ความคิดเห็นที่ 1 ที่จริงข้อ 1 กับ 2 ไม่ได้ต่างกัน เพราะคนๆ เดียวกัน กับการถ่ายภาพในแต่ละครั้ง แต่ละสถานที่ บางที่มันก็มีโอกาสจะได้ภาพที่ถูกใจ ไม่เท่ากัน เป็นไปได้ ทั้ง 1 และ 2 ครับ บางที ถ่าย 100 ถูกใจไม่ถึง 10 ก็เป็นไปได้ด้วย แต่สำหรับคนที่เก่งๆ เรื่องแสง เรื่องโฟกัส เรื่ององค์ประกอบมันแม่นยำอยู่แล้ว แต่มุมสิครับ มันทำให้เกิดความถูกใจ หรือ ไม่ ก็ได้ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 19:36:54

ความคิดเห็นที่ 2 ในความหมายของผมคือ คนที่เข้ากับผู้คนรอบข้างได้ดี  มารยาท มนุษย์สัมพันธ์ดี   มุมมองดี  เข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการจะถ่าย และถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการจะสื่อให้คนอื่นเข้าใจ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาการตกแต่งภาพมาก ปริมาณความโดนใจคงวัดไม่ได้หรอกครับ  เพราะมุมมองของคนดูก็ต่างกัน ตากล้องเก่งๆ บางภาพหลายๆคนชมว่าเทพ  แต่ภาพเดียวกันหลายคนยังบ่นเลย ว่า อะไรของมันวะ จากคุณ : `SEPULTURA_`FROM_`HELL เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 19:38:44

ความคิดเห็นที่ 3 ตากล้องที่เก่ง สำหรับผม มันมีหลายเงื่อนไขครับ 1. ถ่ายภาพมาแล้ว ผม"โดนใจ" อย่างน้อย 1 รูป รูปเดียว ก็เกินพอแล้ว (ข้อนี้ ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่) 2. มีความรู้ พร้อมถ่ายทอดความรู้ และเคยถ่ายทอดความรู้ที่มี ให้กับคนอื่น หรือ สังคม (ข้อนี้สำคัญมาก) 3. ยายเห็นด้วย ข้อนี้ สำคัญที่สุด ถึุงข้ออื่นได้คะแนนเต็ม แต่ถ้าข้อนี้ คะแนนหายไป 1 คะแนน (จากเต็ม 10,000) .. จะมาบอกว่า "เก่ง" ไม่ได้ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:08:15

ความคิดเห็นที่ 4 โดนใจมันมีหลายความหมายน่ะ ผมเคยไปถ่ายงานแต่ง ไปช่วยเขามีตากล้องประจำที่จ้างมาแล้ว ใช้กล้องดีกว่าผมมาก จัดท่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวสวยน่ะ แต่ไม่ค่อยถ่ายเก็บบรรยากาศกับญาติเท่าไหร่ ผมไปผมก็ถ่ายไปเรื่อยๆ ลุงป้าน้าอา ลูกเด็กเล็กแดงผมถ่ายหมด จบงานแม่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็บอกว่าไม่น่าจ้างมันมาเลยให้เอ็งถ่ายให้ดีกว่า จริงๆผมก็ว่าช่างเขาถ่ายดีแต่ถ่ายน้อย ไม่ค่อยถ่ายญาติ เท่าทีควร อาจจะเล็งหาแต่รูปสวยๆ คนทั่วไปเขาไม่ใช่ช่างภาพความชอบมันไม่เหมือนกันน่ะ เราเห็นว่าสวยเขาอาจจะบอกว่าไม่สวยก็ได้น่ะครับ จากคุณ : t_bhakawat007 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:32:03

ความคิดเห็นที่ 5 เก่งก็คือ ผมมองแล้วมันมีความหมาย อาจจะ สวย สะเทือนใจ ดีใจ สุขใจ แต่ภาพเดียวกัน คนอื่นอาจมองธรรมดา เพราะ แต่ละคน นิยามความเก่งไม่เหมือนกันครับ จากคุณ : กำมะหยี่ เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:35:34

ความคิดเห็นที่ 6   ของผมไปมาหนึ่งทริป แต่ละรูปคิดก่อนถ่าย (ส่วนที่ถ่ายแบบอยากลองประสิทธิภาพน้อยมาก)  จบทริปถ่ายไปเป็นร้อยภาพ   พอมาดูรูปที่ถ่ายพอใจค่อนข้างเยอะ  ส่วนที่ดีจริงๆถูกใจมากๆนั้นแทบแยกความรู้สึกตัวเองไม่ออกเลย เพราะพอใจเท่าๆกันทุกภาพ                ถ้าพอจะให้แยกภาพที่ถูกใจที่สุดคงไม่ใช่เทคนิคในการถ่ายหรือโอกาสที่เราคว้ามันมาได้ในเสี้ยววินาที  หากแต่เป็นท่าทางและสีหน้าแววตาที่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวแบบต่างหาก ที่ทำให้รู้สึกว่า ภาพนั้นโดนใจสุดๆ ปล.เลือกข้อสองครับ ถ่ายถูกใจธรรมดายี่สิบภาพ มีให้เลือกใช้ได้ครอบครุมกว่า ------------------- ช่างภาพเก่งสำหรับผมคือ ยิงไว้ก่อน มีเยอะไว้ใช้ครอบครุมหลายมุมมอง เอาแค่พอดีก็ได้แล้ว  เพราะต่างคนต่างความคิด  ถูกใจเรา 20 ภาพมันโอกาสโดนใจคนมากกว่า ถูกใจเรา 10 ภาพจ้า แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 20:58:08 จากคุณ : เจ้าชายรองเท้าแตะ 655 เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 20:51:40

ความคิดเห็นที่ 7 คำพูดของช่างภาพระดับมาสเตอร์ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะเป็น Ansel Adams บอกว่า ปีหนึ่งเขาได้ภาพดีๆ แค่ 12 ภาพก็พอใจแล้ว ช่างภาพเก่งๆสำหรับผม ก็คือช่างภาพที่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยเฉพาะการยอมรับในแวดวงของคนรักงานศิลปะ ส่วนจะป๊อปปูล่า คนดูทั่วไปชอบหรือไม่ ถือว่าเป็นของแถม โดยเฉพาะบ้านเราที่คนยังเสพงานศิลปะกันน้อย ผมเคยเอางานของหลายๆคน โดยเฉพาะงาน wedding ระดับมาสเตอร์ของ Jeff Ascough ไปให้เพื่อนดู ปรากฏว่าร้องยี้ แถมยังมีหน้ามาบอกว่างานอะไรไม่รู้ ไม่เห็นสวยเลย จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:17:22

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเคยเอางานของหลายๆคน โดยเฉพาะงาน wedding ระดับมาสเตอร์ของ Jeff Ascough ไปให้เพื่อนดู ปรากฏว่าร้องยี้ แถมยังมีหน้ามาบอกว่างานอะไรไม่รู้ ไม่เห็นสวยเลย 5 5 5 ผมเคยไปงานกาลาดินเนอร์ 2 หน ที่โรงแรมใหญ่กลางกรุง หนหนึ่งเขาเสิร์ฟปลาหิมะ อบเนย ใส่เครื่องเทศอะไรมั่งก็ไม่รู้ ออเดิฟเป็นซุปผักขม ใส่ชีสนมแพะ คนไปร่วมงานเกินกว่าครึ่ง "เขี่ย" กินพอเป็นมารยาท อาหารทั้่งเซต แทบทุกจาน .. ของเหลือในจานเกินกว่า 80% ตอนเลิกงาน .. ไปฟาดชายสี่หมี่เกี๊ยวหน้าโรงแรมกันเป็นทิวแถว แต่ ... ฝรั่งที่มาร่วมงาน ฟาดเรียบไม่เหลือ พอเลิกงาน ลงไปกินกาแฟกันที่ lobby แล้วคุยกันขโมงโฉงเฉงว่า .. The (Thai) Host is very generous. I (he, and he and he ...) think it's the most delicious dinner ... ก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้าเห้นพ้องกันหงึกหงักๆ -------------------------------- การจะบอกว่า คนไทยเสพงานศิลปะกันน้อย เพราะกรนคร่อก ตอนดูโอเปร่า ... แต่ตาลุกโพลง ตอนหมอลำกำลังซิ่งและหางเครื่องออกมาเต้น ... การจะบอกว่า คนไทยเสพงานศิลปะกันน้อย ... เพราะกินไวน์แบบสามล้อถูกหวย เทพรวดๆ เข้าคอ แล้วบ่นว่าเปรี้ยว สู้จิ้มไหอุไม่ได้ ... Beauty is in the eyes of the beholder จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:43:50

ความคิดเห็นที่ 9 คห.7 งานถ่ายภาพเป็นศิลปะ (Art) ไม่มีผิดมีถูกครับ.. ซึ่งภาพบางภาพอาจจะเป็นภาพสวยสำหรับคนนึง หรือไม่สวยสำหรับอีกคนก็ได้ แต่ภาพที่จะลงแข่งขัน ต้องเป็นภาพที่สวยสำหรับกรรมการเท่านั้นพอครับ แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 21:45:12 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:44:05

ความคิดเห็นที่ 10 ช่างภาพบางท่าน...รับงาน ถ่ายออกมาหมดเมม เอาภาพทั้งหมดให้ลูกค้าเลือก ลูกค้าเลือกภาพที่คิดว่าถูกใจสุดๆ จนต้องอุทานว่า "เมพขิงๆ" ออกมาได้แค่ 10 รูป นอกนั้น ไม่เอา ช่างภาพอีกคน... รับงาน ถ่ายออกมาหมดเมมเหมือนกัน เอาให้ลูกค้าเลือก ลูกค้าเลือกที่ดูแล้วสวย ไป 20 รูป.. นอกนั้นไม่เอา แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 21:50:19 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 21:48:53

ความคิดเห็นที่ 11   ภาพสวย สอนคนอื่นได้ กล้องอะไรก็ถ่ายสวยได้ ไม่เกี่ยงอุปกรณ์ จากคุณ : Yoshio เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:02:55

ความคิดเห็นที่ 12 ดีจ้าน้า แมวเหมียว คุยกับน้าดีกว่า ปลอดภัยไม่ต้องกลัวถูกจรเข้ฟาดหางดี น้าพูดเหมือนเพื่อนผมคนนั้นแป๊ะเลย เอิ้กๆๆๆ เรื่องนี้เถียงกันให้ตายก็ไม่มีใครแพ้ใครชนะ (ผมเถียงกับเพื่อนบ่อย) คนหนึ่งบอก อะไรที่ฉันชอบ อันนั้นคือศิลปะของฉัน อีกคนบอก ศิลปะมันเป็นเรื่องสากล มันต้องสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้ อันนี้ผมเป็นแบบหลัง เพราะถ้าลองศึกษาศิลปะจริงๆจังๆ แล้วเราจะรู้ว่า มันคือวิทยาศาสตร์นั่นล่ะ แต่เป็นวิทยาศาสตร์ที่ละเอียดอ่อน เหมือนกับการศึกษาจิตวิทยา ว่าคนเห็นสีแดงจะรู้สึกอย่างไร เห็นอะไรมืดๆจะรู้สึกอย่างไร เห็นภาพสว่างๆจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเราศึกษาศิลปะ เวลาดูงานศิลป์ มันก็เหมือนกับการไปเที่ยวโบราณสถาน โดยที่มีไกด์อธิบายที่มาที่ไป มันทำให้การชมได้อรรถรสมากขึ้น แก้ไขคำว่าอรรถรส และปรับปรุงข้อความนิดหน่อย แก้ไขเมื่อ 07 พ.ย. 52 22:53:55 จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:03:37

ความคิดเห็นที่ 13 #10 ช่างภาพที่ดีจะไม่ให้ลูกค้าเลือกภาพ ช่างภาพที่ดีจะคัดเลือกภาพเองแล้ว นำเสนอขายภาพให้มัดใจลูกค้าให้ได้ จากคุณ : Gauche เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:18:18

ความคิดเห็นที่ 14 ที่บอกว่าบ้านเราศึกษางานศิลปะกันน้อย ก็เพราะถ้าเทียบกับประเทศอย่างฝรั่งเศส ซึ่งในยุคหนึ่งสมัยหนึ่งที่เป็นยุคศิลปะเฟื่องฟู มีสถาบันสอนศิลปะ และกิจกรรมต่างๆที่สนับสนุนงานศิลปะอย่างกว้างขวาง ผมลองยกตัวอย่างมาประกอบสักรูปแล้วกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าพอที่จะทำให้เห็นภาพได้หรือเปล่า ยกตัวอย่างรูปนี้แล้วกันครับ เป็นรูปของ Ralph Gibson จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:20:33

ความคิดเห็นที่ 15 รูปนี้ถ้าดูผิวเผิน ก็ได้อรรถรสแบบหนึ่ง.... บางคนอาจจะดูแล้วบอกว่าถ่ายมายังไงเด็กหัวขาด เท้าขาด องค์ประกอบใช้ไม่ได้ แต่ถ้าเราศึกษาศิลปะเพิ่มขึ้น เราก็จะได้อรรถรสจากภาพนี้มากยิ่งขึ้น ลองดูเรื่อง Frame Dynamic ของภาพนี้ก่อนแล้วกัน คนทั่วไป ปกติเวลามอง จะมองจากซ้ายไปขวาโดยธรรมชาติ จะเห็นว่าเด็กผู้ชายทางซ้าย หันไปมองเด็กผู้หญิงในอีกมุมหนึ่งของภาพ และโดยธรรมชาติของมนุษย์ก็จะอยากรู้อยากเห็นว่าเด็กมองอะไร เด็กผู้หญิงที่มุมขวามองกลับไป โดยผ่านหัวของคุณผู้หญิงที่นั่งถัดมา..... แล้วก็ตามๆกันไปเป็นเสต็ปๆ พอรวมกับองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งสีหน้า ท่าทาง ฯลฯ เราจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึก และการเคลื่อนไหวในภาพได้เพิ่มขึ้น แต่สุดท้าย  ก็แล้วแต่ความชอบล่ะครับ บางคนก็เลือกที่จะมีความคิดแบบ อินไซด์เอาท์ ก็ไม่มีอันไหนถูกอันไหนผิด จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:45:13

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อไปเวลาเราดูรูป หากเราสังเกตุ ก็จะรับรู้ได้ว่า ภาพนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ศิลปินต้องการจะสื่ออะไร งานศิลปะ ถ้าจะเปรียบไปก็คงเหมือนศึกษาภาษาอังกฤษ คือทำให้เราคุยกับคนทั้งโลกรู้เรื่อง จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 22:50:31

ความคิดเห็นที่ 17 ช่างภาพที่ดีคือ ทำตามที่ลูกค้าต้องการได้ และหาทางออกได้ให้งานสำเร็จ ไม่มีข้อแม้ทางเทคนิค อาจจะติดที่อุปกรณ์ ก็ต้องหาทางอื่นมาชดเชยได้ จนลูกค้าพึงพอใจครับ ส่วนภาพดีที่โดนมาก ผมว่าเอาเป็นว่าอย่างงาน Event ปริญญา งานแต่งๆ คงต้องออกมาดีในระดับที่รับว่าผ่านได้แทบทุกใบ แต่ที่โดนใจมากน้อยขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความเก๋า ฝีมือ ช่างภาพที่ดีน่าจะมีแสตนดาร์ดระดับนึงครับ ไม่ใช่ถ่ายแชะติดแล้วคิดเงินครับ จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:28:24

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแจมด้วยคนนะครับ ตากล้องที่เก่งในสายตาผมคือตากล้องที่ตอบโจทย์ของงานได้   รู้ความต้องการของลูกค้า  และปรับการถ่ายภาพของตัวเองให้สอดคล้องกับโจทย์ของงานได้และมีสไตล์ของตัวเองอย่างมีชั้นเชิง เพราะภาพสวยขึ้นอยู่กับให้ใครมองครับ คนทำงานในสายข่าวก็ต้องมองภาพที่คมชัด มองออกว่าถ่ายอะไรเป้นหลักมากกว่าแสง สีสัน คืออบ่างหลังมีได้ถ้ามีก็ยิ่งดี แต่ถ้าต้องเลือกเค้าเอาว่าคุณถ่ายอะไร และคนดูภาพมองออกว่าถ่ายอะไรเป็นอันดับแรกครับ แต่คนทำงานสายอาร์ต อาจจะบอกภาพมันไม่มีจิตวิญญาณเลย  ใส่ความเบลอให้มันมี movement หน่อยสิ  ใส่สัญลักษณ์ทางความคิดลงไปหน่อยสิ และถ้าเอาไปให้คนทำงานด้านเทคนิคการแพทย์ดู  ที่ต้องถ่ายภาพเพื่อตรวจร่างกายคนไข้ดู  เดาสิครับว่าเค้าต้องการภาพแบบไหน คนทุกคนมีความต้องการภาพที่แตกต่างกัน  หายากนะครับภาพที่จะชนะใจคนทั้งโลกได้หมด ดังนั้นภาพที่ดีคือภาพที่รู้จักวางในจุดที่เหมาะสมกับมันครับ จากคุณ : นายผจญภัก เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:30:19

ความคิดเห็นที่ 19 ถ่ายกับญาติผู้ใหญ่ เน้นชัดทั้งภาพ ถ่ายคนชัด หลังเบลอโดนบ่น ถ่ายอะไรของมัน ข้างหลังมองไม่ออก ผมเห็นด้วยว่าตากล้องที่ดี ต้องถ่ายแล้วตอบโจทย์ของลูกค้าได้ อย่างน้อยที่สุดก็ ตอบโจทย์ของตัวเองได้ จากคุณ : Crono เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:38:49

ความคิดเห็นที่ 20 " คือการรู้ว่า 2.8 ของอันหนึ่งต่างกับ 2.8 ของอีกอันหนึ่ง บางครั้งเราก็เอาตัวเลขมาวัดไม่ได้ " จากคุณ : ตุ๊กตาหมี เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:52:51

ความคิดเห็นที่ 21 ตากล้องยุคใหม่รีบเข้ามาศึกษากันเล้ววววววว จากคุณ : BenJaZa เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 52 23:57:56

ความคิดเห็นที่ 22 ตากล้องมีชื่อเสียง ดัง  ถ่ายออกมา  บางทีรูปนั้นๆ รึทั้งเซตทั้งอัลบั้ม  ดูๆไป ก้ไม่ต่างกะรูปของตากล้องโนเนมๆบางคน สวยพอๆกัน แสง สี พอๆกัน  รวมๆแล้วก้พอๆกัน แต่คนที่ดูก้จะบอกว่า รูปของตากล้อง ( ที่มีชื่อเสียง ) สวยกว่า ..... รึบางที จับไปเปรียบเลยก้มี  บอกว่า ถ้าจะถ่ายแนวนี้นะ  ไปดูของ ... สิ ต้องแบบนั้นถึงจะสวย ... แบบนี้ยังไม่ใช่ ... จากคุณ : sorimachi เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 02:02:55

ความคิดเห็นที่ 23 5 5 5 น้ากล้องโบ' ครับ ดูเหมือนว่า จะสัมมนากันคนละงาน คนส่วนใหญ่เขากำลังคุยกันเรื่อง "ตากล้องที่เก่ง" (ยายว่างัยมั่งก็ไม่รู้ ) แต่ผมกับน้าโบ' ดันคุยกันเรื่อง "วิพากย์ศิลป์" ไหนๆก็ไหนๆ ขอเสนอความเห็นของผมในตอนเช้าหน่ือย ถ้าจะพูดถึงคนไทย และการเข้าถึงศิลปะ เราต้องแบ่งแยกคนออกเป็นประเภทต่างๆ ไม่อย่างนั้นมันสับสน ผมขอใช้ "ความต้องการของมนุษย์ตามแบบ Maslow" เป็นตัวแบ่งแยก เพราะดูเหมือนว่า คนส่วนใหญ่จะรู้จักอิตานี่ คนส่วนใหญ่ .. เน้่นเลยครับว่า .. ส่วนใหญ่ ... ยังต้องการ fullfill ความต้องการระดับพื้นฐานสองระดับแรก ... ด้านกายภาพ และด้านความปลอดภัยของชีวิต/ทรัพย์สิน/อนาคต ความต้องการระดับ social ยังแทบไม่มีเลย ที่ต้องการ ก็แค่พอ"มีชีวิตรอด"ต่อไปให้ได้ สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการ จึงไม่ใช่ ศิลปะ .. ที่ตอบสนองต่อจิตวิญญาณ แต่เป็น "ศิลปะเพื่อชีวิต" .. form follow function ซึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน ก็คือ ตามที่น้าผจญภักว่าไว้ใน คห.18 ภาพที่สวยงาม ตาม คห.15 .. ก็เหมือนกับละครเพลงโอเปร่า .. มีแต่โว้กๆๆๆๆๆๆ  ฟังไม่ยู้เยื่อง และก็เหมือนกับดนตรีไทยเดิม เข้าสามชั้น ช่วงเอื้อนทีนึง ..... พิมพ์กระทู้นี้เสร็จ เอื้อนยังไม่จบ โอเปร่า, เพลงไทยเดิม ... ภาพ คห.15 ฯลฯ มันไม่ใช่ "ศิลปะเพื่อชีวิต" แต่เป็น "ศิลปะเพื่อจิตวิญญาณ" ที่ดูไม่รู้เรื่อง ... หัวขาด เท้าขาด ฯลฯ เราเอาเกณฑ์การวัดความงามของ "ศิลปะเพื่อจิตวิญญาณ" มาวัด "ศิลปะเพื่อชีวิต" มันไม่ใช่เรื่องถูก และในทางตรงข้ามเช่นกัน การเอาเกณฑ์"ศิลปะเพื่อชีวิต"ไปวัด"ศิลปะเพื่อจิตวิญญาณ" มันก็จะออกมาเพี้ยนๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 07:20:27

ความคิดเห็นที่ 24 ดูเผินๆ ศิลปะเพื่อชีวิต .. มันด้อยค่า และไม่น่าสนใจ แต่ถ้าเอาเข้าจริงๆ ... สิ่งที่สำคัญสุดของคนเรา ก็คือ  ชีวิตตัวเอง ไม่ใช่หรือครับ (ตรงนี้ ในพระไตรปิฏกก็มีบันทึกไว้ แต่อย่าเพิ่งนอกเรื่อง ... แค่นี้่ก็งงๆแล้ว ) ชีวิตเรา เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลก อะไรที่ทำให้ชีวิตเราดี มีความสุข ฯลฯ ก็ย่้อมเป็นสิ่งสำคัญทั้งนั้น หนึ่งใน"อะไร"นั้น ก็คือ "ความทรงจำ" ความทรงจำ ที่ทำให้เรา เป็นเราเอง คนที่ปราศจากความทรงจำแห่งอดีต แห่งประสบการณ์ของตัวเรา ... ชีวิตก็ขาดหาไปกว่า 90% ภาพที่เก็บความทรงจำเหล่านั้น ของตัวเรา ของสังคมรอบๆข้างเรา .. จึงมีความสำคัญไม่น้อยกว่า ภาพที่ทำให้เรารับรู้จิตใจของเราเอง หรือ ภาพที่ยกระดับจิตวิญญาณของเรา สรุป: มากดกระหน่ำ ถ่ายให้ได้ล้านรูปกันเหอะ (พูดจริง ...) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 07:26:58

ความคิดเห็นที่ 25 Notebook ผมหายเมื่อเดืิอน กค. ที่ผ่านมา ภาพแห่งความทรงจำ ระหว่าง พค-มิย ที่เก็บไว้ใน NB นั้น ... หายสาบสูญสิ้น และหายตลอดกาลนาน ที่อยู่ในสมอง มีเพียงเลาๆเท่านั้น ภาพที่หาย ไม่ใช่ภาพสวยงาม อาจไม่ใช่แม้กระทั่งงานศิลป์ด้วยซ้ำ แต่ .. นั่นมันความทรงจำของผมนะ ตัวตนของผม ในชีวิตนี้ หายไปสองเดือนเต็มๆ ... ... และภาพที่หายไป เป็นบทเรียนที่ดีมากแก่ผมว่า ... ที่หายไปนั้น ไม่ใช่แค่ภาพ แต่เป็นส่วนหนึ่งของตัวตนผม ที่หายไป มีคนเรียกร้องบ่อยครั้ง อยากดูภาพที่ผมถ่ายมา ก็เลยถือโอกาสนี้ สรุปให้หลายๆคนได้เข้าใจ ... ผมถ่ายภาพเพื่อตัวเอง เพื่อชีวิตและจิตวิญญาณของตัวเอง และเพื่อเก็บความทรงจำอันดีงามของตัวเอง บางภาพ บางขณะเท่านั้นเอง ที่ .. วินาทีก่อนกดชัตเตอร์ ผมแว่บขึ้นมาว่า ... จะถ่าย "เพื่อคนอื่น" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 07:33:25

ความคิดเห็นที่ 26 โหน้าแมว พูดไปพูดมา คิดเหมือนกันแด๊ะเลย  เรื่องนี้ผมก็ค่อนข้างเชื่ออีตา Maslow ขอบคุณที่แลกเปลี่ยนครับ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 09:23:11

ความคิดเห็นที่ 27 # 24 , 25 ของอาแมวเหมียว... ตั้งแต่ซื้อกล้องมาเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน จนทุกวันนี้ ผมแทบจะไม่ลบภาพทิ้งเลยครับ เก็บไว้เกือบทุกภาพ ( ตอนนี้ มีภาพรวมๆแล้ว... ซัก 40,000 รูปได้ ) รูปที่ลบไป... ไม่น่าจะเกิน 200 รูป ( ไม่น่าจะเกิน 100 รูปด้วยซ้ำ ) ไม่รู้ว่า ผมผิดปกติรึเปล่า... ฮ่า ๆ ๆ รูปไม่สวย รูปไม่ตรงใจ ผมก็ไม่ลบครับ รูปที่เพื่อนยืมไปถ่าย หรือถ่ายให้แล้วเค้าจะลบ ผมยังไม่ให้ลบเลย... ผมเก็บหมด... ว่าแล้ว  สำรองไฟล์ลง DVD ต่อดีกว่า... ฮ่า ๆ ๆ ไม่ได้สำรองมาสองเดือนแล้ว โลกที่น่าอยู่... สังคมที่ดี...   ไม่มีขาย อยากได้...   ต้องช่วยกันสร้าง โดยเริ่มจาก...   ตัวเราเอง...   เดี๋ยวนี้ จากคุณ : Phoenixนิลมังกร เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 11:14:43

ความคิดเห็นที่ 28 " ภาพถ่ายอาจลบได้ แต่เจ็บฝังใจจำไม่ลืมเลือน " จากคุณ : ตุ๊กตาหมี เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 13:42:36

ความคิดเห็นที่ 29 >>> ว่าแล้ว  สำรองไฟล์ลง DVD ต่อดีกว่า... ฮ่า ๆ ๆ ไม่ได้สำรองมาสองเดือนแล้ว โอ้ย โอ้ย ผมพูดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ ถ้าไม่จำเป็นสุดๆ อย่า backup ลง DVD มันเป็น media ที่เชื่อถือไม่ได้มากที่สุด external HDD ขนาด 1 TB เดี๋ยวนี้ราคาไม่กี่ตังค์ เหมาะไว้เป็นที่ backup อย่างมาก ตอนจะใช้ ค่อยเสียบไฟ และต่อสาย USB ใช้เสร็จ .. เพื่อ backup เท่านั้น .. ก็ปลดสายไฟ, สาย USB แล้วเอาผ้าคลุม โอกาสที่มันจะเสีย .. น้อยกว่า DVD มากครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 15:50:37

ความคิดเห็นที่ 30   ผมว่า ตากล้องที่เก่ง คือทำให้คนที่ดูรูป มีความสุขกะรูปที่เค้าถ่ายได้ ไม่ใช่เหรอครับ แบบผมมองว่า เรื่องเทคนิค มันเป็น Option เสริมของภาพ ที่จะทำให้ภาพเรา ไปถึงจุดๆนั้นได้ หรือผมเข้าใจผิด = ='' ตอนใครเห็นรูปที่ผมถ่ายแล้วชอบนี่ ผมโคตรมีความสุขเลย จริงๆนะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 18:19:33 จากคุณ : Budweiser เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 18:18:47

ความคิดเห็นที่ 31 โอย  สาระแบบนี้     หามานาน จากคุณ : JoeGraphy (ศักดิ์-โจ) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 19:02:18

ความคิดเห็นที่ 32 ผมมองว่า ตากล้องที่เก่ง คือ ตากล้องที่ตอบโจทย์ได้ตามกาละและเทศะ.. อย่างเช่น ที่เคสบนๆ ที่ไปถ่ายภาพให้ญาติผู้ใหญ่ แล้วโดนบ่น เพราะว่าภาพชัดตื้นไม่ใช่แนวของเค้าครับ... ที่เค้าต้องการอาจจะต้องการให้ทราบว่าตนเองอยู่ในงานนะ คือ แบ่งความสำคัญระหว่างบรรยากาศในงาน กับตัวแบบ 50-50 ไม่ใช่ว่า เน้นที่ตัวแบบมากเกินไป... แต่ถ้าถ่ายวัยรุ่น ก็อาจจะเป็นอีกแบบ ซึ่งตากล้องที่รู้จักปรับเปลี่ยนเทคนิคตามความต้องการของเจ้าของภาพ หรือลูกค้า หรืออะไรก็แล้วแต่ นั่นแหละครับ เป็นตากล้องที่เก่ง จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 20:03:52

ความคิดเห็นที่ 33 มาให้กำลังใจคุณแมวเหมียว เมื่อ 2 ปีก่อน ผมก็เคยเจอเหตุการณ์ที่ HDD เจ๊งครับ ซึ่งใน HDD นั้นมีภาพที่ยังไม่ได้ Backup เกือบ 10 GB แต่ละภาพก็ไม่สวยหรอก แต่มันมี "คุณค่าทางจิตใจที่ประเมินมิได้" สำหรับผม.. จนผมแว่บความคิดว่าถ้าหากมันเจ๊งจริงๆ จะลงทุนส่ง HDD ตัวนี้ไปให้บริษัทที่รับกู้ข้อมูล (โดยค่าใช้จ่ายเริ่มต้นหลักหมื่น) แต่ปรากฏว่าลองไปลองมา HDD มันกลับคืนชีพมาโดยปาฏิหาริย์ ผมก็รีบ BACKUP ทันทีครับ.. แล้วก็ทิ้ง HDD นั้นไปเลยไม่ใช้มันอีก จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 20:06:54

ความคิดเห็นที่ 34 ตากล้องที่เก่ง คือ ถ่ายแล้วไม่โดนด่า  T  T จากคุณ : espucino-ccj เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 23:14:45

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนทุ่มกว่า ๆ เข้ามาอ่านแล้วก็นึกในใจว่า งานนี้ยาว หลับไปตื่นนึง กลับมาดูใหม่ ซัดไป 33 กระทู้แล้ว ผมว่า ก็ยังไม่มีคำตอบ งั้นผมขอนำเสนอมุมมองของผมมั่ง ละกัน ตากล้องที่เก่ง จะไม่มีตัวตนของตนเองในรูปถ่ายของคนอื่น เลยครับ นั่นคือ 4 เม็ก ต้องใช้ได้ทั้ง 4 เม็ก นึกถึงสมัย เล่นกล้องตอนเด็ก ๆ สมัยเรียน ม.ศ.ต้น มีกล้อง เอาไปถ่ายเพื่อน แล้วขายรูป รูปละ 3 บาท ปรากฏว่า รูปที่ขายได้ มากที่สุด และมีแต่คนชม คือ รูปยืนแถว หน้าตรงเรียงหน้ากระดาน 6 คน 7 คน มันขายได้ 7 รูปล่ะ แชะเดียว กับรูปเดี่ยว ที่แอคชั่นเต็มที่ ยังไงก็ ขายได้ คนเดียว แล้วรูปแบบนี้นะ คนอื่นไม่ได้เห็นหรอก โดนเจ้าของรูป ถอดออกตั้งแต่ เอาอัลบั้มไปดูแล้ว คนอื่น หมดสิทธิ์ชม ฉันใดก็ฉันเพล เอ๊ย ฉันนั้น เรากำลัง ถ่ายอะไรอยู่ ถ่ายให้ใคร เขาเอาไปทำอะไร ถ้าถ่ายเอาไว้ดูเองล่ะก็ ตามใจตนเองเต็มที่เลย ซึ่งผมก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ไม่ใชกับงานของคนอื่น ตากล้องที่เก่ง ก็ต้องเอาตัวตนของคน ๆ นั้น มาใส่ภาพของเขาให้ได้ มากที่สุดครับ ฉะนั้น ก่อนรับงาน ตากล้องที่เก่ง ต้องขอข้อมูลจากคนที่จะจ่ายเงินให้เรา ครบถ้วนเสียก่อน จนลูกค้า สบายใจ ไม่ใชว่า ถ่ายมา 4 กิ๊ก แล้ว ให้ลูกค้าเลือก เอา 10 รูป 20 รูป ไม่ใชตากล้องแล้วครับ นั่นเขาเรียกว่า ศิลปินเดี่ยว ตากล้อง ต้องรู้ว่า โจทย์ที่เขาให้ทำ เป็นอย่างไร จะถ่ายไปทำ โฟลิโอ้ ก็ ถ่ายแบบนึง งานแต่ง งานศพ งานรวมญาติ ก็แบบนึง ถ่ายทำคัทเอาต์ โบรชัวร์ ใบปิด ไวนิลประดับร้าน อีกแบบนึง รับปริญญา ก็ อีกเรื่องเลย มีโจทย์ให้ลูกค้าที่มองไม่เห็นลู่ทางวส่า ภาพจะออกมาแบบไหน ให้ดูด้วย กล่อมเขาจนยอมจ่ายเงินให้ แบบสบายใจ นั่นล่ะ ตากล้องเก่ง แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 52 23:55:18 จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 23:37:57

ความคิดเห็นที่ 36 ส่วนเรื่องการเก็บไฟล์ภาพนั้น ผมยังเชื่อว่า หลายอย่าง ดีแน่ครับ ผมยังช้ำใจไม่หายเลย เครื่องตัวใหญ่สุดในบ้าน มี ฮาร์ทดิส 4 ตัว ตัวละ 200 มั่ง 300 มั่ง ตัวล่าสุดที่ใส่เข้าไป 500 กิ๊ก ปรากฏว่า ไวรัสกินวินโดว์จนเดี้ยง เลยฟอร์แมต ไดรฟ์ซี จะลงใหม่ (ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเก็บภาพนะครับ) ลงไปสักพัก พอฟอร์แมตแล้ว ลงวินโดว์ใหม่ มันเจือก เรียงไดรฟ์ใหม่ เอาไดรฟ์ที่ไวที่สุดเป็นไดรฟ์ซ๊ (ใหม่ที่สุด และ แน่นอน เก็บภาพทั้งหมดไว้) เรียบร้อยสิครับ ท่านผู้ชม โชคดี ที่ ไฟล์ภาพ ตั้งแต่ 2006 เป็นต้นมา ผมซื้อ แฟลชไดรฟ์ 500 กิ๊กมาสำรองไว้อีกชุด แต่ ก่อนหน้านั้น หายหมด ดีวีดี ที่ สำรองไว้ก็เป็นขี้กลากไปหมดแล้ว สะอื้นเป็นภาษารัสเซียเลยล่ะท่านเอย จากคุณ : greeny pony เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 52 23:51:21

ความคิดเห็นที่ 37 กระทู้ดีมีสาระ จัดโหวตไป 1 ดอก จากคุณ : รักถั่ว เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 11:30:45

ความคิดเห็นที่ 38 ร่วมด้วยช่วยโหวตครับ ^_^ จากคุณ : กล้องโบราณ (e2ns) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 11:32:38

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเน้นคุณภาพครับไม่เน้นปริมาณ งั้นผมขอเลือก1แล้วกันครับ จากคุณ : ตากล้องหนุ่ม เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 52 22:52:32

ความคิดเห็นที่ 40 ผมว่าผมเป็นประเภท 2 จากคุณ : Pollutor เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 11:18:23

ความคิดเห็นที่ 41 หนูไม่รู้ ๆๆๆๆๆ โหวตคำถาม จขกท. ไม่ได้ โหวตกระทู้ดีกว่า > <" จากคุณ : จิตรางคทา เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 13:19:35

ความคิดเห็นที่ 42 ช่วยกดโหวต เพื่อให้หลายๆคนได้ดูแล้วครับ จากคุณ : (EVIL 4 EVIL) & (LIVE 4 LIVE) เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 52 22:21:05