 |
E-410 กับ ทัวร์ดาบหน้า ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ อุตลุด น่าดูชม
เป็นการโพสเรื่องราวตอนไปเที่ยวเป็นครั้งแรก
แต่ไม่ใช่ครั้งแรกในการไปเที่ยวแบบนี้
เที่ยวครั้งนี้ลำบากไม่ต่างจากครั้งก่อน ๆ
แต่...ที่ต่างจากครั้งก่อน ๆ มากเพราะ
มีอุปสรรคตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเลยล่ะ
เรื่องมันเริ่มจาก พอย่างเท้าออกได้ไม่เท่าไหร่
ฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างแรง และใกล้เวลา
รถออกแล้วด้วย เอาล่ะสิ!!! จะทันมั้ย???
แต่ก็ทันล่ะ อ้อ...การเดินทางครั้งนี้
โดยสารรถไฟ ชั้น 3 ฟรีตลอดสาย
แล้วของฟรี ใคร ๆ ก็ชื่นชอบนักแล
พอรถไฟจอด ต่างคนต่างรีบตะกายขึ้น
เพื่อจับจองที่นั่ง โอ๊ว...แม่เจ้าเหวย
เต็มสิ ได้แต่มองตากัน และ....ยืน
แต่ไม่นานสักเท่าไหร่ แค่พอเมื่อยเล็กน้อย
ก็มีคนใจดีขยับที่ขยับทางให้ได้เอาก้น
ลงไปแจะได้บ้าง เก๊าะโอเค...ถึงคนจะเยอะ
อะไร ๆ ก็ดูเขลอะขละเต็มไปหมด
แต่แบบนี้จะหาน้ำใจของคนไม่ได้เลย
ในการใช้ชีวิตประจำวันในเมืองหลวง
ขนาดคนท้องขึ้นมาพวกยังแกล้งหลับ
พอไปบ่นกะเพื่อน มันก็บอกว่า
ก็ไม่ได้ทำให้เขาท้องนี่หว่า ลุกให้นั่งทำไม
เออ...ก็จริงเนอะ เขาก็มีเหตุผลของเขาว่ะ
มาต่อเรื่องของเราดีกว่า...
ในการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาอยู่บนรถไฟ
ตั้งแต่ 14.30 น. ไปถึงที่หมายก็ 6 โมงเช้าพอดี
ตลอดเส้นทาง จากคนไม่เคยรู้จักกัน
เขาก็ได้รู้จักกัน ณ วันนั้นล่ะ เห็นเขาคุยกัน
ประหนึ่งว่ารู้จักกันมานาน ฟังไปฟังมา
อ่าว...มารู้จักกันบนรถไฟนี่เอง
คิดเอาแล้วกันว่า นั่งนานขนาดไหน
ตลอดเส้นทางจะเต็มไปด้วย
"ทุ่งข้าวเขียวขจี" สวยดี ได้บรรยากาศลูกทุ่ง ๆ
บนรถไฟนอกจากจะเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
ยังเต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้า ตลอดเส้นทาง
ต้องใช้คำนี้ เพราะเขาผลัดกันเดินไม่ได้หยุด
เดินผ่านไปไม่ถึงช่วง 2 เมตร ก็เดินกันมาอีกแล้ว
วนเวียนผลัดเปลี่ยนกันมา ทั้งน้ำ ข้า ขนม
ผลไม้ ที่น่าขำก็ตรงสำเนียงที่ใช้เรียกลูกค้านี่ล่ะ
"ข้าววววววว มั้ยข้าววววววววว"
"ม้าม่วงงงงงง เก๊าะมีน๊า"
"มาม่า กาแฟ ร้อน ๆ ก็มีนะ"
อืม...เขียนหรือจะฮาได้เท่ากับการไปฟังมาจริง ๆ
สำเนียงแต่ละคน สุดประทับจิตจริง ๆ เชียว
มีทุกสิ่งอย่างเลยบนนั้นน่ะ แหม...จะขาดก็แต่
ซูชิ นี่ล่ะน๊า เอาไว้วันหยุด ทำไปขายบ้างคงจะดี
เอ้า...พอตะวันตกดิน ทุกสิ่งอย่างเริ่มเข้าสู่
นิทรารม ฮ่า ฮ่า ก็ง่วงนี่นะ ก็นั่งหลับมันทั้งอย่างนั้นล่ะ
แรก ๆ ก็โอเคนะ แต่นานเข้าชักเมื่อยแฮะ
อยู่ กทม.กะบ้านโป่ง ร้อนจะตายไป ไม่ได้เตรียม
การเรื่องความอบอุ่นไปเลย ตอนดึกหนาวจับใจ
เชื่อจริง ๆ ว่าลำปางหนาวมาก (เข้าเขตลำปางแล้วแต่ยังไม่ถึงที่หมาย)
แต่ก็ต้องอดทนล่ะนะ รักจะเที่ยวก็ต้องลำบาก
อยากสบายก็ไม่ต้องไป นอนอยู่บ้านละกัน
แล้วในที่สุดก็หลับแบบหนาว ๆ เมื่อย ๆ ล่ะนะ
พอใกล้ถึงก็เช้ามืดละ แต่มีเรื่องตื่นเต้นเล็กน้อย
ด้วยรถไฟวิ่งมาทั้งวันกับทั้งคืน พอจะต้องขึ้นเขา
วิ่งไม่ขึ้น ต้องถอยไปตั้งหลักก่อน ก็ไกลพอดู
นั่ง ๆ อยู่รู้สึกว่า เฮ้ย...เหมือนรถไฟวิ่งถอยหลังนะเนี่ย
เกิดไรขึ้น อ่า...เดินหน้าต่อละ พอสักพัก เอ้า...
ถอยอีกแล้ว มีไรล่ะเนี่ย เล่นอะไรกันหว่า
และก็มีคนมาช่วยไขข้อข้องใจ นั่นคือ
รถไฟไต่เขาไม่ไหว ต้องใช้หัวรถจักรอีกคันเข้ามาช่วยดึง
อืม...นึกว่าต้องลงไปช่วยกันเข็นรถไฟเสียแล้ว
อะจะถึงแล้วนี่ ไม่นั่งละ เมื่อย ยืนบ้างดีกว่า
ไปชมวิวกัน ทั้งที่มืด ๆ นั่นล่ะ เสียดายถ้าไม่มืด
คงจะได้ตื่นเต้นมากกว่านี้ เพราะข้างทางมีเหวด้วย
ไม่รู้ลึกแค่ไหน เพราะมืดไง ว้า...เสียดาย ๆๆๆๆ
และจุดที่บอกว่าใกล้ถึงแล้วนั่นคือ
รถไฟวิ่งลอดอุโมง เป็นระยะทาง 1 กิโลกว่า
นี่ก็เป็นจุดขายของอุทยานฯขุนตาลเขาล่ะ
ปกติถ้ารถไฟไม่วิ่งนักท่องเที่ยวจะเดินเล่นกัน
พอพ้นอุโมง ก็ลงสถานีอุทยานฯขุนตาล
(ป้ายข้างล่างเขียน ขุนตาน ข้างบน ขุนตาล)
เพื่อจะปีนเขาขึ้นไปต่อ ณ ที่ทำการ
ความสูงอยู่ที่เหนือระดับน้ำทะเล 1,300 กว่าเมตร
ลงรถไฟมีผู้มาต้อนรับด้วย นั่นคือ เหล่าเจ้าตูบทั้งหลาย
แต่มีอยู่หนึ่งตัว เพื่อนข้าพเจ้าเรียกมันว่า "หอยขม"
เฮ้ย...มันตัวผู้นะเฟ้ย เจ้าตัวนี้เยี่ยมเลย
ต้องยกตำแหน่งนายพรานให้มันเลยล่ะ
เพราะเขาเป็นคนนำทางล่ะ พาไปทางลัด
ซึ่งไม่ใช่ทางที่เขาให้นักท่องเที่ยวไปอ่ะนะ
หึ หึ นายแน่มาก ทางลัด มันลัดแต่ลำบากสิ
ธ่อ...ครกอย่างข้าพเจ้าก็นะ เกือบไป
กว่าจะตะกายพาสังขารไปถึงได้ โห...
ไมตูดมันหนักงี้ฟระเนี่ย สมบัติก็บ้าขนมา
มันก็ไม่มาก แต่พะรุงพะรังตรงมีไอ้เป๋ากล้องด้วยเนี่ย
ทัวร์ครั้งก่อน ส่วนใหญ่จะจ้างเขาแบกของ ไม่ต้องแบกเอง
คราวนี้แบกเอง อะโห...แทบตาย ดีนะเอามาแค่นิดเดียว
แค่เสื้อ 4 ตัว เครื่องในพอประมาณ กางเกงก็นะ
ตัวที่ใส่อยู่นี่ล่ะ อ๊ะ ๆๆๆๆ อย่าทำหน้าเยี่ยงนั้น
เที่ยวแบบนี้อะไรที่ประหยัดแรงได้ควรจะทำนะจ๊ะตัวเอง
มะเชื่อ ถามคนอื่นดูก็ได้ ขนไปเยอะ ตายนะ แบกตาย
จนแทบจะโยนทิ้งเลยล่ะ ขอบอกกกกกกก
ถึงไหนแล้ว พอถึงก็ไปจองเต้นท์ ฝากของ
แล้วก็ไปลุยต่อ แต่ข้าพเจ้าไปได้ไม่นาน
ด้วยสภาพหัวเข่าที่ไม่ดีอยู่แล้วจากที่เคยประสบอุบัติเหตุ
มันมีอาการบ่งบอกว่า ถ้าข้าพเจ้าขืนฝืนไปต่อ
ข้าพเจ้าจะไปต่อในวันอื่นไม่ไหวแน่
ข้าพเจ้าเลยลงไปนอนเล่นถ่ายรูปแถวเต้นท์แทน
โดยที่เหล่าเพื่อนผู้น่ารักมันก็ไปต่อ (ซึ่งน้ำใจมานเจง ๆ ทิ้งตรูด้ายยยย)
ฮ่า ฮ่า ฮ่า นึกแล้วสะใจเฟ้ยยยยยยยยยย
ดีนะที่ไม่ไป ตอนแรกก็เศร้านิดหน่อย และเสียดาย
แต่...อยู่คนเดียวได้ไม่นาน เพื่อนฝูงมันลงมาเร็ว
เกินคาดแฮะ เร็วเกินไปมากด้วย กะไว้ว่าคงจะมืดล่ะถึงจะมา
ที่ไหนล่ะ ยังไม่ทันไร เพิ่งจะบ่าย 4 โมงเอง ไม่เร็วจัง
ปรากฎว่า พวกกะจะไปเล่นน้ำตก แต่...ไม่มีไรเลยสิ
น้ำแห้งเหือด ฮ่า ฮ่า ฮ่า จากที่เสียดายและอิจฉา
ข้าพเจ้าเก๊าะนะ ฮ่า ฮ่า ไม่เสียแรงดิ โสน๊าหน้า เรามะเหนื่อย
หุ หุ หุ พอมาถึงเหล่าเพื่อนเก๊าะสลบเหมือด หมดแรงไปตาม ๆ กัน
พอตื่นก็อาบน้ำกินข้าว และวางแผนใหม่ เพราะผิดแผนหมด
ที่ตั้งใจไว้คือจะอยู่บนอุทยานฯนี่ล่ะจนครบกำหนดกลับ
แต่ขึ้นไปแล้วไม่มีอะไร น้ำตกแห้งหมด อยู่ก็คงไม่มีอะไร
เลยตกลงกันว่า เช้าจะลงแล้วไปต่อกันที่อื่น
และนี่คือจุดเริ่มต้นของคำว่า "ทัวร์ดาบหน้า"
ทุกสิ่งอย่างไปคิดไปหาเอาดาบหน้า ไม่มีการวางแผนแล้ว
เพราะผิดแผนไปแล้ว แต่คืนนี้หมดแรง ขอนอนก่อนละกันเนอะ
เช้ามาก็เตรียมตัว ลง ระหว่างทางเอาแต่มัวเก็บภาพ
ไม่ทันได้ดู เออ...เพื่อนมันก็ล่วงหน้าไปละ ไอ้นี่ก็ชมนกชมไม้ไปดิ
แล้วอยู่ ๆ พื้นที่เหยียบลงไปมันว่างเปล่า ไม่มีไรมาลองลับ
เอ้า...ล่วงดิ เป็นลูกขนุนตกเลย เหอะ เหอะ แต่...
เฮ้ย...กล้อง ๆๆๆๆ ห่วง ๆๆๆ รักษาไว้สุดชีวิต
มือไม่ปล่อยจากกล้อง แล้วไงอ่ะ มือมะว่างเอามาเท้าพื้น
คราวนี้ก็หัวเข่าดิ ลงเต็ม ๆ เลย แตก !!! เฮ้อ...
เป๋...จนได้สิน่า ธ่อ...อุตส่าห์เซฟไว้แต่มะวาน จนได้สิ
ลงมาถึงหาไรกิน รอรถไฟไปลงเชียงใหม่
คราวนี้กะไว้ว่าจะไปต่อที่ดอยอินทนนท์
พอไปถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ หาไรกิน แล้วก็
วางแผนกันใหม่ แต่ยังไงก็ไม่ลงตัว ในที่สุด
สรุปได้ว่าจะไปอินทนนท์จริง ๆ แต่...
กว่าจะตกลงกันได้ เย็นมากแล้ว ถ้าไปก็คง
ไม่ทันแน่ อุทยานฯปิดแล้ว คืนนั้นเลยนอนที่เชียงใหม่
แต่...ต้องหาที่พักสินะ ตระเวนเดินหาไปหลายที่
มีเกรสเฮ้าท์มากมาย ถ้าไม่เต็ม ก็รับแต่ชาวต่างชาติ
เออ...ไม่เข้าใจนิดหน่อยตรงที่ว่า แล้วทำไมคนไทยไม่รับ
ก็มีตังค์นะเฮ้ย...ไม่ได้มาขอนอนฟรีซะหน่อย (เริ่มไม่หนุกละนะ)
แบบนี้ก็มีด้วย ก็เพิ่งเคยเจอ นึกว่าอาจจะได้นอนวัดกันซะละคืนนี้
แต่ในที่สุดก็เจอ เฮ้อ...ลอดไป แต่...มาทั้งที จะให้เสียเปล่าได้ไง
เช่ามอเตอร์ไซต์เป็นเด็กแว๊นกันดีกว่า คืนนั้นก็ตระเวนทัวร์
รอบตัวเมืองเชียงใหม่ซะเลย และมีหลงกันนิดหน่อย
ระหว่างรอ ๆ กันไปนั่งกินนมร้านดังหน้า ม.ช
เออ...ดีวุ้ย สาว ๆ ม.ช. หน้าตาน่ารักท้างน้านเลย
กินนมเพลิน แล้วก็ดูเพลิน คลายหงุดหงินเพื่อนร่วมทางไปได้บ้าง
(ไอ้บ้า...ซื้อใบขับขี่มารึไงฟระ ขับรถงี้โดนเหยียบตายห่า!!)
พอรวมพลได้ใหม่ ก็ไปหาข้าวซอยกินหลัง ม.ช
(ไปเหนือต้องกินของเหนือดิ) แต่...กว่าจะหากินได้ แทบจะไม่เจอ
เจอเยอะคือ ร้านกะเพาอ่ะ (ตามสั่งอื้อเลย) โห...และนะ
หายาก ไม่หร่อยอย่างที่เคยกินที่ปายอีกตะหาก เซ็งเป็ด
เท่านั้นยังมะพอ ไรว้า...เขามีแบ่งโซนกันด้วยอ่ะ
หน้า ม.นะ โห..น้อง ๆ หน้าใส ๆ สวยทั้งนั้น นึกว่าหลุดมาดงนางฟ้า
แต่พอมาหลัง ม. อะโหยยยยยย นรกชัด ๆ ฮ่า ฮ่า ว่าเขามะดูตะเองเล้ยแก
อ่ะนะ แล้วก็แว๊น ๆๆๆๆ กันไปเรื่อย ถ่ายรูป ไรไป
แล้วก็กลับมานอน พรุ่งนี้ลุยต่อ แต่...ไปไหน เด๋วค่อยคิดต่อ (อีกแล้ว)
เช้า...ตกลงได้ว่าจะขี่มอไซต์ขึ้นดอยสุเทพ (โอ๊ว...เปรี้ยวจัง)
แต่...เสียงส่วนใหญ่สรุปว่า เอารถไปจอดเท้าดอย(ตีนดอยมันไม่สุภาพ)
แล้วเช่ารถไปต่อ ก็เหมาไป โอเคนะ ไปบ้านชาวเขา ดอยปุย และดอยสุเทพ
เที่ยว ๆๆๆ ถ่ายรูป ๆๆๆๆ แล้วก็หมดเวลา ตังค์หมดแล้วเฟ้ย
ตกลงว่ากลับกันดีกว่า ก็ลงท้ายที่ บขส. 3 ทุ่มรถออก
เช้าถึงบ้านใครบ้านมัน โอเค...จบทัวร์
ร่ายมาซะยาว อ่านจบกันปะเนี่ย ความจริงมันยาวกว่านี้อีก
พอดีตกทั้งเรียงความ และย่อความเสียด้วย
ไปชมภาพกันดีกว่าเนอะ ขอบคุณที่ทนอ่านนะจ๊ะ
ปล.ทริปนี้ ก็เหมือนเดิน E-410 เลนส์ 2 ตัว 14-42 และ 55-200 sigma
จากคุณ :
PP007
- [
22 เม.ย. 52 13:36:12
]
|
|
|
|
|