ความคิดเห็นที่ 1 เหมือนกันครับ ขอเข้ามารอฟังคำแนะนำด้วยคนนะครับ จากคุณ : I Love Omelet เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 18:23:03

ความคิดเห็นที่ 2 จะไม่ดูสเกลวัดแสงที่กล้องด้วย ??? งั้นก็ไปท่องสูตร Sunny 16 มาละกัน จากคุณ : DoraeMew เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 18:26:39

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ดูสเกลวัดแสงแล้วจะถ่ายกันยังไง จะเอาปืนไปยิงเป้าแต่เอาผ้ามาพูกตา... ต่อให้มีกระสุนเป็นลังยิงถูกเป้าซั้กกี่นัด... แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่ากล้องเก่าๆเราจะวัดแสงกันยังไงโดยที่ไม่มีเครื่องวัด ?? จากคุณ : AjuntaPall เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 18:31:11

ความคิดเห็นที่ 4 ลองหาใน GOOGLE ดูว่า THE ULTIMATE EXPOSURE COMPUTER จากคุณ : Akai Suisei เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 18:52:20

ความคิดเห็นที่ 5 http://www.google.co.th/search?hl=th&source=hp&q=sunny+16&btnG=%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2+Google&meta=&aq=f&oq= http://www.rpst-digital.org/forum/showthread.php?t=14866 http://www.rpst-digital.org/forum/forumdisplay.php?f=10 จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 19:02:09

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็ยังงงๆหากอยากวัดแสงแต่ไม่ดูสเกลวัดแสงแล้วจะวัดกันยังไงดีอ่ะครับ -__-" ยังไงมันก็ต้องพึงสเกลวัดแสงแล้วค่อยปรับเพิ่มลดเอาว่าเราจะเชื่อกล้องหรือจะปรับเอาเองอันเดอร์โอเวอร์เท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่เก่ง เพียงแต่งงๆเรื่องนี้ครับ ? ผมว่ามันไม่สูตรตายตัวว่าสภาพแบบนี้ต้องปรับ F ยังไง S เท่าไหร่ เพราะสภาพแสงแต่ละวันก็ไม่เหมือนกัน เมฆลอยมาบังก้อนนึงมันก็เปลี่ยนแล้วครับ ^__^ จากคุณ : tump เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 19:55:11

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่อยากดูสเกลวัดแสง ก็ตั้งระบบวัดแสงเป็นแบบเฉพาะจุด แล้วเล็งไปล๊อคค่าแสงที่วัตถุสีเทากลาง 18% (ถ้าหาไม่เจอก็ไปซื้อกระดาษสีเทากลางมาครับ) ก็ถ่ายได้โดยไม่ต้องใช้สเกลวัดแสงแล้วครับ แต่จะให้ชีวิตมันยุ่งยากทำไมเอ่ย ? เค้ามีมาให้ก็ใช้ไปเถอะครับ จะได้คุ้มกับราคากล้อง อิอิอิ จากคุณ : apexthai เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 20:25:02

ความคิดเห็นที่ 8   ถ่ายรูปบ่อยๆ ซื้อหนังสือเทคนิคการวัดแสงมาอ่าน 1.ออกไปฝึกถ่ายตามหนังสือ 2.ไม่เข้าใจถามเพื่อน กลับไปฝึก 3.อ่านหนังสือ ไม่เข้าใจถามเพื่อน ทำวนจนเก่งครับ จากคุณ : TM_410 เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 20:47:03

ความคิดเห็นที่ 9 ใช้กล้องNikon เล่นเลนส์Manual Focus แล้ว... ถ่ายบ่อยๆ ถ่ายเยอะๆ สักหมื่นรูปก็ได้เอง จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 22:06:16

ความคิดเห็นที่ 10 ประสบการณ์ ล้วนๆๆ ไม่รู้เหมือนกันครับ  รู้แต่ เมื่อก่อน กล้องฟิล์ม ตัวเล็กๆๆ ถ่ายปุ๊บ รูปมานก็ออกมา - - ไม่มีปรับรูรับแสง  ไม่ดิจิตอล   แล้วมันทำไงหว่า โหะๆๆ ถ่ายกลางวัน ฟิล์มนี้  กลางคืน ฟิล์มนี้ จากคุณ : Hookie-Cookie เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 22:42:09

ความคิดเห็นที่ 11 SKILL ที่คุณต้องการ อยู่ที่การฝึกฝนเท่านั้นครับ จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 22:51:17

ความคิดเห็นที่ 12 ผมใช้โหมด av ปกติ ถ้าจะเก็บฟ้า หรือ แสงสีขาว ผมจะชดเชย +1 ครับ หรือถ้าดำก็ ชดเชย -1 ไปครับ ที่เหลือ ผมไปปรับที่ dpp ต่อครับ ^ ^ จากคุณ : Artelrooy เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 22:56:53

ความคิดเห็นที่ 13 คงต้องฝึกฝน ถ่ายรูปบ่อย ๆ แหละครับ ต้องฝึกจนกะค่าแสงได้ เห็นสภาพแสงปุ๊บ ปรับรูรับแสงประมาณนี้ ต้องเดาความเร็วชัตเตอร์ได้เลย แล้วก็ กฎ sunny16 ช่วยได้ครับ จากคุณ : Take a Look Around เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 23:01:23

ความคิดเห็นที่ 14 เอิ๊กๆ บังเอิญกล้องผมระบบวัดแสงมันเจ๊งบ๊งอ่ะครับ ทำให้เข้าเคสโจทย์นี้เลย ทำให้เข้าใจเรื่องแสงอีกเยอะมากๆ กล้องผม ทุกโหมด ขึ้น 30 วินาทีหมด ไม่ว่าจะชดเชยแค่ไหน?? ใช้ได้โหมดเดียว M แต่สเกลวัดแสงไม่ทำงาน แรกๆ ก็งงๆครับ พยายามนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างขนาดรูรับแสงกับสปีดให้ได้ ว่ามันเกี่ยวข้องกันยัง ขาดเหลือก็กันเหนียวด้วย Raw file ครับ ผมก็ไปถ่ายหลายงานนะ กว่าจะได้บอดี้อื่นมาแทน เอิ๊กๆๆ ทำไงได้กล้องมันต้องใช้ แรกๆก็ถ่ายแบบตาบอดครับ ดูหลังกล้องเอา ปรับที่ล่ะสเตป ไม่ยากครับ ลองเล่นดู iso F speed  3 ตัวครับ แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 52 23:19:36 จากคุณ : เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike) เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 52 23:19:15

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าคุณใช้กล้องของคุณให้เป็น (อ่านคู่มือ) เสร็จแล้วก็ ถ่าย -> ดู -> แก้ไข แล้วก็พัฒนาเป็นสูตรของคุณเองนะครับ ผมว่ามันไม่ยากเกินไปหรอกครับ ถ้ามันนึกอะไรไม่ออก็ลองดูรูปที่คุณคิดว่าสวยไปเป็นแนวทางก็ได้ครับ เผื่อไอเดียจะได้บรรเจิด จากคุณ : Jc2000 เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 16:11:43

ความคิดเห็นที่ 16 เล่นเพลงโดยไม่มีโน้ต กว่าจะถึงจุดนั้น ตอนนี้ ดูสเกลไปก่อนเต๊อะ จะได้เป็นเร็วๆ หมั่นจำสถานณการณ์การถ่ายภาพด้วย วัดแบบสเกลเอาให้แม่นเลยนะ เดี๋ยวมันจะซึมไปเอง เก็บประสบการณ์ เรื่อยๆ สภาพแสง สถาณที่ แบบนั้น แบบนี้ iso f speed น่าจะเท่าไหร่ มันจะประมาณได้เอง จากคุณ : WATERBOY R เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 52 19:51:24

ความคิดเห็นที่ 17 " เวลาใช้เตาอบ ผมไม่ได้เอาหน้าไปอังเตาเพื่อเป็นการปะเมินอุณหภูมิ แต่ผมใช้มิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิภายในเตาอบซึ่งมีความแม่นยำกว่าหน้าของผมแน่นอนครับ " จากคุณ : ตุ๊กตาหมี เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 07:58:11

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณ raksapondet มากครับ จากคุณ : i-bar เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 12:20:02

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าหมายถึง  เอากล้องส่องปุ๊บ กดถ่ายได้เลย โดยไม่ต้องสนใจค่าแสงไม่น่ายากหรอกนะ  ถ้าเจ้าของกระทู้หมายถึงอันนี้นะ   แต่ต้องฝึกฝนให้คุ้นเคยกันบ้าง  ดังนี้  อันดับแรกต้องฝึกให้คุ้นเคยกับระบบวัดแสงก่อน  ถ้าจะเหมาะๆ  ขอแนะนำแบบเฉพาะจุดหรือพาเทียล  เพราะเราจะรู้จุดในตำแหน่งวัดแสงได้อย่างวงจำกัด  จะทำให้เราสามารถกำหนดค่าชดเฃยแสงไว้ได้ว่าควรจะเป็นเท่าไหร่   ฝึกให้ชิน แล้วพอเรารู้หลักการชดเฃยแสงแล้ว   ต่อไปก็ถึงขั้นตอนการถ่ายภาพ   การถ่ายภาพก็ไม่ยากอะไร  ปรับโหมดถ่ายภาพแบบ  A หรือ S หรือ P  หรือโปรแกรม  ยกเว้น M เท่านั้น เพื่อที่จะให้กล้องมันกำหนดค่าอีกค่าแบบอัตโนมัติ   จากนั้นเรารู้ว่าจุดที่จะเล็งตำแหน่งวัดแสงไปนั้น  ควรจะฃดเฃยไปทางไหน บวก  ลบ กี่ Stop จากที่เราได้เข้าใจและฝึกฝนมาดีแล้ว  ก็ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าเลย   จากนั้นแค่ยกกล้องแล้วส่องไปตำแหน่งที่จะวัดแสง แล้วล็อคค่าแสงไว้  จากนั้นกดโฟกัส แล้วจัดองค์ประกอบภาพเสร็จ กดถ่าย  โดยไม่ต้องสนใจค่าแสงว่าจะได้เท่าไหร่   ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกล้องมันตั้งค่าตามที่เราได้โปรแกรม ได้ชดเชยไว้เรียบร้อยแล้ว  แค่นี้จะใช้เวลาไม่กี่วินาทีเอง  ก็ได้ถ่ายที่สวยๆ  แสงแจ๋วๆ แล้ว จากคุณ : NAF เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 52 17:42:53

ความคิดเห็นที่ 20   จนแล้วจนรอดคำตอบก็คือ ฝึกฝนบ่อย ๆ เยอะๆ นั่นเองสิเนอะ ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบค่ะ จากคุณ : backpacker888 เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 00:52:06

ความคิดเห็นที่ 21 " อยากบอกว่าแค่การใช้ตัวช่วยในกล้องที่มีมาให้แล้วถ่ายภาพให้ได้ค่าแสงที่ต้องการยังต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยครับ ซึ่งถ้าคุณทำตรงนี้ได้ก็ถือว่าเก่งอย่างที่คุณต้องการแล้ว ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องมาประเมินค่าแสงด้วยสายตาหรอกครับ การถ่ายภาพมันไม่ได้ยากและไม่ได้ง่ายอยู่ที่ว่าเราจะทำความเข้าใจมันได้มากแค่ไหน ทุกวันนี้ผมฝึกวัดแสงเพื่อตอบคำถามในใจบางอย่าง ถ้าไม่รู้ก็ไม่รู้จะสงสัยอะไร พอมีพื้นฐานหน่อยก็มาทดสอบความเข้าใจของตัวเอง และเราจะได้นำไปประยุกต์ใช้ด้วยความเข้าใจที่มากขึ้น ถ้าสงสัยเราก็ได้พิสูจน์ ทดลอง และเรียนรู้ไปเรื่อยๆ จนหาจุดของตัวเองได้ ซึ่งก็คงไม่ได้แม่นยำที่สุดทุกครั้งไป แต่คราวนี้มันจะมีที่มาที่ไปที่อ้างอิงได้จากการที่เราได้ทดลองแล้วหลายๆ ครั้งนั่นแหละ มันจะละเอียดขึ้น เห็นภาพในใจมากขึ้นกว่าการเดาๆ เอาแบบไม่มีที่มาที่ไป " จากคุณ : ตุ๊กตาหมี เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 52 06:46:22