 |
ความคิดเห็นที่ 125 |
เวลาเสียลูกค้าไปหนึ่งคน เค้าให้คำนวนจาก customer lifetime value เช่นเจ้าของกระทู้ซื้อของปีละ สองครั้ง ครั้งละ 4หมื่น ก็ให้คูณไป 10ปี เป็นต้น นี่ต่างหากครับเป็นเงินที่จะเสียไป รวมไปถึงการบอกต่อ หนึ่งคนจะบอกต่อไปอีกกี่คน แล้วอีกกี่คนจะเชื่อและไม่ซื้อ
ลูกค้าไม่ได้ซื้อเพราะราคาเป็นปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียว เพราะสินค้าแบบนี้มันมีมูลค่าสูง การตลาดเรียกว่าสินค้า high involvement ลูกค้าจะลังเล หาข้อมูล คิดพิจารณาให้ละเอีดยก่อนจริงๆถึงค่อยซื้อ
ลูกค้าซื้อ เพราะราคามันสะท้อนถึงความคุ้มค่า(value)ในส่วนหนึ่งได้ เช่นคิดว่าคุ้มถ้าซ์อเลนส์ตัวนี้ในราคานี้หรือราคาประมาณนี้
ลูกค้าฉลาด เค้ารู้ว่าราคาควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ อันไหนแพงไป (reference price effect)
ราคาที่มีส่วนต่างเท่ากัน บางครั้งให้ผมไม่เท่ากัน(ลืมชื่ออังกฤษครับ) เช่น ของราคา 50,000 ถ้าลดให้ 500 เป็น 49,500 เราจะรู้สึกว่ามันลดไม่เยอะ ต่างกันไม่มาก ในขณะที่ของ 1,000บาท แต่ลดให้ 500เท่ากัน เราจะรู้สึกว่าของมันลดต่างกัน
ในขณะที่เคสนี้ผมก็ยังมองว่า 2,000 อยู่ในส่วนต่างที่ตัวผมเองยอมรับได้ ถ้าคุณเสนอในสิ่งที่ผมคิดว่าคุ้มค่ากลับมาให้ ไม่ใช่บริการห่วยๆพูดจาแดกดันลุกค้า
อย่างกรณีเจ้าของกระทู้ เจ้าของกระทู้ต้องการต่อรอง ผมคิดว่าในขั้นที่มีการต่อรอง แปลว่าเริ่มสนใจแล้วที่จะซื้อ กำลังอยู่ในขั้นประเมิณทางเลิก และประเมิณความคุ้มค่า เซลมีหน้าที่ เกาให้ถูกจุดคัน ซื้อผมดียังไง ดีกว่าตรงไหน มีอะไรคุ้มกว่าร้านที่มันถูก เราต้องแสดงให้เค้าดู เช่นซื้อผมคราวนี้คราวหน้าลดพิเศษไปเลยนะถือว่าลุกค้าเก่า เอากล้องมาผมล้างให้ฟรีเลย เลนส์มีปัญหามาเปลี่ยนได้เลย ร้านนั้นได้ไม่ได้ไม่รุ้ ร้านเราแถมของนะ ตีเป็นเงินมากกว่าสองพันอีก บลาๆ
ผมคิดว่าน่าจะส่งเซลไปขายขวดพลาสติกเก่าๆแทนนะ
| จากคุณ |
:
กระดาษในโหลแก้ว
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ย. 52 10:26:59
|
|
|
|
 |