ความคิดเห็นที่ 1 แบบเทพไม่มีครับ ไม่รู้ด้วยว่าใช้แบบไหนจึงเรียกว่าเทพ วิธีใช้ต่างกัน? ผมก็ไม่รู้อีกว่าต่างยังไง ผมรู้แค่ความต้องการเมื่อถ่ายภาพมากกว่า ถ้าแสงมันพอผมจะใช้ต่ำที่สุด 50-100 เพราะไม่ต้องการเจอเพื่อนเก่าอย่าง Noise เป็นที่รู้กันว่า ยิ่งสูงยิ่ง Noise 100-200-400-800-1600-3200-6400-xxxx มันต่างกันขั้นละ 1 stop แล้วมีผลแค่ไหน? คิดดูสิว่าถ้าใช้ ISO100 แล้วได้ S=1/15 มันอาจจะสั่นไหว อยากได้มากกว่านี้ ดัน ISO ไป 200 คือ 1 stop ก็ได้ 1/30 ถ้าไม่พออีกก็ดันไป ISO 200 ก็จะได้ 1/60 โอกาสสั่นไหวน้อยลงล่ะ ตอบตามประสางูๆปลาๆคนธรรมดา ปล. ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยครับ เคารพทุกความคิดเห็น แตกต่างแต่ไม่แตกแยก จากคุณ : Enix_1976 - [ 9 มี.ค. 52 12:05:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เทพนะครับ แต่คิดว่าพอแนะนำได้ การใช้ iso ไม่มีหลักการตายตัวหรอกครับ iso ที่มากขึ้นจะทำให้ความไวแสงของกล้องเราสูงขึ้นด้วย สมมติว่าถ้าคุณใช้ iso 100 ถ่ายภาพภาพนึงตามที่วัดแสงได้พอดีที่สปีดชัตเตอร์ 1/100 วินาที แต่คุณลองเพิ่ม iso เป็น 200 สปีดชัตเตอร์จะลดลงไปหนึ่ง stop เพราะ iso คุณเพิ่มเป็นเท่าตัว ดังนั้นสปีดชัตเตอร์ก็จะลดลงไปที่ 1/200 วินาทีเป็นการชดเชยกัน ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ในสภาวะที่แสงน้อยคุณถึงต้องเพิ่ม iso ขึ้น เพราะว่าถ้ามันมืดมากๆ กล้องคุณอาจจะต้องเปิดหน้ากล้องนานๆเพื่อจะถ่ายได้แสงพอดี อาจจะเป็น 1/10 วินาทีหรือนานกว่านี้ ภาพที่ได้อาจจะไม่ชัด สั่นไหว เนื่องจากมือของคุณไม่ได้นิ่งเหมือนหุ่นยนต์ เวลาที่ชัตเตอร์นานภาพจึงมักไม่ชัด วิธีแก้สถานการณ์ก็คือเพิ่ม iso ขึ้นมาจนสปีดชัตเตอร์เร็วขึ้นพอที่มือคุณจะถือได้น่ะแหละครับ แต่การเพิ่ม iso ขึ้นมานั้นคุณก็ต้องแลกกับ noise ที่จะเพิ่มขึ้นมาในภาพด้วยเช่นกัน noise ก็คือสิ่งที่คุณจะเห็นเป็นจุดเล็กๆในภาพที่คุณถ่ายด้วย iso สูงๆน่ะแหละครับ มันจะทำให้ภาพดูไม่สะอาด น่ารำคาญตา ดังนั้นสิ่งที่ทุกคนควรทำก็คือใช้ iso ที่ต่ำที่สุดเท่าที่มือของแต่ละคนพอจะถือกล้องไหวครับ ส่วนเรื่องถ่ายวิวเช่นทะเลตอนกลางคืน แล้วใช้แฟลชมันไม่ช่วยอะไรครับ แนะนำว่าอย่าใช้ดีกว่าเพราะจะดูตลก เนื่องจากกำลังแฟลชมันไม่มากพอที่จะไปครอบคลุมผืนทะเลหรือภูเขาทั้งลูกได้ครับ ยกเว้นว่าคุณจะถ่ายภาพแฟนหรือเพื่อนที่ทะเล อันนี้ใช้แฟลชเป็นแหล่งกำเนิดแสงสำหรับภาพบุคคลได้ครับ จากคุณ : Solidus (Solidus) - [ 9 มี.ค. 52 12:14:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ISO ใช้น้อย ๆ ภาพจะเนียน แต่บางครั้งที่ต้องการความเร็วชัตเตอร์สูง ๆ ในสภาพแสงน้อย ก็ต้องเร่ง ISO ให้สูงเท่าที่จะเป็นไปได้ บางครั้งต้องการชัตเตอร์ช้า ๆ ในสภาพแสงมาก ๆ ก็ต้องลด ISO ลงต่ำ ๆ บวกกับใช้ฟิลเตอร์มาช่วยลดแสงอีก หลักการมันมีไม่มากไม่มายหรอกครับ ใช้ ISO เพื่อใช้งานให้สัมพันธ์กับความเร็วชัตเตอร์ที่ต้องการใช้ครับ จากคุณ : Morgoth Bauglir - [ 9 มี.ค. 52 12:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 4 iso ยิ่งสูง ยิ่งไวแสงมากครับ มองง่ายๆก็ พยายามใช้ ISO ให้น้อยที่สุด เพราะ ISO สูงขึ้นมา จะทำให้มี "สีรบกวน" หรือ "Noise" เข้ามาระรานรูปของเราครับ ถ่ายกลางแดด ใช้ ISO สูงๆได้มั้ย? ตอบว่าได้ครับ ถ้าต้องการความเร็วชัตเตอร์สูงๆ เช่น 6400 - 8000 เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ใช้ได้ครับ ,,,, จริงๆแล้ว ขั้น "เทพ" หรือ "เมพ" นั้น กระบี่อยู่ที่ใจ กิ่งไผ่ก็ไร้เทียมทานครับ ไม่จำเป็นว่า อยู่ทะเล ต้องใช้ ISO 100 ดูแสงดีกว่า ว่าแสงมาก หรือแสงน้อย ถ้าแสงน้อยใช้ ISO เยอะ ถ้าแสงเยอะ ก็ใช้ ISO น้อย โดยพยายามใช้ให้น้อยที่สุด เท่าที่จะน้อยได้ ,,, ISO มันไปสัมพันธ์กับอีกหลายๆอย่างครับ สภาพแสง แฟลชนอก/แสงกระทบ ความไวชัตเตอร์ / รูรับแสง ,, สรุปง่ายๆครับ ง่ายๆเลย เวลาจะใช้งาน ตั้ง ISO 100 ไว้ก่อน ถ้ารู้สึกว่า ชัตเตอร์มันช้าจนถือไม่ไหว (เช่น 1/15 หรือ มากกว่าทางยาวโฟกัสเลนส์ที่ใช้) ก็ปรับ ISO ขึ้นอีก ใช้ๆไปเด่วก็คุ้นครับ ขอให้มีความสุขกับการถ่ายภาพ จากคุณ : paefah - [ 9 มี.ค. 52 12:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ของผมง่ายๆเรยนะ ผมใช้ A เป็นส่วนมาก พยายามใช้ iso น้อยที่สุด speed พอก็ไม่ต้องเปลี่ยน speed ไม่พอก็ขยับขึ้นทีล่ะขั้น จากคุณ : sarunyazz - [ 9 มี.ค. 52 12:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่เทพ ไม่เซียน แต่ขอตอบตามที่เข้าใจแบบนี้ละกันครับ ตามที่คุณไอเอสโอบอกมา น่าจะแปลว่ายังไม่เข้าใจการวัดแสงของกล้องมากนัก โดยปกติกล้องจะทำการวัดแสงให้เป็นแสงเทากลาง 18% ถ้าสมมติให้ในโหมด Manual ถ้าหยิบกล้องขึ้นมาแล้วมองไปในช่องมองภาพจะมีขีดวัดแสงอยู่ ซึ่งปกติเราต้องทำให้ขีดนี้อยู่ตรงกลาง คือ ปริมาณแสงพอดีไม่มากและน้อยเกินไป(ในกรณีสีทั่วไปและไม่ต้องการให้รูปโอเวอร์หรืออันเดอร์) และการปรับขีดๆที่วัดแสงเราก็สามารถควบคุมกล้องได้จาก 3 ตัวแปรคือ 1.รูรับแสง 2.ความเร็วชัตเตอร์ 3.ISO ซึ่งรายละเอียดของแต่ละอย่างผมเดาว่าคุณไอเอสโอคงทราบแล้ว แต่เรื่องปริมาณแสงที่ห่างกันอย่างละกี่ stop ผมแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมในแต่ละหัวข้อนะครับ ทีนี้มาต่อเรื่องตัวแปรที่ทำให้รูปสว่าง(จนระดับแสงพอดี หรือ ขีดวัดแสงมาอยู่ตรงกลาง)นั่นแหละครับ ปกติค่า ISO ที่นิยมใช้กันคือ 100 เพราะมีการทดสอบแล้วว่าสามารถทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดมากที่สุด (ซึ่งผมไม่แน่ใจรายละเอียดมากนัก) ดังนั้นสมมติ กรณีแสงทั่วๆไปไม่สว่างหรือมืดเกินไป เราก็กำหนดค่า ISO ไว้ที่ 100 เพื่อภาพที่คมชัด แล้วถ้าขีดวัดแสงยังบอกว่า มันมืดเกินไปเราต้องทำยังไง ก็ต้องกลับไปดูตัวแปรอีก2 ตัวที่เหลือคือ รูรับแสง และ ความเร็วชัตเตอร์นั่นแหละครับ ปรับตัวแปร 2 ตัวนี้ให้ได้ค่าแสงที่พอดี เช่น ISO 100 (กำหนดตายตัวที่100เนื่องจากต้องการความคมชัดสูง) ถ้าตอนแรก Speed shutter 60 , f/5.6 กล้องบอกว่า มันมืดไป 1สตอป เราก็ต้องปรับให้แสงเข้าไปได้อีก 1 สตอป เช่น ปรับค่า สปีดชัตเตอร์ให้ช้าลง เป็น 1/30 หรือ เพิ่มขนาดรูรับแสง เป็นต้น ทีนี้ ISO ควรปรับเมื่อเพิ่มเมื่อไหร่ คือว่า ถ้าในกรณีเราต้องการควบคุม speed shutter หรือ ค่ารูรับแสง เช่น ถ้าเราต้องการรูปในงานคอนเสิร์ต ที่มีไฟน้อย ปกตินักร้องก็จะเคลื่อนที่ไปตลอด ถ้าต้องการให้ภาพนักร้องที่นิ่ง เราเลยต้องกำหนดให้ speed shutter คงที่ ประมาณ 1/200เพื่อหยุดการเคลื่อนไหว ทีนี้รับรองว่าภาพที่ได้ มืดแน่ๆ เพราะในที่แสดงคอนเสิร์ตไม่มีแสงเยอะแยะ และค่ารูรับแสงก็อยากให้รูปศิลปินชัดประมาณนึงไม่เบลอมาก ก็กำหนดไว้ที่ค่ากลางๆ คือ f/5.6 ดังนั้นตอนนี้ตัวแปรทั้ง 3 จะมีค่าตามนี้ 1.ISO 100 2.Speed Shutter (Fix) 1/200 3.รูรับแสง(Fix) 5.6 เราจะเห็นว่าค่าที่ตัววัดแสงบอกอยู่ตอนนี้ สมมติให้ลบไป 3 สตอป ภาพที่ได้จะมืดแน่ๆ ดังนั้นเราก็ต้องใช้เจ้า ISO นี่แหละช่วยให้มันสว่างขึ้น เช่น อาจใช้ที่ระดับ ISO 800 ทำให้แสงเพิ่มอีก 3 สตอปตามที่ขาดไว้ เราก็จะได้รูปออกมาที่ระดับแสงพอดีกับความเป็นจริงครับ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 52 14:20:52 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 52 12:41:51 จากคุณ : 8Gunner - [ 9 มี.ค. 52 12:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สรุปว่า ไม่มีกฏเกณฑ์ที่จะบอกว่าตรงไหนให้ตั้งค่า ISO เท่าไหร่ แต่จะขึ้นอยู่กับว่า บริเวณที่เราถ่ายแสงเป็นอย่างไร ถ้าภาพที่เราต้องการนั้นจำเป็นต้องกำหนดให้รูรับแสง และ Speed Shutter ให้ตายตัว แต่ภาพยังมืดไป ก็ต้องมาอาศัย ISO นี่แหละครับ เป็นตัวช่วย แต่จะปรับให้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องแล้วแต่คุณ จขกท. แล้วครับ ว่าต้องการรูปสว่างหรือมืด แค่ไหน และที่สำคัญ เทคโนโลยีในกล้องคุณมีมาแค่ไหน ภาพที่ได้ถ้าใช้ ISO สูงๆจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องน้อยส์เนี่ยแหละครับ จากคุณ : 8Gunner - [ 9 มี.ค. 52 12:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถามแบบสั้นๆ แต่ดูจากคำถามแล้ว คงต้องย้อนไปตั้งแต่หลักการวัดแสงเลยครับ ยากมากๆ งั้นขอถามกลับให้ จขกท หาความรู้เพิ่มละกันครับ 1. ISO คืออะไร (อย่างตอบว่าเป็นระบบบริหารคุณภาพที่เป็นมาตรฐานสากล นะ) 2. ความสัมพันธ์ ระหว่าง ISO และความเร็วชัตเตอร์ เอาเท่านี้ก่อน ตอบได้เมื่อไหร่ แสดงว่ามีความเข้าใจแล้ว และจะสามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้ครับ บอกใบ้ ใน Google มีคำตอบเยอะเลยครับ พิมพ์คำถามผมไป คำตอบออกมาเพียบ แทบจะอ่านไม่ไหวเลยหล่ะ แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 52 13:16:32 จากคุณ : ปืนเถื่อน (Colt 1911 A1) - [ 9 มี.ค. 52 13:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ 8Gunner ให้คำแนะนำที่ ดีเยี่ยมเลยครับ เสียดาย ให้ กี๊ฟไม่ได้ จากคุณ : tewin - [ 9 มี.ค. 52 13:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Confirm คุณ 8Gunner จากคุณ : swordofheart - [ 9 มี.ค. 52 14:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มันไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่า iso เท่าไหร่ใช้ตอนไหนครับ ถ้า จขกท.ศึกษาให้รู้ซักนิด ถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ค่าความเร็วชัตเตอร์ ขนาดรูรับแสง และค่า iso คำถามพวกนี้จะไม่เกิดขึ้นครับ จากคุณ : Take a Look Around - [ 9 มี.ค. 52 14:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อ้อ ลืมไปอย่าง เรื่องของ ISO ลองดูครับ ให้เทียบกับฟิล์ม(ที่ไม่ใช่รัฐภูมิ) นะครับ ปกติฟิล์มทั่วไปจะมีความไวแสง 100 แต่ถ้ายังพอจำความได้จะมีฟิล์มประเภท ISO 200 ISO 400 มาให้เลือกใช้ด้วย ค่าของ ISO ที่เพิ่มขึ้น คือ ค่าความไวแสงของฟิล์มนั่นแหละครับ ถ้าฟิล์มที่มีความไวแสงมาก ก็สามารถตอบสนองต่อแสงที่น้อยได้ดีนั่นแหละครับ เหมือนกับวัตถุไวไฟ คือ ติดไฟได้แม้จะมีประกายไฟเล็กน้อย (ต้องระวัง ๆๆๆ) ทีนี้เจ้า ISO ก็หลักการเดียวกันเลยคือติดภาพได้แม้แสงน้อย(ผมยกตัวอย่างได้แค่นี้ เผื่อมีผู้รู้ท่านอื่นอธิบายได้ดีกว่านี้) แต่ตอนนี้เทคโนโลยีมาพรากฟิล์มออกไปแล้ว กลายเป็นความสามารถของตัวเซ็นเซอร์แทน ดังนั้น ค่า ISO จะเป็นค่าความไวแสงที่ระบบของกล้องสามารถตอบสนองเราได้แทนนั่นแหละครับISO ต่ำก็ต้องการแสงเยอะ เพื่อทำให้ภาพได้แสงที่พอดี ถ้าแสงน้อย ก็ต้องเพิ่มค่า ISO ให้สูงขั้น เพื่อจุดประสงค์เดิมคือให้ภาพที่แสงพอดีเช่นกัน หลักการเดียวกับฟิล์มเลยครับ อย่าลืมครับ คุณ จขกท. ศึกษาเรื่องการวัดแสงเหมือนที่หลายท่านบอกไว้ คำถามพวกนี้ตอบได้ด้วยตัวเองเลยครับ จากคุณ : 8Gunner - [ 9 มี.ค. 52 14:36:03 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กระทู้ดีมีประโยช์นขอเข้ามาเก็บเกี่ยวด้วยคน ได้ความรู้ขึ้นอีกนิดหลังจาก ISO Auto อย่างเดียว เหอๆ จากคุณ : tump - [ 9 มี.ค. 52 14:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แน่ใจฤา ว่าจะเอาคำตอบอย่างเทพ  เอาแบบชาวบ้านๆ ไปก่อน  ISO คือ ค่ามาตรฐาน ในการอ้่างอิง (วัด) ความไวแสงของเซนเซอร์ (หรือ ฟิล์มก็ได้)  จะอ้่างอิงจากอะไร ไม่ต้องไปสนใจมัน (แต่ถ้าอยากเมพขิงๆ มี paper ให้อ่านจนสมองไหม้เกรียม )  สิ่งที่ควรรู้คือ 1. ISO ยิ่งมาก เซนเซอร์ยิ่งไวแสงมาก .. แสงนิดเดียวก็ให้ภาพได้    แต่  ISO ยิ่งมาก ... สัญญาณกวน (noise .. ไอ้เจ้าจุดๆสีๆหลากหลาย) ก็ยิ่งมาก  สัญญาณกวน (noise) มาก มันก็บังภาพมาก  ด้วยเทคโนโลยี และการตลาดของทุกวันนี้ .. ต้องลด noise ลงถึงระดับ "ไม่สามารถรับรู้ได้" ที่ ISO 100 .. ไม่งั้นขายไม่ออก  แต่กล้องดีๆ .. ความไวแสงขึ้นถึง 800 .. ก็ยังมองแทบไม่เห็น  กล้องห่วยๆ .. ISO แค่ 200 ก็เห็นชัดเจน  จะขายได้ ก็ต้องมีการหมกเม็ด .. เกลี่ยสีให้กลบเม็ด noise  ภาพไม่มีจุดๆสีกวนก็จริงอยู่ แต่หาความคมชัดสดใส แทบไม่ได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 16:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 2. ถ้าแสงเยอะๆ มันเก๊าะ ... ไม่จำเป็นต้องปรับกล้องให้ไวมาก ไม่จำเป็น ไม่ใช่หมายความว่า ทำไม่ได้ แสงเปรี้ยงๆ จะตั้ง ISO 1600/3200 ให้มันไวสุดๆ ซะอย่าง มีรัยมั้ย???? มีดิื พอแสงเยอะๆ และปรับให้ไวมากๆ เซนเซอร์มันผลิตเม็ดภาพ (เม็ด e- ก็ได้) ออกมามากเกิน จน "ล้น" เกินความสามารถที่จะแปลงเป็นภาพได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 16:36:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตาม คห 5 ครับ ผมก็ใช้วิธีนั้น จากคุณ : E22QV (E22QV) - [ 9 มี.ค. 52 16:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 17 3. แล้วถ้าแสงน้อยๆหละ??? แสงน้อยๆ ถ้าอยากให้ภาพมันสว่างชัดๆ ก็ต้องปรับ ISO ให้มาก เพื่อให้กล้องไวขึ้น แสงนิดเดียวก็สร้างภาพได้แล้ว -แต่- บอกแล้วใช่ไหม? ISO ยิ่งสูง .. noise ยิ่งมาก ก็ต้องเลือกเอาว่า อยากได้ภาพที่มันมีแต่จุดๆๆ สีเต็มไปหมด (ภาพที่ไม่มีการลบ noise) หรือ ภาพที่ไม่มีจุดสี แต่ไม่มีภาพให้เห็น ถ้าอย่างนั้น ใช้ ISO น้อยๆ ก็ได้ ไม่ง่ายปานนั้น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 16:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 18 4. แสงจะเข้ามาก เข้าน้อย ขึ้นกับ ตัวแปรอีก 2 ตัว ตัวแรกคือ ความเร็วชัตเตอร์ (shutter speed) แหงหละ .. เร็วมากๆ แสงที่ไหนสิเพิ่นจะเข้าทัน ความเร็วชัตเตอร์สูง แสงเข้าน้อย ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ แสงเข้ามาก มันกฏทำมะซาด ตัวสองคือ ขนาดรูรับแสง (aperature) ของเลนส์ แน่น๊อน ... รูรับแสงกว้างๆ แสงย่อมเข้าได้เยอะั รูรับแสงแคบๆ แสงจะเข้าได้เยอะ มัีนก็เรื่องประหลาดหละ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 16:40:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 5. สุดยอดความยุ่ง และปวดหัว อยู่ตรงนี้ แสงน้อยๆ .. ... ถ้าให้ ISO สูงๆ กล้องไวๆ .. noise ก็มาหา แต่ถ้าลด ISO ลง กล้องไม่ไวพอ อยากให้แสงเข้ามากๆ เก๊าะ ... ต้องเปิดรูรับแสงเลนส์กว้างๆ รู้ไหมว่า ไอ้เลนส์รับแสงรูกว้่างๆ มันแพงแค่ไหน รูรับแสง มีขนาดเท่ากับ f หารด้วยตัวเลข เช่น f หารด้วย 1.4, f หารด้วย 2.8 ไอ้เลนส์ที่กว้างขนาด f หารด้วย 1.4 หรือ ที่เรียกสั้นๆว่า เลนส์ f/1.4 ราคามันแพงกว่ากล้องอีกมั้ง และใช่ว่า ถึงจะกว้างมากกกกกกกกกกกกก แต่ถ้าแสงน้อยจริงๆ ถึงมัีนก็ให้ผ่านได้มากสุด เท่าที่จะมากได้ .. ไม่มีประโยชน์ แสงไม่พอ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 16:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 20 5. 5!5!5!   ถ้ารูรับแสงเลนส์ กว้างสุดแล้ว แสงยังไม่พอ ทำยังไงดี? ก็เปิดกล้องให้รับแสงนานๆขึ้นดิ แทนที่จะเปิดแค่ 1/50 หรือ 1/100 ก็เปิดมันที่ 1/2 วินาที ... แสงเข้าได้มากขึ้นตั้งหลายสิบเท่าแหนะ แต่ 5!5!5! เปิดหน้ากล้องนานๆ .. ถ้าสิ่งที่เราจะถ่ายมันอยู่นิ่งๆก็แล้วไป แต่ถ้าเคลื่อนไปเคลื่อนมา ... แสงมันก็เข้ากล้อง เฉไปเฉมา โดนเซนเซอร์ตรงนู้นนิด ตรงนี้หน่อย .. ภาพเบลออะดิ๊ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 16:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ุ6. และที่จบเห่จริงๆก็คือ noise มันเกิดขึ้นเองตามทำมะซ้าดดดดด ถ้าเซนเซอร์รับแสงแป๊บเดียว  noise ก็เกิดแป๊บเดียวเช่นกัน ถ้าเซนเซอร์รับแสงนานๆ  noise ก็เกิดบานเบิกเช่นกัน จะเอายังไง ??? ISO สูงๆ .. ไวแสงดี เปิดหน้ากล้องแป๊บเดียวได้ หรือ ใช้เลนส์รูรับแสงแคบๆได้ แต่noise มาก ISO ต่ำๆ .. ไวแสงน้อย .. noise ก็น้อยตาม ต้องใช้เลนส์์รูรับแสงกว้างๆ (แพงๆ) หรือเปิดหน้ากล้องนานๆ แต่ถ้าเปิดหน้ากล้องนานๆ .. noise ก็บานอีก 5!5!5! จบ .. บทเรียนเรื่อง ISO ระดับพื้นฐาน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 16:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=roenthai&month=06-2007&date=11&group=15&gblog=12 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=roenthai&month=11-2008&date=02&group=15&gblog=1 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 มี.ค. 52 17:01:23 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ซูฮกคุณ 8Gunner จากคุณ : ARMSGX - [ 10 มี.ค. 52 00:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 24 แบบเทพบอกไปก็คงไม่รู้เรื่อง ส่วนคนที่จะรู้เรื่อง ไม่ต้องบอก ก็ต้องรู้อยู่แล้ว เอาแบบคนไม่ค่อยรู้เรื่องไปใช้งานได้ง่ายๆ แล้วกัน พยายามใช้ต่ำที่สุดเท่าที่จะต่ำได้ จนกว่าความเร็วชัตเตอร์มันจะต่ำเกินไปจนภาพเกิดอาการสั่นไหว (ที่อาจเกิดจากกล้องไม่มั่นคง หรือวัตถุมันเคลื่อนที่) จึงค่อยเพิ่ม ISO ให้สูงขึ้นจนได้ความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะสม จากคุณ : คาเมะจัง - [ 10 มี.ค. 52 06:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนตัว ผมว่า ในโลก Digital ถ่ายเองเห็นผลทันที ทำไม ไม่ลองจิ้มเอาเองเลยเล่าครับ กดไปดูผลไปเองเลย - เพิ่ม ISO มากขึ้นเรื่อยๆ เก็บแสงมากขึ้น มืดน้อยลง ภาพไหวเบลอน้อยลง แต่มีจุดขึ้นไม่สวย ต้องตั้งให้พอดี ไม่มากเกิน  แต่ถ้าที่ไหนมันมืดมากจริงๆ ก็ต้องแลกกับจุดเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ก็หาแสงให้มันมากขึ้น เทียนสักเล่มเป็นไง  แต่ถ้ามืดสนิทมันก้คือหลับตา ISO ล้านกว่าๆ ก็ถ่ายไม่ติด.. - รูรับแสง ตั้งน้อยๆ ภาพมืดไปแต่จับความเคลื่อนไหวได้ <> ตั้งมากๆภาพสว่างขึ้นแต่จับคนเดินยังไม่ได้ เป็นภาพเบลอไปแฮะ เอาแค่สองอย่างนี้ ทำให้สัมพันธ์กัน ระหว่างความสว่างของภาพ กัับ ความนิ่งของวัตถุ หรือมือเราเอง ผมก็มั่วได้แค่นี้แหละครับ ถ้าผิดไปขออภัย ผมออกแนวมั่วครับ ท่านอื่นตอบไว้ดีแล้ว จากคุณ : Handy (HANDYHUNG) - [ 18 มี.ค. 52 10:05:44 ]