เทคนิคการถ่ายภาพฝนดาวตก

การถ่ายภาพฝนดาวตก ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น เกินความสามารถ ของเรา หลักการ จะคล้ายกับการถ่ายภาพ ดาว นั่นเอง โชคดี ที่ช่วงเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตก เป็นคืนเดือนมืด แรมสามค่ำ ถ้าท้องฟ้าปรอดโปร่ง ก็จะเห็น ฝนดาวตกอย่างชัดเจน กล้องที่ เหมาะสม คือ กล้อง 35 มม. SLR ที่มีชัตเตอร์ B และใช้สายลั่น ชัตเตอร์ ได้ หากเป็นกล้องระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ออโต้โฟกัส จะสิ้นเปลือง แบตเตอรี่มาก เพราะต้องเปิดม่านชัตเตอร์ ค้างไว้นานๆ ควรเผื่อ แบตเตอรี่สำรองไปด้วย แต่ถ้าเป็นกล้องที่มีระบบชัตเตอร์ แบบกลไก เช่น Nikon FM2N จะได้เปรียบกว่า เพราะไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ในการ ลั่นชัตเตอร์ เปิดชัตเตอร์ ค้างไว้ได้นาน เท่าที่ต้องการ

เลนส์ที่ใช้ควรเลือกช่วง 35 มม. ถึง 80 มม. หากกว้างมาก เส้นของดาว ที่จะปรากฏเป็นทางยาว จะมีขนาดเล็ก เกินไป ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร และถ้าเป็นช่วง เทเล มากเกินไป มุมภาพจะแคบ เห็นฝนดาวตก ไม่มากนัก นอกจากนี้ เลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง จะได้เปรียบกว่า ไม่ต้องใช้ฟิล์ม ความไวแสงสูง ก็ถ่ายภาพได้

ขาตั้งกล้อง คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ ขาตั้งกล้องขนาดกลางใช้งานได้ดี เลือกขาตั้งกล้อง ให้เหมาะสมกับกล้องและเลนส์ที่ใช้ นอกจากนี้ สายลั่นชัตเตอร์ ที่สามารถล๊อคค้างไว้ได้ ก็จำเป็นมากเช่นกัน ส่วนฟิล์มนั้น ใช้ได้ดี ทั้งฟิล์มสี และ สไลด์สี ความไวแสง ประมาณ ISO 100 - 400 ก็เพียงพอ

เทคนิคการถ่ายภาพ ให้ประกอบกล้อง แล้วเล็งภาพไปยังท้องฟ้า ในจุดที่มองเห็น ฝนดาวตกมากที่สุด และเกิดขึ้นบ่อย ซึ่งครั้งนี้ ฝนดาวตก จะปรากฏ ทั่วทั้งท้องฟ้า ไม่จำกัดเฉพาะ ที่จุดใดจุดหนึ่ง ปรับโฟกัสไปที่อินฟินิตี้ หรือระยะไกลสุด เลนส์บางตัว มีระยะโฟกัส คลาดเคลื่อน การหมุนโฟกัสเลนส์ไปที่สุดระยะ อาจเลยจุดโฟกัส อินฟินิตี้ ทำให้ภาพไม่คมชัด ให้ลองช่วงกลางวันก่อน โดยโฟกัสไปที่ ระยะไกลสุด เท่าที่จะหาสิ่งที่ใช้ปรับโฟกัสได้ แล้วดูว่า วงแหวนบน กระบอกเลนส์ หมุนสุดอีกด้านหรือไม่ ถ้าไม่สุด ยังเลยไปอีก ให้ติดเทป เอาไว้ ป้องกันโฟกัสเคลื่อน ไม่ควรใช้ระบบออโต้โฟกัสอย่างเด็ดขาด เพราะกล้อง ไม่สามารถหาโฟกัสได้ และควรถ่ายภาพเผื่อไว้บ้าง เช่น เปิดรูรับแสงกว้างสุด f/2.8 และ f/4 บางครั้งอาจพบกับ ฝนดาวตก ที่มีความสว่างสูงมาก ต้องใช้รูรับแสงแคบกว่านี้ การเปิดชัตเตอร์ B ให้เปิดทิ้งไว้ได้เลย นาน 5-10 นาที หรือจนกว่ามีฝนดวตก ปรากฏ ให้เห็น ในกรอบภาพ (ขณะกดชัตเตอร์ ค้างไว้ ช่องมองภาพจะมืด ต้องคาดคะเนมุมภาพ เอาไว้ก่อน โดยสังเกตุ จากสิ่งรอบๆ ตัว

ดูฝนดาวตกที่ไหนดี?

ฝนดาวตก ครั้งนี้ มองเห็นได้ จากทั่วทุกภาค ของเมืองไทย แต่ในช่วงเวลานี้ ทางภาคใต้ มักจะมีเมฆมาก และอาจมีฝนตก ทำให้ เป็นอุปสรรค ในการชม และ ถ่ายภาพ ส่วนสถานที่เหมาะสม คือ ตั้งแต่ ภาคกลาง ขึ้นไป ถึงภาคเหนือ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก เฉียงเหนือ สถานที่ ควรเป็นที่โล่ง ไม่มีแสงสว่างใดๆ มารบกวน หากขึ้นไปดู บนภูเขาสูง ท้องฟ้าจะปรอดโปร่งกว่า โอกาสที่จะเห็น ฝนดาวตก จะมีมากกว่า

เตรียมตัวอย่างไร?

การเฝ้า ดูฝนดาวตก ต้องใช้เวลานาน หลายชั่วโมง และต้องเงยหน้าตลอด เพราะไม่รู้ว่าจะมีตรงไหนบ้าง และมีเมื่อไหร่ ถ้าให้สบาย ต้องนอนดู กับพื้น อาจจะหาเสื่อ ไปปูนอน หรือ ใช้เก้าอี้ผ้าใบ แบบเอนนอนได้ ก็จะสะดวก อากาศตอนดึกๆ โดยเฉพาะบนภูเขาสูง จะหนาวมาก ควรเตรียม เครื่องกันหนาว ไปให้พร้อม เช่น เสื้อกันหนาว ผ้าห่ม ถุงนอน และถุงมือ เป็นต้น

สำหรับกล้อง และ อุปกรณ์ ควรเตรียม ถุงพลาสติก ไปครอบกล้องด้วย เพราะ กลางคืน จะมีน้ำค้าง ถ้าทิ้งกล้อง ไว้นานๆ น้ำค้างจะมาจับ ที่กล้อง และเลนส์ อาจเกิดความเสียหายได้

อุปกรณ์ถ่ายภาพที่ต้องใช้?

1. กล้อง 35 มม. SLR ที่มี ชัตเตอร์ B
กล้องคอมแพคที่มีชัตเตอร์ B ก็ใช้
ได้ แต่ต้องใช้ฟิล์มความไวแสงสูง เช่น ISO 400 สำหรับกล้องดจิตอล ที่มี ชัตเตอร์ B ก็ใช้ได้ แต่การเปิดชัตเตอร์ นานๆ จะไม่เป็นผลดี กับ CCD หรือเซ็นเซอร์ภาพ ไม่ควรเปิดนานเกิน 30 วินาที และต้องเผื่อ แบตเตอรี่ สำรอง ไปด้วย

2. เลนส์มุมกว้าง 35 มม. หรือเลนส์ซูม ก็ใช้ได้ ช่วงซูมที่เหมาะสมคือ 28-80 มม.

3. ฟิล์ม ความไวแสง ISO 100, 200 หรือ 400 ขึ้นอยู่กับรูรับแสงกว้างสุด ของเลนส์ที่ใช้

4. ขาตั้งกล้อง และ สายลั่นชัตเตอร์

สำหรับ แฟลช หรือ ฟิลเตอร์ ไม่มีความจำเป็นครับ ยกเว้นจะเล่น เทคนิคพิเศษ เช่น ถ่ายภาพฝนดาวตก เสร็จแล้ว ให้คนไปอยู่ในเฟรม แล้วกดปุ่ม ให้แฟลชทำงาน แต่ต้อง คำนวณ แสงแฟลช ให้ดีนะครับ


ที่นม http://www.shutterphoto.com/tech/star/star_01.html

จากคุณ	: Vantage
เขียนเมื่อ	: 17 พ.ย. 52 12:09:00