วันนี้มีคนมาแปะกระทู้ถามเรื่องวิธีการถ่ายภาพดวงจันทร์ให้สวย ผมก็เลย
ลองไปค้นคว้าดู ก็พบว่ายังมีเทคนิคในการถ่ายภาพที่ยากๆอยู่หลายอย่าง
แล้วก็ไปเจอเวปนี้เข้าให้ คิดว่าน่าสนใจดีเลยเอามาเผื่อแผ่ครับ
สำหรับเทคนิคการถ่ายดวงจันทร์แบบที่ละเอียดกว่าเวปที่ผมเอามา ดูได้จากกระทู้นี้นะครับ
http://www.pantip.com/cafe/camera/topic/O7842573/O7842573.html
ใครมีการถ่ายภาพในสถานการณ์ที่ยากอย่างอื่นเอามาเสริมได้นะครับ
เรื่องของการถ่ายภาพนั้น มีภาพถ่ายหลายประเภทที่ถ่ายได้ค่อนข้างยาก
จึงอยากจะนำความรู้เล็กๆน้อยๆ มาแนะนำให้ไปลองใช้กันดู
1. How to shoot the Moon
การถ่ายภาพดวงจันทร์
หลายท่านคงแปลกใจว่า ทำไมภาพดวงจันทร์ที่ท่านพยายามถ่าย
มันถึงได้ถ่ายยากเย็นนักหนา พระจันทร์ที่มีหลุมมีบ่อ มองเห็นลายระเอียด
พื้นผิว(หลุมสิวของดวงจันทร์) เขาถ่ายกันได้ยังไง
เริ่มเลยครับ
กล้อง DSLR คงต้องใช้เลนส์ที่มีทางยาวโฟกัส สัก 1000 ขึ้นไปจะดีมากๆ
แต่ถ้าหากมีเลนส์เทเลทั่วไปที่ทางยาวฯอยู่ที่ประมาณ 200 หรือ 300
ก็อาจจะหา เทเลคอนเวอร์เตอร์2X มาใช้ มันจะช่วยให้ท่านซูมเข้าไปได้มากขึ้น
ถ้าเป็นกล้องคอมแพ็ค ก็คงต้องหากล้องที่ซูมออปติคอลได้ 10X ซึ่งในปัจจุบัน
ก็มีขายกันทั่วไป
ปัญหาที่มักพบกับการถ่ายภาพดวงจันทร์ ก็คือแสงที่จ้าจนเกินไป
ทำให้ไม่เห็นรายละเอียดของดวงจันทร์ ลองแบบนี้ดูนะ...
เปิดรูรับแสง F/5.6 , 1/125s ISO100
แนะนำให้ใช้โหมด M ในการถ่าย เพราะเราจะสามารถควบคุมทุกอย่างได้
WB ใช้ Day Light อุณหภูมิสีจะ = 5500k หรือจะตั้งเป็น AUTO ก็ได้
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถปรับเปลีย่นได้
ความเร็ว 1/250-1/125
รูรับแสง F/5.6-8
ISO 50-200
ประมาณนี้ครับ
2. How to shot Lightning
การถ่ายภาพฟ้าผ่า
แน่นอนว่าการถ่ายภาพฟ้าผ่า ฟ้าแลบนั้น ต้องถ่ายในเวลาที่มีฝนตก
ก่อนฝนตก หรือฝนหยุดใหม่ๆ และต้องเป็นการถ่ายในเวลากลางคืน
หรือแสงน้อยมากๆ ถ้าถ่ายในเวลากลางวัน จะถ่ายยากมาก
คงต้องอาศัยความฟลุคอย่างเดียว เท่านั้น
การถ่ายภาพฟ้าผ่านั้น ต้องถ่ายก่อนเห็น เพราะเราคงกดชัตเตอร์ไม่ทัน
ดังนั้น การถ่ายภาพฟ้าผ่าจึงต้องอดทน และอาศัยลูกฟลุค
ส่วนมากกว่าเราจะตั้งค่าของกล้องได้ สายฟ้าก็ไปเสียแล้ว
ที่แน่ๆ คือเราต้องขยันออกไปถ่ายครับ เพราะเป็นภาพที่ถ่ายได้ยากมาก
กล้องทุกรุ่น ทุกแบบสามารถใช้ถ่ายฟ้าผ่าได้ทั้งนั้น ขอให้ตั้งความเร็ว
ชัตเตอร์ไว้ที่ 4วินาทีขึ้นไป เพราะช่วงเวลาที่เกิดฟ้าแลบ ฟ้าผ่าจริงๆ นั้น
อยู่ที่ 1-2 วินาที ต่อครั้งเท่านั้นครับ
ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็มีขาตั้งกล้อง(สำคัญมากครับ),สายลั่นชัตเตอร์,แล้วก็กระดาษ
หรือผ้าสีดำ เท่านี้เองครับ
การวัดแสง วัดไม่ได้ วัดไม่ทัน แล้วจะถ่ายอย่างไร?
ก่อนอื่นเราต้องกำหนดจุดที่สายฟ้าจะฟาดลงมา(เดาครับท่าน)
ซึ่งบ่อยครั้ง มันกจะไม่เป็นไปตามคาด เป็นเรื่องธรรมดาครับ
ควรถ่ายภาพกว้างๆ ไว้ก่อน และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือการกดชัตเตอร์ครับ
ต้องได้จังหวะที่พอดี
หากกล้องมีระบบชัตเตอร์ Bulb(ชัตเตอร์B) หรือสามารถใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำๆ
อย่าง 30 วินาทีได้ ก็กดชัตเตอร์ไว้ครับ แล้วใช้กระดาษดำ หรือผ้าดำปิดเอา
เปิดออกเวลารับภาพครับ พูดง่ายๆก็คือใช้กระดาษดำแทนการกดชัตเตอร์นั่นเอง
แต่ถ้าใช้การกดชัตเตอร์ 15,30 หรือ 60 วินาที ก็ตาม
ควรที่จะเปิดรูรับแสงให้แคบที่สุด เพื่อไม่ให้แสงฟุ้ง เละไปหมดครับ
ความไวแสง(iso) ใช้ต่ำที่สุดครับ เช่น 50 หรือ 100
3. How to capture Fireworks
การถ่ายภาพพลุ
ไม่ยากครับ เช่นเดียวกับการถ่ายภาพฟ้าผ่า แต่จะคาดเดาได้ง่ายกว่ามาก
วิธีการถ่ายก็คือ ใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ หรืออาจใช้ชัตเตอร์ Bulb ก็ได้
iso ต่ำสักหน่อย(100 โดยประมาณ) รูรับแสงอาจใช้ที่ f/8 หรอ f/11 ก็ได้ครับ
4. How to shoot Light & Sound
การถ่ายภาพงานแสดง แสง สี เสียง
งานแสดง แสง สี เสียง ในเมืองไทย มีขึ้นบ่อยครั้ง หลายที่หลายแห่ง
ซึ่งก็มีความสวยงามอย่างยิ่ง แต่การที่จะถ่ายภาพให้มีสีสันสวยงามอย่างที่เห็น
เรื่องนี้ไม่ง่ายเลยสำหรับผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์
บางคนถ่ายภาพโดยใช้แฟรช ภาพก็ขาดบรรยากาศของสีสัน
แถมแสงแฟรชยังจะไปรบกวนแสงสีของงานอีกด้วย
การถ่ายภาพแบบนี้จึงต้องถ่ายตามสภาพแสงของงานเท่านั้น
กล้องที่ถ่ายงานแบบนี้ได้ดีคือ กล้อง SLR เพราะมีชัตเตอร์ Bulb ได้
แต่กล้องคอมแพคและเซมิคอนซูมเมอร์ก็สามารถถ่ายได้เช่นกัน
อุปกรณ์ที่จำเป็นคือ ขาตั้งกล้อง สายลั่นชัตเตอร์ หรือใช้โหมด Self Timer ก็ได้
ที่สำคัญปิดแฟรชด้วยครับ
การถ่ายจะต้องวักแสงก่อนเสมอ แต่สำหรับการถ่ายภาพแสง สี เสียง นั้น
การวัดแสงเป็นเรื่องค่อนข้างยาก เพราะไฟแต่ละดวงเปิดปิดสลับกันไปมา
และยังมีไฟหลากหลายสีอีกต่างหาก การวัดแสงให้พอดีเป็นเรื่องยาก
เพราะฉนั้น ควรวัดแสงแบบคร่าวๆ แล้วก็เปิดรับแสงเผื่อเอาไว้
เรื่องแบบนี้ต้องใช้ประสบการณ์+ความฟลุคเล็กน้อย
การถ่ายควรตั้ง iso ต่ำๆ รูรับแสงแคบๆ speed ต่ำ อาจใช้เทคนิคกระกาษดำช่วยก็ได้
การถ่าย อาจต้องเข้าชมงานสักครั้งก่อนเพื่อจับจังหวะของการแสดง
จะได้ช่วงเวลาที่ดี และสวยในการถ่าย(ต้องซ้อมกันหน่อย)
หากการแสดงนั้นมีผู้แสดงร่วมด้วย ก็ยากนักที่จะจับภาพให้หยุดนิ่งได้
ควรตั้งความไวแสงให้มาก(iso) จะได้ตั้ง speed ได้เร็ว รูรับแสงกว้างๆเข้าไว้
การโฟกัส ควรใช้แบบแมนนวล เพราะสภาพแสงน้อย AF จะทำงานได้ไม่ดีนัก
เครดิต http://topnumb13wanted.spaces.live.com/blog/cns!FFCF421998D6FE14!983.entry ครับ
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 17:15:36
แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 52 17:04:16
จากคุณ :
แมวเจ้าสำราญ
- [
9 พ.ค. 52 16:17:42
]