ความคิดเห็นที่ 1 ออโต้โฟกัสครับ เป็นจุดเปลี่ยนเกมส์ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 09:50:21

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าตั้งแต่สมัยกล้องฟิล์มมาแล้ว   Pentax  กับ  Olympus  ก็เป็นมวยรองมาตั้งนานแล้วอ่ะครับ   เหมือน Nikon  กับ  Canon   นี่เป็น  Honda  กับ  Toyota   ค่ายยักษ์ใหญ่ ส่วน  Pentax  OLY   นี่ เหมือน  Nissan  กับ  Mazda  ยังไง ยังงั้น จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 09:56:03

ความคิดเห็นที่ 3 ผมไม่คิดว่า Oly เป็นมวยรองน่ะครับ เพราะในแวดวง อุปกรณ์ทางแสง optic อื่นๆ นี่ Olympus กินขาดจริงๆ ยิ่งพวกเครื่องมือวิทยาศาสตร์ตัวไหนต้องติดกล้องขยายมาด้วย Oly แทบจะเหมาเลย เพราะส่วนใหญ่จริงๆ ผู้ซื้อก็ต้องการ Oly อยู่แล้ว Cannon สมัยกล้องฟิล์มผมว่าไม่เกิดเลยน่ะ ไม่เคยได้ยินเลย - -'' เรื่องออโต้โฟกัสนี่น่าสนใจครับ ถ้ามีใครจะร่ายยาว ผมยินดีรับฟังเลย เพราะช่วงที่ผมไม่ได้สนใจกล้อง กลับมามองมันอีก มันก็โผล่มาแล้ว ออโต้โฟกัส จำได้ตอนเอากล้องนิคอนเพื่อนไปถ่ายงานวันรับปริญญารุ่นน้อง ซัก ห้าหกปีที่แล้วได้มั้ง งงไปเลยช่วงแรก - -'' ทำไมมันหมุนเองว่ะ T___T (ผมหลังเขามากๆเลยน่ะเนี้ย) เลยเดินไปถามช่างถ่ายภาพที่ดูมาดโปรๆ ให้เค้าปรับให้เป็นแบบให้ผมหมุนเองได้ -__-'' โง่ได้อีก ของดีๆใช้ไม่เป็น จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:06:14

ความคิดเห็นที่ 4 Canon ครับ ไม่ใช่ Cannon Canon Canon Canon Canon Canon Canon Canon Canon Canon Canon Canon Canon จากคุณ : badhermit เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:15:03

ความคิดเห็นที่ 5 - -'' ขอโทษครับ Canon Canon Canon Canon ครับผม ผมพิมพ์ผิดเพราะผมเขียนผิดเองเลยครับ จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:21:11

ความคิดเห็นที่ 6 Canon ไม่เกิด หรือคุณไม่รู้จักครับ ผมว่าคุณไม่รู้จักมากกว่านะ Canon ก็เป็นกล้องเก่าแก่  ที่ได้รับความนิยมเหมือนกัน จากคุณ : แฉลบยอดหญ้า เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:22:35

ความคิดเห็นที่ 7 จขกท.อาจจะไม่รู้จักมากกว่านะครับ สำหรับที่ทำงานผมนะ บรรดาอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่หมดอายุทั้งหลาย เวลาเค้าโละทิ้งที เห็นแต่นิก้อนนะครับ เพื่อนผมไปเก็บกล้องเก่าเลนส์เก่าตอนเค้าโละแล็บได้แต่นิก้อนเอาไปขายตอนนี้ก็ยังขายได้เงินเยอะอยู่เลย ที่ว่ามานั้น ยังไม่เคยเห็นโอลิมปัสเลยนะครับ นี่แสดงว่า... มันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดเสมอไปนะครับ คุณอาจจะเคยเจอแต่โอลิมปัสเท่านั้นเองครับ ผมว่าแคนน่อนทำออโต้โฟกัสได้แล้วเป็นจุดสำคัญเลยที่ทำให้คนใช้กันมาก มีใครจะไม่สนล่ะ แล้วก็นำเทคโนโลยีขึ้นมาเรื่อย ๆ กันสั่นที่เลนส์แคนน่อนก็ทำมาก่อนใคร (คิดว่าใช่นะ) นิก้อนที่ก็ทำกล้องทำเลนส์มานานยังตามหลังมาตลอดนะครับ ผมว่าโอลิมปัสมีจุดยืนมากเกินไป ไม่แฟนซี การตลาดไม่สู้แคนน่อนเค้าเลย ส่วนเพ็นแท็กซ์นี่ไม่แน่ใจครับ แต่เลนส์เพ็นแทกซ์เก่า ๆ ดี ๆ เดี๋ยวนี้ก็ยังมีเล่นกันเยอะนะ จากคุณ : Morgoth Bauglir เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:31:29

ความคิดเห็นที่ 8 ในตลาดกล้อง Olympus เป็นมวยรองครับ ผมไม่รู้ใจคณะผู้บริหาร oly แต่ถ้าให้เดา .. ตลาดกล้อง oly เป็นตลาดเสริม ไม่ใช่ตลาดหลักของเขา อุปกรณ์ optics ของ oly เป็นเลิศ ทั้งคุณภาพ และราคา โดยเฉพาะอุปกรณ์ micro optics .. ชนิดที่เรียกว่า พอฟัดพอเหวี่ยงกับหนึ่งจุดแดงเมืองฝรั่ง (ทั้งคุณภาพและราคาเช่นกัน!) การผลิตอุปกรณ์ระดับ A++ พวกนั้น ต้องการทั้งเงินลงทุน และผลงานวิจัย รวมทั้งความชำนาญในการผลิต ซึ่งหาซื้อมาจากไหนไม่ได้ง่ายๆ Oly เลยต้องเดินเกมส์ ผลิตอุปกรณ์ optics ระดับ mass market เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ความสามารถ ฯลฯ ไปผลิตอุปกรณ์ระดับ very high end (รู้สึกว่า ตอนนี้ Kodak ก็เริ่มทำแบบเดียวกันแล้ว) เอาแค่"พอขายได้" กำไรนิดหน่อยให้เลี้ยงตัวเองอยู่ได้ และมีการพัฒนาต่อไปในอนาคต ผมไม่รู้ว่า ตลาดโลกเป็นอย่างไร แต่ถ้าตลาดเมืองไทย ... กล้อง dSLR + compact ที่ขายได้ทั้งหมด ยอดยังไม่ถึง 20% ของอุปกรณ์ very high end เลยมั้ง เอาง่ายๆ ปีที่แล้ว ที่ทำงานจัดซื้อ "กล้อง" olympus มาอีก "2 ตัว" ราคารวมแล้วเกือบ สิบล้าน ราคา 2 ตัว .. ซื้อ  E-3 trio ชุดใหญ่ครบ set ได้เกือบ 200 เซ็ต! (และเห็นว่า ปีนี้ ตั้งเป้าไว้ว่า จะขายให้ได้  50 ตัว ... ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:32:43

ความคิดเห็นที่ 9 จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามใจเถิดครับเพราะยังไงเราผู้บริโภคก็ได้ประโยช์นจาการแข่งขันทางการค้า ทำให้มีอุปกรณ์ใหม่ๆเยอะ ราคาที่ลดลง แต่อย่าให้บริษัทที่ดูเหมือนไม่มีส่วนแบ่งหายไปเรื่อยๆหล่ะ เพราะไม่งั้นบริษัทใหญ่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางทางการตลาดแบบสบายๆ เหมือน Software ชื่อดังที่ครอบครองโลกอยู่ในขณะนี้ เป็นการขายโดยไม่มีคู่แข่งขัน จะกำหนดราคาแพงๆยังไงก็ได้คุณก็ต้องซื้อ กล้องก็เหมือนกัน หากมีแค่ค่ายสองค่ายรับรองว่า เราจะไม่ได้ซื้อกล้องในราคาถูกๆแบบปัจจุบันนี้แน่ๆ เหอๆ กล้องค่ายไหนๆ สิ่งสุดท้ายก็มีไว้เพื่อ ถ่ายรูปเหมือนกัน จากคุณ : tump เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:37:17

ความคิดเห็นที่ 10 สมัยเด็กได้ยินบ่อยสุดก็ แคนนอน กับนิคอนเหมือนกันค่ะ พอมาเริ่มสนใจกล้อง ชื่อที่เข้าหูสุดก็ K1000 อ้อแล้วก็ มินอลต้าดว้ยค่ะ จำได้ตอนนั้นเป็นซีรียื dynex มั้ง ส่วนกล้องที่จับก็ของ แคนนอน AE-1 ของอา ซึ่งก็นานมากแล้วตอนจับยังเด็กมากอยุ่เลยประถมได้มั้ง แต่ไม่เคยได้ยินชื่อโอลิมปัสเลยอ่ะค่ะ จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:41:27

ความคิดเห็นที่ 11 ใครว่า "การตลาด" ไม่สำคัญ เรื่องผลิตภัณฑ์ คุณภาพใกล้เคียงกันทั้งนั้นและครับ ในสมัยกล้องฟิล์ม ใครถือกล้องยี่ห้อที่เรียกว่า TOP 5 ของโลก นี่ไม่เป็นรองใครแล้วนะครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:42:05

ความคิดเห็นที่ 12 อ๋า แสดงว่าผมไม่รู้จัก canon เองจริงๆ - -'' อายน่ะเนี้ยหลังเขาได้อีก อย่างคุณลุงแมวเหมียวบอกไว้เลยครับ ปีนี้ศูนย์เครืองมือที่ผมใช้อยู่ ก็ถอย Oly มาใหม่สองชุด ชุดล่ะ สามหมืนเหรียญ รวม movement state ด้วย คือ ผมก็ยังงงๆ อยู่อ่ะครับ เพราะ Oly ดูจะมีเทคโนโลยีเลนส์ เป็นของตัวเองเลย และน่าจะสูสี Leica แบบไม่ทิ้งกันมาก แต่กล้องกับไม่ดังแหะในไทย - -'' คือผมไม่ได้ตั้งกระทู้มาตีกันเรื่องว่าตัวไหนดีกว่าน่ะครับ แต่ตั้งกระทู้มาเพื่ออภิปรายกันว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับแต่ล่ะค่าย อะไรคือจุดเปลี่ยน หรือจุดผลิกผันทางการตลาด หรือเทคโนโลยี เพราะผมว่า กล้องที่ระดับเดียวกัน คุณภาพไม่หนีกันมากนัก โดยส่วนตัวผมชื่นชอบ Pentax ครับ เพราะเรื่อง brand อย่างเดียวเลย ลองนึกภาพกล้องที่จับตัวแรก ยี่ห้อนี้ และคุณพ่อคุณใช้มันให้คุณเห็นตลอด สามสิบปี คุณมันมาตลอด มันก็รักเป็นธรรมดาล่ะครับ ผมไม่ได้บอกว่ามันดีน่ะครับ เพราะผมก็ซื้อกล้องคอมแพคนิคคอนมาถ่ายเล่น ตอนนี้ใช้ซัมซุง ถ่ายง่ายดี ฮาๆ และมีทางเป็นไปได้ไหมครับ ที่ซัมซุง จะก้าวเข้ามาทำตลาดกล้อง dslr หลังจากลงมาเล่น กล้องคอมแพคไปแล้ว เพราตอนนี้ซัมซุงก็ทำชิพ ให้ Pentax แล้ว แต่ซัมซุงน่าจะมีปัญหาเรื่องเทคโนโลยีเลนส์ (หรือเปล่า) และให้เจ้า AF (ออโต้โฟกัสน่ะ ไม่ใช่ อะคาเดมีแฟนเตเชียร์) เจ้าไหนเอามาใช้เจ้าแรกเหรอครับ จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:45:13

ความคิดเห็นที่ 13 ขยายความ จากน้าอะธีลาส ช่วงปลายปี '80 Canon เปลี่ยนระบบเลนส์จาก Canon FD เป็น Canon EOS - "Electro-Optical system" โดยการเปลี่ยนเลนส์เป็นระบบไฟฟ้าล้วน ทั้งการโฟกัส และการควบคุมรูรับแสง และขยายขนาดเมาท์เลนส์เป็น 54mm สิ่งที่สร้างความโดดเด่นที่สุดก็คือ การนำมอเตอร์โฟกัสไว้ในเลนส์ (น่าจะเป็นเจ้าแรก) ทำให้กล้องCanon ทำspeedในการโฟกัสได้ดีกว่ากล้องยี่ห้ออื่นในสมัยนั้น ที่ยังใช้ระบบมอเตอร์ในตัวกล้อง ยิ่งเป็นเลนส์L จะใช้มอเตอร์พิเศษ คือUSM ที่มีความเร็วสูงขึ้นอีก ด้วยความเร็วในการโฟกัสที่มากนี้ทำให้กล้องCanon เป็นที่นิยม ในหมู่ช่างภาพข่าวและกีฬา ปล. เรื่องระบบมอเตอร์นี่Nikonหลังเขาสุดๆ เพิ่งจะมี AF-S ใช้ช่วงหลังของยุค90's(T_T) จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:45:14

ความคิดเห็นที่ 14 Nikon เองก็เช่นกันครับ .. ผมว่า ระยะสิบปีหลังนี้ ดูๆ เหมือนจะจับปลาสองมือ ตลาด niche market ก็จะเอา ตลาด consumer ก็จะเอา มันเลยสับสน ระยะหลังๆเนี่ย อุปกรณ์ optics ในห้องแล็บ "ของไทย" เป็นของ olympus มากขึ้นเรื่อยๆ (ผลการตระเวณเที่ยวไปซ่อกแซ่กดูแทบทุกมหาวิทยาลัย ) ฟาดฟันกันกับ Nikon ในขณะที่ canon แทบไม่เข้า่ไปยุ่งกับตลาด high end optics พวกนั้นเลย pentax (ชื่อเต็ม: Asahi Optical Co., Ltd., เกิด พย.1919, เสียชีวิต 31 มี.ค.2008) เนี่ย มีปัญหาด้านการบริหารงาน เคยเป็นข่าวใหญ่ครึกโครมมาแล้ว และไม่รู้ผมเดามากไปหรือเปล่า คือ คนญี่ปุ่นเอง ตอนหลังๆ ค่อนข้างไม่ชอบ pentax เพราะตอนนปี 2005 ดันไปเอาเกาหลี (samsung) มาร่วม เพื่อทำกล้อง digital ออกขาย (คนญี่ปุ่นเขาแอนตี้ KR กันแค่ไหนก็น่าจะรู้ ) จนกระทั่ง บ.เริ่มแผ่วๆลงไป ตอนหลังเลยโดน Hoya ทำการเทคโอเวอร์ (ปี 2007, เสร็จสิ้น 31 มีัค 2008) ไม่มี บ. Pentax เอง อีกต่อไป เหลือแต่แบรนด์เท่านั้น ตัว Hoya เอง ไม่ได้ชำนาญตลาดกล้องโดยตรง แต่เป็น OEM ด้าน medical optics/high end optics เช่นกัน ที่เอา pentax ไป ก็เพื่อเสริมกำลังในตลาดส่วนที่ตัวเองครอบครองอยู่ แทบจะ "ปล่อยทิ้ง" กล้องยี่ห้อ pentax ไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะปลายปี 2007 ก็ปิดโรงงานในญี่ปุ่น ย้ายโรงงานกล้องไปฟิลิปปินส์, โรงงานเลนส์ไปเวียดนาม จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:49:49

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบคห.12 ระบบAF เจ้าแรกคือ minolta ครับ ในรุ่น Maxxum 7000 เป็นแบบมอเตอร์ในกล้อง จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:50:31

ความคิดเห็นที่ 16 โอ้วขอบคุณคุณแมวเหมียวมากๆเลยครับ ข้อมูลเน้นๆเลย สุดยอด :D ขอบคุณ คุณ Tama2kun สำหรับข้อมูลมากๆเลยครับ แล้วทำไม มินอลต้า ถึงโดน โซนี่ซื้อไปล่ะนั้น แล้วแบรด์ก็หายไปเลย เสียของจริงๆ อย่างทีุ่ลุงแมวว่าไว้ - -'' เสียดายแบรนด์ แล้ว Pentax จะล้มหายตายจากไปอีกเจ้าไหมหว่า - -'' นี่แสดงว่า การตลาดนี่สำคัญจริงๆ ดีไม่ดีสำคัญกว่าเทคโนโลยีที่มีในมืออีกน่ะเนี้ย - -'' จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:57:25

ความคิดเห็นที่ 17 ที่เห็นๆว่า บ.กล้อง เริ่มเหลือน้อยลงเรื่อยๆ ผมว่า เพราะส่วนใหญ่ เล็งเห็นตลาดที่ "ใหญ่กว่า" ครับ ในสิบปีหลัง การวินิจฉัยและรักษาโรคแบบอันตรายน้อย เริ่มบูมขึ้นมามาก การผ่าตัดใหญ่ที่เสี่ยงมากๆ เริ่มลดน้อยลง เพราะเทคโนโลยีดีขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี optics + electronics + computer อย่างเช่นการผ่านิ่วในถุงน้ำดี ... แผลผ่าตัดเหลือแค่ขนาดหัวแม่มือ 1 แผล และคนไข้นอนโรงพยาบาล 1 วันก็กลับ ต่างจากสมัยก่้อนที่แผลยาวเป็นคืบ นอนโรงพยาบาลกันเป็นอาทิตย์ๆ ทั้งหมดนี้ มันเกิดได้เพราะเทคโนโลยี optics .. สามารถใส่เลนส์กล้องติดปลายสาย เข้าไปในตัวคนไข้ได้ นี่เป็นแค่ตัวอย่างเดียวนะครับ พวกตลาด medical optics เนี่ย เลนส์ที่ใช้ แพงมากๆๆๆๆ และอายุการใช้งานสั้นมากๆ เช่นกัน ราคาแพงกว่าเลนส์ L หลายเท่า และใช้ "ถ่ายรูป" ได้ไม่กี่หน ก็ต้อง "ทิ้ง" !!! ทั้ง nikon, hoya (ที่ซื้อ pentax), olympus (มีเทคโนโลยีตัวเอง), kodak, fuji ฯลฯ เลยยกขโยงไปหาลูกค้าพวกนี้เป็นทิวแถว ปล่อยตลาด"กล้องดิจิตอล" ให้เป็นของ canon ไปเลย อนาคต .. อาจเหลือแค่ canon + sony ด้วยซ้ำ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:59:29

ความคิดเห็นที่ 18 Minolta ???? ผมแนะนำหาหนังสืิอ "In search of Stupidity" มาอ่านครับ มันเป็นหนึ่งใน favorite ของผมเลยหละ อ่านมาหลายรอบแล้ว Minolta ก็เดินแบบเดียวกับตัวอย่างในหนังสือเล่มนั้น ขยับพลาดไปนิดเดียว .. เรื่องของ AF ที่โชว์ใน คห.12 นั่นแหละครับ ดันไปละเมิดลิขสิทธิชาวบ้านเขา โดนฟ้องร้อง เรียกค่าเสียหายจน .. ผมว่า .. ล่มจม เสียดายเลนส์ดีๆของ minolta หลายตัว ที่ sony โยนทิ้งอย่างไม่แคร์ โดยเฉพาะเลนส์ portrait ที่เป็น one of the best portrait ever design Sony ไม่รู้จัีกของดีจริงๆ (และไม่แคร์ด้วย .. เพราะเน้นตลาด consumer เป็นหลัก คงเข็ดขยาดกับการผลักดันสินค้า high end อย่าง betamax มาแล้ว ) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 11:05:03

ความคิดเห็นที่ 19   Olympus เคยลองเลนส์ขอบทองคำขาวของเค้ารึเปล่าครับ สีออกมาแบบว่าสุดๆเลยอะ Sony/Minolta หลังๆมานี่ผมว่าเค้าเริ่มเอาจริงกับตลาดนี้แล้วนะ แต่ละตัวที่ออกมาหลังๆแรงๆทั้งนั้น จากคุณ : Yoshio เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 11:05:11

ความคิดเห็นที่ 20 คุณ จขกท คล้ายๆกับผมเลย จำได้ว่าตอนเล่นกล้องครั้งแรก ยุคกล้องแมนน่วล ไม่ nikon ก็ pentax นี่แหละสุดยอด ยิ่งตัว k1000 นี่ตัวดังเลย แถมทนทานสุดๆ ชอบเอาไปตอกเสาเต้นท์เวลาไปเที่่ยว ตอนนั้นจำได้ cannon ชื่อเสียงไม่ค่อยดีเรื่องระบบไฟฟ้าที่เพิ่งตั้งไข่ กับเลนส์ที่เป็นฝ้าบ่อยมาก พอกลับมาถ่ายภาพอีกที ก็เห็น เลนส์ L แล้ว สงสัยเพราะไม่มีอะไรให้อาลัยอาวรณ์มากนักกับกล้องแมนน่วล ทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนเป็น Auto focus ไวกว่าชาวบ้านเค้าล่ะมั้ง ที่นี้พอรู้ตัวอีกที Cannon ก็เป็นผู้นำแล้วเมื่อ Auto focus ติดตลาด จากคุณ : นายเบื่อบอลอุด เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 11:40:45

ความคิดเห็นที่ 21 ตลาด Medical Optic มันเป็นขุมทองของบริษัททางออพติกส์ครับ ตอนสมัครงานเคยไปคุยกับบางบริษัท เป็นบริษัทเล็กๆ ไม่ใช่บริษัทชื่อคุ้นหูเท่าไหร่ เห็นข้อเสนองบการตลาด กับการจ่ายรางวัลการขายให้เซลแมนแล้วทึ่ง บริษัทยาที่ว่าจ่ายเยอะ ลูกเล่นเยอะแล้วยังเทียบไม่ได้เลย มีงบทั้งใต้โต๊ะบนโต๊ะ ไม่ถูกควบคุมมากเหมือนบริษัทยาด้วย เล่นได้ทุกรูปแบบ ผมไปตระเวณเดินเล่นขายของในห้องผ่าตัดโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดมาหลายห้องล่ะ เห็นที่รามามีจุดแดงยืนคลุมผ้าอยู่ในห้องเหมือนกัน ผมไม่ได้เข้าไปดูใกล้ๆ มัวแต่ยุ่งกะการขายของอยู่ คอนเฟิร์มตามหมอแมวเหมียว ตลาดนี้ปีนึงหลายพันล้านครับกำลังบูม เทียบแล้วตลาดกล้องมันเล็กกว่ามากครับ ในเมืองไทยผมว่ากำไรจาก Consumer Optics ทั้งประเทศ ก็เทียบปิดดีลกล้องให้โรงพยาบาลเอกชนสักเครือนึงไม่ได้เลยครับ =============================== ที่มินอลต้าพลาดสาหัสไปอีกเรื่องนึงคือโดดเข้าหาเทคโนโลยีใกล้หมดอายุอย่างฟิล์ม และทุ่มลงไปกับ APS เต็มตัว ทั้งทุนวิจัย การตลาด ในขณะที่เจ้าอื่นทุ่มงบวิจัยไปที่ดิจิตัล จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 12:02:39

ความคิดเห็นที่ 22 Minolta โดน บ.Honeywell ฟ้องละเมิดลิขสิทธ์ "ระบบหาโฟกัสด้วยCCD" สุดท้ายMinolta ต้องจ่ายค่าละเมิดลิขสิทธ์ 96ล้าน USD และค่า Patent royalties อีก127.5ล้าน USD Nikon กับCanon โดนไปเจ้าละ 45ล้าน USD ที่เหลือ Asahi Optical, Olympus, Konica, Ricoh ไปตกลงนอกศาล จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 12:19:03

ความคิดเห็นที่ 23 ความรู้และประวัติศาสตร์จริงๆเลยครับ ขอบคุณ จขกท. และ ผู้ตอบทุกท่าน จากคุณ : t@ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 12:38:46

ความคิดเห็นที่ 24 การตลาดล้วนๆ แบบหลายคนว่าไว้ครับ จากคุณ : jackooo เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 12:40:26

ความคิดเห็นที่ 25 เก็บเข้าคลังกระทู้ จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:01:47

ความคิดเห็นที่ 26 คำตอบง่ายๆคือ  .................. การโปรโมท โฆษณาเป่าหูทุกวันๆ  เห็นจนชินตา  หลักการง่ายๆ  มีงบเยอะโฆษณาแยะก็ย่อมติดตลาดง่ายๆ   ทั้งๆที่คุณสมบัติของสินค้า  ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย  .....  จบ จากคุณ : NB...[online] เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:13:00

ความคิดเห็นที่ 27 >> เจ๋งเป้ง ข้อมูลๆๆ เก็บๆๆ, ^ ^ จากคุณ : Elf Magician เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:29:25

ความคิดเห็นที่ 28 กระทู้นี้ดีจัง อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย จากคุณ : Ploffy เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:34:56

ความคิดเห็นที่ 29 กล้องของโอลิมปัส ที่เป็นกล้องถ่ายรูปกับกล้องไมโครสโคปนี่คนละหน่วยงานเลยนะครับ (เพื่อนเป็นเซลเอ็นจีเนียของโอลิมปัสอยู่ตอนแรกกะ้ฝากมันซื้อเลนส์กล้องราคาพนักงาน มันบอกคนละส่วนกัน แต่คอมแพ็กที่มันใช้อยู่ก็โอลิมปัสอะ ตอนนี้แซวมันว่าขายกล้องถ่ายจิ๋มมด) สำหรับบ้านผมเอง ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องกล้องกัน ตั้งกะเกือบ20ปีีที่แล้วที่ยังเป็นฟิล์มแบบคอมแพ็กพวกผู้ใหญ่ก็บอกว่าต้องแคนอนท่านั้น เมื่อ3-4ปีที่แล้วกล้องที่บ้านไม่มีเลย ก็ตกลงไปซื้อกัน ตอนนั้นผมก็ไม่มีความรู้เรื่องกล้องเลย เห็นโซนี่มันบางๆสวยดี ก็ยุๆๆ เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ได้หนอนIXY800กลับบ้าน ผมเองปีที่แล้วเก็บเงินได้ก้อนนึง มากที่สุดในชีวิตนี้ที่เก็บได้แล้ว หาข้อมูลมาเกือบ2ปี ตอนนี้มี1000D+kitกะ75-300IIมือสองกะมือหมุนธรรมดาอีก2ตัวครับ ตอนแรกมันตามปากคนรู้จัก ตอนนี้มันตามกระแสเรื่องศูนย์บริการและอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายกว่าเจ้าอื่นอะครับ จากคุณ : น้ากล้วย (iamfat) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:57:06

ความคิดเห็นที่ 30 ตอบ คห.29 ครับ .. ใน  Japan .. oly เนี่ย คนละหน่วยงานกัน ยิ่งในประเทศไทย คนละบริษัทกันเลยครับ JJ เขาเล่นแต่เฉพาะ consumer products ส่วน medical เนี่ย หลายบริษัทครับ ไหนๆก็ไหนๆ ขอโฆษณา scientific olympus หน่อย ใครคอมาโคร และอยากเห็นว่า มาโครแท้ๆ สไตล์ olympus มันเป็นอย่างไร ตามไปที่นี่เลยครับ รูปสวยขาดใจดิ้น แต่เน็ตต้องแรงพอนะ .. http://www.olympusbioscapes.com/gallery/2009/ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 15:25:16

ความคิดเห็นที่ 31 ขอขอบคุณข้อมูลจากทุกท่านๆ ที่เข้ามาอย่างมากเลยครับ โดยเฉพาะคุณลุงแมว คุณลุงน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อผมได้มั้ง (ได้ข่าวลูกสาวสวย งั้นผมเรียกคุณพ่อแมวได้ไหมเอ๋ย ฮาๆ (ไม่แน่ใจตัวผมจะสามสิบแล้ว)) โดยความรู้ขนาดนี้ทำให้ผมเหมือนตามโลกทันขึ้นอีกนิดล่ะ จะค่อยๆถยอยอ่านกระทู้นี้ในห้องนี้ไป ปรับตัวให้ทันโลกหลังจากออกมาจากหลังเขา ขอบคุณมากครับ เจ้าของกระทู้ จากคุณ : kanoomtan เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 16:17:19

ความคิดเห็นที่ 32 เรียกพ่อ ระวังเจอ .38 นะครับ จากคุณ : อะธีลาส เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 16:59:19

ความคิดเห็นที่ 33 เลิกใช้ .38 แล้วครับ เสียงมันดังไป ปูนตราพญานาคดีที่สุดครับ อยู่ในทะเลเป็นปีๆ ก็ไม่สึกกร่อนง่ายๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 18:23:09

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างงี้นี่เอง...   งั้นที่ผมไปเจอ office Olympus ที่ Science park ที่สิงคโปร์ คงเป็นพวก medical optics  แหง ๆ ดีนะ  ไม่หลวมตัวไปเคาะประตูถามเขา... จากคุณ : mixz เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 18:23:33

ความคิดเห็นที่ 35 ตามไปดู คห. 30 ของน้าแมวเหมียวฯ แล้ว สงสัยพรุ่งนี้ผมคงได้ไปสอย 35 macro แน่เลยครับ จากคุณ : BCT เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 20:19:40

ความคิดเห็นที่ 36 สมัยเป็นกล้อง film เขาก็ดังอยู่แล้ว เป็น หนึ่งในห้าเสือกล้องญี่ปุ่น Canon เขาไม่ยึดติดครับ กล้าเปลี่ยนแปลง กล้าที่จะเอามอเตอร์ไปไว้ในเลนส์ กล้าที่จะตัดวงแหวนปรับรูรับแสงทิ้ง กล้าที่จะทิ้งลูกค้าเก่า (ตอนเปลี่ยน mount FD เป็น EF) กล้าที่จะใช้จอ LCD หรือพอมาเป็นยุค digital ก็กล้าที่จะตัดจอ LCD มาใช้แต่จอหลังอย่างเดียวในรุ่นเล็ก กล้าที่จะใช้ mount plastic สมัยซื้อกล้อง AF ผมเองตัด Canon กับ Minolta ก่อนเลยเพราะไม่มีวงแหวนปรับรูรับแสงนี่แหละ พอ Canon ทำแล้วเค้าเอาจริงพัฒนาต่อเนื่องจนกลายเป็น standard ของกล้องที่เจ้าอื่นต้องทำตาม Nikon ไม่ทิ้งเพื่อนเก่า แล้วเป็นไง ท้ายสุดในเมืองไทยกลายเป็นนิก้อนไม่เอาทั้งเพื่อนเก่าเพื่อนใหม่ ในห้าเสือนี่ผมว่าบ.ที่ใหญ่ก็มี Nikon Canon และ Oly ส่วน Pentax Minolta นี่ไม่ใหญ่ Minolta ก็ไปแล้ว ไปแบบไม่กลับ ส่วน Pentax ยังอยู่ก็จริงแต่ก็โดน take over ยังดีที่เหลือชื่อเอาไว้ ส่วนหนึ่งที่ canon ก้าวมาเป็นผู้นำได้ผมว่าส่วนหนึ่ง canon ลดต้นทุนสินค้าได้ดี ขายราคายังแพงอยู่เพราะฉะนั้นก็ย่อมได้กำไรดี พอมีกำไรดี อะไรๆมันก็ดี ที่ผมมองว่าลดต้นทุนนี่เป็นความเห็นส่วนตัว โดยดูจากกล้องรุ่นต่ำๆของ canon ที่ใช้พลาสติกเกือบทั้งตัว รวมถึง mount เลนส์ ส่วน oly นี่ตอนชาวบ้านเค้าทำ  af slr ท่านก็เลือกจะแหวกแนวซะงั้น ทำ ZLR แทน พอเป็น dslr ก็ทำ 4/3 อีกซะงั้น แถมทำ xD อีกต่างหาก (ซึ่งผมสะใจมากที่มันกำลังจะตาย และก็กำลังแช่ง MS อีกตัง แต่ว่ารายนี้ตายยากหน่อย) ส่วน pentax นี่ก็เห็นๆอยู่ technology ตามหลัง n กับ c ก้าวนึงเสมอ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 20:49:49

ความคิดเห็นที่ 37 การเปลี่ยนแปลงของเจ้าตลาดรายใหญ่มีเสมอครับ ยกตัวอย่างเช่น จอ LCD ครับ Sony เสียส่วนแบ่งให้กับ Samsung ไปเยอะพอควร หลัก ๆ ผมว่ามันก็คือการทำไงให้ลูกค้าจดจำภาพลักษณ์ของตัวเองได้ นั่นก็คือการตลาดที่จะต้องทำงานหนัก ถ้าบริษัทไหนคิดว่าสินค้าตัวเองดีไม่สนใจทำการตลาดมากนัก บางครั้งย่อมแพ้บริษัทที่ทำการตลาดเก่งกว่าครับ โลกธุรกิจบางทีก็ต้องทำใจเรื่องการเปลี่ยนผู้นำ จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 38 เอาเข้าจริงแล้วสำหรับบลูเองคิดว่าแคนนอนเอง ก็ไม่ได้คิดจะทุ่มเข้าตลาดกล้องเป้นหลักนะคะ เพราะไลน์สินค้าของแคนนอนนี่เยอะมาก กล้องเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาณาจักรแคนนอนก้ว่าได้ เคยได้ยินบทสัมภาษหรืออะไรซักอย่างทำนองนี้ว่า ที่แคนนอนยังคงผลิตกล้องอยู่ ก็เพราะต้องการรักษาผลิตภันฑ์ดั้งเดิมของตนเอาไว้เท่านั้นเอง แสดงว่าจริงๆแล้วไลน์อื่นของแคนนอนนี่ มีมูลค่ามากกว่าตลาดกล้องเยอะพอสมควรเลย จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 21:33:35

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านสนุกมากเลยครับ จากคุณ : xevi เขียนเมื่อ : วันนักถ่ายภาพไทย 52 00:10:01

ความคิดเห็นที่ 40 คห. 38 ต้องไปดูผลิตภัณฑ์ของcanon ว่ามีอะไรบ้าง และในตลาดนั้นมีการเติบโตเท่าไหร่ ดังนั้นถ้ามองว่าตัวกล้องไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หลัก อาจจะเพราะยอดขายที่ไม่ได้กระโดดมาก หรือตลาดไม่ได้โตมาก จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : วันนักถ่ายภาพไทย 52 00:19:56

ความคิดเห็นที่ 41 >> แล้ว Pentax จะล้มหายตายจากไปอีกเจ้าไหมหว่า - -'' พูดแล้วใจหวิวๆ กล้อง pentax หลังๆเนี่ย อะไรๆดูเหมือนแย่ลงเรื่อยๆ บอกไม่ถูก ทั้งๆที่เลนส์ดีขึ้นเรื่อยๆ เลนส์ pentax เนี่ย สุดยอด และรู้สึกว่าเป็นแบรนด์ที่มีเลนส์ฟิกส์ออกมามากที่สุดเลยมั้ง อนาคตของ pentax ค่อนข้างริบหรี่ เพราะตอนนี้ บริษัทเองก็ไม่มีแล้ว เหลือแต่ยี่ห้อกล้องและเลนส์ ยิ่งกับ hoya ด้วยแล้ว ตลาดกล้องถ่ายรูป ไม่ใช่กิจกรรมที่ทำรายได้จนมีค่าควรดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ ... เสียดายเลนส์ดีๆของ pentax มากๆๆๆๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : วันนักถ่ายภาพไทย 52 10:15:45

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าเสียดายนี่น้าแมวรับ K-x ไปดูเล่นพร้อม limited ครบชุดสิครับ ;) จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : วันนักถ่ายภาพไทย 52 11:05:58

ความคิดเห็นที่ 43 ระบบออโตโฟกัสที่ไวแบบติดตั้งมอเตอร์ที่เลนส์ครับ การตลาดที่ดี,เป็นผู้สนับสนุนในวงการถ่ายภาพ  ทำให้แคนนอนขึ้นเป็นเบอร์หนึ่ง จากคุณ : กระเพราเป็ด เขียนเมื่อ : วันนักถ่ายภาพไทย 52 11:50:03

ความคิดเห็นที่ 44   pentax ไม่ตายแน่นอนครับ ฟันธง สิ้นปีนี้เจอกัน FF จากคุณ : basken (buzdesign) เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 01:00:57

ความคิดเห็นที่ 45 ผมว่าสิ้นปีนี้ไม่น่าทันเห็น FF จาก pentax นะ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 14:00:35

ความคิดเห็นที่ 46 ยุคกล้องฟิล์ม MF เบอร์ 1 ยกให้ Leica กับ Contax ครับ กล้องค่ายเยอรมันกินเรียบครับ ค่ายญี่ปุ่น Nikon ถือว่าเป็นผู้นำ ส่วน Canon ถือเป็นผู้ตามอย่างใกล้ชิด แต่พอโลกเปลี่ยนมาเป็นยุค Autofocus เต็มตัว Canon กลับแซงหน้าขึ้นมาอยู่แถวหน้าอย่างรวดเร็ว ส่วนค่ายเยอรมันเริ่มถดถอยหายไป พอเข้าสู่ยุค Digital เต็มรูปแบบ Canon และ Nikon ครอบครองตำแหน่ง 1 และ 2 ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม เป็นระยะๆ ส่วนค่ายเยอรมันเหลือแต่ชื่อในอดีต ที่เห็นเป็นตัวเป็นตนในชื่อเดิมอยู่ ก็คือการควบทุนกับค่ายญี่ปุ่นทั้งนั้น และทิ้งท้ายแต่ไม่ท้ายสุดในยุคดิจิตอล ระวัง Sony จะผงาดขึ้นมาอยู่แถวหน้าให้ดีๆครับ จากคุณ : the เด็ก เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 18:36:09

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้า sony ยอมทิ้งอารยธรรม Memory Stick กับ Jack ไม่เหมือนชาวบ้าน นะครับ จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 52 16:24:58