ความคิดเห็นที่ 1 กระทู้บางส่วนจากคลังค่ะ http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2008/10/O7113876/O7113876.html เวลาใช้โหมด M โหมดการวัดแสงในกล้องมีผลมั้ย http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/O3083961/O3083961.html เพราะอะไรโหมด m ถึงไม่มีชดเชยแสงครับ ที่บอกว่าเราปรับรูกะspeed ได้เองแล้วมันเกี่ยวอะไรกับชดเชยแสง http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2006/10/O4802549/O4802549.html ระบบวัดแสงแบบต่างๆ ( Matrix, Spot, Center-Weighted, Spot AF Area) จะเลือกใช้อย่างไร http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/O3005389/O3005389.html ฟื้นคลังกระทู้เก่า@...->->->-> อยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัดแสง และสีเทากลาง http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/O3888657/O3888657.html ขอถามโง่ๆ เรื่องการวัดแสง และเทากลาง http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2009/01/O7467063/O7467063.html ผู้รู้ช่วยอธิบายเรื่องการวัดแสงด้วยครับ http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2007/07/O5648083/O5648083.html น้าน้าทั้งหลายมีเทคนิคเฉพาะตัวในการวัดแสงอย่างไรแนะนำกันบ้าง http://topicstock.pantip.com/camera/topicstock/2009/02/O7520236/O7520236.html สงสัยเรื่องสีดำครับ...ดำในร่ม...ดำกลางแจ้ง...ดำๆๆดำดินไปเลย .....หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างนะคะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 23:47:14 จากคุณ : จิตรางคทา - [ 22 พ.ค. 52 23:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณครับ จากคุณ : raksapondet - [ 22 พ.ค. 52 23:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เก่งไม่เก่ง ผมว่าไม่ได้ขึ้นกับโหมด M เท่านั้นนะครับ แต่ผมว่าขึ้นกับว่าสามารถเลือกใช้โหมดให้เหมาะกับสภาพแสง ณ ขณะนั้นได้ดีเพียงใดมากกว่า จริงๆ โหมด M นั้นเหมาะในสตูมากกว่านะครับ และจริงๆ แล้ว หากวัดแสงเป็น โหมดไหนก็ให้ภาพเหมือนกันครับ เรื่องเทคนิคมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ แค่ Speed Shutter กับ รูรับแสง ที่สำคัญคือ มุมมอง และสามารถคุมแสงได้ตามที่คิดไว้รึเปล่า แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 00:19:08 จากคุณ : Vkvs09 - [ 23 พ.ค. 52 00:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณจ้า จรุ๊ฟๆ จากคุณ : ปืนเถื่อน - [ 23 พ.ค. 52 00:15:58 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณด้วยคนค่ะ เราเห็นหลายๆความคิดในนี้คิดว่า ต้องถ่าย mode M เท่านั้นถึงจะดูโปร ตอนเราเรียนเราเคยถามอาจารย์ตอนไปช่วยงานเพื่อนว่าจะ set ค่ากล้องอย่างไรดี อาจารย์เราบอกว่า mode 'P' ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องปรับมาก นอกจากว่ารูปที่เราได้ยังขาดอะไรไป แล้วจึงเปลี่ยน mode เพื่อให้ได้รูปอย่างที่ต้องการ ส่วนตัวเราคิดว่าถ่าย Mode ไหนๆ ก็เหมือนกัน ขอแค่ให้เราเข้าใจว่าต้องการสื่ออะไร แล้วถ่ายมาให้ได้ก็พอ แต่แน่นอนเราต้องมีพื้นฐานที่ดี เพราะอย่างที่คุณจิตรางคฑาบอกไว้ ไม่มีทางที่เราจะนำค่าที่คนอื่นถ่ายมาใช้ แล้วภาพจะออกมาเหมือนกันเป็ะๆ เหมือนงานศิลป์สาขาอื่นๆที่นอกจากเทคนิคดีแล้ว ต้องมีความคิดที่ดีด้วย ไม่อย่างนั้นใครๆก็เป็น Van Gogh ได้ (ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันมั้ยเนี๊ยะ) จากคุณ : Cheerplater - [ 23 พ.ค. 52 00:28:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะถ่าย mode ไหน ก็ถ่ายกันไปเถอะครับ ถ้าถ่ายเป็นงานอดิเรก ถ่ายออกมาแล้ว ตัวเองชอบใจ คนใกล้ตัวชอบ ถ้าถ่ายเป็นอาชีพ ถ่ายออกมาแล้ว หาเงินเลี้ยงตัวได้ จะ mode ไหน ก็เก่งเหมือนกันครับ จากคุณ : aniss_st - [ 23 พ.ค. 52 00:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 -ขอบคุณค่ะ จากคุณ : pikulkeaw - [ 23 พ.ค. 52 01:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Mode IU มีไหมนี่ จากคุณ : alfajet - [ 23 พ.ค. 52 01:40:33 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จริงหรือนี่ จากคุณ : bedub - [ 23 พ.ค. 52 02:04:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทำไมภาพที่ผมถ่ายบางทีก็มืดไปบางทีก็สว่างไปทั้งที่ผมก็ใช้ระบบออโต้อันแสนฉลาด กล้องก็ราคาหลายหมื่นบาท ? เพราะ...........ไง ระบบ M สำคัญมากสำหรับคนที่เริ่มศึกษาการถ่ายภาพอย่างจริงจัง ยืนยัน จากคุณ : ศิลปินxD - [ 23 พ.ค. 52 02:52:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมาก ๆ เลยคับผม จากคุณ : maodarifto - [ 23 พ.ค. 52 03:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอคุณนะครับ ที่สละเวลา มาเพื่อสิ่งที่ผมหาอยู่ ถูกใจมากครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 05:44:18 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 05:43:07 จากคุณ : โหม่งเห็ด - [ 23 พ.ค. 52 05:42:31 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Mode M ผมใช้กรณีแสงสวิงบ่อยๆ กดล็อคแสงบ่อยๆมันทำไม่ทันเก็บภาพ Mode Av, Tv, P เอาไว้วางแสง เช่น ถ่ายสภาพแวดล้อมที่เป็นสีขาว ก็ต้องปรับขีดไปด้านบวก ถ่ายสภาพแวดล้อมที่เป็นสีดำ ก็ต้องปรับขีดไปด้านลบ เหมือนการวางหมากนั้นแหละ คุณไม่ต้องสนใจ ค่า f และ s เลยก็ยังได้(ยกตัวอย่างเน้นค่าแสงอย่างเดียว) วางผิดวางถูก ก็ยังไปทางที่ควรจะไปอยู่ แค่วางขีดสเกลแล้วถ่าย แล้วดูว่าภาพมันได้แสงตามต้องการหรือไม่ อารมณ์มันจะต่างจากการใช้ Mode M Mode M เอาไว้อ่านค่าแสง คุณต้องสนใจค่า f และ s อย่างเลี่ยงไม่ได้ คุณต้องดูสเกลตลอด ค่า f,s หนึ่งๆ จะให้ค่าแสงที่ไม่เท่ากันได้หลากหลาย ตามสภาพแวดล้อม โอกาสภาพ จะรับแสงผิดพลาดมีสูงกว่า แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 08:21:07 จากคุณ : WATERBOY R - [ 23 พ.ค. 52 06:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมใช้แต่ M มาตลอดจากกล้องฟิล์ม ตอนนี้กำลังหัดใช้ Tv, Av ครับ รู้สึกว่าไหนๆซื้กล้องมาแล้วควรใช้ให้คุ้มค่าโปรแกรมที่เค้าคิดมา(เฮ้ออ) จากคุณ : Mr.KiNg - [ 23 พ.ค. 52 06:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ใช้ AV ค่อนข้างบ่อยครับ แล้วชดเชยแสงเอาตามอารมณ์ภาพครับ คิดถึง DoF ก่อนว่าภาพนี้ต้องการแบบไหน โทนอย่างไร ใช้ M ตอนแยกแฟลช เพื่อคุม AMBIENT กับ DoF กับตอนที่สภาพแสงซับซ้อนครับ EXIF ผมเอาดูเอาไว้เรียนรู้การชดเชยแสง และเอาไว้เดาเล่นกับเพื่อน ว่าใช้เลนส์ช่วงไหนครับ ดู perspective มัน อ้อ เอาไว้หาข้อผิดพลาดของตัวเองด้วยครับผม แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 10:24:30 จากคุณ : ริมธารา - [ 23 พ.ค. 52 07:02:22 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คิดว่าคงยังจำสถิติที่เรียนกันแทบตาย ตอน ม.5-6 กันได้นะครับ ไอ้กราฟรูประฆังคว่ำ ที่อาจารย์เอามาตัดเกรดพวกเราหนะ ถ้าเอารูปที่ี ช่างภาพ ตากล้อง คนชอบถ่ายรูป ฯลฯทั้งหมด มาจัดหมวดหมู่ มันก็จะออกมา คล้ายๆ กราฟตัดเกรดนั่นเช่นกัน คือ ภาพกว่า 80% ได้ C เอ๊ย มีสภาพแสงที่คอนทราสต์ไม่สูงเกินไป สามารถพยากรณ์ล่วงหน้าได้ว่า ควรใช้หน้ากล้อง หรือ ความเร็วเท่าไหร่ --------------------------------------------- ถัดมาคือ พวกเนิร์ดบ้าเรียน หรือพวกชอบเอาการ์ตูนมาอ่านในห้อง พวกนี้ ให้ B กับ D ไปแล้วกัน ..  พยากรณ์ได้ แต่ต้องเคี่ยวเข็ญ (D, D-) หรือสนับสนุน (B, B+) เป็นพิเศษ ภาพก็เช่นกัน .. พวกที่ได้เกรด B หรือ D ก็ต้องจัดการเป็นพิเศษ ไม่ว่าใช้ "ชดเชยแสง" หรือ โหมด Av, Tv เช่นภาพ macro, ภาพย้อนแสง, ภาพแสงตัดกันมากๆๆๆ พวกภาพเกรด B เนี่ย .. อัดสูตร อัดคำตอบ อัดชอร์ตคัทสถานเดียว --------------------------------------------- พวกสอบได้เกรด A .. พวกนี้มีปัญหาพอๆกับพวกได้ F แหละ เพราะมันสุดยอดเนิร์ดกันทั้ังสองพวก บ้าเรียน(หรือบ้าเกมส์) จนไม่สนใจระเบียบ กฏ เกณฑ์ กติกา ฯลฯ ต้องการการจัดการ ดูแล เอาใจใส่ ฯลฯ เป็นพิเศษ ภาษาเด็กซิ่วเรียกว่า "คอร์สสด" เรียนจากเทป หรือ ติว ฯลฯ ไม่ได้ผลหรอก พวกได้เกรด A มันก็จดยิกๆๆๆ ก่อนถามตะพึ่ด .. ด้่วยคำถามที่ไม่มีคำตอบสำเร็จรุป (พวก F มันไม่ถามเลย เอาแต่อ่านการ์ตูน ) โหมด M ก็เหมือนกัน ทุกๆครั้งที่กด ... มันคือ คำถามที่ไม่มีคำตอบสำเร็จรูป สภาพแสง หรืออารมณ์ภาพ ที่วิศวกรออกแบบโปรแกรมกล้อง ไม่มีปัญญารู้ล่วงหน้า ว่าจะเป็นโจทย์ ที่ควรเตรียมเอาคำตอบอย่างไหนมาส่งให้ ต้องตอบกันสดๆ ตรงนั้น ตอนนั้น --------------------- เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่กันแล้วหละ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 23 พ.ค. 52 07:12:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เอาภาพฝันร้ายของหลายๆคน มาให้ดูเล่น จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 23 พ.ค. 52 07:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น่าโหวตครับ จากคุณ : Son&Ning - [ 23 พ.ค. 52 07:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดที่ผิดๆของคนที่ไม่เข้าใจกล้อง หรือถ่ายภาพไม่เป็น ที่ผมเจอบ่อยๆ มี2อย่างครับ คือ กล้องแมนนวล กับ ถ่ายโหมดแมนนวล กล้องแมนนวลถ่ายภาพออกมาสวยชะมัดยาด       พอผมควัก D-SLR ติดเลนส์ Auto focus ออกมาให้ดู "เออ ใช่ๆ แบบนี้แหละ" ส่วนใหญ่ประเภทนี้ถ่ายภาพไม่เป็น ยังไม่มีกล้องเป็นของตัวเอง และมักจะเข้าใจว่า ไอ้กล้องดำๆที่เอาตาแนบกับไอ้บ้องใหญ่ๆที่ติดอยู่ เค้าเรียกว่ากล้องแมนนวล ถ่าย Mode M ภาพออกมาสวยกว่าโหมดอื่น แต่ถ่ายยากชิ๊ปเลย       ประเภทนี้จะเริ่มเข้าใจเรื่องการถ่ายภาพขึ้นมานิดนึง และบางคนมีกล้องเป็นของตัวเองแล้ว และกำลังพยายามฝึกใช้ M เนื่องจากคิดว่ามันให้ภาพที่สวยกว่าโหมดอื่น เพราะเราปรับเองทุกอย่าง โดยที่ไม่เข้าใจว่า ค่า2ค่า ระหว่างรูรับแสง กับสปีดชัตเตอร์ มันสัมพันธ์กันทุกโหมด จะใช้โหมดไหนขึ้นอยู่กับความถนัดมากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 09:03:23 จากคุณ : DUB-COOK - [ 23 พ.ค. 52 08:59:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับโหมด M สำหรับการเรียนรู้ก็ดีครับ นักถ่ายภาพรุ่นเก่า จะเรียนรู้จากโหมด M มาก่อนทั้งนั้น เมื่อก่อนกล้องยังไม่ค่อยมีระบบ A S P Auto มันจึงต้อง Manual ในทุกสถานการ์ณ ให้ชำนาญ ลองคิดดูว่าตากล้องรุ่นเก่าๆ ความสามารถ ขนาดไหน แต่มาสมัยนี้ระบบกล้องมีความก้าวหน้ามาก คนรุ่นใหม่ แทนที่จะเริ่มจากโหมด M ก็เลยต้องข้ามไปเรียนรู้ระบบ Auto แทน เนื่องจาก เริ่มมีความซับซ้อน และละเอียดขึ้นมาก. สำหรับผม การถ่ายด้วยโหมด M ผมมักจะพอใจกับภาพที่ได้พอควรเลย แต่พอเอาเข้าจริง ไม่คิดมาก ถ่ายมากๆ ก็ล้า สุดท้ายก็หากินกับโหมด P เป็นหลักเลย เพราะคิดมาคิดไป การถ่ายภาพ ก็เพื่อความพอใจของตัวเองเป็นหลักนี่นา. จากคุณ : E22QV - [ 23 พ.ค. 52 09:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ผมจับกล้อง450D ผมตอนแรก ก็ใช้ โหมดM เพราะคิดว่ากล้องแบบนี้ต้องใช้Mซิ แล้วก็เริ่มเรียนรู้จากมันนี้แหละ ว่า f s iso บลาๆๆ ก็พอจะรู้ความสัมพัน ว่าค่าแต่ละค่ามีผลยังไงกับรูปบ้างในระดับหนึ่ง(แต่ก็ไม่หมดอย่าง ชัดลึก ชัดตื้นก็พึ่งรู้ทางinternet) ส่วนตอนนี้ใช้โหมด M เพราะว่า สนุก 555+ เป็นคนชอบปรับ แล้วบางทีมันให้ภาพที่ถูกใจกว่าโหมดอื่นนิดหน่อย แต่ถ้าบางครั้ง เวลานิดเดียว หรือ พลาดแล้วพลาดเลย ก็ใช้ Av P ตามโอกาส อ่อแต่ก่อนชอบใช้ Tv ด้วย- -'' ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม จากคุณ : WaZK - [ 23 พ.ค. 52 09:35:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เปรียบเทียบให้เห็นว่า โหมดเอ็มเหมือนกับเครื่องเสียงที่เราปรับ อีควอไลเซอร์เอง เหมาะสำหรับบางเพลงที่อัดมาไม่ดีเสียงเบสอาจดังเกินไป หรือเสียงเครื่องเป่าแสบหูไป  ที่ไม่อาจใช้ปรับตาม ปอบรอคแจสได้หรือหรับได้แต่ไม่เพราะ โหมด m ก็เหมือนกัน มันมีไว้เพื่อตอบสนองในเวลาที่โหมดอื่นไม่สามารถตอบสนองได้ดี แต่ส่วนใหญ่ผมเห็นใช้แต่โหมด P กันแทบทุกคน บางครั้งเอาความเร็วเข้าว่าปรับโหมดสำเร็จรูปถ่ายก็มี ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องซีเรียสครับ  โหมดไหนก็ได้ที่ถ่ายแล้วมีความสุขเหมือนการฟังเพลงเพราะๆ จากคุณ : ปรมาจารย์ - [ 23 พ.ค. 52 09:37:59 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ด่วนๆ ก็ P ปกติก็ A แสงงงๆก็ M จากคุณ : หงส์เมืองเหนือ - [ 23 พ.ค. 52 09:54:27 ]

ความคิดเห็นที่ 24 กิ๊ฟสุดท้ายของเดือนนี้ ผมให้คุณ จขกท.ครับ จากคุณ : เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike) - [ 23 พ.ค. 52 09:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อยากเก่งต้องทำความเข้าใจการบันทึกภาพมากกว่าที่จะเลือกใช้โหมดใด โหมดหนึ่ง เข้าใจแค่โหมดนั้นๆเป็นหลัก และสุดท้ายก็ต้องดูที่ผลลัพท์มากกว่า โหมดเอ็มเป็น โหมดสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งค่าเองส่วนใหญ่ เพื่อผลลัพท์ที่ตรงตามใจมากกว่าจะ เรียกว่า "ถ่ายเก่ง" ครับ จากคุณ : ผมใช้โหมด AV บ่อยกว่า M (the เด็ก) - [ 23 พ.ค. 52 09:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมใช้แต่ M ครับ เพราะตอนแรกที่ซื้อกล้องก็หัดใช้แต่โหมดนี้ตลอด เป็นความต้องการของตนเองที่ซื้อ DSLR มาแล้ว เพื่อจะใช้โหมด M นี่แหละ ถ้าซื้อมาแล้ว ปรับกึ่งอัตโนมัติ มันก็ไม่ต่างอะไรกับอารมณ์คอมแพคท์ แต่แค่ให้ภาพที่ดีกว่า กว่าจะถ่ายได้แต่ละภาพ ปรับแล้วปรับอีก -*- แต่ก็สนุกครับ สนุกกับการถ่ายภาพ คุ้มละ จากคุณ : akiTheCrepe - [ 23 พ.ค. 52 09:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 จริง ๆ แล้วโหมดอะไร ก็ต้องถ่ายแก้กันเป็นส่วนมาก โหมดที่ให้ภาพสวยถูกใจมากที่สุด ก็คือโหมด M แต่เบื้องหลังความถูกใจนั้น ต้องกดกันถึงสาม-สี่ครั้ง แม้แต่ WB ก็ต้องตั้งอุณหภูมสีเอาเอง การถ่ายให้เก่งนั้น เป็นผลพลอยได้จากความพยายามถ่ายภาพให้ดี ......................... ขอให้มีความสุขในการถ่ายภาพนะครับ จากคุณ : Johnny B Good - [ 23 พ.ค. 52 10:03:22 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเข้าใจว่าความสัมพันธ์ระหว่าง Combination ทั้งสาม ช่องรับแสง เวลาเปิดรับแสง ความไวแสงของตัวรับภาพ รู้ว่าจะใช้อะไร เท่าไหร่ เมื่อไหร่ เพราะอะไร แค่นั้นก็พอแล้วครับ โหมดอะไรก็ได้ ไม่แตกต่างกัน ไม่มีโหมดไหน ถ่ายภาพสวยกว่าโหมดไหน ต่างกันที่วิธี และความสะดวก ในการควบคุมค่าทั้งสามเท่านั้น จากคุณ : อะธีลาส - [ 23 พ.ค. 52 10:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ปกติใช้แต่โหมด A ส่วน M ใช้ตอนใช้แฟลชถ่ายมาโคร S นาน ๆ จะใช้ที ส่วน P ไม่ได้ใช้เลย จากคุณ : Morgoth Bauglir - [ 23 พ.ค. 52 10:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณค่ะ   กำลังหาข้อมูลอยู่เลย จากคุณ : fat sheep - [ 23 พ.ค. 52 10:46:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ผมว่าโหมด Av Tv ก็ต้องเรียนรู้เรื่อง Speed Shutter และรูรับแสงเหมือนกันนะครับ   ถึงแม้จะปรับแค่ค่าใดค่านึงก็ตาม  เราก็ต้องรู้ว่าปรับแบบไหนจะได้ภาพแบบไหน ผมใช้ Av เป็นหลักครับ  เพราะถ่าย candid งานแต่งบ่อยๆ  สภาพแสงมันต่างกันมาก ไม่ว่าจะซุ้มถ่ายรูป  โต๊ะลงทะเบียน ภายในงาน บนเวทีช่วงสัมภาษณ์ กับตัดเค้ก ก็ต่างกันเยอะแล้ว   แถมบางทีว่าวัดแสงดีแล้ว  ตอนจะถ่ายดันมีไฟ follow เข้ามา บางทีไฟจากกล้องวิดิโอโผล่มาอีก  บางทีโรงแรมเค้าก็ dim ไฟลงมา ผมปรับโหมด M ไม่ทันครับ  เลยใช้ AV ซะส่วนใหญ่ บางทีมึนมากๆ ใช้ P มันซะเลย แต่ตอนนี้เริ่มใช้โหมด M ครับ  เพราะกะลังหัดใช้แฟลชน่ะครับ สรุปผมว่าใช้โหมดไหนก็ได้ที่ถนัด แต่ควรจะเรียนรู้เรื่อง Speed Shutter และ ขนาดรูรับแสงด้วยอะครับ จากคุณ : kama - [ 23 พ.ค. 52 10:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 32 AV ครับแจ่ม จากคุณ : reandeer - [ 23 พ.ค. 52 11:19:35 ]

ความคิดเห็นที่ 33 Aparture Speed shutter ISO ถ้าเข้าใจ 3 อย่างนี้เป็นอย่างดี สามมารถเอามาประยุกต์ใช้ กับการถ่ายภาพได้ทุกแนวล่ะครับ จะใช้โหมดไหน ถ้าได้ได้ถูก ตามสถานการณ์ที่เจอก็ ได้ภาพออกมาไม่ต่างกันเท่าไร จะไปฝังใจใช้ โหมด M อย่างเดียวก็ไม่ถูก มันต้องใช้เวลา ปรับค่า ใช้เวลาวัดแสง สำหรับผม โดยทั่วไปก็เล่นกันที่ A ครับ  ใช้ได้แทบจะทุกช่วง  ก่อนจะกดถ่ายก็เหลือบๆ ดูค่า  Speed shutter ซะนิดนึง ถ้ามันช้าไป ก็จะไปดันค่า ISO เอาครับ จากคุณ : sanitkku - [ 23 พ.ค. 52 11:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อ้าวพิมพ์ตอบไปแล้ว กลับมาอ่าน ถึงได้รู้ว่า คุณอะธีลาส ตอบไปแล้ว ซ้ำเลย จากคุณ : sanitkku - [ 23 พ.ค. 52 11:58:48 ]

ความคิดเห็นที่ 35 มีโปรสอนหนูสองดีมาว่า.... อย่าบ้าจี้ว่าต้องใช้โหมด M แล้วจะโปร เลือกใช้ตามสถานการณ์ และความสามารถที่จะถ่ายให้ทันรับประทานดีกว่า กร๊ากกกกกกกกก ฟังแล้วเออจริง .... สองดีว่าใครถนัดใช้อะไรก็ใช้ไป A S M หรือโหมด(โปร) P แ้ม้แต่ AUTO สำัคัญที่ว่าอยากได้ภาพแบบไหน ไม่ใช่ถ่ายมาแล้วต้องไปเถียงกับโปรป้าอย่างกระทู้โน้น จากคุณ : DeE dEe - [ 23 พ.ค. 52 12:11:30 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ส่วนใหญ่น้าผู้ชายจะนิยม AV เยอะเลย คริๆ จากคุณ : ก็เป็นแค่ทางผ่าน - [ 23 พ.ค. 52 12:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เคยอ่านคำแนะนำของอาจารย์ด้านถ่ายภาพท่านหนึ่ง คือ อาจารย์มังกรดำ บอกว่า โหมด M ไม่ได้เหมาะกับโปร แต่เหมาะกับมือใหม่ เพราะการถ่ายด้วยโหมด M จะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วชัตเตอร์ กับรูรับแสง และความไวแสง ได้ดีที่สุด ซึ่งสำหรับผม มันใช่เลย ถ้าใครมาให้แนะนำวิธีการถ่ายภาพด้วย DSLR หรือ SLR-like ผมจะแนะนำ ให้ลองโหมด M เพื่อให้เข้าใจการ "ได้ภาพ" ของกล้องถ่ายรูป ที่ชัดเจนที่สุด จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) - [ 23 พ.ค. 52 12:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าแม่นพื้นฐานค่าความสัมพันธ์กับเข้าใจเรื่องของแสง mode ไหนก็เหมือนกันประยุกต์ใช้ได้ตามสถานการณ์ ^^ มีช่างภาพหลายท่านที่ผมชื่นชมผลงาน 80% ของภาพถ่ายยังใช้แต่ mode AV เลย ^^ ส่วนผมออกแนวมั่วมากกว่าแม่น เอิ๊ก...ๆๆ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 13:12:19 จากคุณ : จิ๊กโก๋สะพายกล้อง - [ 23 พ.ค. 52 13:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ชอบกระทู้แบบนี้จังครับ ได้ทั้งสาระความรู้ และทุกคนเข้ามาช่วยกันชี้แนะ แลกเปลี่ยนความรู้กัน ขอบคุณมากๆเลยครับ จากคุณ : ปะการังสีเพลิง - [ 23 พ.ค. 52 14:08:56 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณมาก ๆ ครับ ... จากคุณ : D_YONG - [ 23 พ.ค. 52 14:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 41 #23 ด่วนๆ ก็ P ปกติก็ A แสงงงๆก็ M จากคุณ : หงส์เมืองเหนือ ผมก็ใช้สูตรเดียวกับน้านี่แหล่ะ #36 ส่วนใหญ่น้าผู้ชายจะนิยม AV เยอะเลย คริๆ จากคุณ : ก็เป็นแค่ทางผ่าน ก็ของเขาดีจริงๆอ่ะ ไม่เชื่อลองดิ จากคุณ : อังกะลุงV3 - [ 23 พ.ค. 52 17:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 42 "เห็นควรด้วย" ทุกประการ ถ้าเข้าโหมด AV แล้ว มือไม่สั่น ถ่ายรูปได้ รูปออกมาพอดูได้ ก็เรียกว่าโปรฯ สบายๆ ยิ่งรูปออกมา ดูดี ดี๊ ดี ... มือไม้ไม่อ่อน ต้องเรียกว่า เซียนเหนือโปร โหมด M ชิดซ้ายไปเลย ยกเว้นโหมด M แล้วปรับ WB ให้ "ม่วง"เยอะๆ จากคุณ : ออกทะเลไปไหนหว่า (แมวเหมียวพุงป่อง) - [ 23 พ.ค. 52 18:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าถ่ายรูป มีความเข้าใจแล้ว คนๆนั้น จะรู้เองว่า สมควรใช้ โหมดไหน ณ เวลาใด ไม่มีอะไร ดีที่สุด แต่  มันจะสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ก็คือ  ความเข้าใจของตัวเอง จากคุณ : "หลิวเต๋อหัว" - [ 23 พ.ค. 52 19:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เอ่อ..แล้วแต่วานล่ะครับ ด่วนๆ ผ่านๆ  P ถ่ายคน  แสงดีๆ ก็A M ผมสำหรับถ่ายออกนศิลป์หน่อย หุหุ... จากคุณ : racetruck - [ 23 พ.ค. 52 19:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 45 M ไว้เรียนรู้ P เป็นโปรแล้วถึงใช้    อิอิ โหมดไหนก็ได้ ขอให้ได้ภาพตามต้องการ  เหมือนแมวพันธ์อะไรก็จับหนูได้ทั้งนั้น อย่าซีเีรียสเรื่องจะใช้โหมดอะไร เอาเวลาไปถ่ายภาพให้มันสนุกดีกว่า จากคุณ : เอก (เด็กดำเนิน) - [ 23 พ.ค. 52 20:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด ขอแจกกิ๊ฟและโหวตก่อนครับ ออ..ขออนุญาตเซฟนะครับ จากคุณ : smileNNa - [ 23 พ.ค. 52 21:23:08 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมว่า รูปสวยทุกโหมดนะครับ ... ถ้าใช้เป็นนะ ... จากคุณ : ดี ชั่ว รู้หมด แต่อดไม่ได้ (por-puay) - [ 23 พ.ค. 52 23:02:51 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผมชอบถ่ายโหมด m ให้ติดอันเดอร์ 1 stop เพราะติดจนเคย (-0.3) ปรับค่า F  เปนหลัก ชัตเตอร์ยืนเอาไว้ตามที่ต้องการ ผมจะใช้โหมด m เมื่อถ่ายโหมด a p เเล้วมันไม่ได้ดั่งใจ จากคุณ : อาร์ตตี้ (อย่าร้องไห้น้า) - [ 23 พ.ค. 52 23:10:19 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เรียงลำดับจากเริ่มซื้อกล้องใหม่ๆ ไปตามระยะเวลา P -> AV -> TV -> M จากคุณ : CHERRY_BERRY - [ 24 พ.ค. 52 00:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตอนใช้กล้องฟิล์มใช้โหมด M  ตลอด ไม่รู้สึกว่าช้าอะไรเพราะกล้องที่ใช้ออกแบบมาให้เล่น M ค่อนข้างง่ายและสะดวก รู้สึกว่าควบคุมทุกอย่างในกล้องได้ดีกว่า แต่พอมาใช้ดิจิตอล การควบคุมกล้องไม่ค่อยสะดวกเหมือนเก่า เพราะเปลี่ยนค่ายและไม่ใช่กล้องระดับเดียวกับเมื่อก่อน พอใช้ M แล้วช้าไม่ทันใจ ก็เลยใช้โหมด A เป็นหลัก แต่ถ้ารูปไหนต้องการแบบประนีตหน่อย ก็ใช้ M จากคุณ : imf41 - [ 24 พ.ค. 52 00:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 51 หลายคนคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า "จริงอยู่มีเงินซื้อกล้องแพงใช้ แต่... ตั้งแต่ซื้อมาและใช้มาแหวนปรับค่าไม่เคยขยับจาก Auto เลย" มันขึ้นอยู่กับความต้องการในการสื่อสาร เล่าเรื่องด้วยภาพ เจตนาที่ต้องการสื่อออกมามากกว่า 1. ไม่รู้จักค่าอื่น เพราะไม่เคยหมุนมันเลยอยู่ที่ Auto ตลอด แต่ทุกครั้งที่ถ่ายรูปออกมา ก็... ส๊วยสวย ช๊อบชอบ... 2. มุมได้ ใช่ภาพที่ต้องการ... ก็พอแล้ว ไม่รู้หรอกมันจะลึกจะตื้น ก็ชอบอย่างนี้อ่ะ 3. อยากได้ภาพที่เค้าเรียกกันว่ามัน ลึก ๆ ตื้น ๆ ก็ลองปรับ ๆ ดู หมุนค่านั่นนิด หมุนปุ่มนี่หน่อย ปรับตัวโช่ๆ น้อย ๆ .... อืมก็ออกมาแปลก ๆ ดีนะ แต่ละทีที่ปรับก็ไม่เหมือนกันเลย... ดีจัง 4. เอ้าถ่ายทำไมเบลออ่ะ... อ๋อ ต้องปรับ ๆ เร่ง ๆ มันหน่อย เปิดรูกว้าง ๆ ขยับนำไปนิด ชิด ๆ ขอบเฟรมมันหน่อย กะจังหวะเล็กน้อยแล้วค่อยกดชัตเตอร์ 5. จ๊า จ้า พล่า พล่า ตาลาย... เค้าต้องปรับโฟกัสตาที่รูมองด้วยเหรอ? ปรับได้เหรอ? อ๋า ทำได้ด้วยอ่ะ... ^_^ 6. เอ้าแล้วก็ไม่บอก สปีดช้าขนาดนี้ต้องใช้ขาด้วย ก็อุตส่าห์ยันสองเท้า หลังติดกำแพงแล้วเชียว -_+"... ต้องใช้ขาตั้งกล้องสิ ฯลฯ ขอโทษที่ยาวไปนิดส์นะคะ ^_^ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มันเกิดขึ้นกับทุกคน ที่รักการถ่ายภาพและเรียนรู้จากประสบการณ์ หาอ่านจากตำรานอกสถาบัน และทำความเข้าใจจากสิ่งรอบตัว แม้กระทั่งจากเวปบอร์ดก็ตามค่ะ ภาพที่คุณนำเสนอ คุณต้องการเล่าอะไร คุณต้องการบอกอะไร คุณเห็นอะไรในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่เห็นเหมือนที่คุณเห็น เขาไม่ถ่ายเหมือนคุณถ่าย และคุณก็ไม่เคยถ่ายแบบที่คนอื่น ๆ เขาชอบถ่ายกัน หรือคุณเองก็ชื่นชอบในแบบที่คนอื่นเขาถ่าย ก็เลยอยากถ่ายได้อย่างเขา ถ่ายตามเขา มองตามเขา ถ่ายตามเขา เอาอย่างเขา .... และก็มีประเภทแบบเอาของเขามาก็มี -_+ นี่คือเหตุผลส่วนตัวที่มีต่อมือสมัครเล่นนะคะ เราก็เป็นหนึ่งในแบบที่่ว่า ๆ มาแหละค่ะ คือเราจะไปเทียบรุ่นโปร ๆ เค้าไม่ได้ เพราะมืออาชีพ เขาต้องเรียนรู้การปรับค่าต่าง ๆ ความสนใจ ความมุ่งมั่นจึงต่างกัน รับจ้างถ่ายภาพ ต้องตอบโจทย์ของลูกค้าให้ได้่ว่า ลูกค้าต้องการภาพแบบไหน สินค้าที่ถ่ายเป็นอะไร ความชัดเจนในการนำเสนอ แล้วถ้าถามว่า โปร ๆ เค้าปรับกันอย่างไร ถ่ายโหมดอะไร ขอตอบว่า ชั้นจะไปรู้เหรอ? จับช่างภาพมืออาชีพ 100 คน ยืนเรียงหน้ากระดานแล้วถามทีละคนว่าใช้ค่าอะไรถ่าย ปรับอะไร ยังไง แต่ละคน ตอบไม่ตรงกันเลยสักคน เพราะแต่ละคน เค้าถนัดการใช้งานไม่เหมือนกัน แต่ละคนก็มีวิธีการนำเสนอภาพที่ต่างกันออกไปตามแนวถนัดของตัวเอง และตอบโจทย์ลูกค้า ช่างภาพกีฬา 10 คน ยังมีวิธีถ่าย เทคนิคปรับไม่เหมือนกันซักกะคน ภาพมันจึงออกมาแตกต่างกัน ต่างมุมมอง ต่างสปีด ต่างรูรับแสง ต่างขนาด ความสวยงามของภาพถ่าย มันไม่มีค่าตายตัว ที่สำคัญคือ ความต่างในการนำภาพไปใช้งาน เรียนรู้และปรับ ๆ หมุน ๆ แก้ ๆ กันไปค่ะ เดี๋ยวมันจะสวยในแบบของเราเอง เป็นแบบของเราเอง สไตล์ของเราเอง และภาพของเราเอง... อิ อิ ขณะที่หลาย ๆ คนโขว์รูปพระจันทร์โตกว่าฝาบ้าน มโหฬารจับใจ สะท้านสายตาทุกดวง แต่เราก็ยังชอบรูปพระจันทร์สาคูวางบนผ้าดำของเราอยู่ดี และเราก็ว่า มันสวยที่สุดเลยหละ (หมายถึงว่า มันเม็ดเล๊กเล็กมากหนะค่ะ -_-") ขอบคุณที่กรุณาอ่านจนจบนะคะ กำลังฝึกฝนปุ่ม ๆ ปรับ ๆ กับค่าต่าง ๆ อยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็เรียกตัวเองว่าโปร... อิ อิ (เรียกตัวเองคนเดียว... ^.^) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 02:13:28 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 02:12:23 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 02:09:05 จากคุณ : ดวงตามังกร (ดวงตามังกร) - [ 24 พ.ค. 52 02:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 52 จากคุณ : PiGsPy - [ 24 พ.ค. 52 04:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ตอนซื้อกล้อง SLR ใหม่ๆ ใช้ M เพราะรู้สึกว่า AV กะ TV มันจะมีมาให้ทำไม (วะ) เพราะ M ก็ใช้ได้เหมือนกัน ปรับได้ดีกว่าอีก แต่พอถ่ายๆไปนานๆ เริ่มเข้าใจอะไรๆมากขึ้น ในสถานการณ์ที่ไม่มีเวลาตั้งค่าละเอียดๆ ก็ใช้ AV ถ่ายตลอด นอกจากจะใช้แฟลช หรือใช้วิธีที่ต้อง Over-Under เยอะๆ ถึงจะเปลี่ยนเป็น M อะครับ จากคุณ : paefah - [ 24 พ.ค. 52 10:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ผมไม่สนใจโหมดว่าถ่ายโหมดใหน แต่สนใจอย่างมากว่า "ถ่ายยังไงให้ภาพออกมาตามที่เราต้องการ สวย ชัด มากกว่า" จากคุณ : น้าวัชร-จัดให้ - [ 24 พ.ค. 52 11:37:23 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ใช้เป็นแค่ M คงไม่ผิดมั้งครับ จากคุณ : airtime - [ 24 พ.ค. 52 13:53:25 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอบคุณครับ จากคุณ : OverclockGT3 - [ 24 พ.ค. 52 17:28:13 ]

ความคิดเห็นที่ 57 โดยส่วนตัวผม ถนัดโหมด A ที่สุดอ่ะครับ  เวลาถ่ายแต่ละรูป สิ่งที่จะแวบเข้ามาในหัวก่อนเลยก็คือ รูปนี้ ตูจะถ่ายให้ชัดตื้น หรือชัดลึก  ก็เลยเป็นที่มาของการใช้โหมด A เป็นหลักอ่ะครับ  แต่พอถ่ายมาได้ระยะนึง  มันมีบางสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้โหมดอื่นๆ ด้วย ก็เลยต้องขยับไปใช้โหมดอื่นบ้าง ส่วนโหมด M นานน้านนนน ถึงจะได้แตะสักทีอ่ะครับ แต่ก็ยังรู้ไม่เยอะเท่าไหร่นะครับ มั่วๆ กันไป  และผมก็ไม่ใช่คนอ่านเยอะอ่ะครับ เน้นทดลองเอง มั่วเองมากกว่า ได้ภาพดีบ้างไม่ดีบ้าง  เน้นถ่ายมาให้เยอะๆ เอาที่ดีๆ เก็บไว้ เสียๆ ก็ลบทิ้ง รู้ว่าทำงี้ดูไม่โปรฯ เมื่อไหร่จะเก่งซะที  แต่ก็จะทำอ่า ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : David_kop - [ 24 พ.ค. 52 19:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 58 M ดีจริง ถ้าเข้าใจ แต่กล้องทุกวันนี้ฉลาดมากแล้ว ใช้ด้วยความเข้าใจ อะไรก็ดีทั้งนั้นครับ ไม่จำเป็นว่าต้อง M เสมอไป ขอแค่เข้าใจครับ   ผมใช้ p เวลาไปเดินเที่ยวชดเชยแสงนิดหน่อยสบายๆ wb ถ้ากลัวพลาดมากก็ถ่าย RAW แต่กล้องมันฉลาดแล้ว ถึงถ่าย jpeg ก็พอไปแก้ไขได้นิดหน่อยด้วย software   แต่ถ้า mem เยอะ raw ไว้ก็ดี mode A เวลาต้องการถ่ายเน้นนิดๆ  คุมชัดลึกหรือต้องการความคมที่สุดของเลนส์   Mode M เวลาที่ต้องการ คุคุมทุกอย่างให้ได้ดั่งใจด้วยตัวเอง ที่กล่าวมาอยากแนะนำว่าให้ใช้ตามความ เข้าใจครับ อิอิ จากคุณ : b3344 www.overclockzone.com - [ 24 พ.ค. 52 21:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ขอบคุณมากฮะ จากคุณ : tourthai - [ 24 พ.ค. 52 21:50:11 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ไม่ได้เป็นโปรครับ แต่ผมใช้ไหมดอื่นไม่เป็น เคยลองใช้โหมดอื่น ฟิลแฟลช ttl เน่า หมดเลย บางที เสียโอกาสได้ภาพดีๆไปเยอะ ตอนนี้กล้องก็ m แฟลชก็ m โดนอำว่า แล้วจะซื้อแฟลชแพงๆทำไมฟะ จากคุณ : คนตกงาน (Niks Newbie) - [ 25 พ.ค. 52 12:22:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เริ่มรักสบายครับ จะ M ก็ต่อเมื่อมีเวลาให้กับมัน, สถานะการณ์เดิมๆ, สถานะการบังคับ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 52 12:31:28 จากคุณ : ของเล่นใหม่ - [ 25 พ.ค. 52 12:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เห็นด้วยครับ ผมชอบยืดหยุ่นน่ะครับ ผมมักจะปรับค่าของกล้องตามลักษณะการถ่ายมากกว่า จากคุณ : นายผจญภัก - [ 25 พ.ค. 52 15:08:10 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ถ้ารีบๆนี่ผมถ่ายโหมด M ไม่ไหวไม่ทันครับส่วนมากจะ A จากคุณ : tus_sks - [ 25 พ.ค. 52 15:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ผมเริ่มหัดจาก M จนเข้าใจการวัดแสง ตอนนี้ Av ส่วนใหญ่ นานๆจะ Tv P แทบไม่เคยใช้ จากคุณ : ~@แมงม่วนแมน@~ - [ 25 พ.ค. 52 17:01:45 ]

ความคิดเห็นที่ 65 จากคุณ : badhermit - [ 25 พ.ค. 52 17:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ผมอ่านหนังสือและค้นคว้าแล้วนะครับ แต่มันไม่มีส่วนที่ผมงงจริงๆนิครับ ก็ต้องตั้งกระทู้ ใครๆก็ต้องถามคนอื่นอยู่แล้ว ไม่มีหรอกไอ้ที่อ่านหนังสือล้วนๆแล้วเก่งเลยน่ะ แถมตั้งไปแค่ 2 กระทู้เอง ก็บอกว่ามากแล้วหรือ จากคุณ : Aenieas - [ 25 พ.ค. 52 17:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ประเด็นมันอยู่ตรงตัวหนังสือที่ว่า "ใช้แล้วเหมือนโปร" "อยากเก่งใช้โหมด M" มากกว่ามั๊งครับ ถ้าไม่มีประโยคข้างต้น พวกเราไม่คุยกันยาวเหยียดแบบนี้หรอกครับ ใครเรียนรู้ซักนิดก็เริ่มรู้แล้วล่ะว่าโหมดไหน ใช้ทำอะไร (รับรองไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในกระทู้ชนิดนี้เลย) ประเด็นอะไรที่มีคำว่า ใช้แล้วเก่ง ทำแล้วเหมือนโปร เป็นแบบนี้เสมอ ........... ใครลองจุดกระแสเล่นๆแบบว่า "ถ่ายให้โปรต้องลืมตา 2 ข้าง แล้วจะเก่ง" เดี๋ยวได้ไม่มีใครกล้าหลับตาปี๋ข้างนึงแน่ๆ .... เฮ้อ จากคุณ : Ingrid - [ 25 พ.ค. 52 18:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คุณ Aenieas #66 เข้าใจผิดแล้วค่ะ  อิฉันไม่ได้มีเจตนาว่าคุณหรือใครเลยนะคะ แค่เปรียบเทียบความรู้สึกตัวเอง..... รู้สึกว่า ช่วง 5-6 เดือนที่มาเล่นที่นี่อีกครั้ง เห็นคำถามในบางเรื่องในอัตราถี่กว่าเดิม และเห็นว่า มีบ้างที่เข้าใจผิด ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงมาก .... รวมถึงการถามเป็นข้อๆ  บางครั้งอาจได้คำตอบไม่ครบถ้วน ถ้าอ่านเรื่องที่สัมพันธ์กันต่อเนื่องไป น่าจะดีกว่า ..... เลยลองค้นๆ กระทู้ที่เกี่ยวเนื่องกัน และคิดว่าเป็นหลักสำคัญขึ้นมาดู   เผื่อจะประหยัดเวลาในการค้น สำหรับคนที่ต้องการคำตอบ แต่ไม่รู้ควรถามว่ายังไง หรือคนที่ว่างๆ อาจอยากอ่านหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือทบทวนที่เคยรู้เท่านั้นค่ะ ขอโทษด้วย หากทำให้คุณ Aenieas รู้สึกไม่ดี ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ ค่ะ .........ขอบคุณท่านอื่นๆ สำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยนะคะ ตั้งกระทู้ทิ้งไว้ เสาร์-อาทิตย์ไม่อยู่ เพิ่งกลับมาได้รับการตอบรับดี   ก็ดีใจค่ะ   *********************************************************************** สำหรับอิฉัน การถ่ายภาพ อย่างไรเสียก็เป็นศิลปะ เทคนิคต่างๆ ที่นำมาใช้ก็เป็นศิลปะเหมือนกัน   คงไม่มีถูกไม่มีผิด 100%  จึงน่าจะ... เป็นเรื่องน่าแลกเปลี่ยนกันอย่างยิ่ง คุยแลกเปลี่ยนเทคนิค ประสบการณ์ว่าใครเคยทำอะไร ยังไง สนุกดีออกค่ะ   จากคุณ : จิตรางคทา - [ 25 พ.ค. 52 18:22:40 ]

ความคิดเห็นที่ 69 #67 ประโยคที่ว่า อิฉันไม่ได้คิด หรือพูดเอง แต่หยิบมาจากเท่าที่เห็นๆ มาไม่น้อยในกระทู้แถวนี้นี่แหละค่ะ เป็นที่มาของความรู้สึกที่ว่า "มีบ้างที่เข้าใจผิด" นั่นด้วย เพราะคนใกล้ตัวอิฉันบางคน รู้แค่ว่า ต้องถ่าย M แต่ไม่รู้กระทั่งว่า M ที่ว่าต้องเอาค่าที่ไหนมาตั้งก็มี ...อย่างนี้ M ไม่ให้ประโยชน์สำหรับเขาจริงๆ ส่วนตัวอิฉันเอง ตอนหัดถ่าย ใช้โหมด P มากกว่า M ค่ะ แต่เปลี่ยนระบบวัดแสง กับเปลี่ยนจุดที่วัด ภาพหนึ่ง วัดแสง 4-5 ครั้งกว่าจะได้ถ่าย สุดท้ายที่มาใช้โหมด M คือตอนที่จะตั้งค่าก่อนกดชัตเตอร์ เฉพาะกรณีที่ต้องถัวแสง เพราะไม่มี P ที่จุดไหนให้ค่าแสงที่"คิดว่า" จะพอดีได้นั่นแหละ .............. ส่วนเรื่องลืมตาสองข้าง เคยอ่านผ่านๆ มาจากที่ไหนสักที่ เขาว่าจะให้การทำงานของสมองสองซีกที่สัมพันธ์กันมากกว่ามองด้วยตาข้างเดียวนะคะ อ่านเอาขำๆ ไม่ยืนยันนะ อย่าจุดประเด็นล่ะ จากคุณ : จิตรางคทา - [ 25 พ.ค. 52 18:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เรื่องลืมตา .. เมื่อสองสามเดือน ผมเคยบอกไว้ ... สำหรับตากล้องมือเก่าเท่านั้นครับ .. ที่เริ่มรู้สึกว่า อะไรๆมันจำเจ ซ้ำซาก อยากได้มุมมองใหม่ๆ ลองใช้ตาข้างที่ไม่เคยชิน ในการมองผ่าน viewfinder มันจะโอโหเฮะ! ขึ้นมาได้อีกหลายเพลา ใช้นิ้วกลาง หรือ หัวแม่โป้ง กดชัตเตอร์แทนนิ้วชี้ ก็พอสนุกกับการได้ถ่ายรูปขึ้นมาอีกเยอะเช่นกัน หรือแม้กระทั่ง ... สุดท้ายคือ ถ่ายโดยไม่มอง viewfinder (และปิดจอ LCD) รับรองว่า .. สนุก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 25 พ.ค. 52 20:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ูุ^ ^ ^ วิธีนี้แจ่มเลยครับ อิอิ ชอบๆๆ จากคุณ : onnuch3sib - [ 25 พ.ค. 52 20:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เรื่องโหมดถ่ายภาพนี่ถ้าเราศึกษามันอย่างเข้าใจแล้ว  ไม่ว่าโหมดไหนมันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ  เพราะยังไงมันก็ต้องใช้ตัววัดแสงในกล้องอันเดียวกันหมด  ไม่เชื่อลองถ่ายภาพแล้วเปลี่ยนโหมดไปเรื่อยๆดูครับผมรับรองได้แสงจะเท่ากันหมดแน่นอน (ไม่มีการชดเชยแสงด้วยนะครับ)   แต่แน่นอนว่าค่าสปีทชัตเตอร์กับค่ารูรับแสงในแต่ละภาพอาจจะได้ไม่เท่ากันแต่ขอยืนยังว่าค่าความสว่างของภาพเท่ากันทุกภาพแน่นอนครับ         แล้วทำไมต้องมีระบบถ่ายภาพหลายโหมดมาให้เลือกด้วย?  ก็มันมีความต่างกันในแต่ละโหมดถ่ายภาพยังไงล่ะครับไม่งั้นเค้าไม่ออกแบบมาให้มันเสียสมองหรอกครับ  แต่ละโหมดเค้าออกแบบมาให้ใช้งานในรูปแบบถ่ายภาพที่แตกต่างกันดังนี้ โหมดA..........แนะนำให้ใช้ในกรณีที่เราต้องการคุมความชัดลึกของภาพให้ได้ตามที่ใจเราต้องการเป็นหลัก  ส่วนสปีทชัตเตอร์กล้องมันจะปรับให้เอง โหมดS..........แนะนำให้ใช้ในกรณีที่เราต้องความคุมสปีทชัตเตอร์ให้ได้อย่างที่ใจเราต้องการเพื่อหยุดสิ่งเคลื่อนไหวหรือต้องการความเคลื่อนไหวของภาพเป็นหลัก  ส่วนรูรับแสงกล้องมันจะปรับให้เอง โหมดP..........กล้องมันจะปรับให้ทั้งสปีทชัเตอร์และรู้รับแสงหมดเลย  โหมดนี้เหมาะสำหรับกรณีที่ต้องการถ่ายภาพแบบรีบด่วน  และยังเหมาะกับมือใหม่อีกด้วยเพราะไม่ต้องปรับอะไรให้ยุ่งยาก โหมดM..........เราต้องปรับตั้งเองทั้งสปีทชัตเตอร์และรูรับแสง  โดยมีสแกลวัดแสงให้ดูเพื่อปรับให้ได้แสงที่พอดี(โดยทั่วไปก็อยู่ที่0 แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป)                 ถ้าถามว่าคนใช้โหมดMแล้วเป็นโปรหรือเปล่า? ตอบได้ทันทีเลยว่ามันไม่เกี่ยวอะไรกันเลยซักนิด   แต่ถ้าถามว่าคนที่เหมาะที่จะใช้โหมดMคือใคร? ขอตอบว่าคนที่จะใช้โหมดMควรเป็นผู้ที่มีความรู้พื้นฐานด้านการวัดแสงมาดีพอสมควรระดับนึงแล้วนั่นเอง   ควรจะมีความรู้บ้างว่าค่าสีเทา18%มันสำคัญยังไงกับระบบวัดแสง                สุดท้ายอยากจะบอกว่าโหมดถ่ายภาพทุกๆโหมดมันก็คือๆกันนั่นล่ะ  ที่หลายๆคนใช้โหมดออโต้แล้วไม่ประสพผลสำเร็จก็เป็นเพราะยังไม่เข้าใจระบบมันอย่างถ่องแท้นั่นเอง  ไม่ว่าระบบออโต้หรือระบบMถ้าใช้มันอย่างเข้าใจบอกได้เลยครับว่ามันสามารถใช้ได้เหมือนกันทุกโหมด อย่าไปโทษระบบออโต้มันเลย    คุณใช้โหมดMวัดแสงคุณก็ต้องมีการชดเชยแสงอยู่ดีไม่ว่าจะไปทางบวกหรือไปทางลบก็ตาม    ระบบออโต้ก็เหมือนกัน หากคุณถ่ายภาพแล้วแสงมันไม่พอดี สว่างไปหรือมืดไป แล้วทำไมคุณถึงไม่ใช้ปุ่มชดเชยแสงที่เค้าให้มาล่ะครับ?   ที่ว่ามาทั้งหมดเป็นแค่เรื่องระบบถ่ายภาพเท่านั้นเองนะครับ  ยังไม่ได้กล่าวถึงระบบวัดแสงเลยซึ่งเรื่องนี้สำคัญต่อการวัดแสงมากทีเดียว  ขอกล่าวแต่เพียงเท่านี้ก่อนครับ สวัสดี....... จากคุณ : ตากล้องหนุ่ม - [ 25 พ.ค. 52 21:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ถ่ายด้วย F5.6 S1/125 ISO100 ที่โหมด M ต่างจากที่โหมด P ยังไงเหรอครับ จากคุณ : Blue Planet Earth - [ 25 พ.ค. 52 22:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ถ้าเราวัดแสงที่โหมด P ค่าที่กล้องจัดมาให้ คือค่าที่(กล้องคิดว่า)จะได้แสงพอดี   (โดยปกติโหมด P จะเลือก F กว้างสุดให้ก่อน ---และจะพอดีจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวัดแสงถูกหรือผิด เซลล์วัดแสงถูกหลอกหรือเปล่า) ถ้าที่สภาพแสงเดียวกัน ถ่ายโหมด P แล้วเอาค่าที่ได้จากโหมด P มาตั้งในโหมด M ภาพที่ได้สองภาพก็จะไม่ต่างกันค่ะ ทำนองเดียวกัน ถ้าสภาพแสงเดิม ...ใช้โหมด Tv ตั้ง ISO ไว้ที่ 100, S ที่ 1/125  ..กล้องจะเลือก F ให้ที่ 5.6 ...ถ้าใช้ Av ตั้ง ISO ไว้ที่ 100, F ที่ 5.6  ..กล้องก็จะเลือก S ให้ที่ 1/125 เช่นกัน เพราะในทุกโหมด กล้องจะพยายามควบคุมแสงให้อยู่ที่บาร์ 0 ตลอด ส่วน M บาร์จะวิ่งตามค่าที่ตั้ง แต่สามารถเทียบได้ตามโหมดอื่น คือถ้าอยู่ที่ 0 แปลว่า แสงเข้าเท่าโหมดอื่น ถ้า + ก็ได้แสงมากกว่า - ก็ได้แสงน้อยกว่านั่นเอง >>> กรณีนี้ทำเมื่อต้องการชดเชยแสง (ตั้ง F กับ S บาร์จะบอกว่าชดเชยไปเท่าไหร่) ซึ่ง... ในโหมดอื่น ก็สั่งชดเชยแสงได้เหมือนกัน แต่เป็นการตั้งก่อนว่า ..ต้องการชดเชยเท่าไหร่ แล้วกล้องจะเลือกค่า F หรือ S ค่าใดค่าหนึ่ง ตามโหมดที่ใช้ ให้ได้แสงตามที่ต้องการ (ชดเชย) ฉะนั้น จริงๆ สิ่งที่สำคัญกว่า คือ "การวัดแสงให้ถูก" "ชดเชยแสงให้ถูก" ถ้ากล้องถูกแสงหลอก และคนถ่ายไม่รู้ว่าถูกหลอกไปเท่าไหร่  (ต้องชดเชยเท่าไหร่[[ทำความเข้าใจเรื่องการวัดแสงและเทากลาง]]) ...ภาพที่ออกมาก็จะไม่ได้แสงที่พอดี (มืดหรือสว่างไป) ไม่ว่าจะใช้โหมดไหน จากคุณ : จิตรางคทา - [ 25 พ.ค. 52 22:47:35 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เจอคนอ่านเทากลางเก่ง ใช้ P บ้านๆ วางหมากเทาแม่นๆ สอยภาพฟับๆ ไอเรามา หมุนแกร็กๆ M อ่านค่าแสง เท่ห์จริงๆ แต่ ช้าไปหลายปีแสง เบื้องหน้า โหมดถ่ายภาพ เบื้องหลัง การวัดแสง ต่างหากที่ต้องเจาะลึก อย่างเก่งจริง วัดแสงให้เก่งครับ โหมดถ่าย มันก็คือ วิธีการขับให้ได้ ค่าแสงตามที่เราจะเลือก ขับ Ferrari  กับขับ Honda wave มันก็ถึงที่หมายเหมือนกัน ต่างแค่ใครถึงเร็วกว่า ใครเท่ห์ กว่า ก็เท่านั้น ชิวๆ ปัญหาที่ต้องตระหนัก คือ ขับไปให้ถูกทาง อย่าหลงก็แล้วกัน ถ้า Ferrari คุณหลง ก็แพ้มอไซด์เอาหน้าแตกยับ แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 52 03:51:52 จากคุณ : WATERBOY R - [ 26 พ.ค. 52 06:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 76 . . . ความคิดเห็นที่ 70 คอนเซปนี้น่าสนใจ แต่คุ้น ๆว่าเหมือนซื้อชุดนักศึกษาให้แอกี่ที่บ้านหรือปล่าวครับ . . . จากคุณ : d4b - [ 26 พ.ค. 52 09:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เป็นกระทู้ที่ดี ^ ^ ตากล้องยุคใหม่ อย่าไปตามอะไรแคบๆ มีวิธีโชว์พาวฯ อีกมากมาย งุงิ จากคุณ : เสือต้าน - [ 26 พ.ค. 52 09:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ผมว่าถ้ามีเวลา และต้องการสุนทรีย์ภาพในการถ่ายภาพ โหมด M นี่แหละช่วยให้คุณเสพอารมณ์ที่ว่าได้อย่างเต็มที่ แต่ส่วนใหญ่แล้วในการทำงานหรือการถ่ายภาพจริงๆ บางครั้งโหมดนี้ ทำให้ผลพลาดโอกาสสำคัญๆ ไปเยอะ ช่วงหลังจึงใช้แต่ โหมด AV แทน แล้วอาศัยการคำนวณด้วยสายตาเอาว่าควรวัดแสงจากจุดไหน หรือควรชดเชยแสงเท่าไหร่ ตามสัดส่วนของส่วนมืดและส่วนสว่างในภาพ ยกเว้นบางสถานการณ์ที่มันยุ่งยากจริงๆ แบบนั้นโหมด M ยังคง ทำหน้าที่ของมันเองได้ดีอยู่ครับ จากคุณ : เวลาในขวดเหล้า - [ 26 พ.ค. 52 09:45:31 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ใช้ฟิล์มมาเนิ่นนานหลายปี ปรับเองตลอด...เพิ่งได้DSLRมาเมื่อปีกว่าๆนี่เอง.. ส่วนใหญ่ผมใช้โหมดAเป็นหลักเพื่อคุมเดปเองครับ...แต่ที่ผมว่าสำคัญกว่าโหมดM,A,S,P ก็คือโหมดวัดแสงต่างหากครับ โอ้ย มีทั้ง เฉลี่ยทั้งภาพ..หนักกลาง..เฉพาะจุด(สุดยอดเคยใช้แต่Fm2 วัดหนักกลาง เวลาวัดแสงทีเดินเข้าเดินออก 555)  ผมว่าถ้าเข้าใจเรื่องวัดแสงว่าวัดอะไรตรงใหนจะโหมดอะไรก็เหมือนกันอาจยกเว้นโหมด P (ความไวชัตเอตร์+รูรับแสง สัมพันธ์กัน จบ).. อีกหนึ่งความเห็นครับ จากคุณ : napnik (napnik) - [ 26 พ.ค. 52 16:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เยี่ยม!!! จากคุณ : สะแกกรังทีม - [ 26 พ.ค. 52 18:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ผมมองเหมือนเกียร์รถยนต์นะครับ..Manual : M กับ Auto : A (ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันรึเปล่า..และจะเข้าใจแบบผมหรือเปล่าครับ) จากคุณ : Barton (barton) - [ 26 พ.ค. 52 20:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อก่อนผมถ่ายโหมด P = Professional ตอนนี้เปลี่ยนเป็น โหมด A = Advance Professional โหมด P แหละ กล้องฉลาดสุดแล้ว 555  โหมดไหนก็ถ่ายไปเถอะครับ ... มีความสุขก็พอ จากคุณ : สามล้ออ้วน - [ 26 พ.ค. 52 21:26:40 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ^ ^ เคยได้ยินแต่ว่า P = Professional A = Amateur S = Stupid M = Mad ชอบโหมดไหนก็เลือกือกกันเอาเองครับ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 09:24:49 จากคุณ : แพรมรกต - [ 27 พ.ค. 52 09:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ความจริง โหมด M เป็นโหมด ทำให้เรารู้และมีสติตลอดเวลาที่ถ่ายภาพ ถ้าตั้งโหมดอื่น บางที กล้องพาไปถ่ายไปเรื่อย ไม่รู้ว่า ความเร็วเท่าไหร่ หน้ากล้องเท่าไหร่ ไอ เอส โอ เท่าไหร่ มีหลายคน รวมทั้งผมด้วย เผลอตั้ง iso 400 แล้ว ถ่ายกลางแจ้งทั้งที่ไม่จำเป็น ทำให้ภาพสีสรรค์ไม่ได้เรื่อง เพราะไม่ได้เหลือบดูเลยว่า ที่ถ่ายอยู่เนี่ย หน้ากล้อง เท่าไหร่ ความเร็วฯ เท่าไหร่ มัวแต่ "โอ้ บัตรประจำตัวน้องนำหน้าด้วย นส. หรือ นางฟ้า" มารู้อีกที mem full จากคุณ : แพรมรกต - [ 27 พ.ค. 52 09:41:25 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ถ่ายมายังไง สุดท้ายก็เข้า ps ส่วนไหญ่ ผมขอให้ได้ภาพ  คำนึงถึง  ไม่อันเดอร์ โอเว่อร์ แล้วก็ขอให้ชัดที่สุด โหมด ก็ใช้ทุกโหมด เว้น s ไว้หน่อยเพราะ ไม่ค่อย ถ่ายภาพจับความไว น้อยครั้งที่จะใช้โหมดนี้    ที่มากสุด ผมใช้ โหมด M  ภาพที่ได้มา ดีมั้ง ไม่ดีมั้ง ตามประสา มือใหม่ อิอิ     สิ่งนึงที่ผมเรียนรู้เพิ่มมา คือ ก่อนนี้ ผมใช้ ระบบวัดแสง แบบ เฉพาะจุด บางครั้ง ภาพได้มา ก็ พอใจเอามากๆ  แต่ก็มีหลายครั้งที่ ภาพออกมา แล้ว ไม่พอใจเอาซะเลย มันมีความผิดพลาดได้ง่าย สำหรับมือใหม่อย่างผม  ก็เลย เปลี่ยนเป็น เฉลี่ยทั้งภาพ  ก็พอใจมากขึ้น อย่างน้อยก็ได้รูปโดยรวม  โอเคมากขึ้น  ต่อไปคงต้องหัด และศึกษาไปเรื่อยๆ ซักวันคงดีขึ้น(มั๊ง) จากคุณ : koptyne_1 - [ 27 พ.ค. 52 11:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เจอบางงานเช่นงานกีฬามอบของรางวัลหลายๆคนมอบแล้วถ่ายคนแล้วคนเล่า มัวแต่ปรับโหมด วัดแสงตั้งค่าชัทเตอร์ วัดแสง ก็ไม่ทันละครับ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 20:08:11 จากคุณ : Furo - [ 27 พ.ค. 52 14:45:06 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ตอนนี้ติดแต่โหมด M สงสัยต้องเปลี่ยนมาใช้โหมดอื่นบ้างแล้วสิคะ คหท.70 ปกติเวลาโอ๋ถ่ายรูป โอ๋ใช้สลับกันทั้งคู่ ทั้งตาซ้าย-ขวา 555 แฟนยังงงเลยว่าทำไปได้อย่างไง จากคุณ : ashtray - [ 28 พ.ค. 52 13:20:40 ]

ความคิดเห็นที่ 88 แล้วแต่สถานการณ์อ่ะ แต่ส่วนใหญ่จะ M ครับ จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ - [ 29 พ.ค. 52 03:44:07 ]

ความคิดเห็นที่ 89 "อยากหัดถ่ายให้เก่งต้องใช้โหมด M เท่านั้น เพราะได้ปรับเองหมด" ผมคิดว่าไม่จริงครับ ถึงผมยังไม่เก่งมากแต่ผมสิ่งที่ปั้นผมก็ไม่ใช่ M อย่างเดียว ผมคิดว่าใช้โหมดไหนก็ได้ แต่ถ่ายแล้วเอารูปที่ไม่สวยมาวิเคราะห์หาแนวทางแก้ไขปรับปรุง ผมว่าวิธีนี้น่าจะดีกว่านะครับ ผมมองอย่างนี้นะครับ การวัดแสงให้พอดี ผมว่าง่ายมากๆ ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจว่ามันยากตรงไหน การจัดเลือกระยะชัด ผมว่าก็ง่ายเช่นกัน แต่สิ่งที่ยากผมว่ามันเป็นการจัดเฟรมมากกว่า อันนี้การเล่นโหมด M ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะครับ ปกติผมจะเลือกโหมดตามสถานการณ์ เพื่อให้ได้ภาพตามความต้องการของผมเอง เช่น Auto / P จากคุณ : Jc (Jc2000) - [ 29 พ.ค. 52 08:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 90 การเลือกใช้โหมดในการถ่ายภาพ มันขึ้นกับสถานะการอ่ะครับ กล้องรุ่นใหม่ๆนี่ฉลาดครับ บางทีออโต้มันก้อโอเคนะครับ ส่วน แมนวลก็บางครั้งเราอยากได้ภาพที่อาจมีการควบคุมของสปีดชัตตอร์หรือรูรับแสง ซึ่งถ่ายภาพบางอย่างโหมดออโต้มันทำให้ไม่ได้เราก็ใช้แมนวลอ่ะครับ ซึ่งการถ่ายภาพไม่ได้วัดเรื่อการใชโหมดกล้อง ผมว่ามันอยู่ที่มุมมอง ไอเดียที่เราต้องการถ่ายทอดเรื่องราว แต่ถ้าคูณเข้าใจการใช้โหมดต่างๆเราจะได้เทคนิคเพิ่มเพื่อใช้ในงานกับสถานะการต่างๆอ่ะครับ เช่นคูณอยากภาพทะเล น้ำตกสวยๆนุ่มเราต้องแมนวลสถานเดียว เพราะต้องใช้สปีดต่ำและรูรับแสงแคบๆ หรือบางครั้งอยากแสน้บรวดเร็ว ออโต้นี่แหละชัวรๆ จากคุณ : DJ.piggypop - [ 29 พ.ค. 52 12:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ความรู้อีกแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : Mr.pokpak - [ 29 พ.ค. 52 16:45:22 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ตามสถานการณ์ครับ ส่วนใญ่จะ P :-P อิอิ จากคุณ : Gunz_za - [ 31 พ.ค. 52 10:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 93 P ตอนเร็วๆรีบๆ Mตอนไม่รีบ ปรับแก้ได้ ออโต้ แล้วแต่ความฉลาดกล้อง  หลายๆครั้งก็ไม่ได้เรื่องต้องปรับมาที่Mจัดการเรื่องF/S  ชดเชยแสง ดันiso ช่วยๆเอา แต่WB  AUTOตลอด ยกเว้น อยากได้รูปสีสรรแปลกๆหน่อย   มีให้เล่นไม่เล่น     ก็ไม่หนุกซิ จากคุณ : pungee1 - [ 31 พ.ค. 52 13:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 94 เอ็ม อาจแปลว่า มั่นใจ ว่าควบคุมได้เบ็ดเสร็จรึเปล่า จากคุณ : ตะอีโม่ง - [ 1 มิ.ย. 52 00:07:07 A:115.67.205.80 X: TicketID:160546 ]

ความคิดเห็นที่ 95 หุหุ..ทุกวันนี้ใช้แต่มือถือถ่าย จากคุณ : เพิงผาเชิงภู - [ 1 มิ.ย. 52 07:17:33 ]

ความคิดเห็นที่ 96 โหมดไหนก็ถ่ายได้ง่ายๆ เหมือนกันตามความถนัด.. โหมด Mก็แค่ คลิกๆ  ปรับม่านชัตเตอร์ ความเร็วชัตเตอร์.. โหมด AV ก็แค่คลิก ปรับ ความเร็วชัตเตอร์ โหมด TV ก็แค่คลิก ปรับรูรับแสง... โหมด P ก็ แค่กดชัตเตอร์ถ่าย..หรืออยากปรับอะไรๆ ก็คลิกได้ดังใจ โหมด AUTO ก็แค่ กดชัตเตอร์  ไม่มีสิทธิปรับอะไรเลย... ............................................................... ใช่ไหมเนี่ย ยังงง.. จากคุณ : Stalwart - [ 1 มิ.ย. 52 12:21:06 ]