ความคิดเห็นที่ 1 MS เริ่มถือกำเนิดปี 1998 .. สิบกว่าปีที่แล้ว ความจุมากสุดคือ 128 MB ราคา .. เทียบกับค่าทองคำ ตอนนี้ ควรจะราคาประมาณ 6-8,000 บาท ในขณะที่ hdd ตอนนั้น ด้วยเงินขนาดนี้ .. ซื้อได้ 250-300 MB ทุกคนร้องจ๊าก และ sony ประสพความสำเร็จในการฝังความคิดที่ว่า .. วัฒนธรรม digital sony ราคาแพง และหวงก้าง เหมาะสำหรับคนมีเงิน และฉลาดน้อยเท่านั้น เพราะ sony ไม่อนุญาตให้ใครสร้าง MS ... ของฉัน ฉํนหวงโว้ย จนกระทั่งมันตายสนิทเรียบร้อย .. ในเวลา 6 ปีให้หลัง เกือบลาก sony ลงหลุมไปด้วย! แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 10:59:20 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 10:59:03 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 10:55:36

ความคิดเห็นที่ 2 นอกจากราคาแพงมาก และขนาดจำกัดแค่ 128 MB (MS select ใช้วิธีงี่เง่า .. ใส่ MS 2 แผ่นลงใน case เดียว และใช้สวิทช์เลือกเอา .. เป็น 128 + 128 MB) .. MS ไม่มีอะไรดีกว่าคู่แข่ง (CF card) เลยแม้แต่นิดเดียว อ้อ .. ดีกว่าหน่อยก็ได้ ตรงที่ขนาดเล็กมาก (สำหรับยุคนั้น) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 10:57:40

ความคิดเห็นที่ 4 ปี 2003 .. sony เกือบตาย กว่าจะรู้สำนึกว่า โลกนี้ มันกว้างเกินที่ sony จะบังคับให้ใครๆทำตามได้ และกว้างกว่าที่ sony จะอยู่เพียงรายเดียวได้ เลยจับมือกับ San Disk สร้าง MS Pro ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหางี่เง่า .. ีปี 2003 .. MS ยังมีขนาดใหญ่สุดแค่ 128 MB!!! เกือบสายไป ... MS Pro ใหญ่ได้ถึง 4 GB แต่ราคา MS Pro 1 GB .. ซื้อ SD card 1 GB ได้ 6-7 แผ่น! Sony ขายแต่ของแพง นั่นคือสิ่งที่ sony พยายามตอกย้ำเข้าไปในหัวใจลูกค้า สิ่งที่ sony ไม่ได้บอก และลูกค้าน้อยคนที่จะรู้คือ MS Pro มันเร็วกว่า SD/CF เกือบสามเท่า ในบรรดาลูกค้าที่รู้ ก็ถามกันให้ขวั่กว่า เร็วกว่า แล้วได้ประโยชน์อะไรฟร่ะ????? เพราะ application ตอนสมัยนั้น .. "อ่าน"ข้อมูลจากภาพนอกกันได้เร็วสุดประมาณ แค่แถวๆ 20x เท่านั้น (3 MB/s) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:07:07

ความคิดเห็นที่ 5 ... เกือบสายไป ... เพราะอุปกรณ์ขนาดเล็กๆ หันไปใช้  SD card กันเป็นเแถว ยิ่งพวกที่ต้องการ memory ที่กินไฟน้อย ... โทรศัพท์มือถือ, กล้องคอมแพ็ค, play station ... ยิ่งต้องการ flash mem ขนาดเล็ก เมื่อได้ San Disk มาเป็นคู่หู .. sony จึงปรับตัวเร่งด่วน และปล่อย MS Pro Duo ออกมาในปีถัดมา ขนาดเล็กกว่า SD หน่อยนึง แต่แพงกว่าสามเท่า เพราะพยายามยัดเยียดเทคโนโลยีชั้นสูง .. high speed mode (ความเร็ว 50x) มาให้ ทั้งๆที่โทรศัพท์ และกล้อง มันไม่ได้ใช้ความเร็วขนาดนั้นซะหน่อย (ใช้ไม่ได้ด้วย) และแย่ที่สุดคือ sony ยัดเยียด  Magic Gate เข้ามาใน MS Pro Duo ไอ้เทคโนโลยีบ้านี่ คือ การป้องกันการ copy ข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์ และมีรหัส MG ซ่อนอยู่ คนประเภทไหนเอ่ย ที่จ่ายเงินแพงๆ เพื่อซื้อเทคโนโลยี ที่ห้ามไม่ให้คุณใช้งานของที่คุณซื้อมา ... แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 11:39:19 จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:13:57

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาระลึก ฟามหลัง กับ MS จากคุณ : TaiTan เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:16:52

ความคิดเห็นที่ 8 San Disk เข้ามาในฐานะ "ผู้ร่วมพัฒนา" ย่ิอมไม่แคร์ sony เท่าไหร่ sony ก็เลยหมุนซ้ายหมุนขวา .. คว้าง กว่าจะหายมึน รู้ตัวว่า ควรมีอะไรที่ดี ราคาถูก ใช้งานได้จริง ... มันปี 2005 แล้วนะ ... ไม่ใช่ 1998 เลยรีบปล่อย MS PRO Duo ออกมาแทบทันควัน เพื่อแทน MS duo ที่ขนาดใหญ่สุดแค่ 128 MB แถมช้ายิ่งกว่าเต่า เมื่อหายมึน ... MS Pro Duo จึุงมีทุกรูปแบบ o สามารถใส่ adaptor เพื่อให้ใช้กับ reader เก่าๆได้ o มีทั้่งรุ่น High Speed และรุ่นธรรมดา (ราคาถูก) o มีทั้งรุ่นใส่ Magic Gate และไม่ใส่ และสิ่งสำคัญคือ  ลดราคาลงมามาก แพงกว่า CF หน่อยเดียว แถมตอนต้นปี 2008 .. sony/San Disk พัฒนา(ขาย) MS Pro Duo 16 GB เมื่อสิงหาที่ผ่านมา (2009) ก็ออกตัว 32 GB มา ถึงราคาจะแพงกว่าชาวบ้านเขาหน่อย แต่ "สาวก" sony ก็ค่อยหายใจหายคอได้บ้าง .. โดยเฉพาะพวกที่ถ่าย vdo เป็นหลัก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:20:58

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เป็นไรครับ .. feel free อย่าไปซีเรียส อีก 2-3 ความเห็นคงจบ -------------------- ของดีของ sony มีเยอะ วัฒนธรรม sony ไม่้ใช่จบแค่นี้ แต่ ปลายปี 2006/ต้นปี 2007 ยังมี MS Pro Duo HG  ... ที่เทียบกับ SD card ก็ต้องเป็น class 60 เอาไปทำไมหว่า? คิดไม่ออกเหมือนกัน เพราะแค่ SD class 8 ของทุกวันนี้ ยังทำงานได้พอ กล้องที่ใช้ CF ... ก็ยังมีน้อยตัวนัก ที่จะใช้ความเร็ว 150x (เทียบ SD class 20) ได้เต็มๆ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:25:05

ความคิดเห็นที่ 10 เกือบมาถึงบทจบ ... ที่ไม่มีข้อสรุปถึงวัฒนธรรม sony .. ว่าจะจบเห่เรื่องของ MS เหมือนกับ betamax หรือไม่ ตัวแรกที่ก่อปัญหาคือ MS XC ที่ออกมาเมื่อต้นปีนี้ (มค 09) จุดขายของ MS XC คือ ความจุ 40 GB (อ้า่ว!???? เหนือกว่า MS Pro Duo 32 GB ตรงไหนหว่า???) และความเร็ว 60 MB/s  ... ส่งข้อมูลได้เร็วเทียบ SD class 60/CF 400x แต่เหนือกว่า SD class 60/CF 400x คือ ส่งได้ต่อเนื่อง (sustained rate) ไม่ใช่แป๊บๆ (burst) เหมือนสองอย่างนั้น ปัญหาคือ .. USB 2.0 ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ มันส่งข้อมูลได้แค่ 60 MB แบบ burst เท่านั้น sony จะกระโดดไปไหน? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:30:28

ความคิดเห็นที่ 11 บทจบจริงๆ ที่ชาว sony ควรเล็งให้ดีๆ ต้นปี 2006 .. San disk/sony ปล่อย MS Micro (M2) ออกมา ขนาดเล็กกระจิ๋ว เพื่อให้ใช้กับโทรศัพท์ได้ ราคาแพงกว่า micro SD หน่อยเดียว มีขนาดใหญ่ถึง 32 GB (เมืองไทย ใช้กันมากที่ 2 & 4 GB ส่งข้อมูลเร็วเทียบ SD class 20 ใส่อแดปเตอร์เพื่อให้ใช้แทน MS Pro รุ่นเก่าๆได้ ทุกอย่าง .. ดูเหมือนลงตัว เหมาะสมกับตลาด, ผู้ผลิต, ผู้บริโภค, เทคโนโลยีขณะนี้ แต่ 1 มิถุนา่ยน 2009 Sony ประกาศว่า จะเลิกใช้ M2 ต่อไปนี้ โทรศัพท์มือถือ (Sony Ericsson) จะใช้ Micro SD แทนทั้งหมด ... อ้าว ?!???? sony ทำไรหว่า?? ตอนทำของห่วยๆ แพงๆออกมาขาย ก็พยายามบังคับคนซื้อ ให้ซื้อแต่อุปกรณ์ sony เพื่อที่ว่า ทุกอุปกรณ์สามารถแชร์ข้อมูลผ่าน media กลาง (ที่แพงมาก) ได้ แต่พอทำของดีๆ ราคาถูก ใช้งานได้จริงออกมาเสร็จ กลับประกาศว่า ตูไม่ใช้มันแล้ว ใช้ของคู่แข่งดีกว่า เซ็งแมว ขอจบดีกว่า จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:37:53

ความคิดเห็นที่ 12 อ้าว............ ทำไมตอนจบมันน่าเศร้าอย่างนั้นล่ะครับ หักมุมจริงๆ ~~ อย่างนี้ โตชิบา พานา ยิ้มเลย จากคุณ : adagio เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:42:03

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณสำหรับเรื่องราวของ Memory Stick อารยธรรม MS ที่ผู้ใช้ กล้อง Sony Alpha อย่างผมไม่เคยได้ไปแตะมันเลย จากคุณ : Jumping Monkeyy เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:49:20

ความคิดเห็นที่ 14 ศัพท์ใหม่.. เซ็งแมว! เป็ด มันเอ้าท์ไปแล้ว จากคุณ : Piggie MM เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:49:43

ความคิดเห็นที่ 15 เหอ เหอ ผมว่าต้นทุนพัฒนาเทคโนโลยีกับผลิตเองคงสูงมาก ใช้ของชาวบ้านทำดีกว่า จากคุณ : AmazingDream เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:52:41

ความคิดเห็นที่ 16 อ่าว เวงกำ . . . สงสัยผู้บริหารค่ายนี้เลือดลมเปลี่ยนง่ายๆ อย่างงี๊เกิดทำ DSLR ไป 5 ปีแล้วยอดขายยังแซงนิคไม่ได้อาจจะเลิกทำ DSLR ไปเลยก็ได้ใครจะเดาได้ก่ะค่ายนี้ ที่แน่ๆ Blue-Ray ที่ยังแพงอยู่และยังไม่มี BD - writer ออกมาขายเลยยังทำตลาดไม่ได้ ผลคือ PS3 เลยยังแป๊กเพราะไม่มีแผ่นก๊อป~!!! เกี่ยวไรก่ะบทความหมอแมวป่องเนี่ยเรา?? จากคุณ : หน้าบ่าแดง แฮงบ่ามี เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:54:23

ความคิดเห็นที่ 17 ขอให้ข้อมูลเเพิ่มนิดนะครับ ปัจจุบัน SD card ได้พัฒนาไปถึง SDXC แล้วครับ ความจุสูงสุด 2TB SD ความจุ 1-4 GB SDHC : 4-32 GB SDXC : 32GB-2TB ปัจจุบันความเร็วของ SD card class : X 2 : 13 4 : 26 6 : 40 10 : 66 15 : 100 20 : 133 30 : 200 40 : 266 45 : 300 จริงๆแล้ว เรื่อง XC นั้น ทาง SD เริ่มพัฒนามาก่อน ส่วน MS นั้นตามมาทีหลังครับ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 12:01:39 จากคุณ : adagio เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:57:40

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแชร์ความคิดเห็นบ้างในฐานะคนใช้งานนะครับ  แต่ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่เคยให้ความสำคัญหรือสนใจ MS เลยสักนิด จนกระทั่งเมื่อผมถอยกล้อง a550 แล้วเขาแถม MS duo pro HG 4 gb มาให้พร้อมกับ usb adaptor ก่อนหน้านั้นผมได้รับแจก (ได้ฟรีนั่นละ ) ms 4gb มาแล้ว กิติศัพท์ ความเร็ว ความเสถียรของมันก็พอได้ยินมาบ้าง แต่ก็ไม่รู้สึกซึมซับถึงความต่างนั้นเลย ผมใช้ CF 266x 4gb transfer ลงคอมผ่าน Card Reader USB 2.0 ใช้เวลาแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 20 นาที เอา MS มา transfer ผ่าน Card Reader ก็ใช้เวลาไม่ต่างกัน แต่พอได้เอา MS ที่มีข้อมูลเต็ม 4gb มา Transfer ผ่าน adaptor ของมัน (ผ่าน usb port) มันเร็วขึ้นกว่าเดิม 3 เท่าครับ ผมใช้เวลา transfer เพียง 3 นาที เท่านั้น  จากเดิมที่ไม่เคยสนใจ MS เลยที่สุดก็เลยต้องไปหาตัว 8 gb มาเพิ่ม แถมราคาก็ไม่ได้แพงไปกว่า CF ที่ใช้อยู่ (2300 บาท) ส่วนรูปน้องผักบุ้งนี่ไม่เกี่ยวกันนะครับ  เอามาแปะประดับกระทู้เฉยๆ จากคุณ : arnold_A1 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:57:52

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เซ็งได้งัย ใครลองเอา MS M2 ใส่ใน adaptor รุ่นใหม่ๆ แล้วใช้แทน flash drive ดูดิ มันเร็วจี๋ๆๆ ดูหนังเนี่ย ไม่มีกระตุก ทั้งๆที่อ่านเขียนไฟล์อย่างอื่นไปพร้อมๆกัน ขืนไปทำอย่างนั้นกับ SD ... เละครับ แล้วอยู่ๆ .. sony มาบอกว่า เลิกเล่นแล้วหละ อ้าว! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 11:59:25

ความคิดเห็นที่ 20 ความเห็นน้า arnold .. ไม่น่าสนใจ รูปประกอบ ดีกว่าเยอะ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:01:08

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่า SD ที่เสปกสูงๆ ที่เร็วกว่าพวก MS ก็มีนะครับ แต่มันหาซื้อไม่ได้มากกว่า เดี๋ยวนี้เห็นขายกันแต่ class 2 กะ 4     6 ยังหายากเลย  class 10 เคยเจอที่ฟอร์จูน แต่แพงมากๆ  ส่วน class สูงกว่านั้น เจอแ่ตในเน็ทครับ จากคุณ : adagio เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:06:33

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 20     ความเห็นน้า arnold .. ไม่น่าสนใจ รูปประกอบ ดีกว่าเยอะ   จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง     เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:01:08     *************** ถ้างั้นแถมให้อีกนิดนะครับ จากคุณ : arnold_A1 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:07:43

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณข้อมูลน้า adagio ครับ MS Pro HG มันส่งข้อมูล 480 mbps (mega bit per sec).. 60 MB/s (mega byte per sec) ความเร็ว SD card ที่ว่ามา ก็เป็น mbps เช่นกัน ตัว"คลาส" ถึงเป็น MB/s .. เอา mbps มาหารด้วย 8 MS Pro HG มันส่ง data ได้ทั้ง 4 bit (แบบ Pro ธรรมดา) และ 8 bit (แบบ Pro HG) และทำความเร็วได้สูงสุด 60 MegaHertz (MHz) vs 40 MHz ใน Pro ธรรมดา มันถึงได้เร็วจี๋ๆๆๆ แต่ (หลายแต่จัง ) SD class 8 - 10 ... ใช้งานกัน ยังได้ไม่เต็มที่เลย จะเอาความเร็วระดับ class 60 ไปทำไมหว่า??? HG มันเน้นการอัด vdo แบบ AVCHD .. พวก HD video 1080p 3 CCD ที่เทข้อมูลจำนวนมหาศาลเข้า flash แบบต่อเนื่อง เอามาใชักับกล้อง digital ที่เทข้อมูลเข้าแบบแป๊บๆ .. แทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:14:06

ความคิดเห็นที่ 24 มองในแง่ดีนะครับ...  นี่คือ คิดต่าง-ความเห็นที่แตกต่าง-คิดนอกกรอบ...ที่เป็นตัวอย่างที่ดี.. ผมเชื่อว่า Sony ซึ่งเคยประสบความสำเร็จหลายรูปแบบ จาก การคิดต่าง หรือ ความเห็นที่แตกต่างนะครับ...  โลกเรานี้เจริญขึ้นมาได้ สดวกสบายมากขึ้นได้ ก็เพราะมีการพัฒนา และ การประดิษฐ์คิดค้นใหม่ๆขึ้นมาน่ะครับ...   เพียงแต่ สิ่งที่Sony ทำแล้วประสบความสำเร็จก็มาก.. ที่ทำแล้ว ล้มเหลวก็เยอะ.. คงไม่ต้องยกตัวอย่างนะครับ.. รู้ๆกันอยู่แล้ว.. แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือ ถึงแม้ Sony จะล้มเหลวจะการวิจัยและพัฒนาหลายๆอย่าง..แต่ก็เป็นการล้มเหลวอย่างมีหลักการ.. คือ มีการวางแผน..มีการพัฒนา สำรวจความต้องการของตลาด อย่างมั่นคง.. ไม่ใช่พัฒนาไปแบบไร้เหตุผล ไร้หลักการณ์ หวังฟลุ๊ค..  ผลาญเงิน ฟอกเงินเล่นๆ  เพียงแต่ว่า หลายๆสิ่ง อาจจะใหม่ หรือ อาจจะเกิดก่อนความต้องการที่จะมีในตลาดฮับ...   ไม่แน่สิ่งที่ล้มเหลวในวันนี้ของ sony อาจจะทำให้ sony นำเทคโนโลยี่เหล่านั้นมาพัฒนาสิ่งอื่นๆ ให้ดีขึ้นในวันข้างหน้าก็ได้... พูดแง่ดีไปแล้ว พูดข้อเสียบ้าง... Sony โหดอ่ะครับ.. ขายเทคโนโลยี่ ขายของใหม่ๆ แต่แพง ซึ่งถ้าขายถูก.. ผมว่าน่าสนมากครับ.. อย่าง ถ้า MS ของ Sony 16GB ถูกๆ สัก 1200-1500บาท.. ผมก็อยากเอามาใส่กล้องผม ให้มี mem CF 16GB + MS 16 GB ให้มันเท่ห์เหมือนกัน.. แถมไม่ต้องกลัวเรื่องไปถ่ายรูปงานยาวๆ แล้ว mem เต็มด้วยครับ.. อิอิ... จากคุณ : ปัญญาครับ... (แก้ปัญหาด้วยปัญญา) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:14:24

ความคิดเห็นที่ 25 อ่อก!!! เจอ Ms. "Pro" ... "Duo" เข้าไปเต็มๆ อิ่มจนกินข้าวไม่ลง!!!! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:16:57

ความคิดเห็นที่ 26 น้าปัญญาครับ ทำแบบน้า arnold ก็ได้ เอา HG 4 GB ใส่ช่้องนึง (1500 บาท) และ CF 266x 16 GB ใส่อีกช่องนึง (สี่พัน) ถ้าต้องการถ่ายภาพเร็วๆ ก็ใช้ HG ถ้าถ่ายทั่วไปก็ใช้ CF เท่านี้ก็ไม่เปลืองเงินมาก จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:19:35

ความคิดเห็นที่ 27   "Pro" "DUO " ได้ใจจริงๆ จากคุณ : ผมมันคนกรุงเทพฯจริงๆนะ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:21:42

ความคิดเห็นที่ 28 อืมอารยธรรมโซหนี้ ต้องแพง จากคุณ : raksapondet เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 12:51:27

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านกระทู้นี้แล้วผมนึกถึงเครื่อง mac น่ะครับ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกลูกค้า แต่บังเอิญโซนี่ไม่มีทีเด็ดเท่า mac เลยต้องหันกลับไปเกาะกระแสหลักต่อไป จากคุณ : jaycee เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:02:27

ความคิดเห็นที่ 30 ถึง MS จะพัฒนาได้ความเร็วสูง แต่ตัว CF มันก็พัฒนาไปใช้ SATA กันอีก ซึ่งถ้าตามความสามารถของ SATA ถ้าไประดับ SATA3 รับรองได้ว่าทิ้ง MS อีกแหละครับ จากคุณ : Buddykung เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:07:19

ความคิดเห็นที่ 31 ออกความเห็นเพิ่มเติมเล็กๆครับ จริงอยู่ ว่า Sony มักจะแพง และ ทำอะไรออกมาหลายๆอย่าง  แต่ของ Sony ก็มักจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีทีุ่สุดของสายนั้นๆ ขอยกตัวอย่าง เช่น เครื่องเสียง  ถ้าคนทั่วไป ที่ติดค่านิยม อาจจะคิดว่าโซนี่ดี แต่สำหรับผม  โซนี่ เป็นแค่เครื่องเสียงคุณภาพปานกลาง  มีตัวเลือกอีกมากมายหลายยี่ห้อที่ คุณภาพดีกว่ามากมายหลายยี่ห้อ อนันี้นักเล่นเครื่องเสียงคงจะทราบกันอยู่แล้ว  Sony แทบไม่เคยผลิตของที่เีรียกได้ว่า ไฮเอนด์ หรือ เทียบเคียงเลย  มีบ้างก็เพียง สร้างขึ้นมาเพื่อจะได้เอาไว้อวดชาวบ้านเท่านั้น ยิ่งเครื่องเสียงรถยนต์นี่ ........ โซนี่แทบไม่ใช่ตัวเลือกเลย เข้าป่ามากๆ MD เคยออกมาบูมช่วงนึง บอกว่าเสียงดีนักดีหนา  เอาเข้าจริงๆ คุณภาพเสียงนี่ระดับ เปิดออกลำโพงชุดใหญ่ฟังไม่ได้เลย.......  ตอนนี้เงียบไปแล้ว หูฟัง  โซนี่ ก็ผลิตหูฟังออกมามากมาย ตั้งแต่ราคาหลักร้อย ไปจนถึงเกินหมื่น   แต่เอาเข้าจริงๆ  ถ้าเป็นนักเล่นหูฟัง  จะมีกี่คนครับที่ใช้โซนี่...........  แต่ก็อย่างว่าครับ  จะมีสักกี่คนที่รู้จักยี่ห้ออื่นๆอย่าง AKG Senn Grado Fostex AT ถ้าไม่ได้จริงจังเรื่องฟังเพลง ราคาของ notebook VAIO ถ้าเอาไปซื้อโน๊ตบุคเหมือนกัน จะได้เสปกที่สูงกว่าลิบลับ   แล้วตกลงมันดีกว่ายังไง นอกจาก ยี่ห้อ โซนี่ กล้องถ่ายรูปก็เหมือนกัน  ถ้าให้ตาสีตาสาไม่รู้อะไรเลยมาซื้อกล้อง ก็คงรู้จักแค่ไม่กี่ยี่ห้อ แต่ตอนนี้ โซนี่ก็คงเป็นหนึ่งในนั้น ในความคิดผม ผลิตภัณฑ์ของโซนี่ ที่ผมคิดว่าดีจริงๆ น่าจะเป็นพวก จอมอนิเตอร์ครับ  นอกนั้น  ยังนึกไม่ออก   แต่คนรักโซนี่ก็จะรักโซนี่จริงๆ เอ๊ะ มันเกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้เนี่ย....... ~~ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 13:18:06 จากคุณ : adagio เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:16:11

ความคิดเห็นที่ 32 ขอพูดถึงเรื่องเครื่องเสียงละกัน ต้องยอมรับว่าดซนี่เข้าถึงผู้ใช้ และสร้างภาพลักของแบนรดืได้ดีมากๆค่ะ บลูชอบดูหนังเลยลงทุนทำห้องโฮมเธียร์เตอร์ แล้วก็ชุด 6.1 ไว้ 1 ชุด (สภาพห้องมันได้เต็มที่แค่ชุดนี้) แล้วตัดสินใจเลือกเซตยามาฮ่ามาเล่น (แต่ดันเลือกซับมาราทในตอนแรก น้ำตาซึมทำใจไม่ีได้กะเสียงมันไปพักใหญ่ ต้องกัดฟันขายทิ้ง แล้วเอา JBL แทน ไม่ใช่เสียงมันไม่ดีนะ แต่มันไม่แมชกะยามาฮ่้าอ่ะ เพื่อนที่ชอบดูหนังเหมือนกัน มาขอดูมันเพอ่งเริ่มเล่นเครื่องเสียงใหม่ๆ มาเห็นชุดยามาฮ่าของบลู ทักมาคำนึง บริษัททำรถมอไซค์จะทำเครื่องเสียงได้เรื่องหรอ(ว่ะ) มันแนะนไให้ใช้โซนี่ซิ ของดี ไฮเอนท์ คงได้แต่พยักหน้ารับ อื่มโซนี่หรอ เคยไปฟังมาแล้วอ่ะ ไม่โดนอย่างแรงในคุณภาพของมัน อยากจะบอกเพื่อนว่า โลกนี้ไม่มีมีดีแค่โซนี่นะเฟ้ย ที่ดีกว่าโซนี่มันมีอีกเพียบ ปล.ไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้อีก 1 คน หุหุ จากคุณ : บลูดานูป เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:45:15

ความคิดเห็นที่ 33 อ้าว เพิ่งรู้นะครับนี่ ว่า M2 โดนลอยแพไปแล้ว เป็น memory card ที่อายุสั้นมากเลย microSD จะครองโลก!!! อิๆๆๆ เพราะ มันเอามาแปลงเป็น flash drive ได้ง่ายโดยใส่ reader ตัวเล็กๆ มันเอามาแปลงเป็น SD ได้โดยใส่ adaptor microSD->SD มันเอามาแปลงเป็น memorystick pro duo ก็ได้โดยใส่ adaptor microSD -> MS Pro duo adaptor มันใช้ในมือถือเยอะแพร่หลายที่สุดในตอนนี้ โิอลิมปัสยังยอมแพ้กับ xD แต่ทำ adaptor microSD -> XD มาให้ใช้แทน --==NICK==-- จากคุณ : NICK (||ic|<) เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:48:40

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่เคยใช้ของ SONY อย่างอื่นนอกจากทีวี เครื่องเสียง และวอล์คแมน (เทป/ซีดี)   จากคุณ : นักล่าภาพ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 13:55:13

ความคิดเห็นที่ 35 ไม่นอกเรื่องหรอกครับ เพราะสมัยนี้ ถ้าพูดถึง sony .. ทุกคนนึกถึงของที่ ... "เหมือนๆจะ high end แต่ไม่ใช่" ผมก็ไม่เข้าใจจริงๆ ว่า sony เขามีปรัชญาอะไรกันแน่ สร้างของที่ดีได้ แต่ไม่ยอมทำให้มันเป็นเลิศ! เครื่องเสียง sony .. ดันพัฒนาแต่เสปกและอะไหล่ชิ้นส่วน ให้ชาวบ้านเอาไปทำของดีๆ ราคาแพงๆมาขาย ตัวเองเอาแต่"สร้างภาพ" walkman ของ sony ... สร้่างวัฒนธรรมของคนรุ่นใหม่ ทั้งโลก แต่ sony กลับปล่อยให้มันล้มหายตายจากไปจาก sony เอง และไม่ต้องพูดถึง betamax ------------------------ ในเรื่องกล้อง ... sensor รุ่นใหม่ของ sony .. เจ้า exmor มันเป็นอะไรที่เลิศมาก (ในแง่แนวคิดวิศวกรรม) เพราะ Exmor R sensor มันให้ ISO สูงลิ่ว + noise ต่ำมาก ... ยิ่งรวมกับการถ่ายรัวเป็นสิบๆภาพ ก่อนเอามารวมเป็นภาพเดียว เพื่อกำจัด noise ออกไป .. มันทำให้ได้ภาพแม้จากแสงเทียนเล่มเดียว อย่างที่โฆษณาจริงๆ! แต่ sony ดันขายตัวใหญ่ให้ nikon เพื่อเอาไปใส่ใน dSLR ตัวเองเอาแต่ตัวเล็กๆ มาใส่ใน compact .. ไม่ยอมใส่ใน dSLR ของตัวเอง ... เอากะเขาดิ ------------------------ sony มีเทคโนโลยีระดับ state of the art แต่ดันไม่ยอมทำของที่เป็น state of the art! จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:07:11

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ ^ #31 แต่หูฟัง1ใน3ที่นักเล่นหูยอมรับว่าเสียงดีที่สุดก็ยังเป็น โซนี่R-10 นะครับ แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 14:28:12 แก้ไขเมื่อ 11 ธ.ค. 52 14:22:38 จากคุณ : TeMpLaTe เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:18:47

ความคิดเห็นที่ 37   ทีวีบ้านผมก็ Bravia เพราะศูนย์บริการ ใกล้บ้าน   แต่มันก็แพงจริงอะ จากคุณ : ผมมันคนกรุงเทพฯจริงๆนะ เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 14:48:01

ความคิดเห็นที่ 38 เอาภาพอารยธรรม Sony   มาประกอบกระทู้ครับ ผมเคยทนใช้ จาก  4 MB  ถึง 64 MB  แล้วก็  บ๊ายบาย แพงเหลือเกิน จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 15:17:06

ความคิดเห็นที่ 39 ปล.  น้า  TeMpLaTe   อย่าลืม  Sony  E-484  อีกตัวครับ ตำนานเหมือนกัน จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 15:18:35

ความคิดเห็นที่ 40 M2 มันเจ๋งงั้นเชียวรึน้าเหมียวพุงป่อง หรือมันอ่าน เขียนข้อมูลแบบขนานได้หรือไร ถึงใช้ทำงานพร้อมๆ กันได้ ป๋มเคยมีครอบครองอยู่สามตัว 64MB 256MB สองตัวนี้แปะตรา Sony 1GB แปะตรา Sandisk เรียงลำดับความเจี๊ยวในการอ่าน/เขียนได้ 64MB < 256MB < 1GB ซึ่งเจ้า 64MB นี่อ่านได้สัก 3MB/s เขียนได้ไม่ถึง 1MB/s เลย อีกสองตัวก็ไม่ได้เร็วกว่า SD เลยสักนิด ตอนนี้มี M2 1GB แปะตรา Sony มาใหม่อีกหนึ่งตัว ไว้เอามาลองเล่นมั่งดีกว่า จากคุณ : DoraeMew เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 15:55:31

ความคิดเห็นที่ 41 sony ทำเหมือนพวก ว่างจัดไม่มีอะไรจำทำแล้ว แค่โชว์ว่าข้าก็มีดี เหมือนกัน แค่นั้น แต่ไม่ทำต่อ เลยกลายเป็น ท่าดีทีเหลวประจำ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทีผมเห็น ทำเป็นชิ้นเป็นอัน ก็แค่ ทีวีเท่านั้นเอง อารยธรรม walkman เหลืออยู่แค่นี้ ทีเหลือพังซ่อมแพง เป็นขยะไป MD walkman ผมว่ามันไม่เข้าท่าเลย ทีต้องมานั่งโอนข้อมูลยุ่งๆ ยากๆ  สุดท้ายอนาคตดับ.... MP3 เอาไปแด๊ก ส่วน MP3 walkman ผมไม่ได้เล่นแล้ว รู้สึกขาดเอกภาพ ไม่เหมือนแต่ก่อนยังไงไม่รู้ จากคุณ : WATERBOY R เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 17:37:39

ความคิดเห็นที่ 42 มาเก็บข้อมูลในฐานะ1ใน user sonyครับ ยังไม่มีกล้องโซนี่หรูๆใช้ครับ(ประเภทรัวได้ ตับๆๆ) ยังแยกไม่ออกระหว่างการถ่ายโอนข้อมูลของกล้องระหว่าง MS กับ CF เรื่องปรัชญาของโซนี่นี่ผมก็ยังงงๆอยุ่เหมือนกัน 555 ไม่รู้คิดยังไง ของดีๆเดิมๆ บางทีก็ตัดทิ้ง จากคุณ : The Omens เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 17:44:05

ความคิดเห็นที่ 43 น้ามิ้วครับ .. MS ใช้การโอนถ่ายข้อมูลแบบ parallel 4 bits ถ้าหาก card reader ไม่ support ตรงนี้ .. มันก็ใช้การโอนถ่ายแบบ serial 1 bit ไป .. ช้าเละเทะ 1 Byte (B) = 8 bit (b) MS ส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 40 MHz ถ้า 1 Hz = 1 bit 40 MHz = 40 mbps หรือ 5 MB/s เท่านั้น แต่ถ้าส่งแบบ parallel ... ทีละ 4 bit 1 Hz = 4 bits 40 MHz = 40 * 4 = 160 mbps หรือ 20 MB/s card reader ส่วนใหญ่ ไม่สามารถโอนย้ายข้อมูลผ่าน parallel interface ของ MS ครับ .. ทำอย่างไร มันถึงไม่เร็ว จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 19:55:03

ความคิดเห็นที่ 44 ยังจำได้ ... MS 2 GB ตัวละเจ็ดพัน ตอนนั้นกัดฟันถอยมาเพราะจะไปเที่ยวยุโรป มีเม็ม 512 MB อยู่สองตัว กลัวไม่พอ แล้วก็ไม่พอจริง ๆ ต้องไปไรท์ลงแผ่น CD ตอนนั้นเสียค่าไรท์ไปกี่ยูโรฟะเนี่ย นึกไม่ออกละ จากคุณ : Take a Look Around เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 52 22:01:03

ความคิดเห็นที่ 45 จำได้เด็กพ่อซื้อเครื่องเสียงมินิคอมโปของ sony ให้ จ๊าบมาก ยังอยู่ถึงตอนนี้ (ลำโพงแตกไปข้างนึงแล้ว) อายุประมาณ 14 ปีแล้ว โตหน่อยเคยใช้ CD walkman ของโซนี่เหมือนกัน รุ่นที่บางมากๆประมาณ 1 ซม แต่ห่วยมากเพราะขยับเครื่องทีแผ่นก็กระตุกแล้ว แถมแบตหมดเร็วมาก ซื้อแบตชาร์จได้แท่งยาวๆต่อหลังเครื่องประมาณ 2500 บาท (ซื้อไปได้??) หลายปีต่อมาก็ไปหลงกับอารยธรรม MD ซื้อมาจากญี่ปุ่นแถมซื้อแผ่นเปล่ามาเพียบ แล้วก็ปล่อยมันเป็นที่ทับกระดาษไป หลายปีต่อมาอีกก็ซื้อกล้องดิจิตอลจาก amazon.com เป็นรุ่นแรกๆที่จอหันกลับได้กับไฟล์ 2.1megapixel... โดนไอ้ memory stick ไปหลายตังค์เหมือนกัน เพราะตอนนั้นสูงสุดคือ 16 MB... แถมโดน filter โพลาไรซ์ไปอีกชุด (ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้) หลายปีต่อมา(อีกรอบ)ก็หมดตังค์กับ Clie เป็น PDA พวกปาล์มเอาไว้เก็บพวกตารางนัดหมาย (แต่จริงๆแล้วเอามาเล่นเกมส์) ไม่รู้ซื้อได้ยังไงเพราะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมันเลย (เอาไว้เก็บเบอร์โทรศัพท์กับอีเมลล์เพื่อนและเล่นเกมส์ปัญญาอ่อนแค่นั้น) โซนี่ชิ้นสุดท้ายที่ซื้อคือ PlayStation 2 อันนี้ชอบที่สุด ผมก็อยู่ในอารยธรรมโซนี่เหมือนกันนิ จากคุณ : BuBiBuBo เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 00:13:34

ความคิดเห็นที่ 46 เคยซื้อแฟลชของศูนย์ยี่ห้อนึง ราคาหมื่นหก โดยที่ศูนย์มันไม่ยอมประกันให้ หลังจากนั้นเห็นคำว่า "อารยธรรม" ทีไร ก็ให้นึกเรียกเพี้ยนเป็น "อาระยะยำ" ทุกที จากคุณ : focus me not เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 52 01:08:01

ความคิดเห็นที่ 47 แต่ศูนย์เค้าบริการดีนะ เอาอะไรมาก็ซ่อมให้ เก่าก็ซ่อมได้ ไม่เหมือนบางยี่ห้อ เอาไปซ่อม เค้าบอกว่า ซื้อใหม่เหอะ เซ็งมาก จากคุณ : เจ (fishincan) เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 10:46:05

ความคิดเห็นที่ 48 อันนั้นคงกล้องคอมแพ็คมังครับ ราคาไม่กี่พัน บางยี่ห้อพังให้ซื้อใหม่ ก็พอเข้าใจครับ หรือบางยี่ห้อซ่อมได้ ซ่อมกล้องคอมแพ็ค ซ่อมทีวี ซ่อมได้ ก็เชื่อว่าทำได้ ซ่อมได้ครับ แต่มันไม่เหมือนซ่อมแฟลช ซ่อมกล้อง DSLR นะครับ เผอิญผมมีประสบการณ์ "อาระยะยำ" กับกล้องกับแฟลช DSLR ครับผม ซื้อแฟลชไฮเทคไว้เสียบหัวกล้อง DSLR ราคาจากศูนย์หมื่นหก แต่แม่.รง เอ๊ย.. พ่อค้าท่านไม่ประกันให้ ถ้าเสียจะให้โยนทิ้งเหรอไงครับ แล้วขนาดแฟลชพ่อค้าใหญ่อย่างท่าน ยังไม่กล้ารับประกันให้ (ในตอนนั้น) แล้วกล้อง DSLR ราคาสองสามหมื่นขึ้นทั้งนั้นน่ะ พ่อท่านพี่ท่านในอาระยะยำนั้น จะมีปัญญาดูแลบริการหลังขายให้ลูกค้าได้แค่ไหน ทั้งนี้ไม่ได้จะติอุปกรณ์นะครับ กล้องแฟลชบางยี่ห้อนั้น เขาก็มีคุณภาพที่ดีในระดับนึง แต่นี่ผมกำลังพูดถึงวิถีการทำงานใน "อาระยะยำ" บางแห่งบางที่ ที่อาจมี อาจมีในองค์กรส่วนภูมิภาคของบางที่บางยี่ห้อเท่านั้นครับ พอดีเห็นหัวข้อกระทู้ใช้คำว่า "วัฒนธรรม" ผมก็เลยมาเสริมว่าจะมีใครคิดบ้างเนี่ย ว่าถ้ามีใครขายแฟลชหมื่นหก ไม่ประกันให้ลูกค้า มันอาจเป็นวัฒนธรรมเดียวกันหรือเปล่า หรือเป็นอารยธรรมจากชนชาติไหน เข้าใจนะครับ ว่าบางท่าน ก็คงต้องให้เจอเหตุกะตัวเองก่อนละกระมังครับ ถึงจะเข้าใจว่าทำไมผมชอบเรียกเพี้ยนเป็น "อาระยะยำ" จากคุณ : focus me not เขียนเมื่อ : 13 ธ.ค. 52 12:26:50