ความคิดเห็นที่ 1 มีแน่นอนครับ ถ้าจะเน้นคุณภาพ Raw ดีที่สุด จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 14:01:43

ความคิดเห็นที่ 2 RAW  ครับ  ยอมเปลืองเมมหน่อย จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 14:11:51

ความคิดเห็นที่ 3   มีครับแต่ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าไฟล์ที่เราบันทึกภาพนั้นอยู่ในระบบดิจิตอลซึ่งมีค่าการเก็บเป็นจำนวนบิตที่ต่าง ๆ กันนะครับ 1 บิตนั้นก็คือเลขฐานสองจำนวน 1 หลัก ซึ่งสามารถคิดความลึกของสีเป็น 2 ยกกำลัง n ซึ่ง n เป็นจำนวนบิตนั่นเองครับ อาทิไฟล์ jpg เก็บได้ 8 บิต ความลึกของสีเป็น 2 ยกกำลัง 8 เท่ากับ 256 แต่ว่านี่คือความลึกของสี ๆ เดียวเท่านั้นครับ แต่เวลากล้องนำภาพจากเซนเซอร์มาประมวลผลเป็นภาพจะเก็บจากสามสีคือ red green blue หรือ RGB นั่นเองครับ ทำให้ความลึกของสีเป็น 256 x 256 x256 = 16777216 สี  หรือ 16 ล้านสีครับ ต่อมาไฟล์ tiff  เก็บได้ 16 บิต = 2 ยกกำลัง 16 = 65536  เมื่อคิดสามสีเป็น 281 474 976 710 656 (แยกให้เห็นชัดเจนว่ากี่หลัก)  ซึ่งเยอะมาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะครับ แต่ว่ากล้องของเรา ๆ เนี่ยเฉดสีไม่เยอะขนาดนี้หรอกครับไฟล์ raw ของกล้องคนละรุ่นก็อาจจะเก็บไม่เท่ากัน 12 บิตบ้าง 14 บิตบ้าง ดังนั้นหากต้องการคุณภาพสูงสุดก็ถ่ายเป็นไฟล์ raw ครับ และถ้านำไปใช้ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ต่าง ๆ ก็ควรแปลงเป็นไฟล์ tiff  ซึ่งจะดีกว่า jpg มาก ๆ ครับ หากผิดพลาดตรงไหนช่วยกันแก้ด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 52 15:30:51 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 52 15:29:47 จากคุณ : gapzaa (gapzaa) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 15:28:29

ความคิดเห็นที่ 4   จากคุณ : first-time shooter เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 16:19:09 A:125.25.34.92 X: TicketID:122761

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้านับคุณภาพความสวยงามกับความคมชัด...ไม่เกี่ยวกันทั้งสามนามสกุล... ความคมชัดกับความสวยงามสีสดอันนี้มันขึ้นอยู่กับตาเห็น... แต่ไฟล์พวกนี้ออกมาเพื่อการใช้งานที่แตกต่างกัน... Jpeg เอาไว้ดูเล่น...เป็นงานสำเร็จพร้อมที่อัดขยายตามสัดส่วนที่กำลังดี... Tiff เป็นไฟล์เพื่อการทำงานของโรงพิมพ์...จอจากคอมและกล้อง...จะแสดงค่าเป็น RGB คือค่าสีของแสง...แต่ Tiff ใช้แก้ปัญหาการทำงานร่วมกันกับโรงพิมพ์... ...งาน Tiff มักอยู่ในงานพวกที่เกี่ยวกับ การตลาด...อิงค์เจ็ทติดผนังใหญ่...แต่ ไฟล์ Tiff นั้นยังต้อง...แปลงโหมดจาก RGB เป็น CMYK ด้วย.. CMYK เป็นค่าแสดงสีจากวัตถไม่ใช่แสง... ขอยกเรื่องทฤษฎีสีนิดนึง... RGB เป็นสีของแสง...ยกตัวอย่างเช่น...เมื่อเราปิดแสง...ก็จะเป็นดำ...พอเราเปิดแสงครบสามสี...ก็จะกลายเป็นขาว... CMYK เป็นค่าของสีวัตถุ...คือสีของการพิมพ์บนหน้ากระดาษ... เมื่อเราไม่พิมพ์กระดาษก็จะเป็นขาว...เมื่อพิมพ์ทุกหมึกลงไป...มันก็จะเป็นดำ... ย้อนไปที่ Tiff ไฟล์นี้จึงเอาไว้แก้ปัญหาความถูกผิดระหว่างนักออกแบบกับโรงพิมพ์...เพราะผิดพลาดน้อยสุด..สีเพี้ยนน้อยสุด...(แต่ก็ยังเพี้ยนอยู่เหมือนกันเพราะคอมมันต่างประเภทกัน) ...แล้ว Raw ละ... ผมไม่แน่ใจ...แต่เท่าที่ศึกษาแล้วเข้าใจเองว่า.. Raw คือไฟล์ที่แก้ไขได้...สะดวกโดย ซอฟท์แวร์ของเจ้านั้นๆ...ก่อนแปลงเป็นไฟล์ที่สามารถแก้ไขโดยสากล... สมมติว่า...คุณถ่ายมา...แล้วการตั้งค่าสีไม่เป็นที่น่าพอใจตอนมาอยู่ในคอม...คุณสามารถใช้ซอฟแวร์ของเขาดัดแปลงค่าสีให้ตรงตามใจ...ค่าสว่างตามความพอใจ...ของคุณ เสมือน...ปรับจากหน้ากล้อง...แต่ความคมชัดไม่เปลี่ยน...ระยะโฟกัสไม่เปลี่ยน...เปลี่ยนแค่สี...เปลี่ยนขนาดที่ว่าคุณถ่ายมาขาวดำก็สามารถปรับเป็นสีได้ด้วย...(ผมลองอ่านในคู่มือกล้องที่มีและทดลองใช้แล้วได้ผลจริง) เพราะงั้น... Raw Tiff Jpeg  ไม่มีผลกับความคมชัดและความสวยงาม...แต่มีผลต่อคุณภาพในการเอาไปใช้งาน...ถ้าคุณถ่ายรูป...ลงเวปก็เป็น อะไรก็ได้ที่คุณพอใจครับ...แต่ถ้าอัดขยายเพื่องานโฆษณาของลูกค้าขนาด A3 ขึ้นไป...ต้องอัด Raw อย่างเดียวครับ...กันลูกค้าจุกจิกขอแก้นู่นี้ทีหลังด้วย...ครับ จากคุณ : Kura Kuri เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 16:28:36

ความคิดเห็นที่ 6   เข้าใจขึ้นเยอะเลย ขอบคุณน้าทุกท่านนะคะ จากคุณ : swcallies เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 18:49:42

ความคิดเห็นที่ 7 ขออนุญาตนะครับ  จะบอกว่า คคห. ของคุณ Kura Kuri  ผิดพลาดเยอะเลย เกรงว่าเดี๋ยวจะเข้าใจข้อเท็จจริงคลาดเคลื่อน เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมขออธิบายตามนี้แล้วกันนะครับ 1. Raw คือชื่อเรียกของข้อมูลดิบจากเซ็นเซอร์รับภาพ เป็นข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการโพรเซสหรือปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น แต่จะบรรจุข้อมูลในการถ่ายภาพไว้ เช่น ข้อมูลไวท์บาลานซ์ เป็นต้น การนำไฟล์ชนิดนี้มาใช้งาน ก็ต้องใช้โปรแกรมถอดข้อมูลให้ตรงตามวิธีการคำนวณของผู้ผลิต 2. jpeg เป็นไฟล์รูปภาพที่ได้รับความนิยม เนื่องจากได้พัฒนาวิธีในการบีบอัดข้อมูลภาพ ทำให้มีขนาดไฟล์เล็กลง ไฟล์ jpg ที่ได้จากกล้องจะเป็นการนำข้อมูลดิบจากเซ็นเซอร์มาผ่านการคำนวณด้วยโพรเซสเซอร์ที่อยู่ในตัวกล้อง แล้วบันทึกข้อมูล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกบีบอัดมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่าที่เราเซทไว้ 3. tiff คือไฟล์ที่บันทึกข้อมูลทุกจุดแบบตรงไปตรงมา ว่าจุดที่1 สีอะไร ความสว่างเท่าไหร่ จุดที่ 2 สีอะไร ทำให้ไฟล์ชนิดนี้มีขนาดใหญ่ ข้อดีคือ คุณภาพไฟล์ไม่ถูกลดทอนด้วยการบีบอัด แต่ยังไงก็ตาม ไฟล์ tiff ก็คือไฟล์ที่ผ่านกระบวนการโพรเซสมาแล้ว เพราะฉนั้นคุณภาพก็จะขึ้นอยู่กับการคำนวณ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 20:22:05

ความคิดเห็นที่ 8 ทำไม Raw ถึงคุณภาพดีที่สุด......... ลองหาคำตอบดูก่อนแล้วกันนะครับ ถ้าว่างจะมาอธิบายเพิ่ม จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 20:25:15

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่สงสัยว่าทำไม Raw คุณภาพดีที่สุดครับ... แต่ผมสงสัยว่า... ถ้าเราถ่าย Raw มาเบลอโดยไม่โฟกัสเลย... กับถ่ายด้วย Jpeg ด้วยการวัดแสงและโฟกัสที่ถูกต้อง... ...ถามว่า...Raw สามารถแก้ให้กลับมาชัดได้ไหม... ถ้า Raw ทำได้จะสามารถทำให้งานผมสะดวกขึ้นเยอะเลยทีเดียว... ...เพราะผมติดปัญหาว่า...เคยถ่าย Raw ด้วยกล้อง 6 ล้านพิกเซล... ไม่สามารถขยายติดรถไฟฟ้าได้ให้เห็นผมนางแบบคมๆเป็นเส้นๆได้...เท่า Jpeg ขนาด 22 ล้านพิกเซล... ปล.ไว้ท์บล้านซ์...โฟโต้ช้อบสามารถย้อมได้ทั้ง Jpeg และ Tiff ครับ... จากคุณ : Kura Kuri เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 21:28:26

ความคิดเห็นที่ 10 ไฟล์ Raw เป็นไฟล์ตั้งต้นครับเป็นไฟล์ดิบที่ได้จากการถ่าย และยังไม่ได้แปลงเป็น Jpeg กล้อง DSLR จะเลือกได้ว่าจะให้ผู้ใช้แปลงในกล้องเลย หรือนำไฟล์มาแปลงในคอมพ์เพื่อการปรับแต่งอีกที เปรียบเหมือฟิล์มที่ยังไม่ได้ล้างแหละครับ นำไปใช้ไม่ได้หากยังไม่แปลง ไฟล์ Raw เมื่อนำมาแปลงภาพในคอมพ์จะสามารถเลือกได้ว่าจะทำเป็นไฟล์ Tiff 16bit Jpeg8bit โดยไฟล์ที่ละเอียดสุดใหญ่สุดที่ใช้กันคือ Tiff จะใช้ในงานละเอียดมากจริงๆระดับอาชีพครับไฟล์ใหญ่มากๆครับ แต่ให้ความคมและความละเอียดสูงที่สุด ไฟล์ RAW 10Mb แปลงเป็น Tiff จะได้ไฟล์ใหญ่ประมาณ 50-70 MB ส่วนหากแปลงเป็น Jpeg ไฟล์ที่ Bit มากกว่าหมายถึงช่องสีที่มากกว่าละเอียดกว่าก็จะได้ไฟล์ที่ใหญ่ และขึ้นอยู่กับ Compression หากคอมเพรสมากก็จะลดสีลดความละเอียดลง ดีเทลก็ลดลง ส่วนไฟล์ที่ต้องการขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ครับ ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟล์ละเอียดมากๆตลอดเพราะเปลืองพื้นที่จัดเก็บโดยใช่เหตุครับ ลองอ่านดูครับ การเลือกไฟล์และประโยชน์ของ RAW ไฟล์ http://1-2-tee-photo.com/raw.html แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 01:36:23 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 52 22:39:40 จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 22:22:32

ความคิดเห็นที่ 11 เจอคำถามเล่นเอาฮาไปสักพักเลย เอิ้กๆๆ..... -------------------------------------------------------------- "แต่ผมสงสัยว่า... ถ้าเราถ่าย Raw มาเบลอโดยไม่โฟกัสเลย... กับถ่ายด้วย Jpeg ด้วยการวัดแสงและโฟกัสที่ถูกต้อง... ...ถามว่า...Raw สามารถแก้ให้กลับมาชัดได้ไหม..." คำตอบคือ ไม่ได้ครับ ถ้าคุณถ่ายมาเบลอ ไม่โฟกัส ภาพก็จะไม่ชัด(ยกเว้นว่าจะใช้เทคนิคไฮเปอร์โฟกัส อันนั้นไม่ต้องโฟกัสก็ได้) ไม่เฉพาะไฟล์ Raw นะครับ ถึงจะเป็นไฟล์ประเภทไหนก็ไม่ชัด ไม่ว่าจะเป็น jpg หรือ tiff แต่ถ้าคุณถ่ายมาด้วยการวัดแสง โฟกัสที่ถูกต้อง ถ้าไฟล์ jpg ชัด ไฟล์ Raw ก็ไม่มีทางด้อยกว่าครับ --------------------------------------------------------------------------- "...เพราะผมติดปัญหาว่า...เคยถ่าย Raw ด้วยกล้อง 6 ล้านพิกเซล... ไม่สามารถขยายติดรถไฟฟ้าได้ให้เห็นผมนางแบบคมๆเป็นเส้นๆได้...เท่า Jpeg ขนาด 22 ล้านพิกเซล..." ตอบ  แล้วเคยลองถ่าย jpg จากกล้อง 6 ล้าน ไปขยายติดรถไฟฟ้า เทียบกับไฟล์ jpg ขนาด 22 ล้าน หรือเปล่าครับ คุณภาพมันเป็นยังไงบ้าง ใกล้เคียงกันขึ้นหรือเปล่า จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 22:34:20

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับคุณ หมาส้มสมหวัง ก็ยังผิดอยู่ดีครับ tiff ไม่ใช่ไฟล์ที่ละเอียดที่สุดครับ ความจริงข้อมูลเหล่านี้หาง่ายมากเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนสับสนเยอะเหมือนกัน ลองศึกษาดาตามนี้ครับ ------------------------------- อันนี้เรื่อง Raw http://www.google.co.th/search?hl=th&rlz=1G1GGLQ_THTH351&q=raw+%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C&meta= หรือจะเอาลิ้งค์ตรงหน่อยก็อันนี้ครับ ของน้า 2หาว อ่านเข้าใจง่าย http://www.2how.com/board/41239.html จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 22:41:30

ความคิดเห็นที่ 13 อันนี้เรื่อง tiff http://www.google.co.th/search?hl=th&rlz=1G1GGLQ_THTH351&q=tiff+%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3&meta=&aq=f&oq= หรืออ่านอันนี้อันเดียวก็ได้ http://www.yupparaj.ac.th/CAI/graphic/type.html แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 52 22:51:15 จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 22:49:44

ความคิดเห็นที่ 14 กลับมาตอบอีกที...ผมชอบกระทู้นี่นะ...แลกเปลี่ยนความรู้กันดี... จาก คห. 11 เห็นชัดได้ว่า...(ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด) ...คุณภาพของภาพไม่ได้เกี่ยวกับ...นามสกุลเสมอไป... สิ่งที่อ้างอิงของคุณภาพมีปัจจัยภายนอกสิ่งเร้ามากมายที่เข้ามา...รวมทั้ง หกล้าน...หรือ ยี่สิบสองล้าน... ... ที่นี่ขอย้อนไปที่ความต้องการของผู้ตั้งกระทู้... ...ชนิดไฟล์มีผลต่อคุณภาพไหม...ถูก...มีผลแน่นอน... โดยเฉพาะ Raw ไฟล์...จะมีคุณภาพที่สูง...จะไม่สูงได้ไง...Raw ย่อมาจาก Rawmatt  ซึ่งนามสกุลของกล้องแต่ละยี่ห้อ...ก็จะใช้ Raw ที่แตกต่างกัน... แต่...ย้อนที่ข้อความเนื้อกระทู้... ...ความสวยงาม...ความคมชัด... ผมจึงตอบอย่างหนักแน่นว่า... "ไม่มีผล" เพราะความสวยงามความคมชัด...อยู่ที่ฝีมือการใช้กล้อง...ไม่ใช่นามสกุลไฟล์... เทียบอย่างสมมติว่า...ให้มือโปรถ่าย Jpeg กับมือสมัครเล่น ถ่าย Raw ไฟล์...คุณภาพด้านความคมชัดกับสวยงาม...ไม่ต้องรอจบก็เห็นผลคู่มวยในทันที... ...เพราะงั้น...ผมอิงคำถามของผู้ถามว่า... Raw, Jpeg, Tiff กับคุณภาพความคมชัด...ผมมองแล้วว่า...ผู้ถามมีปัญหาความเชื่อผิดมาแน่...ว่า...ถ่าย Raw ไว้ยังไงคุณภาพดีเสมอ... ...พอรู้ว่า Raw ดีกว่า...ก็ตอบคำถามไม่ได้ว่า... Raw เอาไว้ทำอะไร...ทำไมมันดีกว่า... ...เพราะงั้น...จึงตอบตอนท้ายว่า...ถ้าไม่ได้เอารูปไปทำงาน โฆษณาติดบิลบอร์ดใหญ่ๆ...ลืม Raw ไปได้เลย... สนใจการถ่ายภาพก่อน...เพราะ Raw จะดีกว่าทุกนามสกุล...ในกล้องตัวเดียวกัน...แต่มันไม่ได้ตอบโจทย์เรื่อง ความคมชัดและความสวยงาม... ...เราจึงตอบคำถามแบบส่งๆไปไม่ได้ว่า... Raw ดีกว่า...แล้วก็...จบ... ... ดีกว่ายังไง...ดีกว่าเพราะอะไร...จขกท. ก็ได้แค่มึนออกไป... เพราะคงไม่มีใครถือแค่ ไฟล์ Raw หรือไฟล์ Tiff แล้วไปร้านอัดรูปบอกว่าอัดให้หน่อยหรอกนะ... ทำงั้นก็เดี๋ยวได้โดนพนักงานด่ากลับมากันพอดี... ...Raw...ผมย้ำว่า...ไม่ใช่คำตอบของคุณภาพงาน...มีปัจจัยมากกว่านั้นที่ทำให้มีคุณภาพ... คนถ่ายภาพไม่ได้โปรทุกคน...ดังนั้นเราจึงต้องแนะนำสิ่งที่เขาควรทำก่อน... จากคุณ : Kura Kuri เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:07:09

ความคิดเห็นที่ 15 โอเคครับคุณกล้องโบราณ อาจจะไม่ใช่ใหญ่ที่สุด เพราะมันไม่มีที่สุดจริงๆในโลกหรอกครับ แต่ก็เป็นไฟล์ที่นิยมไปใช้ในงานอาชีพขนาดใหญ่ ในการทำโฆษณา Bill Board ที่นิยมมากที่สุดนะครับ เพราะตามโปรเซสแล้วมักจะถ่ายด้วย RAW แปลงเป็น Tiff เพื่อนำไปทำการปรับแต่งอีกทีใน photoshop ในการตัดแปะแปลง whatever เพราะโดยทั่วไปในการทำภาพถ่ายงานโฆษณา ก็โดยมากก็จะเป็น Tiff เป็น ซะแทบจะเกือบทั้งหมด ดังนั้นหากจะมาจับว่ามีที่สุดกว่านั้น ผมก็คงต้องยอมรับครับว่าผมอาจจะไม่ถูกซะทีเดียวครับ แต่ผมกล่าวในส่วนของการนำไปใช้จริงๆ เอาตามที่นิยมใช้จริงๆ ก็ Tiff นี่แหละครับที่ใช้ในการพิมพ์ ภาพการโฆษณา เพราะมันอ้างอิงสีจาก Pantone ได้ ในการทำไฟล์ดิจิตอลบิลบอร์ด หรือการนำไฟล์ภาพถ่ายไปใช้ในการพิมพ์ จึงนิยมโปรเสสจาก RAW ไป Tiff ส่วนไฟล์มีผลต่อคุณภาพทางความละเอียด ทุกครั้งที่แปลงไฟล์มันมีการเปลี่ยนข้อมูลอยู่แล้วครับ อย่าว่าแต่ไฟล์เลยคอมพ์ตัวเดียวกันเปิดไฟล์จาก ACDsee หรือ PS ยังให้สีที่ต่างกันพอสังเกตุได้ คุณ คห. ข้างบนพูดถูกครับ นามสกุลภาพมันไม่มีผล หากภาพถ่ายมาไม่คมชัด การเลือกใช้ RAW ไม่ได้ช่วยจุดนี้ เพียงแต่มันแก้ข้อผิดพลาดทางสีแสงได้เท่านั้น มันไม่สามารถแก้ Composition โฟกัสผิดพลาด พวกนี้ได้ ส่วนจะใช้ RAW หรือ Jpeg มันก็มีข้อดีข้อเสียที่ต่างกัน ก็ไปอ่านดูครับว่าบางกรณี Jpeg ก็เป็นทางออกที่ดีกว่าครับ ขนาดความละเอียดไฟล์ดีที่สุดคือที่เหมาะกับการนำไปใช้ ใหญ่ไปก็เปลืองเปล่าประโยชน์ครับ ดังนั้นคือจะใช้อะไรถ่าย RAW หรือ Jpeg มันถึงอยู่ที่การนำไปใช้ครับ ถ่ายท่องเที่ยว Jpeg 3MB ก็เกินพอ ถ่ายไปทำ Billboard บางที RAW 12MB Tiff 80MB ยังเล็กไปเลยครับ ว่ากันตามจริงครับที่ทำงานผ่านมา ขอบคุณ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ย. 52 23:35:12 จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:12:19

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาเสริมว่า... ...ผมรู้จักไฟล์ Raw ไม่ถึงสองปี...ความเข้าใจจึงอาจคลาดเคลื่อนด้วยเหตุที่มันไม่ได้เอามาใช้ในงานประจำเท่าไหร่... ...แต่ Jpeg กับ Tiff รู้จักและใช้งานมาราวๆจะสิบปีแล้ว...เถียงกับโรงพิมพ์กันสนุกสนานแล้ว...จึงมั่นใจว่าไม่น่าพลาด... นอกจากสามไฟล์นี่แล้ว...ยังมี...Gif, Png, Tga, Bmp...และอีกเยอะ... ที่ใช้งานคุณสมบัติที่แตกต่างกัน... เพราะงั้น...การมอง Raw ของผมจึงไม่ถูกต้องนัก แต่การที่เรารู้จักไฟล์ไหนดีเป็นพิเศษ...เราก็จะสามารถนำไฟล์นั้นๆมาตอบโจทย์ความต้องการของเราได้สมบูรณ์แบบที่สุด...ครับ... จากคุณ : Kura Kuri เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:22:29

ความคิดเห็นที่ 17 อันนี้พูดตรงๆนะครับ แฮๆ เหมือนผมต้องตามมาแก้ ข้อมูลที่ผิดพลาดข้อน้าทั้งสองคนมากกว่าอธิบายให้จขกท.ฟัง --------------------------------------------------------------------------------- ตอบน้า Kura Kuri อยากให้อดทนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดครับ อันนี้ไม่ได้ดูถูกความรู้น้านะ แต่คนที่ศึกษามาก่อนพอมองออกและแนะนำด้วยความจริงใจ อย่างเช่นที่บอกว่า "แต่...ย้อนที่ข้อความเนื้อกระทู้... ...ความสวยงาม...ความคมชัด... ผมจึงตอบอย่างหนักแน่นว่า... "ไม่มีผล" " สิ่งที่น้าฟันธงมันผิด 100% เต็มครับ เพราะว่าถ้าเราเลือกบันทึกเป็นไฟล์ jpg คุณในภาพในแง่ของความคมชัด และสีสัน มันจะขึ้นอยู่กับการตั้งค่าบนตัวกล้อง ถ้าตั้งค่า sharpen น้อย ความคมชัดก็จะน้อย อันนี้ยังพอแก้ไขได้ แต่ถ้าตั้ง sharpen เยอะเกินไป ไฟล์ที่ได้ก็จะแข็งจนดูไม่เป็นธรรมชาติ และแก้ไขได้ยาก ต่างจากไฟล์ Raw ที่เรามาเลือก sharpen ภายหลังได้อย่างอิสระ เรื่องสีสันก็เหมือนกัน ถ้าถ่ายเป็น jpg เราจำเป็นต้องเลือก profile สี ถ้าเลือกเป็น sRGB อันนี้ก็ดีตรงที่ส่งไฟล์ไปปริ้นตามแล็บได้เลย แต่ก็จะได้ความกว้างของสีน้อยกว่า adobeRGB หรือ proRGB ถ้าเราถ่ายเป็น Raw อันนี้มาเลือกทีหลังได้ หรือถ้าพูดถึงจำนวน bit ไฟล์ jpg จะทำได้สูงสุดคือ 8 bit แต่ถ้าเป็น Raw จะเลือกคอนเวิร์ทเป็น 12, 16 bit ก็ยังได้ อันนี้ยังไม่รวมเรื่องที่ว่าอนาคตซ็อฟแวร์ตัวใหม่จะมีความสามารถในการแปลงไฟล์เก่งขึ้น หรือความสามารถของโปรแกรมบน PC มีความสามารถมากกว่าซ็อฟแวร์บนกล้อง ผมว่าก่อนอื่นเข้าไปตามลิ้งค์ที่ผมให้ไว้ก่อนก็ดีครับ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:35:05

ความคิดเห็นที่ 18 อันนี้ตอบน้า หมาส้มสมหวัง ในคคห. 15 ที่ว่าไม่มีไฟล์ไหนดีที่สุดในโลกจริงๆ อันนี้ก็ผิดอีกครับ Raw คือไฟล์ที่ดีที่สุดที่กล้องตัวนั้นสามารถให้ได้แล้วครับ แล้วที่ระบบการพิมพ์นิยม tiff ก็เพราะคุณภาพดีกว่า jpg และสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่างๆได้สะดวกกว่า ไม่ได้หมายความว่าดีกว่า Raw ครับ อันนี้พวก graphic design มือใหม่ๆชอบเถียงผมประจำ ตัดมาให้อ่านเลยแล้วกัน ---------------------------------------------------------------- TIFF (Tagged Image File Format)        TIFF เป็นไฟล์ที่ใช้ได้กับ bitmap เท่านั้น พัฒนาขึ้นโดยความร่วมของ Aldus Corporation และ Microsoft TIFF เก็บบันทึกข้อมูลรูปภาพได้หลากหลายใน Tagged Field จึงกลายเป็นชื่อเรียกของรูปแบบไฟล์ ซึ่งแต่ละ Tagged Field สามารถบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับ bitmap หรือชี้ไปยัง Field อื่นได้ ซอฟต์แวร์ที่อ่านไฟล์นี้สามารถข้ามการอ่าน Field ที่ไม่เข้าใจหรือไม่จำเป็นไปได้        TIFF เป็นรูปแบบที่มีความยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เนื่องจากมี Tagged Field ให้ใช้ต่างกันหลายร้อยชนิด ไฟล์แบบนี้จึงมีข้อดี คือ ใช้ได้กับโปรแกรมกราฟิกทุกประเภท สามารถใช้ได้ในระบบคอมพิวเตอร์หลายๆ ระบบ และกำหนดขอบเขตที่กว้างขวางของภาพ bitmap ได้ นอกจากนี้ TIFF ยังสามารถทำบางสิ่งที่ bitmap อื่นทำไม่ได้ และเป็นรูปแบบที่สนับสนุนทั้งระบบ PC และ Macintosh Tagged Image File Format นามสกุลที่ใช้เก็บ TIF ระบบปฏิบัติการ Windows, UNIX, Mac Windows เวอร์ชันที่ได้รับการพัฒนาจนถึงปัจจุบัน 5.0 และ 6.0 ซอฟต์แวร์ที่สร้างและเปิดไฟล์ โปรแกรมแก้ไข Bitmap และโปรแกรม Desktop Publishing เช่น PageMaker, QuarkXPress, CorelVentura, PhotoShop, PaintShop Pro ความสามารถทางด้านสี ขาวดำ 1 บิต, Grayscale (4,8, 16 บิต), แผงสี (ได้ถึง 16 บิต), สี RGB (ได้ถึง 48 บิต), สี CMYK (ได้ถึง 32 บิต) การบีบขนาดข้อมูล LZW, PackBits (Macintosh), JPEG (TIFF v 6.0), RLE หลายรูปแบบ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:43:27

ความคิดเห็นที่ 19 เอาเป็นว่า รบกวน น้าๆอ่านตามลิ้งค์ที่ให้มาก่อนแล้วกันนะครับ เพราะถ้าน้าให้ข้อมูลผิดพลาด คนอ่านก็อาจจะเชื่อ และถ้าผมปล่อยไป ก็เท่ากับผมปล่อยให้เพื่อนๆท่านอื่นเข้าใจผิด โดยไม่ทักท้วง จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:48:57

ความคิดเห็นที่ 20 " ผมถ่ายภาพเป็นไฟล์ RAW เสมอ และอันที่จริง ผมอาจจะไม่ต้องปรับค่าอะไรอื่นๆ นอกเหนือจากเทคนิคการถ่ายภาพปกติเท่านั้น เพราะเราจะนำไฟล์ที่ได้มานั้นมาปรับแต่งเองได้มากมายก่ายกอง ทำเป็นขาวดำก็ได้ เสร็จแล้วจึง save เป็นไฟล์ชนิดอื่นๆ เอาไว้ใช้งานต่อไป " จากคุณ : ตุ๊กตาหมี เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:51:34

ความคิดเห็นที่ 21 ขอตัวไปนอนก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ามาดูใหม่ครับ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 52 23:59:18

ความคิดเห็นที่ 22 โอเคคุณกล้องโบราณ สรุปคนอื่นผิดคุณถูกตลอดเลยใช่ไหมครับ จริงไปอ่านดูสิครับ ก็กล้องมันถ่ายออกมาไฟล์แรกก็เป็น RAW อยู่แล้วมันก็เป็น ข้อมูลดิบจริงๆใช่ไหมล่ะ แล้วคุณ จะเอาRAW ไปใช้อย่างไรหากไม่ไปแปลงข้อมูล หรือคุณจะเอาไปให้ร้านเขาพิพ์ทั้งที่เป็นไฟล์ RAW คุณจะบ้ารึเปล่ามานั่งจับผิดคำพูดทีละเล็กละน้อย คุณมีปัญหาอะไรไม่ทราบต้องมาตามจิกผม คุณหมั่นไส้ผมเรื่องอะไรก็บอกมาตามตรง พ่อคนเก่ง ผมเพียงแค่บอกว่าจาก RAW ไปTiff นิยมใช้ในงานอาชีพ เพราะให้ไฟล์ขนาใหญ่สุดและสีนำไปอ้งอิงได้กับโรงพิมพ์ นะครับ นำไปใช้งานทั่วไป หัดถ่ายเอาละเอียดหน่อยจาก RAW ก็ไปเป็น Jpeg คอมเพรสน้อยๆ เอาไปใช้ดูเล่นพิมพ์ภาพท่องเที่ยวก็เอาแค่ Jpeg ก็พอ คอมเพรสมากหน่อยก็ได้ เก็บไว้ไฟล์สัก 3 MB ก็พอ ไม่ต้องมานับช่องสีให้ฟังหรอกครับ ไม่ต้องมาว่ามีข้อมูลตรงนั้นตรงนี้หรอกครับข้อมูลนะ Google ได้อยู่แล้วครับ ที่ผมกล่าวมาก็อย่างที่บอกว่าเขานิยมใช้กันอย่างไร คุณตามกัดผมมาก็กระทู้นี้อีกแล้ว อ่านไปก็ไม่ว่าแต่มาว่าคนอื่นผิดอย่างนู้นอย่างนี้ คุณถูกของคุณ คนอื่นผิดจะทำให้เข้าใจผิด แล้วนอกจากข้อมูลที่คุณให้มาคุณแนะนำเขาไหมครับว่าไปใช้ทำอะไรดี จะเอาไปทำแบบนั้นนี้ใช้อย่างไหนดีล่ะ คุณมีปัญหาอะไรครับ ต้องมาไล่จับผิดอะไรแบนี้ บอกมาสิ คิดว่าคุณรู้ทุกอย่างคนเดียวหรือครับ ผมถ่ายภาพมาเกือบ20ปีนะครับ จบสาขานี้โดยตรงจาก USA เพื่อนในวงการก็มีนะครับ ทั้งระดับ Art Director ได้รางวัลผมก็เคยถ่ายให้ เพื่อนที่ทำกราฟฟิคดีไซน์ ในบริษัทชั้นนำก็มี ที่หากินทำกราฟฟิคอย่างเดียวก็รู้นะครับ อย่ามาหาว่าคนอื่นรู้ไม่จริง คุณรู้อะไรจริงขนาดไหนกันครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 01:43:45 จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 00:11:03

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่าเกี่ยวนา ไม่ได้ทำงานด้านนี้ แต่ชอบทำภาพเคลื่นไหวเล่น เอา jpeg มาเซฟเป็น gif เหลือ แค่ 256 ความคมชัด หายไปบานเบอะ ถ้าเทียบจากต้นฉบับเดียวกัน หาความคมชัดไม่ได้  3type นี่ที่อ่านดูจากลิงค์ ทางเทคนิคแล้วคุณามบัตต่างกัน ส่วนตัวเลยคิดว่า  ถ้าถ่ายเหมือนกัน ทุกอย่างเป๊ะๆ เซฟคนละนามสกุลมีผลกับความคมชัด แต่เอาไปเปรียบเทียบแบบคนละสมมุติฐาน มันก็ไม่ถูกซิครับ  หรือเปล่า ปัจจัยเดียวกัน คนละ type มันก็ต้องมีผล(คิดเอาเอง) เอ่อ แล้วตกลงประเด็นคืออะรัยชัก งง อย่าว่ากันนะครับ พอดีไม่เก่งเรื่องพวกนี้ เพิ่งเริ่มศึกษา จากคุณ : Mr.Kim Henry เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 01:22:14

ความคิดเห็นที่ 24 ตอบคำถามเจ้าของกระทู้ ถ้าถ่ายภาพเดียวกัน เซ็ตติ้งเหมือนกัน ในกล้องเดียวกัน ต่างกันเฉพาะชนิดไฟล์ จะได้คุณภาพ ความสวยงาม ความคมชัด "เหมือนกัน" เมื่อแรกเห็นครับ และเหมือนกันในการใช้งานตามแบบคนทั่วไป คือดูในจอ อัดโปสการ์ด นานหลายๆ เดือนก็อัด A4 ซะที แต่จะไม่เหมือนกันหากมีการปรับแต่งไฟล์ ปรับแสงสีเสียง (เอ้อ.. อันหลังไม่เกี่ยว) ทุกครั้งที่เซฟข้อมูล Jpg จะทำข้อมูลหายไปเรื่อยๆ มากน้อยแล้วแต่การตั้งค่าการเซฟ และทุกครั้งที่ทำการปรับแต่ง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พิกเซลของภาพ JPG และ Tiff โดยตรง ดังนั้นถ้าเปลี่ยนแล้วโอกาสแก้กลับคืน หรือเปลี่ยนให้เป็นแบบอื่น หากเผลอทำเสียหาย มันยาก ถึงเป็นไปไม่ได้เลย โดยเฉพาะถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นทำให้ข้อมูลลดลง jpg นั้นมีต้นทุนต่ำ คือมีต้นทุนข้อมูล "แค่พอ" แสดงภาพให้เห็นได้ ไม่ได้มีเหลือเฟือเผื่อปรับแต่ง Tiff นั้น ดีกว่าตรงที่ มีต้นทุกข้อมูลอยู่มากกว่า พอที่จะให้ปรับแต่งได้ และไม่ได้ตัดข้อมูลบางส่วนทิ้งไปตอนเซฟ ทำให้ในรายละเอียดยิบย่อย (ที่ปกติไม่มีใครสนใจ) ยังเหลืออยู่ เมื่อขยายภาพใหญ่ๆ รายละเอียดส่วนนั้นก็จะขึ้นมาให้เห็นได้ ======================== RAW นั้นต่างไป เพราะไม่ใช่ไฟล์ภาพแท้ๆ แต่เป็นไฟล์ data ของสัญญาณจากแต่ละจุดในตัวรับภาพ (ที่ถูกโปรเซสมาขั้นหนึ่งแล้ว อย่าไปเชื่อข่าวลือว่าเป็นไฟล์บริสุทธิ์ไม่เคยต้องมือชาย) แนบข้อมูลการเซ็ตติ้งของกล้อง (และข้อมูลลับตามแต่บริษัทกล้องจะออกแบบ) ติดมาที่หัวไฟล์นั้นด้วย เวลาเราจะดู หรือจะใช้งาน โปรแกรมก็จะจัดการเอาดาต้านั้น มายำรวมกับเซ็ตติ้ง ออกมาเป็นพิกเซลแต่ละจุดสีของภาพแสดงบนจอ หรือ Export ออกเป็น Tiff, jpg หรือไฟล์ภาพประเภทอื่น การปรับแต่งใดๆ ที่ RAW จะเกิดขึ้นที่บริเวณเซ็ตติ้งนี่แหละ Data ยังอยู่ปลอดภัยเหมือนเดิม เราสามารถเปลี่ยนเซ็ตติ้งไปๆ มาๆ ให้เกิดไฟล์ภาพลักษณะต่างๆ กันไปได้ โดยที่ข้อมูลภาพจริงๆ ไม่เสียหาย สามารถสร้าง jpg, tiff ออกมาใหม่ได้เรื่อยๆ ในหลายๆ ค่าแสงสีความคมชัด และน้อยส์ หากต้องการ โดยที่ต้นฉบับยังอยู่ดีเหมือนเดิม ในโฟโต้ชอปสามารถจัดการค่าแสงสีความคมชัดได้ แม้ในไฟล์ JPG ก็จริง แต่จะทำลายพิกเซลที่ถูกเปลี่ยนแปลงไป อย่างถาวร ทางออกคือเซฟไฟล์ไว้หลายๆ เวอร์ชั่นทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง (สนุกมั้ย?) หรือใช้ XMP Side Car ผ่าน ACR ซึ่งมันก็คือเทคนิคเดียวกับที่ RAW ทำอยู่ แต่ลำบากกว่าตรงแยกเป็นสองไฟล์คือไฟล์ภาพต้นฉบับ และไฟล์ xmp ที่เก็บเซ็ตติ้ง นอกจากการปรับแต่ง RAW ได้ โดยไฟล์ไม่เสียหายแล้ว กระบวนการ เทคนิคในการ "ยำ" ก็ถูกพัฒนาไปเรื่อยๆให้ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น ความคมชัด สีสัน แสง ดีขึ้นเรื่อยๆ หากใช้ต้นฉบับ RAW เดิมมาผ่าน RAW Processor รุ่นเก่าโบราณ กับรุ่นใหม่ล่าสุด ก็จะเห็นว่าไฟล์ภาพที่ได้นั้น มีคุณภาพ สีสัน ความคมชัด ดีขึ้นกว่าเดิม ในโปรแกรมรุ่นใหม่ ค่าแสง สี ความคมชัด น้อยส์ คอนทราส์ท หรืออะไรอื่น ที่ jpg, tiff ยังให้ไม่ได้ในตอนนั้นเพราะกระบวนการสร้างภาพยังไม่เก่งพอจะดึงความงาม และประสิทธิภาพมันออกมาได้ (แต่ข้อมูลนั้นซ่อนอยู่ใน RAW) RAW Processor รุ่นใหม่ สามารถดึงเอาสิ่งนั้นออกมาได้ในตอนนี้ (หรือตอนหน้า) ภาพที่แย่ในตอนนี้ จะมีคุณภาพที่ดีขึ้นในอนาคต ภาพที่ดีอยู่แล้ว ก็จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก ดังนั้นย้อนกลับไปที่คำถามอีกรอบ ว่ามีผลไหม ในแง่นี้ ก็ต้องตอบว่า "มี" ครับ ไม่ว่าจะต้องการแค่ jpg หรือ Tiff ก็พอ จะอัดโปสเตอร์ หรือโปสการ์ด จะถ่ายเก่งหรือถ่ายห่วย โปรถ่ายภาพ หรือมือสมัครเล่นบ้านๆ คำตอบสุดท้ายฟันธงคือถ่าย RAW เท่านั้นครับ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 06:16:03

ความคิดเห็นที่ 25 Raw    อ่านออกเสียงยังไงครับ จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 08:14:31

ความคิดเห็นที่ 26 ถึงคุณ หมาส้มสมหวัง คคห.22 ผมไม่รู้จะไปนั่งจับผิดคุณทำไม ลองดู คคห.1 ของผม คุณก็เห็นอยู่ว่าผมตอบสั้นๆ แค่พอใช้งาน แต่สิ่งที่คุณพิมพ์มามันผิด และขอพูดตรงๆว่าด้อยประสบการณ์ แรกเริ่มเดิมทีผมก็พยายามพูดอ้อมๆว่าลองศึกษาข้อมูลก่อน แต่ความมั่นใจของคุณมันทำให้ยังนำเสนอข้อมูลผิดพลาดอยู่ ครั้งนี้ผมจะพิมพ์ครั้งสุดท้าย เพราะเจตนาผมคือแก้ไขข้อมูลที่ผิดพลาด อยากให้สมาชิกได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ฟันธงอีกทีว่าชนิดของไฟล์ มีผลต่อคุณภาพของภาพทั้งความคมชัด สีสัน และมีผลมากกว่านั้นอีก จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 08:39:26

ความคิดเห็นที่ 27 ลองดูภาพจาก กล้องตัวหนึ่ง ที่ขึ้นชื่อว่าตัวโพรเซสเซอร์ในกล้องนั้นคุณภาพยังไม่ค่อยดีนัก กล้องตัวนั้นคือ leica M8 ถ้าคุณ จขกท. เชื่อ ว่าชนิดของไฟล์ไม่มีผลต่อภาพ บอกได้เลย รับรองว่าคุณ จขกท. ไม่มีทางได้ภาพที่ดีที่สุดจากกล้องตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นความคมชัด สีสัน หรือแม้กระทั่ง Detail ในส่วนมืดและสว่าง นี้ยังไม่รวมว่า software ตัวใหม่สามารถสร้างแก้ปัญหาเรื่อง Moire ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย แถมถ้าถ่ายต่อเนื่อง กล้องตัวนี้ยังมีอาการ wb โดดให้เห็นบ้าง ซึ่งจะทำให้สีสันผิดเพี้ยน ถ้าถ่ายเป็น jpg คงแก้กันสนุก แต่ถ้าคุณถ่ายเป็น Raw อันนี้จิ้มทีสองทีก็หาย จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 08:47:55

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพตัวอย่าง กล้อง M8 อัพเดท Firmware เวอร์ชั่นล่าสุด 2.004 ถ่ายมาเป็น Raw+Jpeg Fine (เป็นไฟล์ jpg ที่ดีที่สุดที่กล้องสามารถให้ได้) ค่าทุกอย่างเป็น default จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 09:01:07

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพนี้ขยาย 100% แล้วคอร์ปอย่างเดียว No sharpen จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 09:05:25

ความคิดเห็นที่ 30 ลองมาดูคุณภาพที่ได้จาก Raw กันบ้าง Convert ด้วย C1 Pro 4.8.3 (ล่าสุดเป็นเวอร์ชั่น 5) ค่า Default ทุกอย่าง ขยาย 100% แล้วคอร์ปอย่างเดียว No sharpen จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 09:09:31

ความคิดเห็นที่ 31 คราวนี้มาถึงคำถามคุณ จขกท. "ชนิดของไฟล์มีผลต่อคุณภาพของภาพหรือเปล่าคะ " คำตอบคือ มี ทั้งในเรื่องความคมชัด และสีสัน และยังมีมากกว่านั้นอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Detail, Moire ฯลฯ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 09:19:08

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีครับน้า นายสีเสียด  Raw เท่าที่ผมได้ยิน จะออกเสียงว่า "รอว" ครับ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 10:07:38

ความคิดเห็นที่ 33 กระทู้นี้ให้ความรู้ดีนะคะ แต่ เอ่อ การที่ เรามาแลกเปลี่ยนความรู้กันแล้ว ถึงกับว่ากล่าวคนอื่นว่า "แต่สิ่งที่คุณพิมพ์มามันผิด และขอพูดตรงๆว่าด้อยประสบการณ์" ดิชั้นคิดว่ามันไม่ค่อยน่ารักซักเท่าไหร่ ถ้าคนอื่นมาว่าคุณอย่างนี้  ด้อยประสบการณ์ คุณชอบมั้ยคะ จากคุณ : huameng เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 11:06:35

ความคิดเห็นที่ 34 อืม... ถ้างั้นผมขอถอนคำพูดว่า "ด้อยประสบการณ์" แล้วกันนะครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 11:14:49

ความคิดเห็นที่ 35 สำหรับผมที่ใช้รูปแค่แปะในเวบกับอัดขนาดโปสการ์ดบ้าง สมมติว่าเซ็ทให้กล้องถ่ายมาทั้ง RAW + .jpg นะครับ ถ้ารูปที่ได้มาสมบูรณ์ทั้งแสงสี ความคมชัด ผมก็จะเลือก .jpg มาใช้งาน แต่ส่วนใหญ่ผมจะถ่ายมาไม่ค่อยดีน่ะครับ (อุอุ) ซึ่งถ้าเอา .jpg มาปรับแต่งต่อ มันจะทำให้คุณภาพของภาพที่ได้เสียไปในบางจุด ปรับแต่งยาก ซึ่งในจุดนี้ ไฟล์ RAW ยืดหยุ่นมากกว่าเยอะครับ ปล.เคยแปลงไฟล์ RAW 300+ รูป ซึ่งใช้เวลาเฉพาะการแปลงไฟล์ไม่ต่ำกว่า 1 นาทีต่อรูป (ไม่นับตอนปรับแต่งนะครับ) อยากจะบอกว่าไม่สนุกเลยครับ จากคุณ : ตั้มเล็ก เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 13:42:02

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นเรื่องยาวจนได้แฮะ.. ไหนๆก็ได้เข้ามาอ่านคร่าวๆอีกครั้งจนจบครบถ้วนทุกความเห็นแล้ว ก็คงต้องขอแสดง "ความเห็น" ร่วมด้วยอีกซักเสียงแล้วกัน โดยส่วนตัวเชื่อว่า "ชนิดของไฟล์ มีผลต่อคุณภาพของภาพ" แน่นอน รวมทั้งความสวยงามและความคมชัดด้วย การบันทึกภาพ ก็ควรบันทึกเป็น raw เพราะมันคือต้นทาง-ต้นฉบับที่เก็บคุณภาพสูงสุดเท่าที่กล้องมันจะทำได้ไว้ แต่อย่างไรก็ตาม บางที.. กับบางคน.. ในบางสถานการณ.. หรือหลายสถานการณ์... การเก็บเอาสิ่งที่ดีที่สุดไว้อาจไม่จำเป็น อาจมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ไม่อยากเก็บสิ่งที่ดีที่สุดไว้ อันนี้ก็แล้วแต่และมีเหตุผลเป็นไปได้ แต่ส่วนตัวผม ผมถ่ายภาพเป็น raw มาตลอดครับนับตั้งแต่ซื้อกล้องมา รับรู้ว่าลำบากในการปรับแต่ง และแปลงไฟล์ raw มาใช้งานในบางภาพหรือแต่ละภาพ แต่ผลที่ได้ คุ้มค่าครับ เพราะมันปรับแต่งแสงสีต่อจากตอนถ่ายได้อีกครับ จากคุณ : focus me not เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 15:38:00

ความคิดเห็นที่ 37 ขอเพิ่มอีกนิด เพราะมีน้ากล้องโบราณเข้ามาอ่านด้วยนี่ ต้องเช๊ะๆหน่อย ฮิ ฮิ ที่ว่า "เพราะมันปรับแต่งแสงสีต่อจากตอนถ่ายได้อีกครับ" จริงๆถ่ายเป็นไฟล์ชนิดอื่นนอกจาก raw ก็ปรับแต่งต่อได้นะครับ เพียงแต่ช่วงระดับของการปรับแต่ง มันสู้ไฟล์ raw ไม่ได้ จากคุณ : focus me not เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 15:45:01

ความคิดเห็นที่ 38 555  ของน้าถูก ชัดเจนดีครับ ไม่ต้องกลัวผิดหรอก เพราะถ้าเราผิด ก็แค่ปรับความเข้าใจใหม่ คนเราไม่ได้ไม่รู้ตลอด มีผิดได้ ผมก็ผิดประจำ เอาเป็นว่า ถ้าผมไปทำให้ใครอึดอัดก็ขออภัยครับ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 16:04:26

ความคิดเห็นที่ 39 เบื่อนะพวกที่ Search หาข้อมูลเก่งๆ จำเสปคได้เยอะๆ พอคนเขาพูดต่างจากตัวเองไปนิด ก็หาว่าเขาผิดหมดบ้างแหละ ด้อยประสบการณ์บ้าง ทำตัวเป็น mr. know it all, everybody is wrong, only me right. ผมถ่ายได้แค่นี้แหละ ดูเอาเองนะhttp://1-2-tee-photo.com/gallery/ RAW มันก็ข้อมูลตั้งต้น จะไปใช้ก็ต้องแปลงอยู่ดี แต่บางที คำว่า ละเอียดเกินใช้ เกินจำเป็นมันก็เปลืองที่ ละเอียดที่พอใช้บางทีก็เกินพอ ละเอียดเกินไปเปลืองเมมโมรี่เปล่าประโยชน์ บอกแค่นี้แหละครับ หากยังไงก็ขออภัยครับ ยืนยันครับ ละเอียดที่สุด บางทีก็เกินใช้ครับ เกินความจำเป็น เสียเวลาคอนเวิร์ตไฟล์ใหญ่สิ้นเปลืองเวลา ตามนั้นครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 52 18:42:12 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 52 18:35:30 จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 16:31:53

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาไกล่เกลี่ย คงไม่โดนลูกหลงนะ อิ อิ อยากบอกว่า การให้ข้อมูลมากๆ บางทีก็อาจมีหลุดมีพลาดได้เป็นของธรรมดา ผิดก็แย้งก็แก้ไขกันไป ไม่เป็นไรนะครับ สังคมจะได้ไม่รับความรู้ไปผิดๆ หรือถ้าคิดว่าไม่ผิด แต่อาจเป็นเพราะการสื่อสารมันไม่รัดกุมเพียงพอ เลยก่อให้เกิดความเข้าใจที่ผิดต่อกัน ก็ปรับการสื่อสารกันไป ก็เป็นเรื่องธรรมดานะครับ หรือบางทีอาจถูกด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่มองมาจากคนละมุมคนละด้าน ก็อธิบายกันไปนะครับว่าต่างฝ่ายต่างคิดว่าถูก เพราะมองมาจากมุมไหน ยังไงก็ถกก็แย้งกันด้วยดีเถอะครับ คิดว่าก็เจตนาดีด้วยกันทั้งนั้น จากคุณ : focus me not เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 17:00:59

ความคิดเห็นที่ 41 มานั่งอ่านเปิดสมองครับ ผมว่าเถียงกันแบบนี้ก็ดีแล้วนะครับ ผิดก็บอกว่าผิด แล้วมีข้อมูลมาแย้งว่าผิดตรงไหน เพราะอะไร ผมว่าแบบนี้แหละที่เราจะได้ความรู้ใส่กระโหลกแบบเปรมกันไปเลย ความรู้ทั้งนั้น ผมว่าบางเรื่องประสบการณ์มันไม่เกี่ยวนะครับ แต่ผมก็ไม่เห็นด้วยกับคำที่ติคนอื่นว่า "ด้อยประสบการณ์" ซึ่งคุณ กล้องโบราณ (e2ns) ได้ถอนคำพูดไปแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาแล้วเนอะๆๆ จากคุณ : juhide เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 17:03:57

ความคิดเห็นที่ 42 ก็ถ้าตั้งใจอ่านมาตีความทั้งบทมันก็คงเข้าใจ ถ้ามาไล่ทีละประโยค มันก็เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นของบท จะมาเหมาว่าผิดก็คงไม่ได้ ก็ใครล่ะมาไล่จับผิดชาวบ้านเขาทีละประโยค จะมาบอกว่าคนอื่นไม่มีประสบการณ์ รู้จักผมเหรอถึงกล้าด่า จะมารู้เหรอว่าผมจบปริญญามา หรือออกมามั่วๆ ถอนแล้วก็ใช่ แต่มองๆไป เจตนา มันก็เห็นกันอยู่ว่าทำอะไร ถ้าเขาไมยุ่งกับผมผมก็ไม่ยุ่งกับเขา อย่างที่บอกต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่มาจิกผม ผมก็ไม่จิกกลับหรอกครับ แค่นี้แหละ จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 17:27:01

ความคิดเห็นที่ 43 เรียนจากไหน ทำงานที่ไหน ใครค้นเก่งไม่สำคัญ ใครจำเก่งไม่สำคัญ ขอข้อมูลถูกต้องพอ อิอิ ก็เห็นด้วยว่าประสบการณ์ไม่เกี่ยว ซะทั้งหมด เรื่องบางเรื่องคนบางคนก็เข้าใจผิดมาตั้งแต่เด็กจนแก่   การศึกษาก็ไม่ได้เกี่ยวซะทั้งหมด สถาบันไม่สามารถการันตีบุคคลได้ บางคนก็ถูกสอนแบบเข้าใจผิดมาตลอด เชฟดังๆก็มาจากเด็กล้างจานเยอะครับ  จบเลอกรอดองเบลอ บางทียังไม่ได้เงินเดือนเท่าเชฟที่มาจากเด็กล้างจานเลยครับ คอมพิวเตอร์ยังมีผิดพลาดกันได้ ผมเด็กใหม่ เพิ่งศึกษา ได้ข้อมูลผิดไปล่ะแย่เลย  ใจเย็นกันครับเป็นกระทู้ที่ให้ความรู้ดีครับ ได้ข้อมูลจากหลายๆฝ่ายเลย การถกเถียงกันดีครับทำให้ได้ความรู้มากขึ้น  แต่ถ้ากลายเป็นทะเลาะกัน ความรู้ก็ไม่ได้ แล้วยังขุ่นข้องหมองใจกันอีก แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 18:14:10 จากคุณ : Mr.Kim Henry เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 18:12:06

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านหลายๆ คคห.แล้วมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย อย่างที่บอก ไร้ประโยชน์ถ้าจะเถียงเพื่อเอาชนะใครเป็นการส่วนตัว เพราะฉนั้น ผมบอกแค่ว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมแล้วกันครับ ผมยอมแพ้ ไปล่ะ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 19:31:42

ความคิดเห็นที่ 45 ป.ล. ปีที่คุณจบ ผมรับงานฟรีแลนซ์ได้ค่าแรงวันละ 1หมื่นบาทไทย ไม่รวมค่าฟิล์มทั้งสไลด์,โพราลอยและอื่นๆ แต่ผมก็ไม่ได้เก่งและไม่ได้อยากอวด แค่บอกไว้เป็นข้อมูล ป.ล2. อุตสาห์เรียนจบเมืองนอก ถ่ายรูปใบเซอร์มาทำไมไม่ชัดเลยอ่ะ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 20:58:33 จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 20:35:37

ความคิดเห็นที่ 46 ด้วยความเคารพครับน้าทั้ง 2 ท่าน ประเด็นมันเริ่มเปลี่ยนแล้วนะครับ จากคุณ : ตั้มเล็ก เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 21:39:54

ความคิดเห็นที่ 47 เหอะๆ ผมจบนิติราม รหัส 45 ครับ ปัจจุบัน นั่งกิน นอนกิน เงินกงสีไปวันๆ อิอิ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 52 23:12:47 จากคุณ : Mr.Kim Henry เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 23:07:53

ความคิดเห็นที่ 48   555555555555555555555555555555555555555555 555555555555555555555555555555555555555555 555555555555555555555555555555555555555555 555555555555555555555555555555555555555555 Keyboard มันค้างงงงงงงงงงงงงงง อีกแล้วครับพี่น้อง! เข้ามาลัลลา! เฉยๆ จากคุณ : FindSomeOneToLoveMe เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 23:19:33

ความคิดเห็นที่ 49 Atlanta College of Art.. เข้ามาดูผู้มีประสบการณ์คุยกัน เล่นวินนิ่งต่อดีกว่้า จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 23:22:18

ความคิดเห็นที่ 50 กลายเป็นกระทู้โม้สรรพคุณไปซะงั้น เอาเป็นว่าโม้ไปแล้ว ขี้เกียจแก้.. จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 52 23:31:54

ความคิดเห็นที่ 51 ไฟล์ Raw ไม่ได้หมายความว่าเป็นไฟล์ที่ดีที่สุดนะครับ ลองคิดดูใหม่ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 18:15:24

ความคิดเห็นที่ 52 แวะเข้ามาอ่าน หึหึ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 20:07:28 จากคุณ : rezner (rezner) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:01:51

ความคิดเห็นที่ 53 ยืนยันตามคำเดิมครับน้า E22QV Raw คือไฟล์ที่ดีที่สุดที่กล้องสามารถให้ได้ครับ ไม่รู้ว่าทำไมถึงมีคนสับสนกันเยอะ อาจจะเป็นเพราะกล้องสมัยนี้ เขาตัดไฟล์ tiff ออกไปจากกล้องแล้วเลยทำให้ ไม่สามารถพิสูจน์จากกล้องของตัวเองได้ ถ้าเป็นกล้องสมัยก่อนจะมีคนถามกันอยู่เรื่อยๆ กล้องสมัยนี้เขาตัดไฟล์ Tiff ออกไปจากแล้ว อันนี้เป็นข้อมูลที่อาจจะทำให้น้านึกเอะใจได้บ้างนะครับ สาเหตุที่ตัดเพราะในเรื่องคุณภาพก็สู้ Raw ไม่ได้ ในขณะที่ถ้าเน้นเรื่องขนาดก็สู้ jpg ไม่ได้ครับ เลยถูกกำจัดจุดอ่อนไป ป.ล. ป่านนี้คงได้อ่านกระทู้แนะนำที่พูดถึงเรื่อง Raw กันไปแล้วล่ะ แต่กับมาพิมพ์ไว้เผื่อคนอ่านมาผ่านเฉพาะกระทู้นี้ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:26:04

ความคิดเห็นที่ 54 จาก rezner ถึง นาย กล้องโบราณครับ ----------------------------------------- อันนี้ตอบน้า หมาส้มสมหวัง ในคคห. 15 ที่ว่าไม่มีไฟล์ไหนดีที่สุดในโลกจริงๆ อันนี้ก็ผิดอีกครับ Raw คือไฟล์ที่ดีที่สุดที่กล้องตัวนั้นสามารถให้ได้แล้วครับ แล้ว ที่ระบบการพิมพ์นิยม tiff ก็เพราะคุณภาพดีกว่า jpg และสามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรมต่างๆได้สะดวกกว่า ไม่ได้หมายความว่าดีกว่า Raw ครับ อันนี้พวก graphic design มือใหม่ๆชอบเถียงผมประจำ ตัดมาให้อ่านเลยแล้วกัน --------------------------------- อืมมม ผมว่า คุณกล้องโบราณก็ผิดเต็มๆ 100 % เหมือนกันนะครับ ผมก็ออกตัวก่อนเลย ผมก็คงไม่เรียกว่ามือใหม่ เพราะถ้าเป็นมือใหม่ ก็ดีเหมือนกัน แสดงว่าผมคงจะหนุ่มกว่านี้ 5555 ผมก็ทำกราฟฟิกมานาน ก็คงจะเกือบ 20 ปีแล้วล่ะ คลุกคลีกันมา ตอนนี้ก็เปิดบริษัทเอง รับงานเจ้าใหญ่ๆ ในประเทศไทยตลอด การที่ คุณกล้องโบราณ เที่ยวไปบอกว่า ผิดๆๆๆ จริง แล้วมันก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียวหรอกครับ ถ้าจะบอกว่า raw ดีสุด ในเรื่องเกี่ยวกับกล้อง อันนี้ผมคงไม่เถียงอะไร อีกหน่อยอาจจะมี ตระกูลไฟล์ที่ดีกว่านี้ออกมา ถ้า tech มันสามารถไปถึงวันนั้น (หวังว่าคงไม่มานั่ง เถียงข้างๆ คูๆ อีกว่า raw ดีสุดๆๆ อีกนะครับ เพราะผมบอกไปแล้วว่า อีกหน่อย คือใน อนาคต ไม่ใช่ปัจจุบัน) ส่วนทางด้านงานพิมพ์ ผมก็ไม่ฟันธงว่า tiff ดีสุดครับ แต่ psd อาจจะดีสุด แต่!!! tif จะมีความผิดเพี้ยนของสีน้อยมากๆ ที่ใช้ในงานพิมพ์ jpg มีความผิดเพี้ยนสูงมากๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาไม่ใช้กัน ก็ใช้ได้ เพราะความผิดเพี้ยน มันแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นถ้าคุณไม่อุตริเอาลูกตาไปยืนจ้อง billboard ที่เขาทำให้มองในระยะ 20 เมตร แต่คุณไปนั่งจ้องในระยะ 30 ซม หรือ 1 เมตร ข้อดีอีกอย่างของ tiff คือ เป็นไฟล์ที่มีขนาดกำลังดี ไม่ใหญ่มากจนเกินไป ไม่เหมือน psd ที่อาจมีข้อผิดพลาดในการพิมพ์สูง เพราะบางทีเปิดมา อาจจะไม่มี font ในนั้นที่ตรงกัน หรือ ลืมปิดเปิด บาง layer ได้ในกรณีที่ ช่างพิมพ์นำมาเปิด แล้วมือไปโดน อาจเสียหายพิมพ์ใหม่ ในหลักหลายแสนหรือหลายล้านได้ ทีนี้กลับมาเรื่องที่ว่า ทำไม คุณกล้องใบราณถึงผิด ผมก็ยังยืนยันในข้อที่ว่า ผิด 100 % งั้นมาดูข้อดีข้อเสีย 1. Tiff ให้การผิดเพี้ยนน้อยกว่า raw คุณจะบอกว่า raw ชัดกว่ายังไง ผมไม่สน แต่ถ้าโรงพิมพ์เปิด raw มาแล้วมันเพี้ยนสีล่ะ ในเมื่อคุณก็บอกเองว่า เซตนั่นโน่นนี่ได้อีกเยอะ ถ้าเด็กพิมพ์ ปรับไม่ตรงกับที่คุณต้องการล่ะ TIFF ย่อมดีกว่าแน่นอน ในข้อนี้ 2. การใช้งานในแง่ graphic ที่คุณบอกว่าเด็กมือใหม่ มักเถียงคุณประจำ มันถูกของเด็กมือใหม่แล้วครับ เพราะ คุณจะบอกว่าคุณเอา raw เข้าไปทำในงานโปรแกรม graphic ตัวไหนได้บ้างครับที่ import เข้ามาตรงๆได้ นอกจากต้องลง plugin ใน photoshop ครับ และข้อที่ 3 ข้อสำคัญ ความแพร่หลายในการใช้งาน Raw ยังไม่แพร่หลาย คุณอาจจะบอกว่ากล้องเดี๋ยวนี้มีกันหมด ผมหมายถึงการใช้งานจริง ไม่มีโรงพิมพ์ที่ไหนเขารับไฟล์ raw จากคุณไปพิมพ์หรอกครับ หรือคุณจะบอกว่า โรงพิมพ์ไหนรับ ????? ผมก็อยากจะรู้ ขนาดที่ว่า classic scan เจ้าที่ใหญ่พอสมควร ทำมานาน เขาก็คงไม่รับ raw จากคุณ ทีนี้เข้าใจ หรือยังครับว่า ที่จริงแล้วคุณเป็นคนที่ ผิด แต่จริงๆ ถ้าผิดแล้ว ก็ยอมรับเถอะครับ บางครั้ง คุณก็บอกเอง แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเลย และทำให้ผมต้องมานั่งสอน คุณซะนาน คือ ผมอ่านหลายข้อความ คุณ เป็นคนที่พิมพ์ ค่อนข้างไปทาง คนอื่นผิด การที่เขาผิดนิดหน่อย ก็แก้ซะให้ถูก ทำไมต้องไปพูดจาเหมือนคนอื่นโง่ซะเต็มประดา อย่างเช่นว่า graphic มือใหม่ / ด้อยประสบการณ์ / หัดไปอ่านตามเวพบ้าง ฯลฯ โลกนี้ไม่มีอะไรถูก ไปหมดและผิดไปหมดครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองทางไหนครับ หวังว่า ผมพิมพ์มาซะยืดยาว คงจะมีประโยชน์กับตัวคุณบ้าง แล้วจะได้ไม่เที่ยวไปฟันธง แบบผิดๆ ถูๆ แถๆ ดูถูกคนอื่นเขานะครับ คุณเองก็ท่าทางมีความรู้เยอะครับ ให้ประโยชน์ คนอื่นดีกว่า แต่อย่าดูถูกเขาครับ ขอบคุณ!! จากคุณ : rezner (rezner) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 23:10:13