความนี้คงไม่มีประโยชน์นักครับ ถึง คห.32 คุณ virust ผู้แต่งเค้าคงพูดในมุมมองของช่างภาพระดับโลก ที่สามารถหากล้องรุ่นแพงสุด เลนส์รุ่นแพงสุดมาใช้ได้ครับ อยู่ในระดับนั้นเค้าคงไม่มาสนใจ D60 D80 1000D หรือ 450D อย่างที่พวกผมสนใจอ่ะครับ (แต่เรื่องโฆษณานี่อาจมีแฝง เพราะแกก็เป็นทีมงาน Cannon ครับ) จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 18:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณครับ จากคุณ : NOSBIG - [ 1 มี.ค. 52 19:12:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณมากๆเลยครับ รับไป 3 give จากคุณ : Larnthit - [ 1 มี.ค. 52 19:27:04 ]

ความคิดเห็นที่ 38 มีประโยชน์ จริง ๆ ครับ จากคุณ : Tamdov - [ 1 มี.ค. 52 20:06:19 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ข้อผิดหนักๆ ในการแปลครั้งนี้คือ .. กล้อง Canon ครับ  ไม่ใช่ Cannon จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 1 มี.ค. 52 20:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ดีมากครับ.. จากคุณ : เด็กน้อยขี่ม้าก้านกล้วย - [ 1 มี.ค. 52 20:22:51 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Leofish - [ 1 มี.ค. 52 21:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 42 "กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ The APS-C นั้น มีราคาถูกกว่ากล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ FullFrame มันมีราคาตั้งแต่สองหมื่นต้นๆ อย่าง Nikon D60 ไปจนถึงหกหมื่นกว่าบาท อย่าง Nikon D300 นอกจากนั้นมันยังเล็กและเบากว่ากล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ FullFrame กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบฟูลเฟรมที่เบามากๆก็เช่น Canon 1000D ที่หนักเพียง 500 กรัม ในขณะที่กล้องที่ใช้เซนเซอร์แบบ FullFrame ที่เบาที่สุด ก็ยังหนักถึง 900 กรัม" 1000Dฟูลฟรมจริงๆเหรอครับ- - งิงิ พิมพ์ผิดแหงอิอิ จากคุณ : ิำำbeebomarch - [ 1 มี.ค. 52 21:27:06 A:113.53.1.144 X: ]

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ แก้ให้แล้วนะครับ สงสัยเบลอ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 1 มี.ค. 52 21:54:35 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ได้ทั้งความรู้ และ สิ่งดีๆ แปลกใหม่ กระทู้แบบนี้ซิคับ ที่เหมาะกับ กระทู้แนะนำ   โหวต ให้ 1 เสียงคับ จากคุณ : ถั่งปู่ซู่ซ่า - [ 1 มี.ค. 52 22:09:45 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ^_^ VOTE จากคุณ : Birkin - [ 1 มี.ค. 52 22:17:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอบคุณครับได้ความรู้ดีครับ จากคุณ : ต้นจิกริมสวน - [ 1 มี.ค. 52 22:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ถ่ายทอดได้ดีครับ จากคุณ : FreeWing - [ 1 มี.ค. 52 22:57:39 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณที่แปลบทความดีๆ ให้อ่านครับ จากคุณ : Nataku-IZ8 - [ 1 มี.ค. 52 23:14:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณครับ ดูแล้วรู้สึกดีครับ จากคุณ : กำมะหยี่ - [ 1 มี.ค. 52 23:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ่านสนุกดี สำนวนแปลก็ง่ายๆ ทำให้อ่านเข้าใจได้ง่าย แม้จะเป็นผู้เริ่มต้น เปิดโลกทัศให้มือใหม่ได้พอสมควร นำความรู้ดีๆ มาแบ่งปันกันครับ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าคนที่จะได้ประโยชน์จากบทความนี้จริงๆ คงเป็นมือสม้ครเล่นที่คิดจะ turn pro มากกว่า เพราะหลายๆปัจจัยที่ บทความเขียนถึง อาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับมือใหม่นัก เช่น weather seal, burst shot, Focus point, etc. แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องขอขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี และความอุตสาหะ ที่นำบทความอันน่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังครับ จากคุณ : Chanin.U - [ 2 มี.ค. 52 01:22:59 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เจ้าของกระทู้ขอเพิ่มเติมว่า "การจะเป็นช่างกล้องที่สุดยอดได้นั้น อาจจำเป็นต้องฟิตกล้ามแขนให้มีัขนาดใหญ่กว่าศรีษะด้วยนะครับ" เหมือนนาย Juza คนเก่งของเรา กับ Canon EF 600mm f/4 L IS USM จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 2 มี.ค. 52 01:35:10 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เอ่อ ... ไปบอกหมอนี่ดีมั้ยเนี่ย ว่าได้เวลา downgrade แล้ว เพราะ 5D Mark II ให้ภาพดีกว่า 1Ds Mark III นิ จากคุณ : DoraeMew - [ 2 มี.ค. 52 01:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณมากค่า ภาพประกอบทำเอาอึ้งไปหลายรูป จากคุณ : เพนกวินน้อยลอยน้ำ - [ 2 มี.ค. 52 05:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 54 โหวตก่อน ว่าง ๆ ค่อยมาอ่านครับ อิอิอิ จากคุณ : Take a Look Around - [ 2 มี.ค. 52 06:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 55 โหวต+ขอบคุณครับ จากคุณ : หูกาง (zero4hero) - [ 2 มี.ค. 52 07:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณด้วยคนค่ะ ได้รับความรู้เพิ่มเติม ได้เห็นภาพสวยๆ สีสันสดใสตัดกัน คนถ่ายฝีมือจริงๆ ค่ะ จากคุณ : ชวนชม (swichet) - [ 2 มี.ค. 52 08:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ใจดีจัง ขอบคุณมากๆนะครับ จากคุณ : DriftMaster - [ 2 มี.ค. 52 09:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ได้ความรู้เพิ่มเติมมากเลยค่ะ ขอบคุณมากที่ช่วยแปลค่ะ จากคุณ : Hydrangea Blue (Hydrangea Blue) - [ 2 มี.ค. 52 10:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณมากมายครับ ที่สละเวลาช่วยแปล ช่วยมาโพสให้เพื่อนๆได้รู้เรื่องราวดีๆ จากคุณ : เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike) - [ 2 มี.ค. 52 11:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นช่างกล้องนี่ไม่ดีหรอกครับ น่าเบื่อมาก ต้องนั่งอยู่หลังร้าน กับกองอะไหล่เยอะแยะไปหมด ลองไปถามช่างที่ Fotofile ดูก็ได้   แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 52 13:20:18 จากคุณ : jonaja - [ 2 มี.ค. 52 13:19:56 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แก้ไข พ.ศ. ในความเห็นหนึ่งด้วยครับ 1985 มัน 2528 ครับ เพราะผมเกิด 2529 เลยสะดุดตาตั้งแต่เริ่มอ่าน ภาพแต่ละรูปที่เอามาลงนี่สวยสะดุดตา ชอบสีสันมากๆครับ จากคุณ : iNahoo - [ 2 มี.ค. 52 13:40:27 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ^ ^ เข้าไปดูที่เวปไซต์ของเจ้าตัวเลยครับ แล้วจะตะลึง ตึง ตึง ถ่ายได้ขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมมีเงินไปซื้อเลนส์ราคาเฉียดล้าน... http://www.juzaphoto.com เป็นเวปไซต์ที่เขียนด้วยภาษา HTML โบราณมากๆ แต่เนื้อหานี่ตั้งใจทำแบบสุดๆเลยครับ ผมล่ะนับถือ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 2 มี.ค. 52 13:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เยี่ยมๆ คิดว่าเราเองรู้ไอ้ที่ควรจะรู้หมดแล้วนะเนี่ย แต่กลับได้ความรู้เพิ่มเติมมากมายกว่าที่คิด ที่เคยสงสัยอยู่ ก็เคลียเลย เอาไปหลายๆ give อิอิ จากคุณ : cool (GreenEyes) - [ 2 มี.ค. 52 14:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณ จากคุณ : น้ำเค็ม - [ 2 มี.ค. 52 14:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 65 มีใครจะเก็บเข้า คลังไหม ครับ กระทู้ดีๆ แบบนี้ ปรกติที่ห้อง กล้องเราจะมี มือใหม่ เกิดขึ้นทุกวัน ผมว่าถ้าพวกเค้าได้อ่าน จะทำให้การตัดสินใจในการเลือกกล้อง ให้ตรงตามความต้องการของตัวเองได้ง่ายขึ้นครับ เห็นไหมครับว่า ถ้าได้ทำในสิ่งที่ชอบและรัก ไม่ต้องสนหรอกครับ ว่าจะเป็นงานอะไร ถ้ารักและชอบ มันจะออกมาดี และมีคุณค่า เป็นกำลังใจให้กับมือใหม่ ที่กำลังจะจับ DLSR ทุกคนครับ เอาภาพมาให้ น้าๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ดูกันบ้างนะครับ จากคุณ : SoRiMaJiJung - [ 2 มี.ค. 52 14:47:08 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขอบคุณที่แปลมาให้อ่านครับ เดี๋ยวจะกลับมาอ่านใหม่ จากคุณ : i-bar - [ 2 มี.ค. 52 15:18:18 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : ตราบฟ้าเพียงดิน - [ 2 มี.ค. 52 16:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ก็ว่าจะไม่รัก - [ 2 มี.ค. 52 16:21:24 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณครับสำหรับน้ำใจดีๆ จากคุณ : ไอ้คุณแหลม - [ 2 มี.ค. 52 16:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าคุณรวย ก็เป็นได้ (จริงป่ะ) ขอบคุณครับ จากคุณ : nonggolfcup - [ 2 มี.ค. 52 17:40:25 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณครับ . จากคุณ : Gazz - [ 2 มี.ค. 52 17:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 72 มีแต่ภาพเทพๆสวยๆ  ชอบมากครับ จากคุณ : kennyG - [ 2 มี.ค. 52 19:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ทำไมผมมองเค้าบางมุมคิดว่าเป็นเฟร็ดเดอเรอล์ ล่ะเนี่ย อิอิ จากคุณ : Kim - [ 2 มี.ค. 52 20:01:25 A:125.24.58.94 X: ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณที่เสียสละเวลา มาแปลมาให้อ่านครับ จากคุณ : DeftnesS - [ 2 มี.ค. 52 21:46:49 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เป็นพระคุณเป็นอย่างยิ่ง อ่านแล้วแทบจะเขวี้ยงกล้องตัวเองลงถังขยะไปเลย สรุปแล้วต้องมีอย่างน้อยๆครึ่งล้าน จากคุณ : smutux - [ 3 มี.ค. 52 02:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ขอบคุณมากครับ... จากคุณ : kunchit - [ 3 มี.ค. 52 06:26:35 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณครับ ผมเห็นด้วยกับ การที่มีlive view เพราะเคยใช้like มาก่อน มุมต่ำๆแนบพื้น ที่เราลงไปนอนไม่ได้ ซอกเล็กที่แค่ ยื่นมือยื่นกล้องได้ รวมทั้งกดภาพแอบถ่ายแบบไม่ต้องยกขึ้นมาเล็ง(ไม่ใช่แบบโรคจิตนะ อิอิ) แบบเงียบๆไม่มีเสียงแช๊ะ  ตอนนี้ไม่รู้จะถ่ายยังไง จากคุณ : ฟูนัน - [ 3 มี.ค. 52 08:34:50 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ชอบบทความนี้จังเลย ขอบคุณมากนะคะ ที่แปลมาให้อ่าน จากคุณ : น้องมานี - [ 3 มี.ค. 52 08:58:34 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ขอบคุณมากครับ โหวตให้ครับ:) จากคุณ : E&T@pran777 - [ 3 มี.ค. 52 09:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ^ ^ ^ 555 คุณ smutux ถ้ามีเงินเมื่อไหร่ ยกสัมปทานกล้องเก่าให้ผมก็ได้ครับ อย่างถึงกับเขวี้ยงทิ้งเลย จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 3 มี.ค. 52 09:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณครับทำให้ได้เปิดแนวคิดอีกนิด จากคุณ : 123ยังมีรัก - [ 3 มี.ค. 52 09:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอบคุณค้าบๆๆๆๆๆๆๆ ว่าจะซื้อ Nikon ซะหน่อย มาอ่านกระทู้นี้ อวย Canon กันเห็นๆ ชักลังเล จากคุณ : Invisiblesane - [ 3 มี.ค. 52 10:50:50 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ขอบคุณสำหรับบทความ และ link ดีๆครับ ได้เปิดหูเปิดตามากขึ้น ^^ จากคุณ : Barks - [ 3 มี.ค. 52 11:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณมาก ๆ ครับ ... จากคุณ : D_YONG - [ 3 มี.ค. 52 11:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณที่ช่วยแปล แล้วมาแบ่งปันครับ จากคุณ : schwanz - [ 3 มี.ค. 52 11:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 86 แจ่มครับ ... .. จากคุณ : Spycam - [ 3 มี.ค. 52 12:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ยังอ่านไม่จบนะครับ... แต่ขอยกย่อง จขกท. ไว้ตรงนี้เลยครับว่า!!!! สุดยอด , ขอบคุณ , ไม่รู้จะกล่าวอะไรแล้ว แบบว่าได้ความรู้ขึ้นอีกเป็นกล้องแล้วก็เริ่มหาแนวของของตัวเองเกือบเจอแล้ว จากคุณ : HangDog - [ 3 มี.ค. 52 13:23:41 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณ จขกท ครับ จากคุณ : สมัดเจอร์ - [ 3 มี.ค. 52 16:26:48 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ขอบคุณครับที่สละเวลามาแบ่งปันความรู้ จากคุณ : 450D (450Dเมืองเหนือ) - [ 3 มี.ค. 52 17:21:46 ]

ความคิดเห็นที่ 90 บทความดี  มีสาระน่ารู้  ขอบคุณครับ จากคุณ : BrassLanterns - [ 3 มี.ค. 52 19:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เยี่ยมจริงๆ จากคุณ : raksapondet - [ 4 มี.ค. 52 08:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ม่านบังตา - [ 4 มี.ค. 52 08:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณที่ช่วยนำข้อมูลดีๆมาลงให้นะคะ ภาพสวยสะใจมากกกกก ^^ จากคุณ : Sabayd 24 hr. - [ 4 มี.ค. 52 10:44:37 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณครับ จากคุณ : รอยยิ้ม ณ ริมเล - [ 4 มี.ค. 52 13:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ขอบคุณสำหรับขอมูลดีๆคับ... จากคุณ : TuNg-MaE - [ 4 มี.ค. 52 14:57:05 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ว๊าวๆๆๆ ขึ้นกระทู้แนะนำด้วยนะ สมกับทุ่มเทแปลมาให้อ่าน มาแจกกิ๊ฟกับเก็บเข้าคลังให้นะ จากคุณ : Sugarbean - [ 4 มี.ค. 52 15:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : nothing is impossible - [ 4 มี.ค. 52 16:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ยอดเยี่ยมมากเลยคับ... จากคุณ : ยืมเค้ามายืด - [ 4 มี.ค. 52 17:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 99 โห ถึงแม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่  แต่รู้ว่าภาพแต่ละภาพดีมากที่สุด ชอบรูปนกกินปลาอ่ะค่ะ จากคุณ : แนน (nann_watch) - [ 5 มี.ค. 52 03:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 100 มือใหม่มาก ๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรัยคำแนะนำอันมีค่า เราเซฟไว้เลยแหละ 555 จากคุณ : Puffer Fish Ulala - [ 5 มี.ค. 52 10:53:30 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 5 มี.ค. 52 13:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 102 แปลได้ดีครับ ชวนให้อ่านได้เรื่อยๆ จากคุณ : Kisugi - [ 5 มี.ค. 52 13:50:42 ]

ความคิดเห็นที่ 103 แวะมาอ่าน ขอบคุณๆ จากคุณ : meiju - [ 5 มี.ค. 52 19:09:13 ]

ความคิดเห็นที่ 104 แวะมาอ่านและโหวตแล้วครับ.. จากคุณ : ข้ามห้องมาคอมเมนต์ (kwanchaiisra) - [ 5 มี.ค. 52 21:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เหมือนหลอกว่า oly เลย เซ้นเซอร์เล็ก การรับเเสงก็น้อย ทำให้เกิด noise เยอะ โดนเข้าไปที่โอลี่จังๆเลย -*- เเต่ก็ดีครับ อ่านเเล้วได้ความรู้เยอะเลย จิงๆ ผมอยากใช้กล้องอย่างนายคนนี้เลย มันติดเรื่องเงินนี่สิครับ ไว้ผมมีเงิน ผมจะเทิร์นโปรอย่างรวดเร็วเลย จากคุณ : อาร์ตตี้ (อย่าร้องไห้น้า) - [ 5 มี.ค. 52 21:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ขอบคุณ จขกท มากๆเลยค่ะที่แปลมาให้อ่านกัน โดยส่วนตัวแล้วกำลังเริ่มสนใจในการถ่ายภาพค่ะ พอมาอ่านบทความนี้แล้วทำให้ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลย จากคุณ : Pnene - [ 5 มี.ค. 52 23:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณครับ ภาพเจ้าของเว็บ เป็นสุดยอดของภาพ สวยงามมากครับ จากคุณ : นายปาฏิหาริย์ - [ 6 มี.ค. 52 15:40:35 ]

ความคิดเห็นที่ 108 vote จากคุณ : thep911 - [ 7 มี.ค. 52 00:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ขอบคุณค่ะ อ่านจบแล้วอยากวิ่งไปซื้อกล้องใหม่เด๋วนี้เลย แต่ต้องเก็บเงินกันต่อไป จากคุณ : Napabluesky - [ 7 มี.ค. 52 02:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ขอบคุณมากมายครับ จากคุณ : ตั๊กแตนตำข้าว - [ 7 มี.ค. 52 03:26:23 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เจ้าของกระทู้น่าจะอีเมลล์ไปถามเจ้าของเวปดูว่าเขาอยากได้เวอร์ชั่นภาษาไทยในเวปเขาไหม เพราะตอนนี้เห็นเขามี 2 ภาษาอยู่ในเวป จากคุณ : GlowPopJigglyJam - [ 7 มี.ค. 52 07:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ขอบคุณครับ จากคุณ : yoslam - [ 7 มี.ค. 52 07:53:49 ]

ความคิดเห็นที่ 113 กระทู้แนะนำมีแบบนี้แล้ว เย้ ขอบคุณครับ จากคุณ : โป๊ยกั๊ก - [ 7 มี.ค. 52 10:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เพิ่งเข้ามาอ่านอีกรอบ ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดครับ คห.ที่29 ผมไม่ได้พูดถึง จขกท.ครับ ผมหมายถึงคห.ที่ 28 ครับ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับกระทู้ดีดีครับ จากคุณ : chicken01 - [ 7 มี.ค. 52 11:37:50 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ขอบคุณครับ จากคุณ : Jrod - [ 7 มี.ค. 52 11:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ขอบคุณในวิทยาทานครั้งนี้ครับ จากคุณ : porche08 - [ 7 มี.ค. 52 11:56:04 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เข้ามาโหวตครับ จากคุณ : pizza_new - [ 7 มี.ค. 52 14:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 118 thank you จากคุณ : smilecatjak - [ 8 มี.ค. 52 10:51:59 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ขอบคุณครับ จากคุณ : คนริมดอย - [ 8 มี.ค. 52 16:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เข้ามาดูอีกรอบ ดีใจที่มีคนเข้ามาอ่านบทความนี้เรื่อยๆครับ (ถึงจะไม่ได้เขียนเองก็เหอะ) ช่วงนี้กำลังเห่อเลนส์ฟิกส์ แบบหมุนๆของเพื่อนอยู่ครับ ถ่ายแล้วมันสวยกว่าเลนส์คิทที่ติดมากับกล้องมากเลยแฮะ เบลอหลังขอบคมกริบ แต่เมื่อวานไปงานแต่งมา พบว่า บางสถานการณ์เลนส์ฟิกส์ 50 มม. f1.8 นี่ ทำให้เสียหายได้เหมือนกัน เพราะต้องถ่ายเจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินขอบคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ปรากฎว่าต้องถอยไปไกลๆเลยครับ ถึงจะเก็บภาพได้ทุกคนบนโต๊ะนั้น แต่ปัญหาคือพื้นที่จัดโต๊ะจีนจะเหลือให้ถอยได้เท่าไหร่กัน..... จะวิ่งไปเปลี่ยนเป็นเลนส์คิตก็ไม่ทันแหล่ว ภาพที่ออกมาก็เลยดูอึดๆอัดๆแน่นเฟรมไปหมด ถือเป็นประสบการณ์ครับ เรียนรู้เพื่อปรับปรุง ผ่านสัปดาห์นี้ไป คงตกจากกระทู้แนะนำแล้ว โอกาสพบเห็นคงยากขึ้น ขอบคุณทุกท่านเลยนะครับที่เข้ามาอ่าน มันรู้สึกดีจริงๆครับ จากคุณ : คนไทยในต่างมุม - [ 9 มี.ค. 52 02:11:01 ]