ความคิดเห็นที่ 1   ผมก็อยากรู้เหมือนกันครับ ขอมารอด้วยคนครับ จากคุณ : . (My name is สระเอ.) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 22:12:01

ความคิดเห็นที่ 2 เขาว่ามาอย่างนั้นผมเองก็ม่รู้เหมือนกันครับ ขอมาปูเสื่อรอฟังด้วยคนครับ จากคุณ : อนันต์ครับ เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:02:19

ความคิดเห็นที่ 3 ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกันครับ ^^ จากคุณ : mstreet เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:14:32

ความคิดเห็นที่ 4 อะไรคือ full frame หละ ถ้าเอาตามนิยามที่ค่ายอื่น(พยายามยัดเยียด)บอก ... FF ก็คือ กล้องที่ใช้่เซนเซอร์ ที่มีขนาดเท่ากับฟิล์ม 135 (24mm x 36mm) แต่ถ้าเอาตามนิยามสากล มาตรฐาน .. FF คือ เซนเซอร์ ที่มีขนาดแทยงมุม เท่ากับเส้นผ่านศูนย์กลางของวงภาพที่เลนส์สร้าง สำหรับผม นิยามอย่างแรก FF ใกล้เคียงกับกับ Fool's frame จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:14:36

ความคิดเห็นที่ 5 และถ้าเอาตามนิยามอย่างหลัง ... FF คือ กบ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:15:12

ความคิดเห็นที่ 6 สรุป FF คือ เซนเซอร์มันได้ขนาดที่พอดีกับภาพที่เกิดขึ้นเนื่องจากเลนซ์ 100% ใช่หรือป่าวครับ? จากคุณ : ตัวปัญหา (Junnys) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:25:22

ความคิดเห็นที่ 7 เดิมกล้องที่ได้รับความนิยมอย่างมากคือ 135 (กล้องฟิล์ม) ต่อมาในยุคดิจิตอล ต้นทุน CCD แพง จึงทำขนาด CCD เล็กกว่าขนาดฟิล์ม ดังนั้น ภาพที่ได้จากเลนส์ตัวเดิมของกล้องรุ่นเก่า จึงมีขนาดเล็กลง (เพราะตัวรับภาพมันเล็กลง) เช่น ตัวคูณ 1.5 หรือ 1.6 (มีส่วนของภาพล้นออกจาก CCD) ส่วน Olympus ต้องการออกแบบกล้องให้มีขนาดกระทัดรัด ใช้เลนส์ขนาดเล็ก จึงออกแบบให้ระยะระหว่างท้ายเลนส์ถึงระนาบตัวรับภาพใกล้เข้ามา เป็นผลให้ ภาพที่ได้จากเลนส์ ตกลงไปบน CCD เต็ม (เกือบเต็ม) ดังนั้น 4/3 เป็น FF โดยระบบครับ จากคุณ : Blue Planet Earth เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:30:03

ความคิดเห็นที่ 8 ค่ายอื่นๆ ส่วนใหญ่เทียบเซ็นเซอร์กับกล้องฟิลม์ ก็เลยเกิดเลนส์ช่วงแปลกๆ ออกมา  ต้องเอาไปคูณ 1.5 หรือ 1.6 แล้วก็เทียบกับกล้องฟิล์ม ส่วนโอลี่เรา ทำเซ็นเซอร์ในแบบของตัวเอง  แต่ในเว็บก็ยังไปอิงกับกล้องฟิล์มอยู่อ่ะนะเพื่อให้จำง่ายๆ อย่าง 14-54mm เทียบกล้องฟิล์ม คือ 28-108,  35-100mm คือ 70-200mm ข้อเสีย(หรือป่าว)  คือ ระยะชัด   อืม เรียกว่าหลังเบลอแล้วกันนะครับจะได้เข้าใจง่าย เราถ่ายที่ 54mm รูรับแสง F4  ได้ภาพเหมือนถ่ายด้วย 108mm ของกล้องฟิล์ม  แต่หลังมันเบลอแค่ช่วง 54mm ก็เป็นที่มาว่า  โอลี่ เบลอได้น้อยกว่าค่ายอื่นที่รูรับแสงเท่ากัน แต่..เลนส์ F2 ของโอลี่  มันคมตั้งแต่ F2 แล้ว ในขณะที่เลนส์ค่ายอื่น อาจจะต้องปรับจาก 1.4 เป็น 2.8 ถึงจะคม จากคุณ : Khomsiri เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:38:15

ความคิดเห็นที่ 9 vbvb อิอิ คุณหมอแมวฯ เขียนประเด็น ล่อไว้ อย่างนี้ เดี๋ยว ยาว ... ... เอางี้ ครับ Full frame คือ เต็มกรอบ ศัพท์นี้ เพิ่ง มาในสมัยดิจิทัล ที่มีตัวรับภาพ มาใช้แทนฟิล์ม ... ต้องรู้ก่อนว่า มีกี่กรอบ จะได้รู้ว่า เต็ม เฟรม , ไม่เต็มเฟรม คืออะไร และ Full frame มัน เต็มจริงๆ หรือ กล้อง ถ้าแบ่งตาม ขนาดตัวรับภาพ (ในยุคก่อนดิจิทัล ก็คือ ฟิล์ม) มีหลากหลาย ขนาด ครับ เช่น Large format Medium format ( ฟิล์มขนาด 120) หรือ 35 มม. (ฟิล์ม 135) ยังมี เล็กกว่านั้น อีก หลากหลายขนาด เช่น ฟิล์มขนาด APS-C .... ในสมัยก่อน ที่ใช้ฟิล์ม มักจะเป็นเต็มเฟรม เสมอ ก็เลยไม่ต้องระบุ ศัพท์นี้ยังไม่เกิด (แต่ เดา สิ ครับ มี บริษัท กล้อง แห่ง หนึ่ง คิดพิเรน ทำกล้อง ถ่ายได้ ครึ่งเฟรม ออกมา ทำให้ กล้องตัวเล็กลง ถ่าย จำนวนภาพได้มากขึ้น ( เช่นม้วนหนึ่ง มาตรฐาน อาจถ่ายได้ 36 ภาพ ถ้าถ่ายแค่ครึ่งเฟรม ก็ได้ 72 ภาพ ) เดา สิ ครับ ว่า บริษัท อะไร ....อิอิ  ) ขออภัย ไปนอกเรื่อง แล้ว กลับมา เรื่อง full frame พอเริ่ม มีกล้องดิจิทัล ในยุคแรกๆ ตัวรับภาพแพงมาก ด้วยเทคโน และ การเงิน การตลาด ในสมัยนั้น ( ประมาณ ไม่ถึง สิบปี ย้อนหลัง ) การผลิต ตัวรับภาพ ในยุคแรกๆ ของกล้องดิจิทัล  ทำได้ไม่ดีนัก ไม่อาจผลิต ตัวรับภาพใหญ่ๆ ที่คุณภาพดีๆได้ จึงทำมาแค่ ขนาดเล็กกว่า เฟรมเดิม ที่จะใช้ ขอยก ตัวอย่าง แค่ ระบบ ฟิล์ม 35 มม. ( หมอแมวฯ แก้ให้ด้วย ชักง่วงมาก เบลอจัด) เริ่มแรกๆ ของกล้อง D-SLR ตัวรับภาพ ผลิตได้เล็กกว่า ขนาด หนึ่งภาพ ของ ฟิล์ม 35 มม. (ก็เลยกลายเป็น ตัวคูณ เพื่อเทียบให้ได้ ระยะ เทียบเท่า ระบบ 35 มม.) นั้น ก็คือ เริ่ม มีกล้อง ที่ไม่เต็มเฟรม มาใช้กันแล้ว ในยุคดิจิทัล ถ้าขนาดตัวรับภาพ APS-C  ก็ คูณ ราวๆ 1.5 ก็จะเทียบระยะกับ 35 มม.ได้ ดูตามภาพ v v จากคุณ : บางคนที่ง่วงแล้ว (lexusman) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:40:33

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่มเติมต่อ อาจจะมีคนสงสัยเพิ่มเติมว่า "ไหน Oly บอกว่าเป็น Full Frame ในตัว แล้วจะยังมีตัวคูณ 2.0 อีก" เหตุผลก็เพราะว่า ค่ายยักษ์เค้าสร้างกระแสตัวคูณไว้ค่อนข้างมาก ดังนั้น Oly ก็เลยต้องมีตัวคูณกับเค้าไปด้วยเหมือนกันเพื่อให้ลูกค้าที่พึ่งเข้าวงการใหม่ๆ เข้าใจ และเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น จากคุณ : Dont Be Serious เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:42:13

ความคิดเห็นที่ 11 บางคนก็บอกว่ากล้อง digital เป็น full frame หมด เพราะดูจากว่า shutter เปิดออกมาพอให้แสงเข้าไปที่ sensor แบบเต็มภาพได้หรือเปล่า http://www.johnshawphoto.com/tips/glossary.html คงจะประมาณว่าถ้าเป็นกล้องระบบ 35mm ก็ต้องเปิด shutter ให้แสงเข้ามาที่ sensor หรือ film ได้ 24x36mm แต่ถ้าได้พื้นที่น้อยกว่านั้นก็ไม่ใช่ full frame แต่กล้อง digital ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นระบบ 35mm แบบ APS-C หรือ 4/3 ก็มี sensor ขนาดของมัน แล้ว shutter ก็เปิดให้แสงเข้ามาได้ตามนั้น ก็เลยเป็น full frame กันหมด เขาอ้างอีกว่าถ้ากล้องใหญ่ๆ ว่า 35mm (เช่น Leica S2 ที่ sensor ใหญ่กว่า 24x36mm : ผมยกตัวอย่างขึ้นมา) จะเรียกอะไร big frame หรือเปล่า. คงเป็นเรื่องนิยามที่ต่างกัน ตามนิยามนี้เป็น Full frame กันถ้วนทั่ว ถ้าจะไม่มี Full frame ที่ผมนึกออกมีแนวเดียวคือ Olympus Pen เก่าๆ ที่ไม่ใช่ E-P1 จากคุณ : vee_r เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:49:13

ความคิดเห็นที่ 12 CCD แพง เป็นปัญหาส่วนน้อยครับ เพราะปัญหาหลักคือ มันไม่ใช่ฟิล์ม (แมวเหมียวฯ พูดม้าๆ ) แต่ ... นั่นคือ ปัญหาหลักจริงๆ ธรรมชาติการรับแสงมาสร้างภาพของ CCD กับ ฟิล์ม  มันต่างกัน ในขณะที่ฟิล์ม เหมือนผิวน้ำรับแสง .. ไม่ว่าแสงจะมาจากแนวไหน ก็ส่องทะลุผิวน้ำ ไปยังของที่อยู่ใต้ผิวได้ทั้งนั้น CCD หรือ เซนเซอร์ จะเหมือน "บ่อ" รับแสง แสงที่มาตรงๆเท่านั้น ถึุงจะส่องถึงก้นบ่อได้ แสงที่ออกจากท้ายเลนส์ .. มันเป็นแสงกระจาย ลำแสงตรงกลาง จะเป็นแสงตรง กระทบตั้งฉาก แต่ลำแสงขอบๆ จะเป็นแสงเฉียงๆ กระทบเอียงๆ ตัว pixel ที่อยู่ตรงขอบๆ จะไม่ได้รับแสงเต็มที่ แถมแสงที่มาเฉียงๆ ยังอาจส่องไปโดนบ่อที่ไม่ควรได้รับแสง ปัญหาอันนี้ เรื้อรัง และไม่มีทางแก้ แม้มาจนถึง ณ วินาทีนี้ ถ้าจะให้ pixel ที่อยู่ตรงขอบได้รับแสงตั้งฉาก มีทางแก้"สองทาง (ครึ่ง)" เท่านั้น วิธีแรก สร้างเลนส์ ที่ให้ขนาดวงภาพ (image circle) ใหญ่กว่าขนาดเซนเซอร์มากๆ หรือ อีกนัยหนึ่ง สร้างเลนส์ที่มีขนาดวงภาพเท่าเดิม แต่ใช้เซนเซอร์ขนาดเล็กลง ที่รับแสงเฉพาะตรงกลางเท่านั้น วิธีนี้ .. ค่ายอื่นๆ ทั่วไป ใช้กัน เพราะทำให้ใช้เลนส์ที่ออกแบบมาให้ใช้กับฟิล์มได้ .. ไม่ต้องคิดใหม่ ออกแบบเลนส์ใหม่ --------- วิธีที่สอง บีบแสงที่ออกจากท้ายเลนส์ ให้เป็นลำแสงขนาน วิธีนี้ เซนเซอร์จะขนาดเท่าไหร่ก็ได้ แต่ oly ดันเลือก 18.0mm x 13.5mm  (4:3) เพื่อเลนส์ และกล้องจะได้ไม่ใหญ่เกิน (และหนักเกิน) ทั้งๆที่เทคโนโลยี บีบแสงให้ขนาน มันใช้ได้ แม้กับเซนเซอร์ขนาด 36mm x 24mm .. หรือ แม้กระทั่งเซนเซอร์ขนาด 36 x 27mm .. แต่ดันไม่ทำ วิธีที่สามคือ วางเลนส์พิเศษจิ๋วๆๆๆ ลงไปหน้า pixel ให้มันเอียงรัีบแสงแบบตั้งฉาก เลนส์ตรงกลาง ก็วางตรงๆ เลนส์ตรงข้าง ก็วางเฉียงๆ พูดง่าย แต่การทำ .. วางเลนส์จำนวนนับล้านๆตัว แปะหน้า pixel ทุกจุด มันไม่ใช่เรื่องง่าย มีแค่ leica ที่บ้าทำ .. ยัดลงมาใน M8 ในราคาแสนแพ๊งงงงงงงงงงงง แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 23:59:04 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 23:58:40 แก้ไขเมื่อ 28 ส.ค. 52 23:58:01 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:51:09

ความคิดเห็นที่ 13 อ้าว มัวแต่พิมพ์ ข้างบน สองท่านนั้น มาอธิบายได้ดีมากๆ แล้ว คุณ Blue Planet Earth และ Khomsiri .... งั้นเสริมต่อนิดเดียว เอง นะครับ นั้นก็คือ ระบบ อะไรที่มี กรอบเท่าไหร่ ถ้า ตัวรับภาพ มันเต็มกรอบนั้น ก็ เรียก Full frame ก็แค่นั้น ระบบ 4/3  ที่เกิดมาใหม่ ถูกออกแบบมาให้ ขนาดตัวรับภาพ มันเท่านี้ และ ตัวรับภาพ มันสร้างมาเต็มแล้ว มัน ก็  คือระบบ full frame ในตัวของมันเอง ซึ่งแม้จะมีขนาดเต็มของมัน  แต่ ระบบของมัน ก็มีพื้นที่เล็กกว่า ระบบ 35 มม. หวังว่าคงเข้าใจ ระบบ Full frame  ของ 35 มม. ก็เล็กกว่า Medium format เยอะ ครับ ที่คุยๆ ว่า Full frame นั้น เนื่องจาก 35 มม. ได้รับความนิยมกันมาก จึงเมื่อเขียนลอยๆ พูดลอยๆ ก็ คือ ระบบนี้ แต่จริงๆ แล้ว ยังมีอีกหลายกรอบ ข้อดี ของ ฟูลเฟรม ก็คือ พื้นที่เยอะกว่า ขนาด พิกเซล ก็ใหญ่กว่า เยอะกว่า  ดีไปหมด รวมถึง ราคาก็แพงด้วย และ ที่ตามมาก็คือ ข้อเสีย ข้อจำกัดทางฟิสิกส์ ถ้าได้ใช้ กล้อง FF ใส่เลนส์ ที่ไม่ได้ ทำมาสำหรับมันโดยตรง ลองดู ที่ขอบภาพ แล้ว จะสะเทือนใจ   ในผลที่ได้ คือถ้าใช้กล้อง FF แล้ว เลนส์ต้องถึงด้วย , ไม่งั้น ใช้ กล้อง รุ่นต่ำลงมาก็พอ .... และ กะ อี คำ ที่นิยามมาเรียกนี้  ก็แค่คำ ไม่ได้แปลว่า จะถ่ายภาพได้ดี หรือ ห่วย ครับ รอท่านอื่นๆ มาเสริม ต่อแล้วกันนะครับ zzzZ z...Zz.. จากคุณ : บางคนที่หลับไปแล้ว (lexusman) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:51:28

ความคิดเห็นที่ 14 อ้ออ หมอแมวมาแล้ว ว่าต่อไปแล้วกันนะครับ โอยาสุมินาไซ zzzZz ..zz.zzz จากคุณ : บางคนที่หลับไปแล้ว (lexusman) เขียนเมื่อ : 28 ส.ค. 52 23:53:19

ความคิดเห็นที่ 15 ฮ่วย!!! เตรียมสอนพรุ่งนี้เช้า .. คืนนี้ มีหวังได้นอนตีสองแหง่ๆ สไลด์พึ่งเสร็จ (ท่านที่เคยสอน หนีไปตีพุงที่เสปน โยน PPT มาให้ 8 แฟ้ม!) บ่ายไป alila อีกหน จากคุณ : บางคน ที่ไม่ได้นอนแหง๋ๆ (แมวเหมียวพุงป่อง) เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 00:01:32

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาเก็บความรู้ครับ จากคุณ : Photo-Engineer เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 00:13:39

ความคิดเห็นที่ 17 จากที่อ่านๆ มา อีกอย่างที่น่าจะทำให้ Four-third กับ Full frame (ของระบบ 35mm) ไม่ค่อยจะสัมพันธ์กันมากนัก น่าจะมาจาก ระหว่างระบบ Four-third กับระบบ OM มีความสัมพันธ์กันน้อยมาก เมื่อเทียบกับค่ายอื่นๆ กล้องรุ่นหลังๆ ในระบบ OM เช่น OM 4Ti หรืออื่นก็ตาม หน้าตาก็ไม่คล้าย E-1 สักเท่าไหร่ ผิดกับทาง Nikon กับ Kodak ที่แปลงให้ใส่ sensor เข้าไปใน Nikon F3 ที่เป็นกล้องฟิล์มเลย Nikon D1 ก็มีพื้นฐานบน Nikon F5 แต่ว่าใช้ sensor ที่เล็กกว่าฟิล์ม 135 อีกตัวอย่างที่น่าจะเห็นชัดกว่าอีกคือ Leica M6 (film) กับ Leica M7 (digital) หน้าตาแทบจะเหมือนกัน โดยสรุปแล้วก็คือ Four-third ไม่ใช่ระบบที่เอากล้องฟิล์ม 135 มาโมใส่ sensor ที่เล็กลง แต่มันกะว่าใส่ sensor ขนาดนี้ตั้งแต่ออกแบบทีแรกแล้ว ก็เลยไม่มีความรู้สึกหรือแนวคิดว่ามันยังไม่ Full แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 52 01:51:41 จากคุณ : vee_r เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 00:13:51

ความคิดเห็นที่ 18 อืม น่าสนใจๆ ไว้พรุ่งนี้มาอ่านต่อครับ  ได้ความรู้มากมาย จากคุณ : ข้าวเหนียวไก่ทอด เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 00:48:11

ความคิดเห็นที่ 19 พี่แมวเหมียวเคยบอกว่า การออกแบบของ Oly ที่เป็น 4/3 บวกกับ ชิ้นเลนซ์ พิเศษ  ที่ไม่มีใครสามารถเอามาใส่ที่เลนซ์ได้  ด้วยติดลิขสิทธิ์  การออกแบบของ Oly นั้น  ทำให้แสงที่ตกไปกระทบยัง sensor ทำมุมได้ตั้งฉาก  เลยทำให้ ภาพที่ได้จาก Oly จะไม่มีปัญหาเรื่องขอบมืด ๆ  เหมือนค่ายอื่น ๆ จากคุณ : RUKJIKG เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 06:32:11

ความคิดเห็นที่ 20 อยากเห็นภาพของค่ายอื่น ที่เป็น FF แต่ใช้เลนท์ไม่ถึงครับ ไม่เคยเห็นซักทีเพราะเป็นกบ อ๊บ ๆ เอามือหมุนมาใส่กบ มันก็ยังร้องอ๊บ ๆ ขอบภาพก็ยังดูได้ จากคุณ : dk96 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 07:00:45

ความคิดเห็นที่ 21 >> อยากเห็นภาพของค่ายอื่น ที่เป็น FF แต่ใช้เลนท์ไม่ถึงครับ ลองหาภาพที่ถ่ายจาก 5D Mk.2 มาดูได้ครับ ตอนออกมาใหม่ๆ มีคนเอาภาพทดสอบมาโชว์ให้ดู ขนาดใช้กับเลนส์ "ถึง" ของ canon เอง ยังเห็น"ขอบมืด และเบลอ"ชัดเจน จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 07:33:46

ความคิดเห็นที่ 22 การสร้าง sensor ขนาดใหญ่ๆ .. ด้วยวิทยาการสมัยนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก ลองดู CPU ตัวโปรดของพวกเราก้ได้ ยัดวงจรทรานซิสเตอร์เข้าไป เป็นสิบๆล้านตัว ที่ไม่ซ้ำแบบกันด้วย ยังทำได้ในราคาไม่เท่าไหร่ ขนาด และความซับซ้อนของการผลิตเซนเซอร์ จึุงไม่ใช่อุปสรรคหลักอีกต่อไป แต่กฏทางแสง มันยังเป็นกฏที่ีโหดร้า่ยไม่เปลี่ยนแปลง ถ้ากฎนี้ อ้อมหรือทลายกันง่ายๆ .. ป่านนี้ กล้อง sensor ใหญ่คงออกวางตลาดเกลื่อนเมืองไปนานแล้ว ลองดู 50mm f/1.4 ของ sigma หรือ canon ที่ใช้เทคโนโลยีล้ำยุคทุกรูปแบบ เทียบกับ 50/1.4 ที่โบราณนานนับสิบปี ของกล้องฟิล์มดูได้ครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 07:39:57

ความคิดเห็นที่ 23 เข้ามาเก็บความรู้ครับ จากคุณ : หมูขึ้นเขียง เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 09:27:15

ความคิดเห็นที่ 24 โออ กระจาย เห็นกันเป็นฉากๆๆ ทั้ง ข้อจำกัด และ การ design จากคุณ : pomgm2000 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 09:34:07

ความคิดเห็นที่ 25   ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้มากขึ้นจริงๆ ตาสว่างถึงขอบเรตินาเลยครับ..อิอิ รอดูต่อเผื่อมีข้อมูลมาเสริมครับ จากคุณ : morkao103 เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 11:16:16

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่รู้สองภาพนี้ยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า เอามาให้ดูครับ จากคุณ : 9cHAmP เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 14:36:23

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพแรก จากคุณ : 9cHAmP เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 14:37:25

ความคิดเห็นที่ 28 อีกภาพครับ จากคุณ : 9cHAmP เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 14:37:42

ความคิดเห็นที่ 29 เห็นภาพจากเลนส์ L ตัวท็อปรุ่นเก่าๆ บน 5D MkII ของเพื่อนแล้ว สะเทือนใจอย่างว่าจริงๆ ขอบม่วง ขอบเบลอ ขอบมืด กันท่วมท้น หวังผลได้เฉพาะกลางภาพ กรรม.. งี้ซื้อ 50D มาใช้ก็ได้ แต่เห็นภาพจากเลนส์นาโน บน D700 แล้วปลาบปลื้ม จะสะเทือนใจ อีตอนควักกระเป๋าจ่ายค่าเลนส์นั่นแหละ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 14:59:26

ความคิดเห็นที่ 30 น้านิกสบายดีนะครับ เคยรู้มาว่า D700 จริงๆก็ยังมีปัญหาเรื่องขอบภาพอยู่ โดยเฉพาะขอบมืด แต่เค้าแก้ด้วยโปรแกรมแปลงภาพในกล้องเลย เพราะเค้ารู้ว่ารูปแบบขอบมืดเป็นอย่างไร ตัวกล้องจะทำการปรับความสว่างชดเชยให้จนได้ความสว่างใกล้เคียงกันทั้งภาพครับ เพราะดูรูปที่เพื่อนถ่ายมาด้วย D700 ไม่เห็นขอบมืดครับ คุณแชมป์นี่อยู่ในตำนานนักสืบของพันทิปเลยนะนี่ ไม่เห็นนานมากๆ รูปที่อธิบายรู้สึก คุณหมอlexusman จะทำไว้แต่ภาพแรกจะไม่ตรงนักหมอเลยแก้เป็นภาพสอง (ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) จากคุณ : jynx เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 17:36:34

ความคิดเห็นที่ 31 น้านิกครับ ใน 50D ก็มีโปรแกรมแก้ขอบมืด(เฉพาะเลนส์ค่ายหนอน  เลนส์นอกไม่ทำมาแก้ให้) เป็นไปได้ว่า  ปัญหาขอบมืดก็น่าจะมีอยู่ในเลนส์หนอน  แต่เท่าที่ผมได้ลองกับเลนส์ต่างค่ายคือ Tamron 17-50 ยังไม่เจอปัญหาที่ว่านี้ เก็บตังค์ๆ  ถอย EP-1 หรือ E620 มาถ่ายสนองตัณหาดีก่า  อิอิ จากคุณ : Khomsiri เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 22:03:37

ความคิดเห็นที่ 32 เคยใช้ Sigma 24-70 2.8ตัวใหม่ ใส่5DIIของเพื่อน ถ่าย 24mm@2.8 OHo!!! ใช้โอลิดีฟ๊า จากคุณ : (EVIL 4 EVIL) & (LIVE 4 LIVE) เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 23:22:38

ความคิดเห็นที่ 33   เข้ามาจดๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : peaw_gt เขียนเมื่อ : 29 ส.ค. 52 23:47:15

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้างั้น ผมว่า Full Frame เอามาเรียก Canon EOS 5D , Nikon D700 ก็น่าจะถูกอยู่ นะครับ..เพราะ มันก็ใช้ Image circle ของเลนส์(ในระบบฟิล์ม) ได้เต็มที่ และพวก 4:3 ก็เป็น Full Frame เพราะ ใช้ Image circle เต็มที่่เช่นกัน.. ผมก็เลยหายงง เพราะ ฟิล์ม มันมี 135 , 120 ไป 6x6 , 6x4.5 , 6x7 ยันพวก 4x5 นิ้ว..(หรือ กระทั่ง 8x10 นิ้ว)   ถ้า EOS 5D มันเป็น Full Frame เพราะขนาด.. คราวนี้ พวก Medium Digital มันไม่กลายเป็น ล้นเฟรม เลยหรือ.. ก็หาย งง กันก็คราวนี้แหละครับ.. ขอบพระคุณครับ จากคุณ : Head SN เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 20:23:45

ความคิดเห็นที่ 35 กระทู้ ประเทืองปัญญามาอีกแล้ว จากคุณ : hookman13 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 52 20:36:56

ความคิดเห็นที่ 36 เสริมอีกนิดนึง FF ของ ขนาด 135 ช่วง normal = 50 mm. แต่ กล้อง 6 x 6 normal อยู่ที่ 80mm. ถ้าตอนนั้น mediumformat เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย film 135 ก็จะต้องคิดออกมาเป็นตัวคุณเหมือนกัน แต่ถ้าเราจะไม่สนใจตัวคูณให้ 4/3 normal = 25mm แค่นี้ 4/3 ก็จะเป็นFFโดยไม่ตองไปคูณให้เสียเวลา จากคุณ : แพรมรกต เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 08:50:19

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้า 135 format เป็น Full Frame พวก Medium Format ไม่กลายเป็นล้นเฟรมเหรอเนี่ย จากคุณ : ปะเลอะปะเต๋อ เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 11:50:44

ความคิดเห็นที่ 38 อย่างที่เรียน ไงครับ.. ในความหมาย ว่า ใช้ Image Circle ได้ เต็มที่.. ก็แสดงว่า 4:3 เอย.. 135 เอย.. ไปจน 120 และ อื่น ๆ ก็เรียก ว่า Full Frame ได้เช่นกัน.. เจ้าพวก ไม่ Full คงเป็นประมาณว่าเอาเซ็นเซอร์ เล็กกว่า Image Circle ของเลนส์..มาใช้งานไงครับ และ เรียนคุณ แพรมรกต ว่า..ตอนผมใช้ Medium ก็คูณกันวุ่นวายครับ.. ก็เราจะหาว่า Normal ของเค้าเท่าไหร่..(สมมติ 80 mm) เวลาซื้อเลนส์ ก็จะ ต้องมาคูณ กัน ว่าถ้า 135 มันจะราว ๆ เท่าไร.. อย่าง  150 mm ของ Medium ก็จะราว ๆ 100 mm (จริง ๆ ต้อง 94 mm) ของ 135 แต่เวลาคุยกัน ช่างภาพ จะ พอเข้าใจกันเอง..(แต่ต้องแจ้งก่อน นะ ว่าตอนนี้เราคุยกันที่ฟิล์มขนาดไหน ว่า 6x6 , 6x7 , หรือ 4x5 นิ้ว) ดังนั้น..การใส่ตัวคูณ.. นั้นผมคิดว่า ไม่เกี่ยวกับ Full Frame หรือ ไม่ Full แต่ประการใด.. เป็นเพียงแต่การ พยายาม ทำให้เห็นภาพ ว่า มันจะมีองศารับภาพ ประมาณเท่าใด..เสียมากกว่า..เพราะ 135 นั้น เป็นฟอร์แมตที่คน ใช้เยอะที่สุด และดูจะเป็นสากล..ที่สุด(มั๊ง) ดังนั้น..การจะ "พูด" ให้เห็น "ภาพ" จึงนำไป เปรียบกับ มุมมองของกล้อง 135 เอาไว้ก่อน.. เพราะถ้าบอก ว่าใช้เลนส์ 90 องศา (10mm ของ APS-C,17mm ของ 135)หรือเลนส์ 8 องศา(300 mm ) มันจะไม่รู้เรื่อง (เราก็จะไม่รู้เรื่อง ด้วยคน) ยิ่งถ้าเจอ.. ซูม  103 องศา - 56 องศา F4 L นี่ คงเลิกถ่ายรูป กันไปข้าง.. การเอาไป เทียบกับ 135 มันเลย ทำให้ เข้าใจง่ายขึ้น กระมังครับ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 15:45:28 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 15:29:40 แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 52 15:24:54 จากคุณ : Head SN เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 15:20:34

ความคิดเห็นที่ 39 อ่า อีกเรื่อง คือ Normal นั้น ..หมายถึง เลนส์ที่ ให้ระยะ ใกล้ไกล ในภาพ ได้ออกมาเหมือนตาเห็น.. ซึ่งจะมีค่า เท่ากับ เส้น ทะแยงมุมของ เซ็นเซอร์ รับภาพ โดยประมาณ น่ะครับ.. เลนส์ มุมกว้าง..เมื่อ ถ่ายออกมา แล้ว ระยะ ของวัตถุในภาพ ที่ห่างกันจะดูห่างกันกว่าเดิม.. เลนส์ เทเล..เมื่อ ถ่ายภาพออกมาแล้ว ระยะ ห่างของวัตถุในภาพ จะ ใกล้ กว่าที่ตาเห็น.. การ เอาทุกอย่างไปยึดกับ 135 นั้น ทำให้เข้าใจง่ายกว่าเดิม ก็จริง แต่มันก็ทำให้ ไม่เข้าใจอะไร อีกหลายเรื่องตามมานะเนี่ย..ผมว่า จากคุณ : Head SN เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 52 15:33:47