ความคิดเห็นที่ 1 เกิดได้จากเลนส์ทุกตัวครับ โบเก้ คือ จุดจุดหนึ่งที่พอหลุดโฟกัสแล้วมันจะขยายขนาดขึ้นเป็นดวง จะกลมหรือไม่กลมขึ้นอยู่กับรูรับแสงที่ใช้ และลักษณะของกลีบรูรับแสงว่าจะทำให้กลมได้รึเปล่า ขอบจะแข็งหรือขอบจะเนียนขึ้นอยู่กับเลนส์แต่ละตัวด้วยครับ เลนส์ดี ๆ ขอบมักจะเนียนสวยครับ แหล่งกำเนิดแสง หรืออะไรที่สะท้อนแสง หรืออะไร ๆ ที่มันมีความสว่างกว่าส่วนรอบ ๆ พอเบลอหลุดโฟกัสไปแล้วก็จะกลายเป็นโบเก้ครับ เราสามารถทำโบเก้เป็นรูปต่าง ๆ ได้ด้วยนะครับ บางคนก็ทำเป็นรูปหัวใจ รูปดาว หรือรูปอื่น ๆ เพิ่มลูกเล่นให้กับภาพได้ จากคุณ : Morgoth Bauglir เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:20:41

ความคิดเห็นที่ 2   เลนส์ดีจริงต้องไม่มีโบเก้ ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นนะ... จากคุณ : ซกมกจัง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 10:32:40

ความคิดเห็นที่ 3 น่าจะเป็น ชื่อเรียก ภาพ ส่วนที่พ้นระยะชัด มากกว่านะครับ.. ว่าเบลอ สวยหรือไม่สวย หรือ มีลักษณะพิเศษ แบบไหน..อย่างเลนส์บางตัว จะมีโบเก้ รูปดาว.. เลนส์บางตัวใช้ ไดอะแฟรมเยอะ ๆ ส่วนที่ เบลอ ก็จะกลม เป็นธรรมชาติ กว่า ไดอะแฟรมน้อย ๆ ซึ่งส่วนที่พ้นระยะชัด จะออก เป็นเหลี่ยม ๆ และบางชนิด ก็เป็นรูปดาว.. เลนส์คงมี โบเก้ทุก ๆ ตัวแหละครับ..แต่จะมีมาก มีน้อย ขึ้นกับว่าเป็นเลนส์ระยะไหน รูรับแสง กว้างหรือแคบ. และจะเป็นโบเก้ ที่สวยหรือไม่สวย ก็น่าจะขึ้นกับ จำนวน ไดอะแฟรม และ ความชอบ ส่วนตัวด้วยครับ.. ที่ไม่มีเลย อาจเป็น เลนส์ประเภท ไฮเปอร์โฟกัส คือชัดหมดทั้งภาพ น่ะครับ ** ขออนุญาต ลบไฟล์ เนื่องจากผิดเรื่อง.. ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ทักท้วงครับ ** แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 12:46:17 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 12:45:59 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 11:48:11 จากคุณ : Head SN เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 11:46:56

ความคิดเห็นที่ 4 เลนส์ตัวเดียวกัน.. เมื่อใช้รู้รับแสง แคบ จะเห็น ไฟเป็นแฉก เยอะ ๆ เพราะใช้จำนวนไดอะแฟรม เยอะ..กว่าชาวบ้าน.. และใช้ รูรับแสงกว้าง..ก็จะได้ โบเก้ เป็นธรรมชาติ(กลม) กว่า ใช้ไดอะแฟรมน้อย ๆ จากคุณ : Head SN เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 11:49:34

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องไฟเป็นแฉกนั้นมีหลักการคำนวณอยู่ครับ ถ้าจำไม่ผิด กลีบรูรับแสงเป็นเลขคี่ จะได้แฉก เท่ากับจำนวณกลีบx2 จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 12:25:51

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ จิ้มไปที่ #3-#4 แฉกกับโบเก้ คนละอย่างกันครับ แฉกที่น้าว่ามา ขึ้นอยู่กับจำนวนกลีบของไดอะแฟรมของเลนส์ตัวนั้น ไดอะแฟรมที่มีจำนวนคู่จะได้แฉกตามจำนวนไดอะแฟรมครับ เช่น6กลีบ ก็จะได้6แฉก ส่วนไดอะแฟรมที่มีกลีบเป็นจำนวนเลขคี่ แฉกที่ว่าจะมีเป็น2เท่า เช่น7กลีบ จะได้แฉก14แฉก แฉกที่เกิดขึ้นเนื่องจากเปิดรูรับแสงแคบ คนละอย่างกับโบเก้ครับ น้าTama2kun ถูกต้องแล้วครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 12:28:45 จากคุณ : DUB-COOK เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 12:26:05

ความคิดเห็นที่ 7 Bokeh (โบเก้) มาจากภาษาญี่ปุ่นแปลว่าเลือน หรือวิงเวียน เมื่อนำมาใช้ในภาษากล้อง หมายถึงแสงสะท้อนที่อยู่นอกโฟกัส ไม่ว่าหน้า หรือหลังจุดโฟกัส จะทำให้เกิดลักษณะในภาพเป็นรูปกลม หรือเหลี่ยม จะเป็นรูปกลมๆเมือเราใช้รูรับแสงกว้าง(ต่ำกว่า 8 ลงมา) และจะเริ่มเป็นเหลี่ยม เมื่อเราใช้รูรับแสงกลางๆขึ้นไป จะมีกี่เหลี่ยมขึ้นอยู่กับไดอะแฟรมของรูรับแสง ของเลนส์ตัวนั้นๆ ความสว่างของโบเก้ขึ้นอยู่กับปริมาณของแสงสะท้อน ยิ่งแรงยิ่งสว่าง(เช่น แสงสะท้อนจะน้ำ)โบเก้ขอบแข็ง และชัดเจน  แสงสะท้อนน้อย(เช่น แสงพราวๆ ที่ลอดจากใบไม้)โบเก้จะเบลอๆ เลือนๆ โบเก้ที่มีลักษณะพิเศษก็มี เช่น รูปโดนัท จะเกิดจากการใช้เลนส์รีเฟล็กซ์ ส่วนรูปอื่นเช่น รูปดาว รูปหัวใจ นี้ทำเอานะครับไม่ได้เกิดจากเลนส์ ที่จริงเรื่องของโบเก้นี่หากจะเล่าให้หมดต้องว่ากันยาวๆ เราสามารถกำหนดได้ด้วยตัวคนถ่ายด้วยนะว่าจะให่มันอยู่ตรงไหน มากน้อยแค่ไหน เป็นกลม เป็นเหลี่ยม ฯลฯ แบบภาพนี้ไง..ให้มันหยอดลงถ้วย ก็ทำได้.. จากคุณ : คนบางปะอิน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:51:47

ความคิดเห็นที่ 8 ให้มันเป็นเส้นนำสายตายังทำได้เลย..55 ปล.โบเก้พวกนี้สังเกตุได้ว่ามันอยู่ก่อนถึงจุดโฟกัส จากคุณ : คนบางปะอิน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 13:57:03

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพนี้จะบอกถึงคำว่า "แสงสะท้อนที่อยู่นอกโฟกัส" ได้เป็นอย่างดี โบเก้ที่ฉากหลัง เกิดจาก แสงลอดใบไม้ โเก้ฉากหน้า เกิดจาก แสงสะท้อนจากหยดน้ำบนใยแมงมุม ใช้รูรับแสง 11 โบเก้ก็เลยเป็นเหลี่ยม จากคุณ : คนบางปะอิน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 14:08:33

ความคิดเห็นที่ 10 มีโอกาสก็ลองมาทริปที่ผมจัด(ห้องนิค่อน) เดี๋ยวผมจะบอกรายละเอียดให้ทั้งหมด รวมทั้งวิธีการถ่ายด้วยครับ โบเก้หากนำมาใช้ให้ดี มันจะเกิดประโยชน์ในภาพ หากใช้ไม่ถูกวิธีก็เกิดผลเสียต่อภาพเช่นกัน.. ค่ายมาโคร ศ.บางปะอิน กำลังบ้าโบเก้กันอยู่พอดี..55 จากคุณ : คนบางปะอิน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 14:13:49

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบคุณมากค่ะ กระจ่างเลยทีนี้ แสดงว่าอยุ่ที่การเลือกทิศทางแสง กับรูรับแสง และเรื่องการโฟกัสเป็นหลักซินะคะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 16:53:42 จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 15:27:01

ความคิดเห็นที่ 12 แว๊บๆๆ มานั่งเล๊คเชอร์คับ ขอบคุณครับผม ^^ จากคุณ : หมากลมกลม เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 15:32:42

ความคิดเห็นที่ 13 บลูดานูป..ทดลองง่ายๆก็คือ สมมุติว่าเราถ่ายตัวแบบสักอย่างเช่น ดอกไม้             เราก็ลองหาฉากหลังที่มีแสงพราวๆสอดทะลุใบไม้ แล้วถ่ายตั้งแต่             F กว้างสุด ไปถึงแคบสุด(เท่าที่จะถ่ายได้..ปกติก็ประมาณ 4-13)             แล้วลองดูผลว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นกับโบเก้ในภาพบ้าง..ลองดูนะครับ จากคุณ : คนบางปะอิน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 16:37:33

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาเสริมน้่าบางอีกอย่าง ลักษณะ และความเข้มของโบเก้ ไม่ได้เกิดจากแสงสว่างอย่างเดียว ยังเกิดจากการออกแบบเลนส์ด้วย เลนส์มาโคร โบเก้จะขอบค่อนข้างคม คอนทราสต์สูง และสว่างจัด ในขณะที่ข้างในค่อนข้างมืด ส่วนเลนส์ portrait วงโบเก้ขอบจะค่อนข้างเลือน ความสว่างจากขอบเข้าไปในศูนย์กลางจะค่อนข้างเนียนๆ เลนส์มาโคร จะไม่ค่อยกังวลเรื่องโบเก้เท่าไหร่ แต่เลนส์ portrait เนี่ย มันทำให้ราคาเลนส์แพงกว่าขึ้นไประเบิดเถิดเทิง อย่างเช่น Kinoptiks ที่โบเก้สวยๆ ราคาเกือบสามหมื่นบาท! เพราะให้โบเก้ที่ลักษณะขอบนอกเลือน และไล่ความสว่างแบบเนียนมากๆ เข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้เมื่อโบเก้สองวงมาทาบซ้อนกัน จะเป็นลักษณะเหมือน "ภาพในฝัน" หรือ ถ้าเป็น"โบเก้สี" ก็จะเป็นลักษณะ pastorel .. สีน้ำ โบเก้ที่ "คนส่วนใหญ่" รังเกียจคือ โบเก้ที่มีลักษณะ double ring คือ มีวงแสงสว่างที่ค่อนข้างชัดเจนสองวงซ้อนกันอยู่ เพราะมันดึงดูดสายตาคนดูให้มองมันมากกว่ามองสิ่งที่สำคัญที่สุดในภาพ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 18:58:44

ความคิดเห็นที่ 15 เอาตัวอย่างโบเก้ของเลนส์ถ่ายคน ที่สร้างตำนานลือลั่นของ "การขายของ" อันสุดพิสดารมาแล้ว เลนส์ที่ถ่ายภาพนี้ ราคา 120,000 บาทครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 19:03:08

ความคิดเห็นที่ 16 ยังจำแม่น ที่มันเป็น "ตำนานแห่งการขาย" เพราะ น้าที่เป็นเจ้าของประกาศขายที่ 120,000 บาท ประกาศอยู่เกือบสองเดือนมั้ง ยังไม่มีใครซื้อ แกเลยประกาศปรับราคาเป็น 150,000 บาท และบอกว่าให้เวลาอาทิตย์นึง ถ้ายังไม่ซื้อ จะปรับเป็น 160,000 นะ ขายออกทันควัน อิทธิฤทธิโบเก้เทพ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 19:08:29

ความคิดเห็นที่ 17 . . เพิ่มราคาดันขายออก.... มึน . . จากคุณ : Ananda_F11 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 20:25:54

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นกลยุทธ์การตั้งราคาที่เก๋มากค่ะ ตอนนี้ใช้ compact อยู่ ขอเก็บข้อมูลก่อน จากคุณ : anniewa เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 52 20:26:47

ความคิดเห็นที่ 19 ขายมั่งดีกว่าราคาเทพแบบนี้อ่ะ 55555+ ปล.ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : แม่พี่โม่ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 15:08:00