ความคิดเห็นที่ 1 รูปประกอบของปัญหาที่เจอค่ะ เทคนิคทั่วไป จากคุณ : Cheerplater เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 05:21:43

ความคิดเห็นที่ 2 รูป shadow จาก flash ค่ะ จากคุณ : Cheerplater เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 05:22:52

ความคิดเห็นที่ 3 ยิง flash แล้วไม่ทั่วภาพ เกิดเพราะอะไรคะ จากวัดแสงแบบ central weight รึเปล่า?คะ ไม่เก่งเรื่อง flash จริงๆค่ะ จากคุณ : Cheerplater เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 05:26:29

ความคิดเห็นที่ 4 เวลา flash charge ไม่ทัน มีทางแก้ไขมั้ยคะ รูปนี้ดึง curve ขึ้นสูงมากๆ แล้ว noise น่ากลัวมาก จากคุณ : Cheerplater เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 05:29:39

ความคิดเห็นที่ 5 Stop action เลนส์ ไวแสง แบบ 2.8 ช่วยได้เยอะครับ ทั้งสปีด และ iso ที่ไม่สูงเกินไป บางครั้งถ้าแสงไม่เน่ามาก แทบไม่ต้องใช้แฟลช... อย่างกีฬาหมัดมวยแบบนี้ ผมว่าแสงแฟลชจะรบกวนดวงตานักกีฬาหรือไม่ครับ โอเครับบางครั้งคำตอบคือ คนอื่นก็ใช้แฟลช แต่ผมมักจะชื่นชมคนที่ถอด แฟลชออกจาก hot shoe ครั้งนั้นตอนที่เคยชมเทควันโ้ด้น่ะครับ ซึ่งเพราะเค๊ามีเืทเลไวแสง 2.8 ด้วยน่ะครับ มันพอแทนกันได้ รอท่านอื่นมาเสิรมแล้วกันครับ ผมไปจะอาบน้ำแล้ว เช้านี้จะต้องลงเรือ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 05:57:46 แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 05:57:22 จากคุณ : เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 05:56:53

ความคิดเห็นที่ 6 อยากได้ไวแสงและใสด้วย แนะนำprimeครับ 50 1.8ก็ได้ถูกดีด้วย Tamronมีปัญหาเรื่องจับโฟกัสไม่ได้ดีมากเวลาแสงน้อย จากคุณ : Leofish เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 06:22:29

ความคิดเห็นที่ 7 จริงๆ ผมว่า ภาพ 4 สวยมากเลย อารมณ์ภาพได้ มันดูคุกคามมากๆ ทั้งสีหน้าฝ่ายขาว ท่าทางฝ่ายแดง แสงของภาพ และ noise ที่ทำให้ภาพรู้สึกดิบ รุนแรง noise ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวหรอกครับ ถ้ามันเล่าเรื่องได้ ชอบอ้ะ ชอบ จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 06:28:44

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณคุณ เด็กหนอนข้างบ้าน(CND) (blue bike) ค่ะ เราเองก็ไม่อยากใช้ Flash แต่เพราะ Speed จะลดเลยจำเป็นค่ะ แต่ถ้าเขามาชกใกล้ๆ เราจะไม่ถ่ายเพราะรู้ว่ากวนนักกีฬาค่ะ ขอบคุณคุณ Leofish ด้วยค่ะ เราก็มี 50 f/ 1.8 แต่ด้วยความที่สนามเล็ก เลยดูจ่อมากไป เรามาดูรุปส่วนใหญ่ที่เราถ่ายอยู่ระหว่าง 18-22 mm ค่ะ สงสัยต้องเก็บตังค์ถอย 17-55 2.8 nikon ซะแล้ว แต่กลัวซื้อมาแล้วไม่มีตังค์ไปเที่ยวแย่เลย จากคุณ : Cheerplater เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 06:33:02

ความคิดเห็นที่ 9 ถึงจะยึดถือหลักว่ากระบี่อยู่ที่ใจ แต่อุปกรณ์ยังไงมันก็มีข้อจำกัดอยู่ดีแหละครับ ใครจะบอกว่า คนหลังกล้องสำคัญกว่า แต่ลองเจอสถานการณ์แบบนี้ บางครั้งกล้องก็สำคัญกว่าคนถ่ายได้เหมือนกัน 1. อยากได้ภาพออกมาใส ๆ ก็ต้องถ่ายให้ติด over นิด ๆ  สิ่งสำคัญก็คือ iso นั่นแหละครับ 2. ยิงแฟลชยังไงก็โดนเชือก เพราะเราไม่สามารถยื่นกล้องเข้าไปในเวทีแล้วถ่ายได้ ไม่อยากได้เงาเชือกก็ต้องปิดแฟลชครับ 3. set แบบนั้นก็ได้ภาพแบบที่ได้มาแหละครับ ผมว่าวัดแสงแล้วตั้ง manual ดีกว่า ยังไงสภาพแสงก็ไม่น่าจะเปลี่ยนมาก 4. ฉากหลังมืดกว่าอยู่แล้วครับ เพราะแฟลชมันยิงไปไม่ถึง วัดแสงให้ฉากหลังสว่างพอดี ๆ  ที่แฟลชชดเชยติดลบทิ้งไว้ก็ได้ครับ ฝรั่งตัวมันขาว ... 5. เอาภาพมาทำก็ช่วยได้แหละครับ ถ้าภาพเยอะมากก็เลือก ๆ เอา ไม่ต้องทำหมด save for web แล้วสีซีด ตอนถ่ายตั้ง color space เป็น AbodeRGB หรือเปล่าครับ ก่อน save ให้ convert เป็น sRGB ก่อน ไม่งั้นสีจะซีด ๆ แบบนั้แหละครับ ส่วนเรื่องอุปกรณ์ ถ้าเป็นไปได้ ลองเปลี่ยนเป็น D90 ดูครับ เลนส์ fix ไม่แนะนำ ถ่ายภาพแบบนี้คุม composition ลำบาก ให้หาเลนส์ซูม f/2.8 มาใช้ครับ . . . ผมจะบอกเสมอ ถึงคนหลังกล้องจะเป็นส่วนสำคัญ แต่กับการถ่ายภาพบางประเภท อุปกรณ์ที่ดีย่อมทำให้เราได้ภาพง่ายขึ้น ถ่ายภาพเก่งแค่ไหน มุมมองเทพขนาดไหน แต่กล้องมันทำไม่ได้ ก็ไม่ได้ภาพนะครับ เค้าใช้แค่ 5D เรายังเศร้า นี่ถ้าเป็น 5Dmk2 หรือพวก D700, D3 รัวชัตเตอร์ ฉับ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ทีนี้ทั้งเศร้าและเซ็งเลยครับ ... จากคุณ : Take a Look Around เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 06:55:06

ความคิดเห็นที่ 10 ตอบประเด็นเจ้าของกระทู้หน่อยนะครับ อย่าไปน้อยใจเรื่องอุปกรณ์เลย ยอมรับความจริงเถิดว่า อุปกรณ์ดีมันมีที่ใช้จริงๆ และอุปกรณ์สำหรับโปร มันมีที่ใช้มากกว่า เรามือสมัครเล่น เรารีดพลังออกมาได้ ดีครับ แต่ก็ต้องยอมรับว่า จะให้สวยเหมือนกล้องโปรไม่ได้ ส่วนใหญ่ในห้องนี้ เชื่อกันว่า กล้องไม่เกี่ยว ลิงหลังกล้องสำคัญกว่า อะไรแบบนี้ ผมเป็นเสียงข้างน้อย ผมเชื่อว่า อุปกรณ์สำคัญพอสมควร ในสภาพทั่วไป อาจจะอยู่ที่ 40/60 (คน/กล้อง) สภาพแสงดีๆ อาจจะ 50/50 แต่ถ้าในที่แสงน้อย หรือการถ่ายภาพที่ต้องใช้ความเร็วมาก เช่นการถ่ายข่าว การแข่งขัน สงคราม ฯลฯ กล้องนี่ 80 คน 20 เลยครับ บางทีหลายสถานการณ์คนแทบไม่มีเวลาจัดเวลามองอะไรเลย ต้องกดรัว แล้วมาเลือกเอา นี่คือสาเหตุว่าทำไม กล้องอย่าง 1D หรือ D3 ถึงมีคนซื้อ โดยเฉพาะช่างภาพมืออาชีพที่ได้เงินจากการงานถ่ายภาพ นั้น เขาไม่ได้บ้า โง่ หรือซื้อมาอวดคนเล่นหรอกนะ และก็ถ้ากล้องไม่เกี่ยว คนสำคัญกว่า ช่างภาพมืออาชีพคงใช้กล้องอย่างมาก 50D หรือ D90 กันหมดแล้วละครับ ล่าสุด ผมเจอประสบการณ์ในงานแต่งงาน มีช่างมาถ่ายภาพให้สองคน คนแรกเป็นช่างจ้างมา แต่ใช้กล้องเล็ก (SLR-Like) แฟลชเล็ก งานนี้อาจจะแสงน้อยไปหน่อย เอาไม่อยู่ ภาพออกมามืด บางทีถ่ายภาพหมู่ แขกบางคนจมหายไปในความมืดเลย จนเจ้าสาวอยากร้องไห้ เพราะนานๆที ญาติจะมารวมกันมากๆ ดีว่าใช้โปรแกรมในคอมพิวเตอร์กู้ภาพขึ้นมาได้บ้าง ยอมรับ noise ที่เกิดจากการเร่งแสง แต่บางส่วนขุดไม่ไหวก็ทิ้งไปเยอะ แต่ยังดี ได้กล้องช่วยของเพื่อนผม ซึ่งนอกจากฝีมือ และมุมมองสุดยอดแล้ว เขายังใช้ 5D + 24-70 2.8L และแฟลช 580 ex งานเดียวกันแท้ๆ แต่ภาพออกมาเหมือนคนละงาน คนละสถานที่กัน คือเพื่อนผมสามารถถ่ายจนภาพเหมือนใช้สปอร์ตไลต์ตามส่องได้เลย สว่างสวยงามทั่วภาพ ผมมาดูค่า EXIF พบว่ากล้องระดับนั้น สามารถตั้งค่า ISO ได้เป็น stop (D90 ก็ทำได้นะ) เขาตั้งค่า ISO จนอยู่ในระดับที่ช่วยแฟลชได้ และคุณภาพไฟล์ยอมรับได้ งานนี้ต้องยอมรับครับ นอกจากฝีมือแล้ว (เพื่อนผมคนนี้ฝีมือเป็นที่ยอมรับคนนึงทีเดียว) อุปกรณ์ก็สำคัญ เชื่อว่าถ้าเพื่อนผมใช้ 1000D กับเลนส์คิทและแฟลชเล็กๆ ก็อาจจะได้มุมมองเช่นนี้ แต่ความสว่างสดใสของภาพไม่ได้แน่ อย่าคิดมากครับ ที่เล่ามายืดยาว (แถมด้วยข้อมูลส่วนตัวที่อาจจะทำให้เสียลูกค้าอีกอีกต่างหาก ฮ่าๆ) นี้ก็เพื่อจะบอกว่า อย่าไปสนใจอุปกรณ์ เรามีแค่ไหน ดึงออกมาแค่นั้น แต่ถ้ามันสุดแล้ว ก็ต้องยอมรับ เพราะของแพงและโคตรดี ของสำหรับมืออาชีพมันมีจริงในโลกเหมือนกัน กระบี่อยู่ที่ใจ คือการขัดเหลาจิตใจของตนเองให้ใช้เป็นอาวุธได้ เป็นเรื่องสำคัญ จอมยุทธแม้ถือดาบไม้ไผ่ก็น่ากลัว เมื่อต่อสู้กับคนไม่รู้วรยุทธ หรือรู้ระดับกลางถือกระบี่ แต่ถ้าจอมยุทธถือดาบไม้ไผ่ ไปเจอคนพอรู้วรยุทธ แต่ใช้หอกหรือทวน และเขาเรียนเพลงอาวุธของเขามาพอสมควร จอมยุทธลำบากเหมือนกันนะ และไม่ต้องพูดเรื่องจอมยุทธถือกระบี่ไม้ไผ่ ไปเจอทหารเลวถือปืนเล็กยาวด้วย !!! จากคุณ : บุญชิตฯ (Players) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:07:19

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนที่ถ่ายก็สังเกตุว่าตากล้องคนนี้แทบไม่ต้องพึง flash เลยลองพิจารณาดูว่า สาเหตุนี้เป็นเพราะอะไรตอนที่ถ่ายก็สังเกตุว่าตากล้องคนนี้แทบไม่ต้องพึง flash เลยลองพิจารณาดูว่า สาเหตุนี้เป็นเพราะอะไร อย่าพึ่งไปดูเรื่องอุปกรณ์อย่างเดียว คนที่ถ่ายรูป action ในที่แสงน้อย โดยไม่ใช่แฟลช (ทั้งที่มีแฟลชใช้) มี 2 ประเภท 1. ไม่รู้อะไรเลย ... จนกว่าภาพจะออกมา ถึงรู้ว่าภาพเละเทะ 2. รู้ว่า โดยเทคนิคแล้ว ควรใช้แฟลช แต่โดยสถานการณ์รวมๆ และเหตุผลต่างๆนาๆ .. ไม่สมควร 3. รู้ว่า ถ้าไม่ใช้เแฟลชแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับภาพที่ตัวเองถ่าย ประเภทหนึ่ง ละไว้ มาดู #2 และ #3 ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ... เขารู้ และเข้าใจ ทั้งอุปกรณ์ ตัวเขา และสถานการณ์ตอนนั้น คนที่รู้ทั้งสามอย่าง .. ฝีมือย่อมดีระดับหนึ่ง เข้าขั้นจอมยุทธก็ว่าได้ เมื่อมีฝีมือระดับจอมยุทธ เศษตะเกียบก็เป็นอาวุธ กระบี่วิเศษ ก็เป็นอาวุธ และคิืดดูให้ดีๆครับ จอมยุทธคนไหน ถือเศษตะเกียบ ไม่ตีกับมอนเสตอร์ระดับราชา เลเวล 150 มั่ง จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 07:51:55

ความคิดเห็นที่ 12 อุปกรณ์ที่ดีมันช่วยขยายขอบเขตในการถ่ายภาพออกไปได้กว้างไกลขึ้น ช่างภาพอาชีพ เค้าโดนกันมากับตัวแล้วครับ ถึงยอมลงทุนกับอุปกรณ์ ส่วนพวกเราไม่ค่อยได้ไปถึงขีดจำกัดขนาดนั้น ใช้ชุดย่อมเยาว์ลงมาหน่อยก็ตอบสนองได้เหลือพอ เวลาเจอสถานการณ์ที่ต้องพึ่งอุปกรณ์แบบนี้ ก็ต้องทำใจแหละครับ ว่าถ่ายเหมือนเค้าไม่ได้ หรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนไปถ่ายแนวอื่น ซึ่งก็ไม่รู้เจ้าของงานเค้าจะอยากได้หรือเปล่า จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:02:29

ความคิดเห็นที่ 13 ท่านอื่นๆ แนะนำวิธีแก้ไปแล้ว ผลเสนอวิธีเลี่ยงบ้าง ในเมื่อตากล้องคนอื่นเขาสามารถถ่ายแบบstop action ได้ เราก็เลี่ยงมาถ่ายภาพแบบแสดงการเคลื่อนไหว(แบบภาพคห.4 แทน) และสำหรับตัวผมเอง ผมว่าภาพแบบstop action มุมกว้างมันไม่ค่อยมีความน่าสนใจ ถ้าซูมเข้าไปที่หน้านักกีฬาแล้วเลือกถ่าย เฉพาะบางจังหวะ แบบในคห.1 ก็จะได้ภาพที่ดีนะครับ ส่วนภาพแบบอื่นๆก็ให้ตากล้องที่เขามีอุปกรณ์พร้อมเข้าถ่ายไป เพราะด้วยอุปกรณ์เราสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ก็อย่าไปถ่ายภาพแบบเดียวกันให้เกิดการเปรียบเทียบครับ จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:38:56

ความคิดเห็นที่ 14 ชอบ จขกท ที่คุณมุ่งมั่นฝึกฝนเทคนิค ใช้ของที่มีอยู่ แทนที่จะโหยหาแต่อุปกรณ์ชั้นเลิศ ..... สู้ต่อไปค่ะ เอาใจช่วยอยู่ ลป อยากให้มีกระทู้แบบนี้เยอะๆ จากคุณ : Toom-bs เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:48:22

ความคิดเห็นที่ 15 อย่าไปกลัวครับ อุปกรณ์ถึงจะช่วยทำให้ถ่ายภาพให้สวยได้จริงๆ แต่ผมว่าจริงๆแล้ว การถ่ายรูปความสุขจริงๆอยู่ที่ว่า เราถ่ายภาพออกมาแล้วเราชอบภาพของเราเองมากกว่าครับ จากคุณ : สุราและยาดอง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:54:06

ความคิดเห็นที่ 16 เคยครับ.....เซ็งมากตอนไปดูคอนเสิร์ต เค้าถ่ายกันสนุกสนาน ไอ้ลูกชายผมมันยังโฟกัสไม่เสร็จเลย...นี่ก็ว่าจะซื้อใหม่ครับ อดใจรอโบนัสสิ้นปีก่อน จากคุณ : No Nothing เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 08:59:56

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาเก็บความรู้อีกแล้วเรา..... อุปกรณ์น้อยๆ ก็ทำได้เท่าที่ทำ ถึงทำไม่ได้ แต่ก็ยังมีความพยายามที่จะทำ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย สู้ต่อไป จากคุณ : แถมฟรีน้ำ 1 ขวด เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:01:33

ความคิดเห็นที่ 18   อืม คงเหมือนเอา compact ไปส่องถ่าย นก นั้นแหละ ต้องทำใจ จริงๆ ก็หามุมมองอื่นก็ได้นิ ไม่จำเป็นต้องไปแลกหมัดกับเขาหรอกครับ ว่าแต่ว่าถ่ายที่ไหนหนอ น่าสนใจ ผมจะเอา compact ไปลุยดูบ้างอิอิ จากคุณ : ซกมกจัง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:24:29

ความคิดเห็นที่ 19 ถ่ายแบบนี้ ควรหลีกเหลี่ยงการใช้แฟลชครับ รบกวนนักกีฬา จากคุณ : AprilSnow เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:35:51

ความคิดเห็นที่ 20 ทำไมใช้ ISO ต่ำจังครับ ถ่ายภาพกีฬาในร่มแบบนี้ ต้อง 1600 อย่างต่ำอยู่แล้วครับ จากคุณ : เป็ดจิ๋ว เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:41:22

ความคิดเห็นที่ 21   งานนี้ D3 กับเลนส์ไวแสงเท่านั้น แล้วคุณก็จะทำให้ 5D จิตตกมั่ง งานประเภทนี้มันจำเป็นจริงๆ แต่ต้องใช้ฝีมือระดับคุณด้วยนะ จากคุณ : ขี่อาร์ไอ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 09:44:18

ความคิดเห็นที่ 22 สู้..สู้..ครับ ^^ เอาเวลามาพัฒนาตัวเองดีกว่าครับ. จากคุณ : TookTong (TookTong) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:04:41

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าคุณ (ไม่ว่า จขกท หรือใครก็ตาม) ไม่ได้รับงานถ่ายรูปเป็นอาชีพ (ไอ้ที่เขาว่ามือโปร ๆ นั้นแล) ถ่ายรูปเป็นแค่งานอดิเรก ไม่ต้องเครียดกับเรื่องอุปกรณ์ครับ แต่ที่สำคัญคือต้องเข้าใจ "ข้อจำกัด" ของอุปกรณ์ที่เรามีครับ ข้อจำกัดที่ว่า คือ มันทำอะไรได้บ้างและทำอะไรไม่ได้บ้าง สิ่งที่ทำได้เราก็พยายามพัฒนาให้ดีขึ้น ฝึกฝนไป ที่ทำไม่ได้ก็พยายามหาทางแก้หรือหลีกเลี่ยงไปก่อน จนกว่าเราจะมีอุปกรณ์ที่พร้อม แล้วอนาคตจะเปลี่ยนหรือขยับขยายอุปกรณ์ก็เป็นอีกเรื่อง เพียงแต่ตอนนี้อยากให้ใช้ของที่มีให้ "คุ้ม" ที่สุดครับ แต่ถ้าไปรับงานต้องบอกให้เจ้าของงานเข้าใจตรงจุดนี้ด้วยครับ ไม่ใช่ของมีแค่นี้แล้วอยากได้ภาพเหมือนช่างภาพมืออาชีพ (ซึ่งถ้าเป็นงานที่ไหว้วานถ่ายผมว่าเขาก็น่าจะเข้าใจนะครับ) ซึ่งอย่างที่น้าบางคนบอกไป การถ่ายภาพบางประเภทมันก็ต้องอาศัยอุปกรณ์ดี ๆ ด้วย ถึงจะเก่งแค่ไหน ถ้าอุปกรณ์ไม่ดีพอก็แสดงศักยภาพได้ไม่เต็มที่ครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 10:15:40 จากคุณ : นักล่าภาพ เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:08:43

ความคิดเห็นที่ 24 แต่ผมชอบภาพที่ 4 จริงๆ อารมณ์ภาพมัน สุดๆ อะ จากคุณ : Jirath_b เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:12:30

ความคิดเห็นที่ 25 เคยแต่ทำคนอื่นจิตตกตอนเห็นอุปกรณ์ผมครับ 300D + 18-55 kit รุ่นแรก + CF Sandisk 128 Mb คนเห็นปุ๊บ จิตตกปั๊บ --> ว่ายังทนใช้ได้ไงแว้เนี่ย จะได้ภาพไหมหรือกล้องจะพังก่อน เนื้อหาดีดี ก็ตามน้าๆด้านบนแนะนำเลยครับ เราถ่ายภาพให้มีความสุข ไม่ใช่ไปเครียดกับมัน จากคุณ : ก้างปลา'ป๋อง เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:16:09

ความคิดเห็นที่ 26 ไปถ่ายด้วยได้ป่าวครับ..พูดจริงๆนะ จากคุณ : Pollutor เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 10:25:23

ความคิดเห็นที่ 27   รูป 2 แฟลชอยู่หลังเชือก??? รูป 3 ใช้เลนส์มุมกว้างกว่าแฟลช หรือแฟลชโดนเชือกบังด้านล่าง?? จากคุณ : Rally Maniac (Rally Maniac) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 11:16:26

ความคิดเห็นที่ 28   ผมใช้ 400 ดี + 18 - 200 OS มาสองปีโดยไม่สนกล้องรอบๆตัว  เอาผลงานมาสู้เขาได้เสมอ    แต่พอมีตังค์อัพกล้องเป็น 50 ดี พร้อมเลนส์แอล  มันถ่ายได้ง่ายขึ้นจริงๆแฮะ..............ค่อยเป็นค่อยไปครับ  ใช้ไปเรื่อยๆแล้วจะรู้ถึงขีดจำกัดของมันเอง  เป็นต้นเหตุของคำว่า "เล่น DSLR แล้วไม่จบ"  จริงๆด้วย จากคุณ : ekjitr เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 12:33:29

ความคิดเห็นที่ 29 กล้องย่อมเป็นกล้องอยู่ดี ถ้าหากไม่มีอาการเสีย ใช้งานไม่ได้ กล้องถูก  กล้องแพง  กล้องไฮเทค  กล้องโลว์เทค ก็ถ่ายรูปได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่า กล้องที่ดีกว่า  ย่อมทำอะไรหลายๆ อย่างได้ดีกว่า  เช่น ทนฝน ทนความชื้น  มีระบบอันฉลาดกว่า  แฟลชแรงกว่า  ตั้งค่าได้มากกว่า  ภาพใสกว่า  โฟกัสได้เร็วกว่า  ฯลฯ    หากเรารู้ถึงขีดจำกัดของกล้องและอุปกรณ์ที่เราใช้  ก็ใช้ให้ถึงขีดสุด ณ ตอนนั้น  และนอกจากนี้ยังมีเรื่องมุมมองอีกเรื่อง ที่อาจจะมองข้ามไป   เรื่องมุมมองนี้แหล่ะ ที่จะทำให้เราข้ามขีดจำกัดของกล้องที่มีอยู่ได้  เช่น ในกรณีนี้  ทำไมไม่ถ่ายบรรยากาศให้เห็นคนดูโดยรอบๆ  หรือแคนดิตอากัปกริยาของคนดู  โดยให้เห็นสนามมวยเป็นแบคกาวด์แบบเบลอๆ ก็ย่อมได้  หรือถ่ายซูมเน้นๆ ให้เห็นการเคลื่อนไหวของ action นักกีฬาก็ย่อมได้  มีมุมมองหลากหลายมากมายให้เราถ่ายไม่ต้องแบบที่ตาธรรมดาเห็นๆ ก็ได้   โดยที่ไม่จำเป็นต้องโฟกัสเจาะจงสิ่งที่คนดูทั่วๆ ไปเห็นอยู่ในสนามอย่างเดียวเท่านั้น จากคุณ : NAF เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:17:26

ความคิดเห็นที่ 30 ดูจากความรู้สึกของ จขกท แล้วรู้สึกว่า ต้องการที่จะฝึกฝนการถ่ายภาพอย่างจริงจังและมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็นมืออาชีพและ จขกท ก็เริ่มเข้าใจและยอมรับแล้วว่า อุปกรณ์ที่ตนเองมีอยู่นั้น ไม่อาจตอบสนองความต้องการในการถ่ายภาพของตนได้อย่างครบถ้วนทำให้เกิดความหงุดหงิด รำคาญใจ ตลอดไปจนถึงเสียใจเมื่อได้เห็นภาพคนช่างภาพท่านอื่นที่ดูเหมือนจะไม่ได้มีความพยายามในการหามุมมากไปกว่าตนซักเท่าไหร่เลย แต่กลับได้ภาพที่มีคุณภาพสูงกว่า ใสกว่า สีดีกว่า ทั้งนี้ผมไม่ได้พูดถึงมุมมองนะครับ เพราะคิดว่าจากความพยายามของ จขกท มุมภาพที่ได้มาก็คงไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน ผมเห็นด้วยกับคุณ Tama2kun ใน คห. 13 นะครับ ก็ในเมื่ออุปกรณ์ไม่สามารถหยุดแบบให้นิ่งได้ ก็ให้หาความแตกต่างในการถ่ายภาพไปเลย เป็นไอเดียที่ดีจริง ๆ ครับถ้า จขกท ติดปัญหาเรื่องงบประมาณจริง ๆ แต่ถ้าพอดันทุรังได้ ผมขอสนับสนุนให้ จขกท ซื้อเลนส์เกรดโปรหรือเลนส์ที่มีความสว่างสูงมาใช้ครับ ถ้าคิดที่จะเล่นกล้องอย่างจริงจัง จริงอยู่ว่าเลนส์คิทก็ถ่ายงานได้ครับ (ถ่ายได้หลายงานเลยครับ) และแลดูฉลาดในการเลือกใช้อุปกรณ์มาก ๆ แต่เวลาที่ต้องไปเจอสถานที่ไม่เป็นใจอย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ถึงตอนนั้นมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วครับ และก็จะต้องเสียใจหรือผิดหวังในการไม่ได้ภาพ กล้องถ้าขยับจาก d80 มาเป็น d90 iso ก็ดันไป 1600 2500 3200 ได้สบาย ๆ เหมาะถ่ายงานในสภาพแสงน้อย อาจจะซื้อมือสองก็ได้ครับ ราคาจะได้ลดลงมาหน่อย เลนส์ 17-55 ของนิคเองก็เป็นเลนส์ที่ดี ถือถ่ายรับงานระดับมืออาชีพได้ไม่อายใคร ถ่ายเล่นยิ่งหรูใหญ่ แต่เหนืออื่นใดคือ ซื้อมาแล้วเราได้ใช้มันอยู่ตลอด ได้ใช้เรื่อย ๆ ถึงจะแพงยังไงมันก็คุ้มครับ ลองเอาจำนวนวัน ที่คุณ จขกท จะได้ใช้มันจนกว่าจะขายต่อ หรือจนกว่าจะเลิกเล่นกล้องไป มาคำนวนราคาค่าใช้ต่อวัน ก็จะทราบเองครับว่า ซื้อครั้งนี้จะคุ้มหรือไม่ สำหรับการใช้กล้องที่สามารถดัน iso สูง ๆ ได้ กับเลือกที่จะฝึกคอนโทรลเรื่องแฟลช ผมคิดว่าในบางสถานการณ์มันสามารถใช้แฟลชช่วยสนับสนุนได้ แต่บางสถานการณ์มันก็ทำไม่ได้ อย่างงานนี้เป็นต้น แฟลชคงทำงานทันบ้างไม่ทันบ้าง หรือคำนวนถูกบ้างผิดบ้าง คุณจะแมนวลแฟลชก็คงไม่ทันแน่ ๆ เพราะแบบของคุณคงจะปล้ำกันไปทั่วทั้งเวที ผมเห็นแสงแฟลชที่ยิงเข้าไปมันไปทำให้เกิดความจ้าที่ตัวแบบ ดูกระด้างมากกว่าครับ สถานการณ์อย่างนี้ถ้าไม่ยิงแฟลชเข้าไป แต่สามารถดัน iso ขึ้นเรียกสปีดชัตเตอร์กลับมา แล้วถ่ายเก็บแสงในสนามไว้ได้ด้วย ภาพจะยิ่งออกมาสวยงามดูเป็นธรรมชาติ คือได้บรรยากาศในแบบที่ทางฝ่ายสนามเขาจัดแสงไว้แล้วด้วย จากคุณ : ลุงเบิร์ก (ลุงเบิร์ก) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:48:09

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องจิตตกแบบนี้เป็นธรรมดาครับ ลองมองกล้องตัวเอง นานๆนะครับ แล้วถามตัวเองว่า .. ทนใช้ หรือใช้ทน ขอให้ก้าวขึ้นไปถึงกล้องระดับที่ทำให้เรามีความสุข แล้วเรื่องจิตตก โปร เทพ จะหายไปจากสมองครับ ปล,ติดตามมาจากกระทู้เก่า ขอเอาใจช่วยฝ่าฟันครับ! จากคุณ : ไกล ดินเดิม (ไกล ดินเดิม) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 13:51:13

ความคิดเห็นที่ 32 เมื่อผมอยู่ในสถานการณ์เดียวกับจขกท. ผมกลับลดรูรับแสงให้ช้าเข้าไปอีก ผลที่ได้ก็คือ.... # Exposure Time (1 / Shutter Speed) = 6/10 second ===> 1/1.66667 second ===> 0.6 second # Lens F-Number / F-Stop = 32/1 ===> ƒ/32 # Exposure Program = aperture priority (3) # ISO Speed Ratings = 800 # Exif Version = 0221 # Original Date/Time = 2008:02:09 02:22:27 # Digitization Date/Time = 2008:02:09 02:22:27 # Components Configuration = 0x01,0x02,0x03,0x00 / YCbCr # Shutter Speed Value (APEX) = 48298/65536 Shutter Speed (Exposure Time) = 1/1.67 second # Aperture Value (APEX) = 655360/65536 Aperture = ƒ/32 # Exposure Bias (EV) = -1/3 ===> -0.33 # Flash = Flash did not fire, compulsory flash mode # Focal Length = 23/1 mm ===> 23 mm (ไม่มีขาตั้ง ไม่มีกันสั่น) แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 52 14:39:08 จากคุณ : Tire Tracks Studio เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 14:37:18

ความคิดเห็นที่ 33 ^ แล้วมันเป็นยังไงอ่ะครับ เข้าไม่ถึงครับ ขออภัยด้วยครับ O o จากคุณ : TeMpLaTe เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 17:21:47

ความคิดเห็นที่ 34 จิตตกเวลาเห็นภาพจากกล้องตัวเองมากกว่าครับ T_T (อุปกรณ์หลายหมื่น ฝีมือสิบบาท) จากคุณ : เคยรู้อะไรกะเค้ามั่งมั๊ยเนี่ย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 19:07:19

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ มันเบลอกระจาย ได้ motion เคลื่อนไหวสุด ๆ ไงครับเสี่ยเบียร์ อุอุอุอุ จากคุณ : Take a Look Around เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 20:05:22

ความคิดเห็นที่ 36   สถานการณ์นี้ ผมใช้โหมด M ครับ ตั้ง shutter speed เริ่มที่ 1/60 รูรับแสงกว้างสุดครับ ปรับแฟรชไปที่โหมด สัมพันธ์ม่านชัตเตอร์ชุดที่ 2 ครับ (Shutter SYNC. ไปที่ 2nd curtain) โหมดนี้แฟรชจะยิงตอนมานชัตเตอร์กำลังจะปิดครับ จะช่วยให้ตัวแบบหยุดนิ่งได้ครับ จากนั้นลด shutter speed จนกว่าจะเก็บฉากหลังได้ครับ แต่ต้องถือกล้องนิ่งๆหน่อยครับ ผมลงมายอมรับได้ที่ 1/15 ครับเลนส์ kitty 18-55 เปิดกันสั่นครับ แต่จะให้ใสเหมือนใช้เลนส์เกรดโปรเลยคงไม่ได้ครับ แต่เราก็ได้ภาพสวยเลยที่เดียวครับ ส่วนปรับยังไงผมตอบไม่ได้ครับ ไม่ได้ใช้ค่ายนี้ อิอิ.. ส่วนเงามืดของขอบเชือกมันชัดมากผมเดาเอาครับ เพราะไม่เคยเจอ ขอเดาว่า คุณนั่งติดเวที พอจะถ่ายภาพแฟรชจะใกล้เชือกมากครับ แหลงกำเนิดแสง อยู่ใกล้วัตถุ เงามืดก็สูงครับ ลองขยายแหล่งกำเนิดดูครับ เอาถ้วยมาม่า หรือหากระดาษมาสะท้อนแสงข้ามเชือกเอาครับ ส่วนภาพที่แสงกระจายไม่ทั่วภาพ ลองดึงแผนกระจายแสงที่หัวแฟรชออกมาดูครับ จะเป็นกับช่วง ไวด์ ของเลนส์ครับ D80 ก็เป็นกล้องดีครับ ผมเคยเล่นของพ่ออยู่ครับ อย่าเพิ่งท้อกับมันเลยครับ มันทำอะไรได้เยอะแยะครับส่วนเสนส์ถ้าจะซื้อแต่งบไม่มาก ผมว่าเอา 50 F1.8 มาเล่นก่อนครับ ราคาถูกดี รูรับแสงกว่างด้วยครับถ่ายกลางคืนสบาย ผมใช้ตัวนี้ shutter speed 1/50 ISO 400 ถ่าย indoor หรืองานกลางคืนผ่านสบายครับ อุปกรณ์สมัครเล่น ภาพสวย คนหลังกล้องโปร อุปกรณ์โปร ภาพสวย คนกลังกล้องเท่าทุน อุปกรณ์โปร ภาพเท่ามือสมัครเล่น คนหลังกล้อง ... นะ (-_-)' จากคุณ : Saika450 เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 21:21:48

ความคิดเห็นที่ 37 เหมือนบุญชิต, ภาพ4 ไม่ได้ดึงน๊อยส์ขึ้นมาอย่างเดียวนะจ๊ะ ผมเห็นอารมณ์ ณ เวลานั้น ถูกดึงขึ้นมาด้วย... จากคุณ : ผมคือ (b2fen) เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 52 22:49:46

ความคิดเห็นที่ 38   ภาพที่ 4 สวยดีครับ อารมณ์ดี ถ้า noise เยอะๆ และก็สีสันของสิ่งอื่นๆมันดึงดูดสายตามากไปหน่อย ก็ปรับเป็นขาวดำเลยครับ ส่วนตัวผมว่าจะสวยกิ๊บเลย ^^ จากคุณ : ปลาดุกหม่นหมอง เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 00:02:22

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณทุกๆคนมากเลยค่ะ จะเอาคำแนะนำของน้าๆทุกคนไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น ที่กดดันเพราะว่ารู้จะต้องนำไปเปรียบเทียบกับช่างที่เขาจ่ายมา ถึงปากบอกว่าไปถ่ายเล่นๆ แต่ใจก็อยากได้รับคำชมก็เลยเกิดอาการจิตตกอย่างที่บอกค่ะ คือตัวเองก็เห็นด้วยว่าอุปกรณ์หลังกล้องก็สำคัญ ที่ยังอยุดได้เพราะว่ารู้ว่าเราถ่ายภาพด้วยใจรัก และไม่อยากใช้เงินเกินตัวจนกว่าจะหาเงินได้จากการถ่ายรูป หรือมีเงินเหลือมากพอ (สงสัยกระทู้หน้ามาตั้งถามน้าๆ ดีกว่าว่าทำไงถึงจะมีเงินไปซื้อกล้องเทพๆบ้าง :) เราเองเงินหมดไปกับเที่ยวเยอะเลยปีนี้หมดงบกล้องแล้วค่ะ ส่วนตัวเราว่าถ่ายกีฬาเป็นเรื่องยาก ที่ยากเพราะว่าปัจจัยภายนอกก็สำคัญ ตอนถ่ายคราวที่แล้วก็ลองผิด ลองถูกมาเยอะค่ะ ถ่ายแบบ art slow shutter speed มาด้วย ดูเจ้าของงานเขาไม่ปลื้มเท่าไร งานนี้ก็เลยเอาชัดไว้ก่อนค่ะ เอาชัดแบบแตะเป็นแตะ ศอกเป็นศอกไว้ก่อน เลยต้องสาด flash ช่วย (ส่วนใหญ่จะถ่ายพอให้ได้รูป แล้วหยุดค่ะ เพราะเกรงใจนักกีฬาเหมือนกัน) จากคำแนะนำทั่งหมด เราเองรู้ตัวว่าค่อนข้างด้อยเรื่องจูน flash กับ กล้อง ซึ่งเราก็รู้ตัวเพราะปกติแล้วไม่ค่อยชอบใช้ flash พอนานๆใช้ที ผลก็ย่อมไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นจะพยายามฝึกให้มากกว่านี้ อย่างน้อยๆจะได้เต็มทีในส่วนคนหลังกล้อง ยังไงก็ขอขอบคุณทุกๆคนอีกทีนะคะ ไว้คราวหลังจะเอางานอย่างอื่นมาให้น้าๆช่วยชี้แนะนะคะ ปล. ส่วนใครที่อยากมาถ่าย ไม่มีปัญหา แต่เราอยู่ไกลบ้าน (UK) นะคะ ไม่รู้จะคุ้มค่าตั๋วน้าๆรึเปล่า ^__^ ส่วนตัวเราว่ายังไงมวยไทยบ้านเราก็มันส์กว่าเยอะ แก้ไขเมื่อ 17 ก.ย. 52 00:11:07 จากคุณ : จขกท (Cheerplater) เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 00:02:48

ความคิดเห็นที่ 40 "ถ่ายแบบ art slow shutter speed มาด้วย ดูเจ้าของงานเขาไม่ปลื้มเท่าไร งานนี้ก็เลยเอาชัดไว้ก่อนค่ะ" ผมเข้าใจดีเลยครับ ผมเห็นน้า ๆ หลายท่านแนะนำให้ถ่าย slow shutter speed แล้ว พึงมีเรื่องต้องระวังครับ ถ้าถ่ายเล่น ๆ เก็บไว้ดูเอง ถ่าย ๑๐๐ รูป จะให้มันเป็นภาพ motion blur ทั้งร้อยรูปเลยก็ได้ ไม่มีใครว่าอะไร แต่ถ้าต้องถ่ายส่งงาน ถ่าย ๑๐๐ รูป เป็นรูป motion blur ทั้งร้อยรูป โดนด่าเละแน่ครับ ถึงเจ้าของงานจะถ่ายรูปเป็น เข้าใจศิลปะ แต่ยังไงก็ไม่ปลื้มแน่นอนครับ เพราะเราถูกจ้าง/วานให้ถ่ายงาน ซึ่งอาจจะต้องเอาไปใช้ประชาสัมพันธ์ หรือทำสื่อ ไม่ได้เอาไปทำ art gallery ดังนั้นควรมีสัดส่วน (ที่ผมกะเองนะครับ) ภาพธรรมดาร้อยละ ๗๐-๘๐ กับภาพแนวสร้างสรรค์ร้อยละ ๒๐-๓๐ จะเห็นว่าภาพถ่ายกีฬาที่ลงสื่อก็เป็นภาพชัด ๆ ธรรมดา เป็น stop action ทั่ว ๆ ไป นานทีที่จะเห็นบรรณาธิการภาพเขาเอาภาพ motion มาลง ลองเทียบกับงานรับปริญญาดูก็ได้ครับ น่าจะเข้าใจง่าย เพราะหลัง ๆ ก็ถ่ายกันเยอะ ถ้าเราถ่ายรูปงานรับปริญญาด้วยเลนส์ตาปลาหรือเลนส์มุมกว้างทั้งหมด ภาพมันเฝือครับ ถ้าเรามีถ่ายแบบนั้นบ้าง ในขณะที่ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพปกติทั่ว ๆ ไป บัณฑิตจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจกว่าครับ ผมไม่ทราบว่าโจทย์ที่ได้รับในการถ่ายภาพของเจ้าของกระทู้ครั้งนี้คืออะไร เนื่องจากโจทย์ที่ต่างกันก็จะทำให้การถ่ายภาพต่างกันครับ ถ้าโจทย์เป็นให้ถ่ายภาพกีฬา เจ้าของกระทู้ก็ต้องจดจ่ออยู่กับมวยบนเวที หา action เด็ด ๆ ของคู่ชกมาให้ได้ ที่เห็นบ่อย ๆ ในกีฬาชกมวยคือรูปนักมวยโดนต่อยจนหน้าหันนั่นหละครับ โดนเฉพาะถ้าเป็นหมัดน๊อคนี่ขายได้หลายเชียวแหละ แต่ถ้าคำสั่งกว้างกว่านั้น เป็นการให้ถ่ายการจัดแข่งขันกีฬา จขกท ก็ต้องถ่ายบรรยากาศรอบ ๆ ด้วย ทั้งคนดู กรรมการ บุคคลสำคัญในงาน เป็นต้น ซึ่ง จขกท อาจถ่ายมาอยู่แล้วก็ได้ เพียงแต่ไม่ได้เอามาให้ดู อาจเอามาให้ดูแต่ภาพที่ จขกท เห็นว่ามีปัญหา อยากขอคำแนะนำ เรื่องแฟลชติดเชือก ถ้ามีเทเลให้ถ่ายจากมุมสูงลงมา แต่ จขกท ไม่มี วิธีแก้โดยใช้อุปกรณ์ที่ จขกท มีอยู่ตามที่ผมคิดนะครับ ต้องเพิ่ม ISO มี noise ก็ต้องยอมครับ อาจจะถ่ายติดโอเวอร์ไว้นิดนึง จะได้มีส่วน shadow น้อยลง แล้วถ่ายเป็น RAW จะได้แก้รูปง่าย รูปไหน noise มันเยอะจนรับไม่ได้ก็ใช้โปรแกรมลด noise ครับ อันไหนพอรับได้ก็ไม่ต้องไปเสียเวลา นอกจากมีเวลาทำนะครับ ถ้าจะใช้แฟลชก็อย่างที่ผมบอก ต้องใช้เทเล แล้วถ่ายจากมุมสูง หรือใช้เลนส์ที่มี แต่ยื่นกล้องไปในเวทีให้พ้นเชือก ซึ่งไม่ดีแน่นอนครับ เป็นการกวนนักกีฬา จริง ๆ ถ่ายแบบนี้ไม่ควรใช้แฟลชจะดีกว่าครับ สู้ ๆ ครับ จขกท อย่างที่ผมบอกไปใน คคห ที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่มืออาชีพก็อย่าไปเครียดเรื่องอุปกรณ์ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ๆ ถ้าอยากเปลี่ยนอุปกรณ์ ซื้อของค่ายไม่ไหวก็ซื้อเจ้าอิสระ แต่ก็ต้องยอมรับเรื่องความไม่เข้ากันของอุปกรณ์ในบางครั้งระหว่างค่ายกล้องกับค่ายอิสระนะครับ จากคุณ : นักล่าภาพ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 52 09:15:20

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่าภาพที่4 ให้ความรู้สึกถึงความรุนแรงของมวยนะครับ noise แบบนี้ ดูแล้วดึงอารมณ์นักมวยออกมาเยอะเลย ชอบครับ จากคุณ : Alice_Nine เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 01:45:52

ความคิดเห็นที่ 42 แหะๆ ผมกลับคิดสวนทางกับ จขกท. แฮะ วันก่อนไปงานสัมมนา เห็นพี่ช่างกล้องพกกล้องและเลนส์แบบดำๆโนๆ ใส่ monopod ถ่ายมืดๆ นี่ใสกว่าตอนเราถ่ายที่สว่างอีก 555 แต่เห็นแล้วกลับอยากเอา มือ 2 ราคา ไม่ถึง 2 หมื่น มาถ่ายเล่นบ้าง ถ้าจะไปโปรก็คงต้องเพิ่มอุปกรณ์อะครับ มันช่วยเยอะจริง แต่ถ้าถ่ายเอาสนุก ฝึกฝีมือ ผมว่ามารีดศักยภาพของกล้องที่มีอยู่ดีกว่าครับ จากคุณ : Tt009 เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 52 23:45:48

ความคิดเห็นที่ 43 เคยทำคนอื่นจิตตก ตอนไป องค์พระนครปฐม เข้าร้านข้าว เก็บกล้องเข้ากระเป๋าไปแล้ว ีพี่คนนึง 30 นิดๆได้มั้ง มากะพี่คนสวยคงเป็นภรรยา หรือ แฟน ถือกล้องมาด้วยแหะ โอว Nikon..  น่าจะเป็น D90 สักอย่าง (ดูไม่เป็นหรอกแต่จ้อง อะ..) เ้คาก้อวางโต๊ะ แต่รู้สึกสักพักคงจับพลังจิตมาคุผมได้ เปลี่ยนที่วาง 555+ จนทานเสร็จ ยกกล้องออกมาจากกระเป๋าบ้าง 350D ของน้องชาย พี่เค้าจะได้ไม่ต้องจิตตกต่อว่าเราจ้องจะขโมยหรืออะไร "ที่แท้ก็ไอ้เด็กบ้ากล้องคนนึงนี่เองง.." คุคุคุ กล้อง สมรรถภาพน้อยกว่าก็ถ่ายยากกว่า ถ้าถ่ายออกมาสวยเท่ากันคนถือของแพงก็จิตตกกว่าดิ ไม่สงสารเค้าเรอะ? กระบี่ไผ่ ฝีมือเทพก็ใช้ได้จริง แต่เปลืองพลังธาตุกว่าใช้กระบี่วิเศษนะค้าบ.. เอาด้ายมาตัดเค้ก กับเอามีดยาวตัดเค้ก ถ้าตัดเค้กได้สวยด้วย ด้าย ได้(หงะ..กำกวม )  อันนี้เรียก แสดงฝีมือ.. แต่ถ้าต้องตัดเค้ก 100 ก้อน ผมว่าก็ควรจะใช้มีดแหละเนอะ "ก็ตอนนี้กรูงานเยอะ ไม่ใช่เวลาโชว์ความเก่งเฟ้ยยยยย ไม่ทันส่งลูกค้าาาา" - -"" จากคุณ : Handy (HANDYHUNG) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 18:08:50

ความคิดเห็นที่ 44 อ้อ อีกนิด  ถ่ายที่ร่ม + กีฬา เวรกรรม นี่มันต้องการทั้งความไวแสง และความไวชัตเตอร์ไม่ใช่เรอะ ตายๆ ... ถ้าไปถ่ายนกกัน แล้วเราเอา 18 - 55 สักอย่างไป แล้วเจอคนอื่นเอา 300 - 700 ไป (มีมั๊ยเนี่ย เกรียนไปก่อนแล้วกัน) คุณว่า คุณจะจิตตก หรือ เพื่อนจะจิตตกมากกว่ากัน ถ้าถ่ายๆ ไปแล้ว ดันไปถามเพื่อนว่า ทำไม เวลาชั้นถ่ายแล้วนก มันหนีไปก่อนทุกทีเลยอะ???   อ่า... ก็แบบว่า ... นั่นแหละครับ ... ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะ กล้องเนี่ย ถ้าเอาไปถ่ายกลางแจ้งเลยนะ ผลที่ได้ต่างกันไม่มากหรอกครับ แสงมันเยอะ - -  เพราะฉะนั้น อย่าไปคิดมาก ก็ของเค้าดีกว่า ในสถานการณ์นั้นๆ มันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว .. จากคุณ : HANDYHUNG เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 52 18:14:20