ปัญหาที่ถามกันบ่อยๆเกี่ยวกับE-TTL II ก็จะพอรวบรวมเป็นข้อสรุปดังนี้
1. E-TTL II เป็นระบบคำนวณแสงแฟลชของกล้องโดยมีกล้องเป็นผู้กำกับการแสดง และตัวแฟลชเป็นเพียงลูกมือ
2. หากถ่ายกลางแจ้ง แดดเปรี้ยงเพื่อทำbalance filled flash ให้เลือกปรับmodeกล้องไปที่auto , ปรับmodeวัดแสงไปที่ evaluative , ปรับcustom function ในหมวด E-TTL II ไปไว้ที่ Evaluative สวรรค์ก็จะบังเกิด
3. หากถ่ายภาพพิธี หรือในยามค่ำคืนที่ไม่ต้องการลักษณะของSlow speed sync. แต่ต้องการแสงหลักจากแฟลชเท่านั้น ก็ให้ปรับmodeกล้องไปที่ Manual , ปรับmodeวัดแสงไปที่ average และปรับcustom function ในหมวด E-TTL II ไปไว้ที่ Average และเมื่อนั้นสวรรค์จะบังเกิด
4. ข้อมูลระยะทางจากเลนส์จะถูกนำมาใช้ก็ต่อเมื่อหัวแฟลชอยู่ในตำแหน่ง 0องศา คือยิงตรงไปยังวัตถุ (ซึ่งหลายๆคนหรือบางคนอาจจะไม่ชอบเพราะจะได้แสงแข็ง เงาแข็ง มิติแบน) หากทำการกระดกหัวแฟลชเพื่อทำการbounceกับเพดาน ข้อมูลระยะทางจะไม่ถูกนำมาใช้คำนวณ ( เพราะเหนือวิสัยที่กล้องจะบอกได้ ,คนถ่ายเองยังบอกไม่ได้เลยว่าจะสะท้อนลงมาแค่ไหน ) สิ่งที่เกี่ยวข้องที่เคยถูกละเลย เช่น สีของเสื้อผ้า ที่อาจจะสะท้อนแสงแฟลชมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็จะต้องถูกนำมาคิดด้วยประสบการณ์ของuserเองว่าจะปรับแก้flash exposureมากน้อยเพียงใด
5. แฟลช 580EX และ 430EX เท่านั้นหรือที่จะใช้กับE-TTL II ได้อย่างสมบูรณ์ ? หากอ่านบทความข้างต้นอย่างเข้าใจดีแล้ว เราก็จะพบคำตอบเองว่า"ไม่ใช่" เพราะข้อ1 ที่บอกแล้วว่า กล้องคือผู้กำกับ ส่วนแฟลชคือลูกมือ ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ เพียงแต่เจ้าแฟลชหน้าใหม่ทั้ง 2ตัว มันคือสินค้ารุ่นใหม่ที่Canonออกมาเพื่อกรีดกระเป๋าของuserโดยบรรจงใส่สิ่งที่เหนือกว่า 550EX และ 420EX ได้แก่รูปร่างที่เล็กกระทัดรัดกว่าเดิม ( 550EXนั้นตัวใหญ่เกะกะกระเป๋ากล้องเอาการอยู่ ) เพิ่มค่าGuide Numberขึ้นมาอีกนิด , ประจุไฟได้เร็วกว่าเก่าอีกหน่อย ,เพิ่มของกระจุกกระจิกอีกหน่อย เช่น bounce cardใน580EX ฯลฯ, แต่สิ่งที่สร้างความสับสนให้แก่ผู้ใช้เกี่ยวกับการส่งค่าอุณหภูมิสีให้แก่กล้องนี่แหละ
การส่งค่าอุณหภูมิสีให้แก่กล้องมีความสำคัญอย่างไร และมีบทบาทตอนไหน userส่วนใหญ่ชอบถ่ายภาพโดยตั้งทุกอย่างไว้ที่Auto เช่น Auto exposure , Autofocus , และ Auto White balance ปัญหาของAuto white balance ก็คงจะเป็นเรื่องที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันไม่มีความแน่นอน ยิ่งหากใช้แฟลชในสภาพที่มีแสงแวดล้อมหลากหลาย เช่น แสงหลอดทังสเตน หรือแสงหลอดฟลูออเรสเซนท์ ซึ่งต่างก็มีค่าอุณหภูมิสีที่ไม่เท่ากันกับแสงแฟลช ยกตัวอย่างที่เวลาถ่ายภาพงานพิธีที่ด้านหลังมีหลอดไฟทังสเตนดวงใหญ่ แล้วใช้แฟลชยิงไปที่subjectด้านหน้า อิทธิพลของแสงแฟลชที่มีอุณหภูมิสีอยู่แถวๆ 5600 -5800 องศาเคลวิน ในขณะที่แสงทังสเตนจะมีอุณหภูมิสีอยู่แถวๆ 2800-3300 องศาเคลวิน พอเจอเข้ากับautoWB. สีมันก็คงจะแปลกพิลึกดีนะครับ subjectใส่เสื้อขาวก็จะออกมาขาวอมเหลือง ฉากหลังที่เป็นแสงทังสเตนจะออกส้มอมเหลืองก็กลายเป็นเหลืองแปลกๆ สิ่งที่สำคัญก็คงจะเป็นเรื่องของสีของsubjectที่ไม่ได้เป็นไปตามที่เราต้องการให้ถูกต้อง
Userบางคนอาจจะไม่มองเรื่องนี้เป็นปัญหา เพราะว่าเขาอาจจะปรับค่า WB ไปไว้ที่ Flash ก็ได้ แต่ปัญหามันก็ยังไม่จบลงทีเดียวนัก เพราะการเลือกค่าWBไว้ที่Flashนั้นไม่ได้หมายความว่าค่าWBที่กล้องเลือกใช้นั้นจะเป็นค่าตายตัว เพราะsetting flash WBนั้น ก็คือAutoWBชนิดหนึ่ง แต่เป็นการกำหนดช่วงที่แคบลงมาให้อยู่ในช่วงของแฟลชนั่นเอง (หากถ่ายเป็นRaw file จะสังเกตได้ว่าค่า color temp ที่raw convertorอ่านมานั้นจะไม่ค่อยเท่ากันสักรูปเลย ) ซึ่งแน่นอนครับ สีมันอาจจะออกมาใกล้เคียงที่เราต้องการ แต่ก็ไม่คงที่นัก
Userบางคนก็เลยแก้ปัญหาด้วยการปรับค่าWB ไว้ที่ Kelvin โดยเลือกไว้ตายตัวที่ 5600 หรือ ค่าใดค่าหนึ่งระหว่าง 5600-5800 องศาเคลวินไปซะเลย ซึ่งวิธีการนี้ภาพส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะสีที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ใช่ว่าค่าอุณหภูมิสีของแสงแฟลชจะคงที่เสมอไป เพราะบางทีอาจจะถ่ายภาพโดยที่แฟลชยังประจุไม่เต็มที่ ซึ่งตามทฤษฎีแล้วควรจะไม่น่ามีปัญหา แต่ในทางปฏิบัติแล้วก็ยังพบว่าอุณหภูมิสีของแสงแฟลชก็ยังมีการแกว่งอยู่บ้าง
580EXและ430EX จึงเป็นสินค้าที่ตั้งใจทำออกมาสำหรับกรีดกระเป๋าUserอย่างแท้จริง แต่มีเงื่อนไขในการใช้เช่นกัน คือ จะต้องตั้งค่าWB ไว้ที่ AutoWB หรือ Flash WB เท่านั้น ค่าอุณหภูมิสีที่แฟลชเด็ด2ตัวนี้ส่งออกมาจึงจะมีผลให้กล้องเอาไปใช้ได้
แล้วก็ใช่ว่าจะหมดเพียงเท่านี้นะครับ เพราะเจ้าแฟลช2ตัวนี้ยังปรับหัวแฟลชให้ซูมเข้าออกautoตามขนาดของsensorของdSLRที่เราใช้ด้วย ปกติแล้วซูมหัวแฟลชจะautozoomตามเลนส์ตั้งแต่ช่วง24mm ไปถึง 105mm ผลของการซูมหัวแฟลชจะช่วยทำให้ค่าGNของแฟลชเพิ่มขึ้น เพราะเท่ากับเป็นการบีบลำแสงแฟลชให้แคบลง ทำให้ความเข้มสว่างของแสงแฟลชเพิ่มขึ้น
การใช้กล้องที่มีขนาดเซนเซอร์เท่ากับ APS-C ( FOV 1.6x ) หรือ APS-H (FOV 1.3x) มุมของแสงแฟลชที่ออกมาจากหัวแฟลชจะกว้างเกินความจำเป็นที่ต้องการใช้ เช่นใช้Canon 20D กับเลนส์ 50mm สำหรับแฟลชรุ่นเดิมนั้น ซูมหัวแฟลชจะปรับให้แสงแฟลชออกมาครอบคลุมพื้นที่ที่ถูกถ่ายด้วยเลนส์50mmจากกล้องฟูลเฟรม แต่20D+เลนส์50mm จะมีมุมรับภาพเทียบเท่ากับเลนส์80mmเท่านั้น ทำให้เราใช้งานแฟลชได้ไม่คุ้มกับความสามารถของมัน พอมาใช้580EXหรือ430EX แฟลชทั้งคู่มันจะสื่อสารกับกล้องและทราบว่ากำลังใช้ร่วมกับ APS-C sensor มันก็จะปรับหัวแฟลชไว้ที่ระยะ80mm ผลลัพท์จะทำให้ค่าGNเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้เราสามารถใช้แฟลชยิงได้ระยะไกลกว่าเดิม
หากแต่ว่าuserที่เข้าใจดี ก็อาจจะปรับzoom flashไว้ที่manual แล้วปรับหัวแฟลชให้เข้ากับค่า FOV ของsensorกล้องของเรา แค่นี้550EXหรือ420EX ก็สามารถทำงานได้ทัดเทียมกันได้ เพียงแต่มันไม่autoเหมือนกับแฟลชรุ่นใหม่ๆ ยิ่งใช้กับซูมด้วยแล้ว จะต้องมาคอยปรับหัวซูมแฟลชตามระยะทุกคร้งไป ก็คงจะเหนื่อยอยู่บ้าง
จากคุณ |
:
เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike)
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.ค. 52 11:53:24
|
|
|
|
|
|